ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายไร้บัลลังก์

    ลำดับตอนที่ #4 : ชายปริศนากับการลักพาตัว

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 57


    ชายปริศนากับการลักพาตัว

     

                 “ฉันเป็นเจ้าหญิงแห่งไคเรียวจ๊ะ”แคลร์ทวนซ้ำอีกครั้ง

     

                 “เธอเป็นเจ้าหญิงเนี่ยนะ”วิลเลียมพูดแบบไม่แน่ใจนักพลางมองหญิงสาวตรงหน้า

     

                 อาณาจักรไคเรียวเป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆทางใต้ของไกอา มีพื้นที่ประมาณหนึ่งในสามของอเล็กซานเดียร์แต่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเนื่องจากเป็นอาณาจักรปิดไม่ติดต่อกับอาณาจักรอื่น จึงไม่ค่อยมีคนรู้ว่าาอาณาจักรไคเรียวเป็นอย่างไร แต่วิลเลียมซึ่งเคยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่อเล็กซานเดียร์ก็ต้องเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง

     

                 “ใช่ ฉันเป็นเจ้าหญิงทำไมเหรอ?”แคลร์ถามแบบใสซื่อ

     

                 “แล้วคุณเจ้าหญิงมาทำอะไรในที่แบบนี้ล่ะ”วิลเลียมถามกลับเจ้าหญิงที่ไหนมาเที่ยวเมืองบ้านนอกแถมไม่มีผู้ติดตามแบบนี้ ที่สำคัญยังไม่มีเงินอีก

     

                “ก็ที่บ้านมันน่าเบื่อมีแต่ให้เรียนแล้วก็เรียนทำอะไรตามใจไม่ได้เลย ใครจะทนไหวล่ะสุดท้ายเลยหนีออกมานะกะเที่ยวเล่นให้พอใจก่อนค่อยกลับบ้านนะ”แคลร์ตอบพร้อมยกน้ำมาดื่มเพราะพูดเยอะจนคอแห้ง

     

                 “เธอไม่กลัวพ่อแม่เป็นห่วงรึไง?”วิลเลียมถาม

     

                 “แม่ฉันเสียชีวิตแล้ว ส่วนพ่อก็ทำแต่งานไม่สนใจฉันเลยพอฉันไปหาก็เอาแต่ต่อว่าฉัน”แคลร์ตอบอย่างเศร้าๆ

     

                 “ขอโทษนะ”สำหรับวิลเลียมคนที่เป็นกษัตริย์ย่อมต้องทำงานหนักและมีความเครียดอยู่แล้วถ้าเทียบกับกษัตริย์ซาร์คอนที่ช่วงหลังใช้ชีวิตเสเพลแถมไม่สนใจงานราชการนับว่ายังดีกว่าเยอะ

     

                 “ไม่เป็นหรอกตอนนี้ฉันก็ออกจากบ้านมาให้พ่อห่วงเล่นซะเลย”แคลร์กลับมาร่าเริงจนวิลเลียมปรับอารมณ์แทบไม่ทัน

     

                 “ถ้างั้นเธอจะคิดทำไงต่อ”

     

                 “ก็เที่ยวเล่นไปเรื่อยๆพอใจเมื่อไหร่ก็กลับบ้าน”แคลร์ตอบ

     

                 “แค่พวกนักเลงเธอยังเอาตัวไม่รอดเลย แล้วคิดว่าจะเอาชีวิตรอดในโลกภายนอกได้รึไง?”วิลเลียมไม่คิดว่าแคลร์จะเอาชีวิตได้ด้วยตัวคนเดียวเลย

     

                 “ต้องได้สิเพราะฉันจะให้นายมาเป็นอัศวินให้ฉัน”แคลร์ตอบอย่างมุ่งมั่นจนวิลเลียมตกใจ

     

                 “ทำไมฉันต้องเป็นอัศวินให้เธอด้วย”วิลเลียมถามแบบไม่เข้าใจหญิงสาวตรงหน้า

     

