คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ชายปริศนากับการลักพาตัว
ชายปริศนากับการลักพาตัว
“ฉันเป็นเจ้าหญิงแห่งไคเรียวจ๊ะ”แคลร์ทวนซ้ำอีกครั้ง
“เธอเป็นเจ้าหญิงเนี่ยนะ”วิลเลียมพูดแบบไม่แน่ใจนักพลางมองหญิงสาวตรงหน้า
อาณาจักรไคเรียวเป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆทางใต้ของไกอา มีพื้นที่ประมาณหนึ่งในสามของอเล็กซานเดียร์แต่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเนื่องจากเป็นอาณาจักรปิดไม่ติดต่อกับอาณาจักรอื่น จึงไม่ค่อยมีคนรู้ว่าาอาณาจักรไคเรียวเป็นอย่างไร แต่วิลเลียมซึ่งเคยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่อเล็กซานเดียร์ก็ต้องเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง
“ใช่ ฉันเป็นเจ้าหญิงทำไมเหรอ?”แคลร์ถามแบบใสซื่อ
“แล้วคุณเจ้าหญิงมาทำอะไรในที่แบบนี้ล่ะ”วิลเลียมถามกลับเจ้าหญิงที่ไหนมาเที่ยวเมืองบ้านนอกแถมไม่มีผู้ติดตามแบบนี้ ที่สำคัญยังไม่มีเงินอีก
“ก็ที่บ้านมันน่าเบื่อมีแต่ให้เรียนแล้วก็เรียนทำอะไรตามใจไม่ได้เลย ใครจะทนไหวล่ะสุดท้ายเลยหนีออกมานะกะเที่ยวเล่นให้พอใจก่อนค่อยกลับบ้านนะ”แคลร์ตอบพร้อมยกน้ำมาดื่มเพราะพูดเยอะจนคอแห้ง
“เธอไม่กลัวพ่อแม่เป็นห่วงรึไง?”วิลเลียมถาม
“แม่ฉันเสียชีวิตแล้ว ส่วนพ่อก็ทำแต่งานไม่สนใจฉันเลยพอฉันไปหาก็เอาแต่ต่อว่าฉัน”แคลร์ตอบอย่างเศร้าๆ
“ขอโทษนะ”สำหรับวิลเลียมคนที่เป็นกษัตริย์ย่อมต้องทำงานหนักและมีความเครียดอยู่แล้วถ้าเทียบกับกษัตริย์ซาร์คอนที่ช่วงหลังใช้ชีวิตเสเพลแถมไม่สนใจงานราชการนับว่ายังดีกว่าเยอะ
“ไม่เป็นหรอกตอนนี้ฉันก็ออกจากบ้านมาให้พ่อห่วงเล่นซะเลย”แคลร์กลับมาร่าเริงจนวิลเลียมปรับอารมณ์แทบไม่ทัน
“ถ้างั้นเธอจะคิดทำไงต่อ”
“ก็เที่ยวเล่นไปเรื่อยๆพอใจเมื่อไหร่ก็กลับบ้าน”แคลร์ตอบ
“แค่พวกนักเลงเธอยังเอาตัวไม่รอดเลย แล้วคิดว่าจะเอาชีวิตรอดในโลกภายนอกได้รึไง?”วิลเลียมไม่คิดว่าแคลร์จะเอาชีวิตได้ด้วยตัวคนเดียวเลย
“ต้องได้สิเพราะฉันจะให้นายมาเป็นอัศวินให้ฉัน”แคลร์ตอบอย่างมุ่งมั่นจนวิลเลียมตกใจ
“ทำไมฉันต้องเป็นอัศวินให้เธอด้วย”วิลเลียมถามแบบไม่เข้าใจหญิงสาวตรงหน้า
“เพราะฉันอยากให้นายเป็นไงล่ะวิลและนายห้ามปฎิเสธด้วย”คำพูดที่เหมือนเอาแต่ใจแต่พอพูดออกมาจากแคลร์กลับดูมีอำนาจบางอย่างดวงตาสีแดงจ้องมองมายังวิลเลียมพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ทำให้วิลเลียมเหมือนถูกสะกดจนเกือบตอบตกลง
“ไม่ ฉันไม่คิดเป็นอัศวินให้ใครอีก”วิลเลียมรีบสะบัดหน้าเรียกสติคืน เขาในตอนนี้ไม่คิดจะทำงานให้ใครอีกแค่ตอนที่กษัตริย์ซาร์คอนเปลี่ยนไปเขาก็รู้สึกเสียความรู้สึกมากพอแล้ว เขากลัวต้องเจอเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง
“ใจแข็งจังนะ ทั้งที่ฉันเชิญด้วยตัวเองเลยนะเนี่ย”แคลร์พูดแบบไม่พอใจ
“ฉันไปก่อนล่ะ”วิลเลียมลุกเดินไปจ่ายค่าอาหารและรีบเดินออกจากร้านไป
“เดี่ยวสิ”แคลร์เดินมาจับมือวิลเลียมไว้ “ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอก”วิลเลียมพูดเรียบๆพร้อมพยายามสะบัดมือออก
“ไม่จริงหรอกต้องมีอะไรแน่ๆ”แคลร์จับมือแน่นไม่ยอมปล่อย
ความรู้สึกตอนที่อยู่ในวังย้อนกลับมาหาวิลเลียมอีกครั้ง ความสิ้นหวังในตัวกษัตริย์ ความทุกข์ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ความสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มี เขาคิดว่าลืมไปหมดแล้วแต่พอเจอกับแคลร์ความรู้สึกนั่นกลับมาอีกครั้งเขากลัวที่จะเจอเรื่องแบบนั้นอีก กลัวที่จะเสียมันไป
“หนวกหู! อย่ามายุ่งอะไรกับฉัน”เขาสะบัดมืออย่างแรงจนแคลร์เซล้มลงไปกับพื้น
“ขอโทษ”วิลเลียมเดินมาเตรียมจับตัวแคลร์ดึงขึ้น
“เพี๊ยะ!”แคลร์ปัดมือทิ้งพร้อมตบหน้าวิลเลียมอย่างจัง
“จะไปไหนก็ไปเจ้าบ้า”แคลร์พูดน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะวิ่งหนีไป
“แคลร์”วิลเลียมลูบแก้มเบาๆก่อนมองแคลร์เขาไม่ได้วิ่งตามไปเพราะคิดว่าแบบนี้จะดีกว่า เพราะช้าเร็วก็คงต้องจากกันอยู่ดี ถ้างั้นรีบจากกันก่อนจะมีเยื่อใยกว่านี้ดีกว่า
ตอนนั้นเองที่วิลเลียมสัมผัสได้ถึงพลังออร่ามากมายจากด้านหลังจนเขาต้องรีบคว้าดาบหันมามองด้านหลังก็พบชายใส่ชุดคลุมสีดำสนิท มีผ้าพันแผลพันรอบหน้าเห็นเพียงดวงตาด้านขวาที่ดูแล้วคงไม่ใช่ตาของมนุษย์
“นายเป็นใคร?”วิลเลียมถามพร้อมจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้แค่บอกมาว่าหญิงสาวที่อยู่กับเจ้าอยู่ที่ไหน”คนตรงหน้าบอกพร้อมเดินมาใกล้วิลเลียม
“ฉันไม่รู้และไม่คิดบอกคนน่าสงสัยอย่างนายด้วย”วิลเลียมพูดพร้อมจับดาบแน่น ชายชุดดำก็หยุดเดินมองวิลเลียม
ระหว่างที่ทั้งสองจ้องตากันอยู่นานรอบตัวเหมือนเงียบลงพลังออร่าทั้งสองคนเหมือนกำลังปะทุออกมา รอเพียงอีกฝ่ายขยับมือก็เตรียมฟาดฟันคนตรงหน้าทันที
“เฮ้ พี่ชายผมน้ำเงินตรงนั้นนะ”เสียงของชาวบ้านคนหนึ่งขัดขึ้นจนวิลเลียมกับชายชุดดำต้องหันไปมอง
“ผู้หญิงที่อยู่กับนายโดนจับตัวไป”วิลเลียมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินแต่พอหันไปที่ชายชุดดำเขากลับดูตกใจยิ่งกว่า
“นางอยู่ที่ไหน”ชายชุดดำวิ่งไปกระชากคอชาวบ้านนั้นขึ้นมา
“ยะ อยู่ที่ป่าด้านเหนือ”ชาวบ้านคนนั้นตกใจและมองที่ตาของชายชุดดำที่เหมือนไม่ใช่คนก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น
“บัดซบ”ชายชุดดำขว้างชาวบ้านทิ้งไปทันทีก่อนจะวิ่งไปที่ป่าด้านเหนืออย่างรีบร้อน
