คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 8
8
ภายในงานแฟชั่น ผู้คนที่มาร่วมงานล้วนแต่แต่งตัวเป็นแฟชั่นทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คุณกลินท์ ผู้บริหารมูลนิธีดีเพื่อดี ที่ในวันนี้มาในชุดแวมไพร ทางด้านสารวัตรทั้งสามได้ข่าวจากพลตำรวจเอกน้ำมนต์ เวียงวลาว่า สามสาวที่พวกเขารู้จักจะมาในวันนี้ พวกเขาทั้งสามเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพลตำรวจเอกน้ำมนต์ เวียงวลา ผู้นี้จึงรู้จักกับสามสาวผู้ลึกลับด้วย หรือว่า พลตำรวจน้ำมนต์ เวียงวลา จะเป็นพวกเดียวกับสามสาวนั้น
“เพิ่งรู้นะว่ายัยทอมกับเพื่อนอีกสองคนจะมางานนี้ด้วย”สารวัตรจรัญบอก
สักพักหนึ่งยุวันดี สมายด์ และ เอมมิกา ก็เข้ามาในงานแฟชั่น โดย เอมมิกาใส่ชุดคนเสริฟอาหาร สมายด์ใส่ชุดแม่มด และยุวันดีใส่ชุดนางเงือกแต่ไม่มีหาง สารวัตรทั้งสามบอกอย่างตะลึง
“โห นี่ยัยทอมสวยขนาดนี่เลยหรอเนี่ย”สารวัตรจรัญรำพึงในใจ
“นี่คุณสวยขนาดนี่เลยหรอครับ คุณมาย”สารวัตรณรงค์บอกในใจ
“นี่ถ้าเราไม่สืบมาก่อนนะว่าเธอคือ ยุวันดี เวียงวลา ล่ะก็ คงไม่ปล่อยให้ทำงานแบบนี้หรอ”สารวัตรก้องเกียรติ์บอกในใจ
“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้กระผมในนามของผู้บริหารมูลนิธีดีเพื่อดีและผู้จัดงานนี้ขึ้นมา ขอบอกทุกคนเลยว่า กว่าพวกเราจะทำให้มีวันนี้ขึ้น พวกเราต้องลำบากลำบนคิดหาทางแก้ไข จนมีนายพลทหารคนหนึ่งซึ่งท่านก็มาในงานนี้ ขอเชิญนายพลชอนขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ”คุณกลินเอ่ย
เพียงได้ยินเสียงชื่อนายพลชอน ทุกคนก็ปรบมืออย่างดัง
“ขอบคุณครับ ขอบคุณ วันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่คุณกลินอุตส่าห์มาเชิญผมมาในงานนี้ ผมก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งซึ่งอยากให้ประเทศเรามีอะไรที่เหมือนเขา”นายพลชอนพูด
“ ข้อแก้ตัวของคนเลวที่ทำความเลวไว้เยอะ นี่ถ้าไม่สืบความมาคงไม่รู้”ยุวันดีบอก
“นี่คุณ อย่าไปกล่าวหาใครแบบไม่มีหลักฐานสิ แล้วที่คุณไปสืบคืออะไร”สารวัตรก้องเกียรติบอกแล้วก้าวเข้ามาข้างซ้ายของยุวันดี
“อยากรู้มากหรอเลยหรอค่ะ คุณสารวัตร”ยุวันดีถาม
“ใช่ ผมอยากรู้จะทำไม....”สารวัตรก้องเกียรติถาม