                 “เพราะฉันอยากให้นายเป็นไงล่ะวิลและนายห้ามปฎิเสธด้วย”คำพูดที่เหมือนเอาแต่ใจแต่พอพูดออกมาจากแคลร์กลับดูมีอำนาจบางอย่างดวงตาสีแดงจ้องมองมายังวิลเลียมพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ทำให้วิลเลียมเหมือนถูกสะกดจนเกือบตอบตกลง

     

                 “ไม่ ฉันไม่คิดเป็นอัศวินให้ใครอีก”วิลเลียมรีบสะบัดหน้าเรียกสติคืน เขาในตอนนี้ไม่คิดจะทำงานให้ใครอีกแค่ตอนที่กษัตริย์ซาร์คอนเปลี่ยนไปเขาก็รู้สึกเสียความรู้สึกมากพอแล้ว เขากลัวต้องเจอเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง

     

                 “ใจแข็งจังนะ ทั้งที่ฉันเชิญด้วยตัวเองเลยนะเนี่ย”แคลร์พูดแบบไม่พอใจ

     

                 “ฉันไปก่อนล่ะ”วิลเลียมลุกเดินไปจ่ายค่าอาหารและรีบเดินออกจากร้านไป

     

                 “เดี่ยวสิ”แคลร์เดินมาจับมือวิลเลียมไว้ “ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจรึเปล่า?”

     

                 “ไม่มีอะไรหรอก”วิลเลียมพูดเรียบๆพร้อมพยายามสะบัดมือออก

     

                 “ไม่จริงหรอกต้องมีอะไรแน่ๆ”แคลร์จับมือแน่นไม่ยอมปล่อย

     

                 ความรู้สึกตอนที่อยู่ในวังย้อนกลับมาหาวิลเลียมอีกครั้ง ความสิ้นหวังในตัวกษัตริย์ ความทุกข์ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ความสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่มี เขาคิดว่าลืมไปหมดแล้วแต่พอเจอกับแคลร์ความรู้สึกนั่นกลับมาอีกครั้งเขากลัวที่จะเจอเรื่องแบบนั้นอีก กลัวที่จะเสียมันไป

     

                 “หนวกหู! อย่ามายุ่งอะไรกับฉันเขาสะบัดมืออย่างแรงจนแคลร์เซล้มลงไปกับพื้น

     

                 “ขอโทษ”วิลเลียมเดินมาเตรียมจับตัวแคลร์ดึงขึ้น

     

                 “เพี๊ยะ!”แคลร์ปัดมือทิ้งพร้อมตบหน้าวิลเลียมอย่างจัง

     

                 “จะไปไหนก็ไปเจ้าบ้า”แคลร์พูดน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะวิ่งหนีไป

     

                 “แคลร์”วิลเลียมลูบแก้มเบาๆก่อนมองแคลร์เขาไม่ได้วิ่งตามไปเพราะคิดว่าแบบนี้จะดีกว่า เพราะช้าเร็วก็คงต้องจากกันอยู่ดี ถ้างั้นรีบจากกันก่อนจะมีเยื่อใยกว่านี้ดีกว่า

     

                 ตอนนั้นเองที่วิลเลียมสัมผัสได้ถึงพลังออร่ามากมายจากด้านหลังจนเขาต้องรีบคว้าดาบหันมามองด้านหลังก็พบชายใส่ชุดคลุมสีดำสนิท มีผ้าพันแผลพันรอบหน้าเห็นเพียงดวงตาด้านขวาที่ดูแล้วคงไม่ใช่ตาของมนุษย์

     

                 “นายเป็นใคร?”วิลเลียมถามพร้อมจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา

     

                 “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้แค่บอกมาว่าหญิงสาวที่อยู่กับเจ้าอยู่ที่ไหน”คนตรงหน้าบอกพร้อมเดินมาใกล้วิลเลียม

