ตอนที่ 56 : ใครคือคนร้าย 1
“จะเล่าได้หรือยัง” เสียงแหลมหวีดดังขึ้นเมื่อพยาบาลปิดประตูสนิท เพ็ญจันทร์พยายามเก็บปากเก็บคำไม่โวยวายตั้งแต่เช้า เพราะตื่นมาก็เจอหมอเจอพยาบาลเข้ามาตรวจอาการ ส่วนคนกุมความลับก็นั่งเฉยแถมยังยิ้มในบางเวลาที่เธอถลึงตาใส่
อิวานอฟฟังแล้วส่ายหน้าอ่อนใจ ก้าวเดินไปหยุดยืนตรงขอบเตียงคนเจ็บ มองใบหน้าสวยคมที่แดงม่วงไปทั้งซีกแก้ม วางมือแตะแล้วไล้ด้วยนิ้วโป้งแผ่วเบา
เพ็ญจันทร์มองสบดวงตามีประกายสุกใส เห็นความห่วงใยในดวงตาคู่นั้นชัดเจน แล้วเบนหน้าหนี ไม่อยากให้แววตาทอประกายอุ่นซ่านเขย่าสั่นหัวใจให้หวั่นไหวจนเผลออ่อนแอเปิดช่องให้อิวานอฟแทรกเข้ามากลางใจ
“พี่สั่งให้ติกลับไปไล่ดูกล้องวงจรปิดทุกมุม ซึ่งอยู่ในรัศมีหรือเส้นทางที่จะก้าวไปทางห้องพักของจันทร์ ซึ่งโชคดีว่าในช่วงเช้าตรู่แบบนั้น แขกยังไม่ลงมาเดินเล่นด้านล่าง มีไม่ถึงสิบคนที่เดินผ่านกล้อง ติกับลูกน้องพี่นั่งดูอยู่สักพักก็เห็นภาพศิริพรเดินผ่านกล้องตรงลอบบี้ช่วงหกโมงครึ่ง เธอถือเสื้อคลุมลงมาด้วย แต่พอเดินกลับไปที่ลิฟต์ตอนเจ็ดโมงเช้า กลับไม่ได้ถือเสื้อคลุมไว้”
เมื่อตำรวจกลับไป อิวานอฟโทรสั่งงานปิติพงษ์ ซึ่งเชี่ยวชาญการจับผิดไม่ต่างตำรวจ ลูกน้องเขาเอาภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่สามวันก่อนเกิดเรื่องมานั่งดูย้อนเพื่อลองดูว่ามีใครน่าสงสัยบ้าง ซึ่งสิ่งที่ทำให้สะดุดตาคือ มักจะเห็นศิริพรเดินวนเวียนไปทางห้องพักเพ็ญจันทร์หลายครั้ง และเดินไปคนเดียวไม่ใช่มีปาริฉัตรไปด้วย ทั้งที่สองสาวมักจะอยู่ด้วยกันตลอด เมื่อเป็นเช่นนี้ ปิติพงษ์จึงเริ่มสงสัยศิริพร ดึงภาพจากหน้าห้องพักศิริพรมาไล่ดู จนกระทั่งเช้าวันเกิดเรื่อง เห็นหญิงสาวก้าวออกจากห้องช่วงหกโมงเช้า พร้อมถือถุงกระดาษใบหนึ่งออกมา จึงไล่ดูกล้องวงจรปิดในลิฟต์ เห็นศิริพรทำท่าจะดึงของบางอย่างออกจากถุงกระดาษนั่น แต่พอแหงนมองมาเจอกล้องก็หยุดทำ จนเห็นภาพอีกทีตอนหญิงสาวพาดเสื้อคลุมสีเขียวมิ้นไว้บนบ่าเดินตรงไปทางสระว่ายน้ำ แต่ปิติพงษ์ถามพนักงานโซนนั้นแล้ว ช่วงหกโมงเช้าถึงเจ็ดโมงไม่มีแขกคนไหนลงว่ายน้ำ
และพอผ่านไปถึงช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้า หญิงสาวเดินเข้าลิฟต์ด้วยท่าทีลุกลนและไม่ได้ถือเสื้อคลุมกลับมาด้วย