“เจ้านั่นเป็นใครกัน”วิลเลียมมองดูชายชุดดำอย่างสงสัยแต่เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของแคลร์มากว่าจึงตามชายชุดดำนั่นไป
ทั้งสองรีบไปยังป่าทางด้านเหนือ แต่เพราะไม่รู้สถานที่ที่ชัดเจนจึงต้องวิ่งตามหาอยู่ในป่าวิลเลียมสังเกตเห็นว่าชายชุดดำนั้นห่วงแคลร์มากแต่เขาก็ยังคงไม่ไว้ใจ ระหว่างที่วิ่งหาก็ได้เจอกับพวกคนกลุ่มหนึ่งมีประมาณสิบกว่าคน
“งานนี้ง่ายชะมัดเลย แค่จับผู้หญิงคนเดียวได้เงินตั้งเยอะ”คนในกลุ่มคนหนึ่งพูด
“นั่นสินะ แต่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าหญิงเลยนะ”อีกคนพูด
“ช่างมันเถอะแค่ได้เงินก็พอแล้ว ฮะๆๆๆ”คนในกลุ่มหัวเราะขึ้นโดยไม่เห็นสายตาของมัจจุราชที่มองมาเลย
“พวกแก”วิลเลียมโมโหจนจะพุ่งออกไปเตรียมจัดการกับพวกนั้น แต่ชายชุดดำกลับพุ่งไปเร็วกว่า
“เฮ้ย นั่นใคร”พวกคนในกลุ่มต่างชักอาวุธออกมาเตรียมฟาดฟันผู้บุกรุก
ชายชุดดำพุ่งเข้าหาแบบไม่เกรงกลัวในอาวุธ เงาของเขาเกิดการเคลื่อนไหวเปลี่ยนเป็นหอกพุ่งใส่ศัตรู และกระจายไปรอบทิศแทงทะลุเนื้อจนลอยขึ้นฟ้ากลายเป็นเสาเลือดมนุษย์จำนวนมาก คนที่เหลือพอเห็นพรรคพวกถูกฆ่าอย่างง่ายดายก็ทิ้งอาวุธเตรียมหนี แต่กลับถูกเงาของชายชุดดำจับไว้จนขยับไม่ได้
“บอกมาเจ้าหญิงอยู่ไหน ไม่งั้นข้าจะทรมาณเจ้าอย่างทารุณที่สุด”ชายชุดดำบีบคอพวกมันคนหนึ่งไว้พร้อมปล่อยรังสีอำมหิตออกมาจนวิลเลียมที่อยู่ไกลๆยังรู้สึกได้
“ผะ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ค่ายทหารเก่าตรงทางตะวันออก ยะ อย่าฆ่าฉันเลยนะฉันยังมีลูกเมีย.. อ่อก”ชายชุดดำไม่รอฟังให้มากความเงาก็เสียบทะลุคนนั้นจนตายคาที่ก่อนที่เขาจะวิ่งไปอย่างรีบร้อน
“นายเป็นใครกันแน่?”วิลเลียมวิ่งจนตามมาถึงชายชุดดำแต่เขาไม่ตอบยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไป
“ฉันก็ห่วงแคลร์เหมือนกัน แต่ถ้านายไม่บอกอะไรแบบนี้จะให้ฉันเชื่อใจได้ไง”วิลเลียมกระชากคอชายชุดดำติดต้นไม้
“ทำไมเจ้าต้องห่วงเจ้าหญิงด้วย ต้องการเงินรางวัลหรือชื่อเสียงรึ?”ชายชุดดำเอ่ยปากถามซึ่งเป็นคำถามที่สะกิดใจวิลเลียมมาก
เขาเป็นคนนอกที่จริงรู้จักแคลร์ได้ไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ เขาไม่จำเป็นต้องห่วงใยอะไรเลย ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัว แค่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปก็พอแต่เขาทำไม่ได้เพราจะเหมือนตอนกษัตริย์ซาร์คอนที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เขาไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีก
“เพราะฉันต้องการจะช่วย เหตุผลแค่นี้พอไหม”วิลเลียมมองชายชุดดำอย่างแนวแน่เขาเห็นชายชุดดำยิ้มเล็กน้อย