     

                 “ฉันไม่รู้และไม่คิดบอกคนน่าสงสัยอย่างนายด้วย”วิลเลียมพูดพร้อมจับดาบแน่น ชายชุดดำก็หยุดเดินมองวิลเลียม

     

                 ระหว่างที่ทั้งสองจ้องตากันอยู่นานรอบตัวเหมือนเงียบลงพลังออร่าทั้งสองคนเหมือนกำลังปะทุออกมา รอเพียงอีกฝ่ายขยับมือก็เตรียมฟาดฟันคนตรงหน้าทันที

     

                 “เฮ้ พี่ชายผมน้ำเงินตรงนั้นนะ”เสียงของชาวบ้านคนหนึ่งขัดขึ้นจนวิลเลียมกับชายชุดดำต้องหันไปมอง

     

                 “ผู้หญิงที่อยู่กับนายโดนจับตัวไป”วิลเลียมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินแต่พอหันไปที่ชายชุดดำเขากลับดูตกใจยิ่งกว่า

     

                 “นางอยู่ที่ไหน”ชายชุดดำวิ่งไปกระชากคอชาวบ้านนั้นขึ้นมา

     

                 “ยะ อยู่ที่ป่าด้านเหนือ”ชาวบ้านคนนั้นตกใจและมองที่ตาของชายชุดดำที่เหมือนไม่ใช่คนก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น

     

                 “บัดซบ”ชายชุดดำขว้างชาวบ้านทิ้งไปทันทีก่อนจะวิ่งไปที่ป่าด้านเหนืออย่างรีบร้อน

     

                 “เจ้านั่นเป็นใครกัน”วิลเลียมมองดูชายชุดดำอย่างสงสัยแต่เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของแคลร์มากว่าจึงตามชายชุดดำนั่นไป

                

     

                 ทั้งสองรีบไปยังป่าทางด้านเหนือ แต่เพราะไม่รู้สถานที่ที่ชัดเจนจึงต้องวิ่งตามหาอยู่ในป่าวิลเลียมสังเกตเห็นว่าชายชุดดำนั้นห่วงแคลร์มากแต่เขาก็ยังคงไม่ไว้ใจ ระหว่างที่วิ่งหาก็ได้เจอกับพวกคนกลุ่มหนึ่งมีประมาณสิบกว่าคน

     

     

                 “งานนี้ง่ายชะมัดเลย แค่จับผู้หญิงคนเดียวได้เงินตั้งเยอะ”คนในกลุ่มคนหนึ่งพูด

     

                 “นั่นสินะ แต่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าหญิงเลยนะ”อีกคนพูด

     

                 “ช่างมันเถอะแค่ได้เงินก็พอแล้ว ฮะๆๆๆ”คนในกลุ่มหัวเราะขึ้นโดยไม่เห็นสายตาของมัจจุราชที่มองมาเลย

     

                 “พวกแก”วิลเลียมโมโหจนจะพุ่งออกไปเตรียมจัดการกับพวกนั้น แต่ชายชุดดำกลับพุ่งไปเร็วกว่า

     

                 “เฮ้ย นั่นใคร”พวกคนในกลุ่มต่างชักอาวุธออกมาเตรียมฟาดฟันผู้บุกรุก

     

                 ชายชุดดำพุ่งเข้าหาแบบไม่เกรงกลัวในอาวุธ เงาของเขาเกิดการเคลื่อนไหวเปลี่ยนเป็นหอกพุ่งใส่ศัตรู และกระจายไปรอบทิศแทงทะลุเนื้อจนลอยขึ้นฟ้ากลายเป็นเสาเลือดมนุษย์จำนวนมาก คนที่เหลือพอเห็นพรรคพวกถูกฆ่าอย่างง่ายดายก็ทิ้งอาวุธเตรียมหนี แต่กลับถูกเงาของชายชุดดำจับไว้จนขยับไม่ได้