ซึ่งตำรวจไล่ดูคลิปวงจรปิดแค่ช่วงวันเกิดเหตุ จึงไม่พบจุดน่าสงสัย และไม่รู้ว่าศิริพรลงมาดูลาดเลาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงโรงแรมคีรีมันตรา ราวมาที่นี่เพราะมีเป้าหมายทำร้ายเพ็ญจันทร์ตั้งแต่แรก และแม้จะมีหลักฐานชวนให้เชื่อว่าศิริพรเป็นคนทำ แต่ปิติพงษ์บอกว่าไม่มากพอจะมัดตัว ต้องหาหลักฐานอื่นๆ ประกอบด้วย
“แค่นี้ก็ฟันธงว่ายายนั่นทำหรือไง” เพ็ญจันทร์แหวลั่น อุตส่าห์ตั้งใจฟังแต่ได้มาแค่น้ำ ศิริพรไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเธอตรงๆ ดังนั้นจึงไม่น่าใช่คนลงมือ เธออาจลืมเสื้อคลุมไว้ตรงไหนก็ได้
“ใจเย็นน่าจันทร์ ฟังคุณเอียนก่อน” แขไขเอ่ยเตือนเพื่อน “แล้วยังไงต่อคะ”
“หลังจากนั้น พี่โทรถามพนักงานว่าศิริพรพักห้องเดียวกับปาริฉัตรไหม”
“มาด้วยกันก็ต้องนอนด้วยกันอยู่แล้ว” เพ็ญจันทร์เอ่ยขึ้น
“เปล่า สองคนนั้นแยกนอนคนละห้อง ทำไมถึงต้องแยกนอน ถ้าไม่ใช่เพราะใครคนใดคนหนึ่งมีแผนการจะทำบางอย่าง ที่ไม่ให้อีกคนรู้” อิวานอฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าคิดว่าแยกห้องพักเพื่อเปิดโอกาสให้คนินมาเคลียร์กับปาริฉัตร มันก็เป็นไปได้ แต่คนินพักที่คีรีมันตราคืนเดียวแล้วกลับกรุงเทพในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังงานเลี้ยง ส่วนสองสาวนั่นอยู่ต่อ ถ้านับถึงวันนี้ก็คืนที่สามแล้ว ทั้งที่เป้าหมายการมาภูเก็ตของปาริฉัตรคือตามคนิน แล้วทำไมถึงไม่กลับพร้อมคนิน”
“ถ้าปาริฉัตรอยากกลับ แต่ศิริพรชวนอยู่เที่ยวต่อละคะ” แขไขวิเคราะห์
“ก็เป็นไปได้ ปาริฉัตรน่าจะอยากกลับกรุงเทพตั้งแต่คนินกลับแล้ว ไม่น่าจะอยากเที่ยวต่อ คงอยากเคลียร์กับคู่หมั้นจอมเจ้าชู้ ที่แวะเวียนมาวุ่นวายกับนางแบบสุดเซ็กซี่มากกว่า” ท้ายประโยคอิวานอฟเสียดสีนางแบบเซ็กซี่ด้วยความหมั่นไส้
“แต่ถ้าอยู่ต่อเพื่อพาศิริพรเที่ยว ในฐานะที่ตามมาเป็นเพื่อน ก็เป็นไปได้”
เพ็ญจันทร์นอนฟังเพื่อนรักวิเคราะห์สถานการณ์ตอบโต้กับอิวานอฟนิ่ง จากที่คิดว่าศิริพรไม่น่าใช่คนร้าย กลับเริ่มคิดเสียแล้ว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นางทำเพราะนางอิจจันทร์อย่างเดียว
บางทีก็เริ่มเบื่อนางเอก