“ข้าชื่อชินฮะ เป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงแคโรไลน์”ชินฮะแนะนำตัวสั้นๆก่อนที่วิลเลียมจะปล่อยมือ
“ก็ไม่บอกแต่แรกนะ”วิลเลียมพูดพลางวิ่งไปต่ออย่างน้อยเขาก็เริ่มไว้ใจคนตรงหน้าในระดับหนึ่ง
“แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร”ชายชุดดำถามขึ้นบ้างวิลเลียมคิดพักหนึ่ง
“วิลเลียม เซเฟียสเป็นแค่เจ้าบ้าคนหนึ่งที่ไม่เจียมตัวจะไปช่วยเจ้าหญิงนะ”วิลเลียมพูดลอยๆซึ่งเรียกรอยยิ้มจากชินฮะได้เล็กน้อย
“ถึงแล้ว”วิลเลียมพูดขึ้นก่อนจะมองค่ายทหารตรงหน้าที่โดนพวกโจรยึดไปแล้ว
ค่ายทหารตั้งอยู่ในภูเขาล้อมรอบ มีเสาไม้ปักเป็นรั้วไว้อย่างลวกๆเป็นกำแพงกั้น มีประตูโทรมๆที่ดูจะพังมิพังแหล่เป็นทางเข้าเดียว รวมถึงเต็นท์ที่พักกว่าร้อยหลังที่กระจายกันอยู่เพียงแค่นี้ก็พอคาดเดาจำนวนคนฝ่ายตรงข้ามได้
“พวกมันน่าจะมีมากว่าร้อยคนจะทำไงดี”วิลเลียมถามที่จริงลำพังด้วยฝีมือเขาก็พอจัดการได้แต่กลัวแคลร์จะเป็นอันตราย
“ข้าจะล่อพวกนั้นไปทางอื่นเอง”ยังไม่ทันที่วิลเลียมจะถามต่อเงาของชินฮะก็ขึ้นมาคลุมตัวไว้ก่อนจะค่อยๆเปลียนรูปร่างเหมือนพวกโจรที่ถูกฆ่าไป
“จากนั้นนายก็ไปช่วยเจ้าหญิงซะ”แม้แต่เสียงของชินฮะยังไม่เปลี่ยนไปจนทำให้วิลเลียมอดทึ่งกับความสามารถคนตรงหน้าไม่ได้ ซึ่งพอชินฮะพูดจบก็ตรงไปหาพวกทหารในค่ายทันที
“ยะ แย่แล้วมีพวกทหารมาร้อยกว่าคนสังหารพวกเราไปเกือบหมดรีบไปช่วยเร็ว”ชินฮะแสดงละครได้เนียนจนวิลเลียมคิดว่าเป็นนักแสดงได้เลย
“ว่าไงนะหรือว่าพวกไคเรียวมันรู้ตัวแล้วเลยส่งทหารมา บ้าชะมัดพวกเราไปเร็ว”พอสิ้นเสียงเหล่าโจรก็มารวมตัวกันทันที
ตอนนั้นเองที่วิลเลียมสังเกตเห็นความผิดปรกติพวกโจรนั้นเรียงแถวได้เป็นระเบียบ เคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงคล้ายทหารที่ฝึกมาอย่างดี พวกโจรไม่น่าทำได้ขนาดนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีต้องมีอะไรสักอย่าง วิลเลียมรอจนพวกโจรออกจากค่ายไปไกลเหลือเพียงโจรเพียงไม่กี่สิบคนที่อยู่ในค่าย
“เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว”วิลเลียมลอบเข้าไปในค่ายอย่างง่ายดาย แต่หลังจากเขาเดินหาอยู่ทั่วค่ายก็ยังไม่เจอวี่แววของแคลร์เลยซักนิด
“เธออยู่ที่ไหนกัน แคลร์”เขาพึมพำเบาๆ
“เพล้ง”เสียงอะไรสักอย่างแตกดังขึ้นที่หลังกำแพงแม้จะเบามากแต่วิลเลียมก็ได้ยิน
“นี่มัน”วิลเลียมไม่รอช้าเรียกอาวุธออกมาพังกำแพงทันทีก็พบทางบันไดทอดยาวไป เขารีบวิ่งตามบันไดนั่นลงไปทันที
ภาพที่วิลเลียมเห็นคือชายผมแดงที่มีสีหน้าเหมือนกำลังคลั่งมือของเขาเปรอะเปรื้อนไปด้วยเลือด กับแคลร์ที่ถูกจับมัดอยู่ซึ่งมีรอยแผลอยู่ทั่วร่างเหมือนเพิ่งจะโดนซ้อมอย่างหนักมา ภาพนั้นทำให้วิลเลียมโกรธจนแทบคลั่งควบคุมสติไม่อยู่