     

                 “บอกมาเจ้าหญิงอยู่ไหน ไม่งั้นข้าจะทรมาณเจ้าอย่างทารุณที่สุด”ชายชุดดำบีบคอพวกมันคนหนึ่งไว้พร้อมปล่อยรังสีอำมหิตออกมาจนวิลเลียมที่อยู่ไกลๆยังรู้สึกได้

     

                 “ผะ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ค่ายทหารเก่าตรงทางตะวันออก ยะ อย่าฆ่าฉันเลยนะฉันยังมีลูกเมีย.. อ่อก”ชายชุดดำไม่รอฟังให้มากความเงาก็เสียบทะลุคนนั้นจนตายคาที่ก่อนที่เขาจะวิ่งไปอย่างรีบร้อน

     

                 “นายเป็นใครกันแน่?”วิลเลียมวิ่งจนตามมาถึงชายชุดดำแต่เขาไม่ตอบยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไป

     

                 “ฉันก็ห่วงแคลร์เหมือนกัน แต่ถ้านายไม่บอกอะไรแบบนี้จะให้ฉันเชื่อใจได้ไง”วิลเลียมกระชากคอชายชุดดำติดต้นไม้

     

                 “ทำไมเจ้าต้องห่วงเจ้าหญิงด้วย ต้องการเงินรางวัลหรือชื่อเสียงรึ?”ชายชุดดำเอ่ยปากถามซึ่งเป็นคำถามที่สะกิดใจวิลเลียมมาก

     

                 เขาเป็นคนนอกที่จริงรู้จักแคลร์ได้ไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ เขาไม่จำเป็นต้องห่วงใยอะไรเลย ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัว แค่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปก็พอแต่เขาทำไม่ได้เพราจะเหมือนตอนกษัตริย์ซาร์คอนที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เขาไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีก

     

                 “เพราะฉันต้องการจะช่วย เหตุผลแค่นี้พอไหม”วิลเลียมมองชายชุดดำอย่างแนวแน่เขาเห็นชายชุดดำยิ้มเล็กน้อย

     

                 “ข้าชื่อชินฮะ เป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงแคโรไลน์”ชินฮะแนะนำตัวสั้นๆก่อนที่วิลเลียมจะปล่อยมือ

     

                 “ก็ไม่บอกแต่แรกนะ”วิลเลียมพูดพลางวิ่งไปต่ออย่างน้อยเขาก็เริ่มไว้ใจคนตรงหน้าในระดับหนึ่ง

     

                 “แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร”ชายชุดดำถามขึ้นบ้างวิลเลียมคิดพักหนึ่ง

     

                 “วิลเลียม  เซเฟียสเป็นแค่เจ้าบ้าคนหนึ่งที่ไม่เจียมตัวจะไปช่วยเจ้าหญิงนะ”วิลเลียมพูดลอยๆซึ่งเรียกรอยยิ้มจากชินฮะได้เล็กน้อย

     

                 “ถึงแล้ว”วิลเลียมพูดขึ้นก่อนจะมองค่ายทหารตรงหน้าที่โดนพวกโจรยึดไปแล้ว

     

                 ค่ายทหารตั้งอยู่ในภูเขาล้อมรอบ มีเสาไม้ปักเป็นรั้วไว้อย่างลวกๆเป็นกำแพงกั้น มีประตูโทรมๆที่ดูจะพังมิพังแหล่เป็นทางเข้าเดียว รวมถึงเต็นท์ที่พักกว่าร้อยหลังที่กระจายกันอยู่เพียงแค่นี้ก็พอคาดเดาจำนวนคนฝ่ายตรงข้ามได้

     

                 “พวกมันน่าจะมีมากว่าร้อยคนจะทำไงดี”วิลเลียมถามที่จริงลำพังด้วยฝีมือเขาก็พอจัดการได้แต่กลัวแคลร์จะเป็นอันตราย

     

