ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายไร้บัลลังก์

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 57


    บทนำ

                    อเล็กซานเดรียได้ชื่อว่าเป็น "มหานครศักดิ์สิทธิ์" จากการต่อสู้กับเหล่าเทพในอดีตกาลและกลายเป็นเมืองหลวงของไกอานับแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ต้องพูดถึงความตระการตา ที่แห่งนี้คือ สรวงสวรรค์ของชาวมนุษย์ ไม่ว่าใครก็ใฝ่ฝันจะมาที่นี่สักครั้ง

                    อเล็กซานเดรียถูกปกครองโดยตระกูลไกอามานับพันปี กษัตริย์ผู้ปกครองทุกพระองค์ล้วนมีความรักในมหานครศักสิทธิ์และทุ่มเทแรงกายใจในการบริหารและพัฒนาบ้านเมือง นับตั้งแต่ ไกอา กราเดียน กษัตริย์ผู้สร้างมหานครเป็นต้นมา อเล็กซานเดรียก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่สุดในมุนดัส

                เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไปจนถึงสมัยการปกครองของกษัตริย์ซาร์คอน พระองค์ไม่ค่อยสนใจในการบริหารบ้านเมืองมากนัก ชาวเมืองต่างพากันร่ำลือถึงความเสเพลของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน พระองค์มักขลุกอยู่แต่ในวังพร้อมกับนางสนมและเสพสุราส่งผลให้บรรดาขุนนางจำต้องออกมาว่าราชการแทน ด้วยความที่ยังไม่ได้รับอำนาจอย่างเต็มที่ การจะตัดสินใจเรื่องต่างๆย่อมต้องผ่านผู้ที่มีอำนาจสูงสุดหรือก็คือกษัตริย์ซาร์คอนนั่นเอง การที่พระองค์เอาแต่คลุกอยู่แต่ในวังเริ่มส่งผลร้ายต่อประชาชน เสบียงคงคลังที่เคยอุดมสมบูรณ์เริ่มร่อยหรอและไม่เพียงพอต่อประชาชนที่ยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เหล่าขุนนางต่างประชุมกันหาทางแก้ไขเรื่องนี้

    “ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ให้กษัตริย์ทราบ”เสียงดังขึ้นจากชายหนุ่มผมสีฟ้า หน้าตาดี อายุราวๆยี่สิบกว่าปีแต่ดูมีอำนาจองอาจผิดกับชายหนุ่มทั่วไป

    “ไม่ได้กษัตริย์ไม่พบใครทั้งนั้น”ขุนนางคนหนึ่งแย้ง

    “ข้าต้องเข้าพบตอนนี้ประชาชนต้องอดอยาก โจรร้ายเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน อเล็กซานเดียร์ตอนนี้ไม่แตกต่างจากแดนเถื่อนข้าต้องรายงานเรื่องนี้ให้กษัตริย์ทราบ”เขาพูดอย่างโมโหจนแทบจะวิ่งไปรายงานกษัตริย์เองอยู่แล้ว

    “แม่ทัพวิลเลียมโปรดใจเย็นเรื่องนี้พวกเราจะรายงานให้กษัตริย์ทราบเอง”ขุนนางคนเดิมพูดห้ามไว้ก่อนจะเดินไปตบไหล่วิลเลียม “เพราะงั้นท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก”

    “ไม่ให้กังวลอะไรกันท่านบัตเคนท่านบอกอย่างนี้หลายรอบแล้วแต่ผลก็คงเหมือนเดิม”วิลเลียมถามแบบหงุดหงิดเพราะเขาโดนปฎิเสธไม่ให้พบกษัตริย์มาหลายรอบแล้ว