ว่าแล้วยุวันดีก็ฝากกระเป๋าไว้ที่สมายด์ซึ่งกำลังตั้งใจมองที่เวที และดึงหูสารวัตรก้องเกียรติไปที่หน้าลิฟท์
“นี่คุณจะพาผมไปที่ไหนเนี่ย”สารวัตรก้องเกียรติบอก
“เดี๋ยวคุณก็รู้”
ยุวันดีบอกพร้อมกดลิฟท์พาสารวัตรเข้าไปแล้วกดไปที่ชั้นที่ 5 เมื่อมาถึงชั้น 5 ยุวันดีก็ออกไปโดยไม่รอสารวัตรก้องเกียรติเพราะรู้ว่าเขาต้องตามออกมาแน่นอน เมื่อเห็นว่าสารวัตรก้องเกียรติอยู่ด้านหลังแล้ว ยุวันดีก็ไปที่ห้องหมายเลข 155 เพราะงานนี้จัดในโรงแรมใหญ่ๆ และเปิดห้อง เมื่อห้องถูกเปิดยุวันดีก็พาเขาเข้าไปในห้อง สารวัตรก้องเกียรติมองไปรอบๆภายในห้องถูกจัดให้สวยราวกับว่าคนที่มาพักเป็นคนสำคัญ เมื่อเขาเดินผ่านห้องนี้ไป เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนกอดหมอนร้องไห้อยู่บนเตียง
“นี่มันอะไรกันนะคุณ”สารวัตรก้องเกียรติถามบอก
“นี่ไงสาเหตุที่ทำให้นายพลชอนยอมช่วยงานนี้”ยุวันดีบอก
สาเหตุที่นายพลชอนยอมช่วยงานนี้เพราะ บุญเลิศ เลขาฯส่วนตัวของคุณกลิน เจ้าของงาน นำเงินไปเล่นการพนันจนหมด พอวันหนึ่งเขาได้เจอนายพลชอน และนายพลคนนี้ก็ได้ยืนข้อเสนอที่คุณบุญเลิศพร้อมให้นั่นคือ กานนำตัวลูกสาวคนแรกของคุณกลินไปให้นายพลชอน ลูกสาวคนที่สองของคุณกลินมีชื่อว่า ดอกเหมย เธอกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“นี่แกพูดจริงเหรอที่คุณดอกเหมยถูกบุญเลิศ เลขาฯส่วนตัวของพ่อเธอขายตัวให้นายพลชอน”สารวัตรณรงค์ถาม
“จริง”สารวัตรก้องเกียรติตอบอย่างสั้นๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะกล้าทำขนาดนี้ แล้วนี่คุณดอกเหมยเป็นไงบ้างล่ะ”สารวัตรจรัญถาม
“ก็เห็นคุณยุวันดีเขาบอกว่าได้พาเธอกลับไปที่ศูนย์บำบัดจิตใจนะ”สารวัตรก้องเกียรติ์บอก
ย้อนกลับไปตอนที่สารวัตรก้องเกียรติไปพบดอกเหมยในสภาพของผู้หญิงที่เหมือนตกนรกทั้งเป็น
“คุณดอกเหมยค่ะ กลับบ้านกันเถอะค่ะ”ยุวันดีบอก
“ฉันจะกลับได้อย่างไง ถ้าพ่อฉันรู้ท่านต้องโกรธฉันมากแน่ๆเลย”ดอกเหมยบอก
“คุณดอกเหมยไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องนั้นผมจะอธิบายให้พ่อคุณฟังเอง”สารวัตรก้องเกียรติบอก
“คือ พี่สาวค่ะหนูมีเรื่องจะคุยกับพี่สาวตามลำพังค่ะ”ดอกเหมยบอก
ว่าแล้วสารวัตรก้องเกียรติจำใจออกไปเฝ้าที่หน้าห้อง
“พี่สาวค่ะ คือ หนูไม่อยากกลับบ้าน”ดอกเหมยบอก