                 “ข้าจะล่อพวกนั้นไปทางอื่นเอง”ยังไม่ทันที่วิลเลียมจะถามต่อเงาของชินฮะก็ขึ้นมาคลุมตัวไว้ก่อนจะค่อยๆเปลียนรูปร่างเหมือนพวกโจรที่ถูกฆ่าไป

     

                 “จากนั้นนายก็ไปช่วยเจ้าหญิงซะ”แม้แต่เสียงของชินฮะยังไม่เปลี่ยนไปจนทำให้วิลเลียมอดทึ่งกับความสามารถคนตรงหน้าไม่ได้ ซึ่งพอชินฮะพูดจบก็ตรงไปหาพวกทหารในค่ายทันที

     

                 “ยะ แย่แล้วมีพวกทหารมาร้อยกว่าคนสังหารพวกเราไปเกือบหมดรีบไปช่วยเร็ว”ชินฮะแสดงละครได้เนียนจนวิลเลียมคิดว่าเป็นนักแสดงได้เลย

     

                 “ว่าไงนะหรือว่าพวกไคเรียวมันรู้ตัวแล้วเลยส่งทหารมา บ้าชะมัดพวกเราไปเร็ว”พอสิ้นเสียงเหล่าโจรก็มารวมตัวกันทันที

     

                 ตอนนั้นเองที่วิลเลียมสังเกตเห็นความผิดปรกติพวกโจรนั้นเรียงแถวได้เป็นระเบียบ เคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงคล้ายทหารที่ฝึกมาอย่างดี พวกโจรไม่น่าทำได้ขนาดนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีต้องมีอะไรสักอย่าง วิลเลียมรอจนพวกโจรออกจากค่ายไปไกลเหลือเพียงโจรเพียงไม่กี่สิบคนที่อยู่ในค่าย

     

                 “เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว”วิลเลียมลอบเข้าไปในค่ายอย่างง่ายดาย แต่หลังจากเขาเดินหาอยู่ทั่วค่ายก็ยังไม่เจอวี่แววของแคลร์เลยซักนิด

     

                 “เธออยู่ที่ไหนกัน แคลร์”เขาพึมพำเบาๆ

     

                 “เพล้ง”เสียงอะไรสักอย่างแตกดังขึ้นที่หลังกำแพงแม้จะเบามากแต่วิลเลียมก็ได้ยิน

     

                 “นี่มัน”วิลเลียมไม่รอช้าเรียกอาวุธออกมาพังกำแพงทันทีก็พบทางบันไดทอดยาวไป เขารีบวิ่งตามบันไดนั่นลงไปทันที

     

                    ภาพที่วิลเลียมเห็นคือชายผมแดงที่มีสีหน้าเหมือนกำลังคลั่งมือของเขาเปรอะเปรื้อนไปด้วยเลือด กับแคลร์ที่ถูกจับมัดอยู่ซึ่งมีรอยแผลอยู่ทั่วร่างเหมือนเพิ่งจะโดนซ้อมอย่างหนักมา ภาพนั้นทำให้วิลเลียมโกรธจนแทบคลั่งควบคุมสติไม่อยู่

     

     

                 “นั้นแกทำอะไรกับแคลร์!”วิลเลียมตะโกนสุดเสียงพร้อมพุ่งไปหาชายผมแดง ตอนนี้เขามีความคิดเพียงฆ่าชายตรงหน้าให้ได้เท่านั้น

     

    10 นาทีก่อน

     

     

    ในห้องลับมีเพียงแคลร์ที่ถูกจับมัดตรงเก้าอี้กับชายผมแดง ตาสีแดง ใส่ชุดหนังสัตว์คล้ายพวกโจรแต่ดูดีกว่าหน่อย

     

    “ทำไมนายถึงต้องทำอย่างนี้ด้วย”แคลร์ถามอย่างนี้มาเป็นสิบๆรอบแต่ชายผมแดงกลับเพียงนิ่งเงียบไม่พูดจา