                    บัตเคน บาร์ตินดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ตั้งแต่รุ่นก่อน และพวกขุนนางกับพวกนักรบกว่าครึ่งก็เป็นพวกเขา ทำให้ไม่มีคนกล้าขัดใจเพราะคนที่กล้าขัดมักหายสาบสูญไปเกือบทุกคนจะบอกว่าตอนนี้เขาเป็นรองเพียงกษัตริย์ก็ว่าได้

    “ขอให้อดทนไว้ท่านแม่ทัพวิลเลียมกษัตริย์ทรงคิดทางแก้ปัญหาอยู่”บัตเคนพูดเสร็จก็เดินจากไป

    “ทำไมกษัตริย์ถึงกลายเป็นแบบนี้”วิลเลียมพึมพำเบาๆออกมาเมื่อก่อนกษัตริย์ซาร์คอนไม่ได้เป็นแบบนี้ ตอนที่พบเจอช่วงแรกๆเขายังคิดว่าน่านับถือและบุคลิกเหมาะสมกับการเป็นกษัตริย์จริงๆแถมเขายังได้รับการช่วยเหลือจากกษัตริย์ในหลายๆอย่าง แต่ตอนนี้กลับเป็นกษัตริย์เสเพลไม่สนใจงานราชกาลเขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้

                    หลังจากนั้นผ่านไปหลายวันแต่ก็ยังไม่มีคำสั่งใดๆเหล่าขุนนางก็ทำเหมือนไม่สนใจเท่าที่ควรจะมีก็แต่บางกลุ่มที่ร้อนรุมใจว่าเมื่อไหร่กษัตริย์จะมีนโยบายดีๆมาแก้ปัญหากัน ตอนนั้นเองที่บัตเคนก็เดินเข้ามาพร้อมจดหมายที่มีตราของกษัตริย์

    “กษัตริย์ทรงมีแผนดีๆแล้วสินะ”วิลเลียมเป็นคนแรกที่พูดขึ้นเขามองจดหมายในมือบัตแคนอย่างดีใจ

    “ใช่ ข้าจะอ่านให้ฟัง”บัตเคนค่อยๆเอาจดหมายออกมาก่อนจะเริ่มประกาศด้วยเสียงดังกังวาน

    “ข้าได้รับทราบถึงปัญหาต่างๆแล้ว และได้พยายามคิดหาทางออกให้กับอาณาจักรและหลังจากลองดูอยู่หลายวิธีก็ได้วิธีที่ดีที่สุดคือ....”บัตเคนเว้นจังหวะเล็กน้อยจนทุกคนรอลุ้น “ให้ชาวบ้านทุกคนไม่ว่าเด็กหรือคนแก่ไปทำไร่ทำนา เก็บภาษีเพิ่มขึ้นสามเท่าเพื่อใช้ซื้อเสบียงมาเก็บตุนไว้ช่วงหน้าหนาว ใครที่ไม่ทำตามข้าอนุญาติให้ลงโทษได้”

                    พอพูดจบทุกคนในห้องก็ตกใจบางคนคิดว่าหูฟาดแทบไม่อยากเชื่อว่ากษัตริย์จะคิดแผนนี้ออกมา ทุกคนเริ่มปรึกษากันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เสียงโหวกแหวกเริ่มดังขึ้นคล้ายอยู่ตลาดสดจนกระทั่งวิลเลียมทุบโต๊ะดังลั่นจึงเงียบลงแล้วหันมามองเขา

    “ไม่มีทางข้าไม่เชื่อว่ากษัตริย์จะเสนอนโยบายทุเรศนี่ออกมา”วิลเลียมตะโกนดังลั่น

    “ท่านรู้ตัวไหมกำลังพูดอะไรนะ นี่ท่านกำลังต่อว่าความคิดของกษัตริย์อยู่นะ”บัตเคนสวนกลับทันทีแต่วิลเลียมไม่สนใจเขารีบเดินออกจากห้องประชุมทันที