“ได้สิ แต่หนูต้องไปศูนย์บำบัดจิตใจกับพี่นะ”ยุวันดีบอก
“ค่ะ แต่ไปพรุ่งนี้ได้ไหมค่ะ ไปพร้อมกับแฟนสุดหล่อของพี่ไงค่ะ”ดอกเหมยบอก
“อืม”ยุวันดีบอก
“แล้วแกก็เลยให้น้องเขาเรียกสารวัตรก้องเกียรติเป็นแฟนกับแก ทั้งๆที่แกเกลียดผู้ชายเนี่ยนะ”เอมมิกาบอก
“ใช่ แต่ที่ฉันทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้น้องเขาเสียใจหรือผิดหวัง”ยุวันดีบอก
“งั้นน้องเขาคงไม่ผิดหวังแล้วล่ะ”สมายด์บอกพร้อมชี้ไปทางด้านล่างของบริษัทบารอน สารวัตรก้องเกียรติซึ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่ในราชการแล้วเพราะบังเอิญว่าวันนี้เป็นหยุดของเขาพอดี แท้จริงแล้วเขามีวันหยุดถึง 2 เดือน แต่เพราะเขาไม่หยุด จึงทำให้ตอนนี้วันหยุดเหลือเพียง 1 เดือน
“ฉันขอตัวก่อนนะแก”ยุวันดีบอก
“อืม ไปนานๆเลยนะแกไปพิชิตรักกับสารวัตรก้องเกียรตินะ”เอมมิกาบอก
“รอฉันนานไหมคุณ”ยุวันดีบอก
“นานแค่ไหนผมก็รอคุณได้”สารวัตรก้องเกียรติ
“คุณแล้วดอกเหมยล่ะ”ยุวันดีบอก
“น้องเขานั่งรออยู่ในรถแล้วคุณ”สารวัตรก้องเกียรติบอก
เมื่อพาดอกเหมยไปฝากไว้ที่ศูนย์บำบัดจิตใจเรียบร้อยแล้ว สารวัตรก้องเกียรติก็พายุวันดีไปส่งที่บริษัทบารอน เพื่อนๆของยุวันดีมานั่งรอกันที่บริษัท เพราะถ้าขืนกลับก่อนมีหวังสารวัตรก้องเกียรติจะรู้ความจริงบางอย่างที่พวกเธอซ่อนไว้
“ขอบคุณนะค่ะที่มาส่ง”ยุวันดีบอก
“ไม่เป็นไรครับ”สารวัตรก้องเกียรติบอก
“แล้วพบกันใหม่นะค่ะคุณสารวัตร”ยุวันดีบอก
เพียงยุวันดีก้าวเข้ามาในบริษัทบารอน เอมิกาและสมายด์ก็เข้ามาถามเธอเรื่องสารวัตรก้องเกียรติ โดยเฉพาะแม่บ้านดรุณี แม่นมของเธอ ดูจะชอบสารวัตรก้องเกียรติเป็นอย่างมาก แต่เธอจะหวั่นไหวกับคำพูดของสารวัตรก้องเกียรติไม่ได้ เพราะผู้ชายมันเจ้าชู้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่บิดาผู้ให้กำเนิดของเธอ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาเอ่ยบอกว่ารักมารดาของเธอเพียงผู้เดียว แต่สุดท้ายพ่อของเธอก็ไปแต่งงานใหม่ ไล่มารดาของเธอและเธอไปอย่างเยือกเย็ฯราวกับว่าเธอไม่ใช่ลูกไม่ใช่เชื้อสายของเขาอะไรอีกแล้ว และสิ่งที่พ่อของเธอทำไม่ใช่แค่ทำให้หญิงสาวโกรธแต่ยังมีมารดา ภรรยาที่เทิดทูนบิดาจนสิ้นใจเพราะจระเข้กัดตาย
“ยังไงแก ไหนว่าเกลียดผู้ชายแล้วทำไมกลับมา หกโมงเนี่ย ไปทำอะไรมาหรือเปล่า”เอมิกาแซ๋วเพื่อนสาวของเธอ