“นั้นแกทำอะไรกับแคลร์!”วิลเลียมตะโกนสุดเสียงพร้อมพุ่งไปหาชายผมแดง ตอนนี้เขามีความคิดเพียงฆ่าชายตรงหน้าให้ได้เท่านั้น
10 นาทีก่อน
ในห้องลับมีเพียงแคลร์ที่ถูกจับมัดตรงเก้าอี้กับชายผมแดง ตาสีแดง ใส่ชุดหนังสัตว์คล้ายพวกโจรแต่ดูดีกว่าหน่อย
“ทำไมนายถึงต้องทำอย่างนี้ด้วย”แคลร์ถามอย่างนี้มาเป็นสิบๆรอบแต่ชายผมแดงกลับเพียงนิ่งเงียบไม่พูดจา
“บางทีเจ้าหญิงอย่างท่านไม่รู้อะไรเลยจะดีกว่า”ไม่รู้ด้วยความรำคาญหรืออะไรในที่สุดชายผมแดงก็กล่าวตอบ
“นายต้องการเงินเหรอ?”แคลร์ถามซึ่งชายตรงหน้าก็นิ่งเงียบไป
“อย่าเงียบสิ”แคลร์ตะโกนสุดเสียงเธอเริ่มทนไม่ไหวที่รู้สึกเหมือนพูดอยู่คนเดียว
“บางทีเธอควรจะหุบปากไว้ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวตัดลิ้นเธอออกมา”ชายผมแดงพุ่งปิดปากพร้อมจ้องมองแคลร์อย่างน่ากลัว
ตอนนั้นเองที่พลังออร่าของแคลร์เริ่มทำงาน ความทรงจำต่างๆของชายผมแดงไหลเข้าสู่สมองของแคลร์ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เขาประสบมา ทำให้ตอนนี้แคลร์รู้เรื่องของชายผมแดงจนเกือบหมดตอนนี้เธอกลับมีน้ำตาไหลออกมา
“เธอร้องไห้ทำไม”ชายผมแดงถาม
“ฉันร้องไห้เพราะสงสารนาย”แคลร์ตอบพร้อมส่งสายตาสงสารมาที่ชายผมแดง
“สงสารเรื่องอะไร?”ชายผมแดงถามอย่างงุงงน
“สงสารเด็กน้อยผู้สูญเสียพ่อแม่ในสงคราม แม้จะถูกกองทัพไปเลี้ยงดูก็ต้องทนกับการฝึกนรกทุกวัน เพื่อนพ้องที่มีก็ล้มตายไปจนหมด ไร้ซึ่งอิสรภาพ ไร้ซึ่งครอบครัว ไร้ซึ่งเป้าหมายในชีวิต มีชีวิตและตายเพียงเพื่อทำตามหน้าที่ของกองทัพ”แคลร์ยิ่งพูดก็ยิ่งร้องไห้ผิดกับชายผมแดงที่สีหน้าเปลี่ยนไป
“เธอดูอดีตฉันงั้นเรอะ”ชายผมแดงจ้องมองอย่างดุดัน แต่กลับเห็นเพียงสายตาสงสารกับเวทนามาจากหญิงสาว
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น สายตาที่ทำเป็นสงสาร เวทนานั้น”ชายผมแดงเดินถอยหลังความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึงค่อยๆกลับมา ความรู้สึกที่อัดอั้นเก็บกดคล้ายจะระเบิดออก เขากำลังจะรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าต้องหาที่ระบาย
“เพล้ง”ชายผมแดงถอยไปจนชนกับชั้นของด้านหลังจนจานจำนวนมากร่วงลงมา
“เด็กน้อยผู้น่าสงสาร”แคลร์พูดพลางมองชายผมแดง
“หุบปาก หุบปาก หุบปากซะ”ความอดทนของชายผมแดงขาดสะบั้น ความบ้าคลั่งเข้ามาแทน เขาพุ่งไปต่อยแคลร์อย่างไม่ยั้ง แคลร์ก็ไม่ได้ร้องออกไปเพียงกัดฟันเบาๆหลังซ้อมอยู่นานชายผมแดงก็หยุดเห็นแคลร์นั้นสลบไปแล้ว
“เธอผิดเองนะ”ชายผมแดงมองแคลร์อย่างขุ่นเคือง เขายังระบายอารมณ์ไม่หมด แต่ถ้าเขาซ้อมแคลร์ต่อเธอต้องตายแน่
“นั่นแกทำอะไรกับแคลร์!”
ความคิดเห็น