     

    “บางทีเจ้าหญิงอย่างท่านไม่รู้อะไรเลยจะดีกว่า”ไม่รู้ด้วยความรำคาญหรืออะไรในที่สุดชายผมแดงก็กล่าวตอบ

     

    “นายต้องการเงินเหรอ?”แคลร์ถามซึ่งชายตรงหน้าก็นิ่งเงียบไป

     

                 “อย่าเงียบสิ”แคลร์ตะโกนสุดเสียงเธอเริ่มทนไม่ไหวที่รู้สึกเหมือนพูดอยู่คนเดียว

     

                 “บางทีเธอควรจะหุบปากไว้ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวตัดลิ้นเธอออกมา”ชายผมแดงพุ่งปิดปากพร้อมจ้องมองแคลร์อย่างน่ากลัว

     

                 ตอนนั้นเองที่พลังออร่าของแคลร์เริ่มทำงาน ความทรงจำต่างๆของชายผมแดงไหลเข้าสู่สมองของแคลร์ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เขาประสบมา ทำให้ตอนนี้แคลร์รู้เรื่องของชายผมแดงจนเกือบหมดตอนนี้เธอกลับมีน้ำตาไหลออกมา

     

                 “เธอร้องไห้ทำไม”ชายผมแดงถาม

     

                 “ฉันร้องไห้เพราะสงสารนาย”แคลร์ตอบพร้อมส่งสายตาสงสารมาที่ชายผมแดง

     

                 “สงสารเรื่องอะไร?”ชายผมแดงถามอย่างงุงงน

     

                 “สงสารเด็กน้อยผู้สูญเสียพ่อแม่ในสงคราม แม้จะถูกกองทัพไปเลี้ยงดูก็ต้องทนกับการฝึกนรกทุกวัน เพื่อนพ้องที่มีก็ล้มตายไปจนหมด ไร้ซึ่งอิสรภาพ ไร้ซึ่งครอบครัว ไร้ซึ่งเป้าหมายในชีวิต มีชีวิตและตายเพียงเพื่อทำตามหน้าที่ของกองทัพ”แคลร์ยิ่งพูดก็ยิ่งร้องไห้ผิดกับชายผมแดงที่สีหน้าเปลี่ยนไป

     

                 “เธอดูอดีตฉันงั้นเรอะ”ชายผมแดงจ้องมองอย่างดุดัน แต่กลับเห็นเพียงสายตาสงสารกับเวทนามาจากหญิงสาว

     

                 “อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น สายตาที่ทำเป็นสงสาร เวทนานั้น”ชายผมแดงเดินถอยหลังความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึงค่อยๆกลับมา ความรู้สึกที่อัดอั้นเก็บกดคล้ายจะระเบิดออก เขากำลังจะรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าต้องหาที่ระบาย

     

                 “เพล้ง”ชายผมแดงถอยไปจนชนกับชั้นของด้านหลังจนจานจำนวนมากร่วงลงมา

     

                 “เด็กน้อยผู้น่าสงสาร”แคลร์พูดพลางมองชายผมแดง

     

                 “หุบปาก หุบปาก หุบปากซะ”ความอดทนของชายผมแดงขาดสะบั้น ความบ้าคลั่งเข้ามาแทน เขาพุ่งไปต่อยแคลร์อย่างไม่ยั้ง แคลร์ก็ไม่ได้ร้องออกไปเพียงกัดฟันเบาๆหลังซ้อมอยู่นานชายผมแดงก็หยุดเห็นแคลร์นั้นสลบไปแล้ว

     

                 “เธอผิดเองนะ”ชายผมแดงมองแคลร์อย่างขุ่นเคือง เขายังระบายอารมณ์ไม่หมด แต่ถ้าเขาซ้อมแคลร์ต่อเธอต้องตายแน่

     

                 “นั่นแกทำอะไรกับแคลร์!”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×