“เปล่า ฉันไม่เคยคิดอะไรอย่างที่แกคิด แล้วอีกอย่างไม่มีผู้ชายคนไหนดีจนทำให้ฉันรักได้หรอ รู้ไว้ด้วย”ยุวันดีบอกแล้วเตรียมตัวกลับบ้าน
ภายในห้องนอนในโรงแรมที่อลิช พี่สาวของแลนด์อยู่ด้วยคือ อลิซ หรือลิซ เธอเปิดดูละครเวทีเรื่อง รักเธอนิรัน ที่นาคเพื่อนของเธอแสดงเป็น ดอกแก้ว สาวชาวบ้านดอยคนหนึ่ง ที่มีความฝันอยากไปเป็นนักเรียนศึกษาที่อเมริกา บังเอิญเธอได้เจอกับ คริส อาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยนานาชาติที่เธอเรียนรู้ เขาและเธอรักกันมาก แต่ชายหนุ่มมีลูกสาวติดจากภรรยาคนแรก ซึ่งลูกสาวคนแรกนี้ไม่ชอบหน้าแก้วมาก ตอนจบของเรื่องจบด้วยแก้วเรียนจบและกลับมาเมืองไทยทำงานเป็นหมอ ต่อมา 2 ปี คริสกลายเป็นโรคซึมเศร้าเพราะคิดถึงดอกแก้วและลูกสาวที่ด่วนจากไปด้วยเชื้อโรคร้ายแรง ทำให้แก้วเป็นหมอรักษาคริสจนหาย และทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันมีลูกสาวหนึ่งคนซึ่งเป็นลูกสาวของคริสมาเกิดใหม่
“เราจะอยู่คู่กันจนถึงวันจากกาน…………..”นาคฤทัยบอก
“ไหนบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันจนวันตายไงล่ะลิช ทำไมเธอถึงฆ่าเราล่ะ เพราะไอ้ชอนนั้นใช่ไหม”
เสียงของนาคฤทัยดังขึ้นมา เธอนั่งข้างๆอลิซ ซึ่งกำลังดูละครเวทีเรื่องแรกในชีวิตของเธอและนาคฤทัย แต่คราวนี้นาคฤทัยไม่ได้อยู่ในชุดกระโปรงสีขาว เธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีชมพูใส่สไบสีน้ำตาล ซึ่งเป็นเสื้อที่เธอใช้แสดงเป็นดอกแก้วในละครเวทีเรื่อง รักเธอนิรัน
“ลิช ขอโทษนะนาค ลิชไม่ได้ตั้งใจ ถ้านาคไม่บอกใครในวันนั้นเธอคงไม่ต้องจบชีวิตแบบนั้น”อลิชบอก
ขณะที่อลิชกำลังพูด นายพลชอนเดินเข้ามาที่ด้านหลัง แล้วบอกเธอว่า
“เธอจะคิดถึงนาคฤทัยอยู่ทำไม ไหนเมื่อยัยนั้นก็ตายไปแล้วตั้งหนึ่งเดือน”นายพลชอนถาม
“ท่านอาจจะลืมเหตุการณ์วันนั้นได้ แต่ฉัน ฉันเป็นเพื่อนกับนาคมาตั้งแต่เด็ก คุณคิดว่าฉันจะเสียใจมากแค่ไหน”อลิชบอก
ภาพเหตุการณ์การถูกฆ่าของนาคฤทัยยังก้องอยู่ในหัวของอลิชตลอดเวลา หากวันนั้นเธอไม่บอกนายพลชอนว่านาคฤทัยไปบอกความลับเรื่องของนายพลชอนว่าเป็นคนอย่างไงให้คนอื่นฟัง นาคฤทัยอาจไม่ต้องจบชีวิต
“ปล่อยฉันไปเถิดนะท่าน”นาคฤทัยร้องขอชีวิต ก่อนที่เธอจะตาย เธอได้เอาลูกไปซ่อนไว้ข้างเตียง