    “นั้นท่านจะไปไหน”บัตเคนถาม

    “ข้าจะไปพบกษัตริย์แล้วจะถามว่าคิดนโยบายบัดซบนี่มาได้ยังไง”ตอนนี้วิลเลียมกำลังโมโหถึงขีดสุด ไม่อยากเชื่อว่ากษัตริย์จะคิดแผนอะไรแบบนี้ขึ้นมา ถึงเขาจะเป็นนักรบก็ยังรู้ว่าถ้าประกาศกฎใหม่นี่ออกไปย่อมมีประชาชนไม่พอใจมากแล้วสุดท้ายก็ต้องนำมาซึ่งการก่อกบฎ

    “กษัตริย์ไม่ขอพบใครทั้งนั้น”บัตเคนตะโกนไล่หลังมาแต่วิลเลียมไม่สนใจรีบเดินไปยังห้องกษัตริย์ทันที ซึ่งพอเขาเดินไปไม่กี่ก้าวพวกทหารก็มาขวางทางเข้าไว้

    “กษัตริย์ไม่ขอพบใครขอเชิญท่านแม่ทัพกลับไป”ทหารพูดพร้อมยกดาบขึ้นจ่อวิลเลียม

    “วันนี้ข้าต้องเข้าพบให้ได้ใครขัดขวางข้าจะจัดการมัน”วิลเลียมตะโกนให้หลีกทางแต่สิ่งที่ได้กับเป็นคมดาบที่พุ่งเข้ามา ดาบนับสิบพุ่งลงมาฟันแต่ไม่ทันโดนตัววิลเลียมก็ปรากฏอาวุธมากมายมาสกัดไว้ก่อน

    “ข้าขอเตือนครั้งสุดท้ายจงถอยไป”วิลเลียมเสกอาวุธหลายสิบเล่มมาจ่อพวกทหารบ้าง แต่พวกทหารกลับพุ่งโจมตีแบบไม่กลัวตายผลคือโดนอาวุธของวิลเลียมเสียบทั่วร่างแต่เขาก็ไม่ได้ฆ่าคนพวกนั้น เขาเดินไปต่อคล้ายไม่สนใจเหล่าทหารเป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียวคือห้องกษัตริย์ หลังเดินฝ่าพวกทหารมาสักพักเขาก็มาถึงหน้าห้อง

    “ข้าวิลเลียม เลเฟียสขอเข้าพบกษัตริย์ครับ”วิลเลียมคุกเข่าตรงหน้าประตู

    “วิลเลียมงั้นรึ เจ้ามีธุระอะไรถึงต้องฝ่าพวกทหารมาพบข้า”เสียงดังออกมาจากหลังประตู

    “ข้าอยากทราบว่าแผนการที่จะเกณฑ์ประชาชนมาทำนาและเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสามเท่าเป็นความจริงรึไม่”เขาเล่าเรื่องออกไปเสียงของกษัตริย์เงียบไปพักใหญ่

    “งั้นรึ”คำตอบสั้นๆแต่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยจนวิลเลียมสัมผัสได้

    “พอแค่นั้นแหละท่านแม่ทัพวิลเลียม”บัตเคนเดินมาพร้อมทหารหลายร้อยคนมาล้อมวิลเลียมไว้ “ท่านคงรู้โทษที่ต้องบังอาจมาพบเจอกษัตริย์สินะ”

    “กษัตริย์ซาค่อนข้าขอให้ท่านตอบคำถามด้วย”วิลเลียมเหมือนไม่สนใจพวกทหารได้แต่ทวงถามกษัตริย์ บัตเคนก็สั่งให้พวกทหารรุมโจมตีใส่วิลเลียม ถึงเขาจะเก่งแค่ไหนแต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟเพียงไม่นานก็โดนฟาดจนสะบักสะบอม

    “แล้วเจ้าเชื่อในตัวข้ามากน้อยเพียงใด”คำตอบสั้นๆที่ส่งมาหลังบานประตูแต่วิลเลียมไม่ทันได้ถามต่อก็ถูกพวกทหารฟาดใส่ไม่ยั้งจนสลบไป