“ฮืม ถ้าฉันปล่อยแก แกก็จะเอาความลับไปบอกคนอื่นล่ะสิ ”นายพลชอนบอก
แล้วหยิบมืดมาแทงเข้าที่หัวใจของนาคฤทัย ทำให้นาคฤทัยเสียชีวิตเข้าทันที่ บังเอิญอลิชเข้ามาพอดีเห็นภาพเหล่านั้นเข้า เธอร้องว่า
“นาคคคคค”อลิชร้อง
เมื่อนายพลชอน เห็นเขาก็พาอลิชออกจากห้องแล้วบังคับให้อลิชปิดบังเรื่องนี้แล้วบอกเหตุผลที่ต้องฆ่านาคฤทัย
“ที่ฉันต้องฆ่านาค เพราะมันจะบอกความลับของเราอย่างที่เธอเคยบอกฉันไงจำไม่ได้หรอ”นายพลชอนบอก
“ถึงขนาดต้องฆ่ายัยนาคเลยหรอค่ะท่าน เสียแรงที่ยัยนาคเคารพเทิดทูนท่าน ”อลิชบอก
“เอาน่า อย่าไปคิดมากเลยเรื่องก็จบแล้ว”นายพลชอนบอก
ในห้องทำงานของเอมิกา เธอกำลังนั่งเข้าเล่มหนังสือเล่มใหม่ของบริษัท มีข้อความส่งมาเธอจึงหยิบมาอ่าน
“สวัสดีคุณเอม คืนนี้คุณว่างไหม ที่สำนักงานตำรวจมีงานเลี้ยงผมอยากชวนคุณไปงานด้วย ถ้าว่างเจอกันตอนหนึ่งทุ่มตรงที่ที่เราเจอกันที่สำนักงานตำรวจนะครับ จากสารวัตรจรัญ”เอมิกาอ่าน
“คนอะไรเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วเราจะไปดีไหมเนี่ยเอมมิกา”เอมิกาบอกกับตัวเอง
ว่าแล้วเธอก็นั่งทำงานต่อพร้อมดูโทรศัพท์ว่าเมื่อไหร่เจ้าของเบอร์เมื่อกี้จะโทรมาหาอีกครั้ง
“นี่คืนนี้เอมจะไปงานเลี้ยงที่สำนักงานตำรวจจริงๆหรอ”สมายด์ถาม
“อืม คุณหน้าหนวดเข้าเชิญมา”เอมิกาบอก
“อืม ยังไงก็ระวังตัวด้วยล่ะกัน”สมายด์บอก
“อืม แล้วนี่ยัยดีไปไหนล่ะ”เอมิกาบอก
“เห็นว่าจะไปไหว้ศพของแม่ของดีนะ”สมายด์บอก
เอมิกาคคิดแล้วก็สงสารชีวิตของยุวันดีกับสมายด์เพราะชีวิตของทั้งคู่เคยเติบโตโดยบิดาและมารดา แต่มาถึงตอนนี้เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว
ภายในหลุมศพของมาริสา มารดาของยุวันดี ซึ่งอยู่ในหลังบ้านของเธอ เพราะเธอไม่อยากมารดาจากเธอไปถึงแม้ว่าจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม แต่ถูกครั้งที่เธอเหงาหรือเศร้าใจ วิญญาณของแม่ของเธอก็จะมาปรากฏให้เธอเห็นชัดๆ โดยเฉพาะวันเกิดของเธอที่ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือน
“แม่จ้า ไอ้คนชั่วที่มันฆ่าแม่มันต้องชดใช้ในสิ่งที่มันทำ”ยุวันดีบอก
ภายในงานเลี้ยงของสำนักงานตำรวจ เอมิกาใส่ชุดสีฟ้าราตรีมาเข้างาน บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยญาติผู้ใหญ่ของผู้การของสำนักงานตำรวจแห่งนี้ ขณะที่เธอกำลังสำรวจงานมีผู้หญิงใส่ชุดกระโปรงสีส้มคนหนึ่งทักมาว่า
“รอคุณหน้าหนวดอยู่หรอเอม”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งทัก เอมมิกาตกใจมาก พอหันมาเห็น สมายด์ เพื่อนสาวของหล่อนใส่ชุดราตรีสีส้มมาในงาน
“เธอมางานนี้ได้ไงนะมาย งานนี้ต้องมีคนเชิญไม่ใช่หรอ”พูดอย่างงุนงง
“ก็ สารวัตรณรงค์ชวนฉันมาไง ฉันเลยเข้างานมาได้ ว่าไงรอคุณหน้าหนวดอยู่หรือเปล่าเอม”สมายด์ถาม
ไม่ทันได้ฟังคำตอบก็มีชายหนุ่มสองคนในชุดสูทเดินเข้ามาและทักว่า
“อยู่ที่นี้เอง ผมหาพวกคุณแทบแย่”สารวัตรณรงค์บอก
“อืม ฉันอยู่นี้ ว่าแต่พวกคุณชวนเราสองคนมาที่นี้ทำไม”เอมิกาถาม
“ก็เห็นว่าพวกคุณชอบงานอะไรพวกนี้เลยชวนมา”สารวัตรจรัญแก้ตัว
“เอาความจริงค่ะ”เอมิกาถาม
“อยากรู้ว่าพวกคุณสืบไปถึงไหนแล้ว”สารวัตรจรัญตอบ
“ฉันสืบถึงฉากจบของคดีแล้วค่ะคุณสารวัตร เดี๋ยวคุณก็จะได้รู้ฉากจบของเรื่องว่ามันจบอย่างไง”เอมิกาบอก
ทั้งสองงงกับคำตอบของสองสาว แล้วพวกเขาก็อยู่ร่วมงานแฟชั่นกันจนดึก มันคงเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งสองคนมีความสุข
ภายในสถานีตำรวจที่สารวัตรทั้งสามทำงานอยู่ สารวัตรจรัญนั่งเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับลอนดอน จริงๆเขาไม่ได้อยากกลับ แต่เพื่องานตำรวจที่ต้องการข้อมูล เขาจำเป็นต้องทำตามที่เอมมิกา หรือ ยัยทอมที่เขาเรียกบอก
สักพักก็มีเสียงโทรศัทพ์ดังขึ้น สารวัตรจรัญจึงหยิบมาดู พบว่าเป็นเบอร์ของยัยทอม ซึ่งเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องบินกลับลอนดอนเป็นเวลาหนึ่งปี
“นี่คุณไม่ต้องโทรมาย้ำ ผมกำลังกลับลอนดอน”สารวัตรจรัญบอก
“ฉันไม่ได้โทรมาย้ำ แค่จะบอกคุณว่าฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถ้าคุณยอมมาหาฉันที่อัมพวาตอนนี้ ฉันจะยอมให้ข้อมูลนาย แค่นี้นะ นายหน้าหนวด”เอมมิกาบอกก่อนวางสาย
“นี่เห็นฉันเป็นอะไรเนี่ย นึกว่าจะให้ไปไหนก็ได้ไง”สารวัตรจรัญบอก
ว่าแล้วสารวัตรจรัญก็ต้องออกรถไปอัมพวา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเอมมิกาต้องพาเขาไปถึงอัมพวา หรือว่าเธอต้องใจทิ้งเขาไว้ที่นั่น ไม่มีทางเขาจะไม่ยอมหลงกลหญิงสาวอย่างเอมมิกาแน่นอน พอสารวัตรมาถึงอัมพวา ก็เห็นเอมมิกานั่งรออยู่ตรงป้ายทางไปอัมพวา เขาไม่เข้าใจถ้าเธอจะนัดเขามาที่กรุงเทพมหานครก็ได้ ทำไมต้องเป็นอัมพวา