                    หลังจากนั้นกฎใหม่ของซาร์คอนประกาศออกไปแน่นอนว่าสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนอย่างมาก เมื่อประชาชนได้ข่าวเรื่องนี้บางส่วนก็ขอลดหย่อนภาษีในขณะที่บางคนก็สูงอายุเกินกว่าจะไปทำงานได้ แต่กษัตริย์ซาร์คอนยังคงยื่นคำขาดโดยนำประชาชนบางส่วนที่ต่อต้านเขามาเฆี่ยนตีและแห่ไปรอบเมืองเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

                    ส่วนวิลเลี่ยมหลังเหตุการณ์นั้นก็ถูกลงโทษโดยการยึดตำแหน่งและเนรเทศออกจากอเล็กซานเดียร์ที่จริงโทษของเขาคือประหารชีวิตแต่เพราะเห็นแก่ผลงานที่ผ่านมาจึงละเว้นโทษประหารไป วิลเลี่ยมกลับไม่ดีใจนักเขาเดินกลับบ้านแบบหมดอาลัยก็พบเจอทหารในสังกัดตัวเองยืนรออยู่

    “ท่านแม่ทัพท่านจะไปจริงๆเหรอ”ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ใช่ เป็นคำสั่งของกษัตริย์ข้าต้องทำตาม”วิลเลียมพูดขึ้นพร้อมกับจัดเก็บข้าวของไปด้วย

    “ถ้างั้นให้พวกเราตามไปด้วย ข้าก็ไม่คิดจะรับใช้กษัตริย์ซาร์คอนอีกแล้ว”พอทหารคนหนึ่งพูดขึ้นคนอื่นก็เห็นด้วย

    “ไม่ได้หรอก ถ้าพวกเจ้าตามข้าไปต้องโดนกษัตริย์ตั้งข้อหาคิดก่อการกบฏแน่ แถมครอบครัว เพื่อนพ้องพวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ พวกเจ้าไม่ควรเสียสละขนาดนั้นเพื่อข้าหรอก”พอทหารได้ฟังก็หมดคำโต้แย้งไร้ซึ่งคำพูดใดๆ วิลเลียมก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาจัดข้าวของเสร็จแล้วจึงเตรียมเดินจากไป

    “พวกเราขอให้ท่านแม่ทัพโชคดี”พวกทหารพูดกันอย่างพร้อมเพรียงบางคนถึงกับหลั่งน้ำตา บางคนเพียงกัดฟัน เพราะวิลเลียมเคยช่วยเหลือพวกตนมามากมายแต่พอเวลาแม่ทัพลำบากพวกเขากลับไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

    “พวกนายก็เหมือนกัน อีกอย่างขอให้จำไว้แม้พวกนายจะหมดศรัทธาต่อกษัตริย์แต่จงอย่าหมดศรัทธากับอเล็กซานเดียร์”วิลเลียมพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะควบม้าวิ่งจากไปโดยไม่หันไปมองข้างหลังเพราะกลัวพวกนั้นจะเห็นน้ำตาของตน

                    ในวัยเด็กเขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าไม่มีอะไรเลยมีเพียงพลังออร่าที่เสกอาวุธออกมาได้ เขาต้องขโมยอาหารหรือเก็บจากถังขยะมากิน พอโตขึ้นก็สมัครเป็นทหารฆ่าฟันศัตรูไปมากมาย พวกพ้องที่ต้องสูญเสีย กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้เขาต้องทนฝ่าฟันความยากลำบากมามากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเพียงวันเดียวเขากลับต้องสูญเสียทุกอย่างจะไม่ให้เสียใจได้ไง ตอนนี้วิลเลียมทำได้แค่วิ่งควบม้าอย่างสุดกำลังเพื่อลืมความเสียใจที่ผ่านมา ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×