“นี่เธอบอกฉันได้ไหมว่าให้ฉันขับรถมาจากกรุงเทพมาอัมพวาทำไมมันเปลื้องน้ำมันนะ”สารวัตรจรัญบอก
“อะ เอาไป จะได้เสร็จเสร็จกันสักที”เอมมิกาบอก
“นัดผมมาแค่ให้เอกสารเนี่ยนะ ผมว่าคุณไปให้ผมที่สำนักงานตำรวจก็ได้”สารวัตรจรัญบอกแล้วเปิดดูมันเป็นสิ่งที่เขาต้องการ มันคือ จดหมายของนาคฤทัย ภรรยาผู้ล่วงลับของนายพลชอนที่เขียนมาหาสวยสังหารถึงเจ็ดฉบับ
“คราวนี้เข้าใจยังว่าทำไมฉันต้องให้คุณมาที่อัมพวา”สารวัตรจรัญบอก
“เข้าใจแล้ว”สารวัตรจรัญบอก
และเอมมิกา ก็กลับบ้านโดยมอเตอร์ไซด์วิบาก เธอนัดชายหนุ่มาที่นี้เพราะบารอนขอเธอไว้ ไม่งั้นเธอไม่ยอมลงทุนขี่มาอัมพวาขนาดนี้หรอก
“อะไรนะค่ะ เอมฟังไม่ผิดใช่ไหมที่บอกอบอกว่าหลังจากทำภารกิจนี้เสร็จแล้วจะยอมเปิดเผยเรื่องสวยสังหาร”เอมมิกกาบอก
“ใช่ คุณฟังไม่ผิดหรอก ในๆเรื่องก็บั้นปลายแล้ว ผมต้องการให้คุณเอาข้อมูลจดหมายของคุณนาคฤทัยไปให้สารวัตรจรัญ ”บารอนบอก
“ได้ค่ะ แล้วจะให้เอมนัดเขาที่ไหนล่ะค่ะ”เอมมิกาบอก
“ที่ไหนก็ได้ที่คุณคิดว่าพวกของนายพลชอนไม่กล้าตามคุณไป”บารอนบอก
เอมมิกาจึงตัดสินใจนัดชายหนุ่มมาที่อัมพวา เพราะอัมพวา นายพลชอนไม่กล้าไป เพราะที่อัมพวาแห่งนี้เป็นจังหวัดบ้านเกิดอันโหดร้ายของนายพลชอนในวัยเด็ก ซึ่งบารอนดันสืบไป
เรื่องมีอยู่ว่า ตอนที่บารอนมาอยู่ที่อัมพวา เขาต้องเจอกับข่าวร้ายอย่างมาก คือ พ่อและแม่ของเขาทะเลาะและฆ่ากันตาย และเป็นเหมือนอาถรรพ์ หลังจากพ่อและแม่ของายพลชอนตายเพียงนายพลชอนก้าวมาที่อัมพวาก็ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายต่างๆ เพราะชายหนุ่มไปบอกกับิดาเรื่องที่มารดามีชู้ ทำให้บิดาโกรธและฆ่ามารดาตายก่อนตายมารดาของนายพลชอนจึงสาปแช่งเขาว่า
“ไอ้ลูกทรยศ ข้าเลี้ยงแกมารักแกเหมือนลูก แกทำอย่างนี้กับฉันได้อย่างไง ขอขอสาปแช่งว่าขอให้แกโตขึ้นมีงานการทำ แกจะต้องทุกข์ทรมาน ไม่มีใครเข้าใจ ต้องได้รับแต่ความไม่ดี เหมือนที่แกทำกับแม่ผู้บังเกิดเกล้าของแก”
สิ้นเสียงมารดาของนายพลชอนก็ตายไปต่อหน้าต่อตา นายพลชอนในวัยเด็กนั่งหน้าเคลียดเมื่อเห็นมารดาและบิดานอนตายต่อหน้าต่อตาโดยฝีมือของเขา
ความคิดเห็น