คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องวุ่นในชุมนุมผู้วิเศษ
14 ปีต่อมา จากเด็กหญิงแสนวุ่นวาย ก็เติบโตเป็นหญิงสาวซึ่งมากด้วยความสามารถและกล้าหาญ แต่คงไว้ซึ่งนิสัยซุ่มซ่ามเช่นเคย
เช้าวันนี้ท็องส์ต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะไปเข้าสอบเป็นมือปราบมารอย่างที่เธอใฝ่ฝัน
เธอเดินไปตามถนนของพวกมักเกิ้ลเพื่อตรงไปยังกระทรวงเวทมนตร์ มีหนังสือและเอกสารมากมายเต็มมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเป็นแก้วพลาสติกที่ใส่กาแฟร้อนๆไว้เต็มปริ่ม และเพราะความซุ่มซ่ามของเธออีกตามเคย ท็องส์ก็เผลอจามออกมา ทำให้ถ้วยกาแฟกระชอกรดมือเธอและร่วงสาดไปโดนใครบางคนที่เดินสวนทางมาพอดี
“ขอโทษค่ะ...ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ”ท็องส์ก้มหน้าหงุดมองรองเท้าเก่าๆซอมซ่อของอีกฝ่ายที่เธอทำกาแฟรดใส่
“นิมฟาดอร่า ท็องส์ ใช่ไหม”ท็องส์เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าอบอุ่น ที่ยังคงเหลือเค้าความหนุ่มอยู่เล็กน้อย ผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งบัดนี้ถูกแซมด้วยสีเทาดูกระเซิงไม่เป็นระเบียบ เสื้อคลุมตัวใหญ่ที่เขาสวมใส่มีรอยปะชุนมากมาย แต่เขาผู้นั้นก็ยังดูดีในสายตาเธอ...รีมัส ลูปิน
“รีมัส...คุณเอ้อ มาทำอะไรที่นี้ อุ้ยตายแล้ว!!! เสื้อคลุมคุณ”ด้วยความตกใจ ท็องส์จึงหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาจะร่ายมนตร์
“ท็องส์!!! นี่เธออยากถูกสอบสวนเรื่องใช้เวทมนตร์ต่อหน้ามักเกิ้ลรึไง”ลูปินกระชากไม้กายสิทธิ์ของเธอลงก่อนที่จะเกิดเรื่องวุ่นๆขึ้น
“เออใช่ ฉันลืมไป”ท็องส์เก็บไม้ของเธอแล้วใช่ผ้าเช็ดหน้าเช็ดรอยเปื้อนให้ลูปินแทน
“แล้วนี่เธอกำลังจะไปไหน”ด้วยความเก้อเขินลูปินจึงดึงผ้าในมือท็องส์มาเช็ดเสียเอง แต่ก็ถูกสาวเจ้ากระชากกลับไป
“โอ้ยตายแล้ว ฉันลืมดูเวลา อีก 10 นาทีเขาจะเริ่มสอบกันแล้ว”หญิงสาวลนลานรีบเก็บของ “ฉันจะไปสอบเป็นมือปราบมารน่ะ ขอตัวก่อนนะรีมัส”
“โชคดีนะท็องส์ แล้วเจอกันวันหลัง”ลูปินยิ้มละไมให้เธอ มันทำให้หัวใจหญิงสาวกระตุกวูบ เหมือนได้รับยาชูกำลังเต็มเปี่ยม เธอออกวิ่งอย่างเบิกบาน แต่ก็ไม่วายไปชนกับแผงลอยหนังสือพิมพ์
ลูปินหัวเราะน้อยๆกับความซุ่มซ่ามของเธอแล้วหันหลังเดินจากไป
ท็องส์หันกลับมามองแต่ลูปินก็ได้หายไปเสียแล้ว ‘อ๊ากกกก!!! เธอจะบ้าไปแล้วรึไง ท็องส์แค่เห็นรอยยิ้มนั้นเธอก็ใจเต้นแรงซะแล้ว’
หลายเดือนต่อมาดัมเบิลดอร์ส่งข่าวเรื่องการคืนชีพของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร มีการรวบรวมสมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์อีกครั้ง และท็องส์ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับเชิญ(ตอนนี้เธอเป็นมือปราบมารแล้ว)
ลูปินเองก็ถูกรับเชิญเช่นกัน(ภาคีรุ่นเก่า)
“เอ่อ...รีมัส คุณสบายดีรึป่าว ท่าทางอิดโรยนะ”ท็องส์ทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม วันนี้ผมของเธอเป็นสีท้องทะเล
“ก็ดี แค่รู้สึกเป็นห่วงแฮร์รี่น่ะ”
“จะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะถามเรื่องเกี่ยวกับ...คุณ”ท็องส์ยิ้มเจื่อนๆ
“ได้สิ”ลูปินประหลาดใจเล็กน้อย
“คือ...จริงหรือที่คุณยังไม่แต่งงาน”ลูปินพยักหน้านิดเดียวแทนคำตอบ
“ทำไมล่ะ ทั้งๆที่คุณออกจะ...” เงียบไป กำลังใช้ความคิด
‘สุภาพ เก่ง ดูดีไปทุกอย่าง ...หรือว่า...รีมัสจะเป็นเกย์...โอ้ไม่นะท็องส์’ ท็องส์คิดในใจ
“ฉันเป็นมนุษย์หมาป่า”ลูปินกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน
‘เออไม่น่าโง่เลยเราที่แท้ก็เป็นมนุษย์หมาป่า ฮะ!!!มนุษย์หมาป่า ’ ท็องส์แสดงออกว่าตกใจสุดขีด ก่อนจะรีบกลับมาอยู่ในอาการปกติ
“เฮ้อ...”ลุปินถอนหายใจ แล้วหันหลังเดินต่อไป ‘จะปิดบังไปทำไมในเมื่อสักวันเธอเองก็ต้องรู้’
“แต่รีมัส...”ท็องส์วิ่งตามเขาไป
“ไม่ต้องคิดมากหรอกท็องส์ ฉันก็เจอกับสถานการณ์แบบนี้เป็นประจำ”
“ฉันไม่ได้รังเกียจคุณนะ”หญิงสาวส่งยิ้มเป็นกำลังใจ
ลูปินมีท่าทางอึ้งนิดๆ จะมีสักกี่คนเชียวที่ยอมรับโรคบ้าๆนี้ของเขาได้ “ขอบคุณ...นิมฟาดอร่า”
“เรียกฉันท็องส์ เหมือนเดิมเถอะ ฉันไม่ค่อยชอบชื่อนี่ซะเท่าไร”
“ขอบคุณ...ท็องส์”ชายหนุ่มยิ้มละไมแสนอบอุ่นให้เธอ
ภารกิจแรกของพวกเขาคือการพาตัวแฮร์รี่มาที่ภาคีอย่างปลอดภัย ซึ่งก็สำเร็จไปด้วยดี และทุกคนก็มาร่วมรับประทานอาหารหลังงานเสร็จ
“เราจะกินในครัวข้างล่าง”นางวีสลีย์กระซิบ เดินมาพบพวกเด็กๆที่เชิงบันได
โครม!
“ท็องส์!”นางวีสลีย์ร้องอย่างหัวเสีย
“ขอโทษจิงๆ”ท็องส์คราง เธอนอนแผ่อยู่บนพื้นห้อง “ไอ้ที่ใส่ร่มบ้าๆนี่ล่ะเป็นหนที่สองแล้วที่ฉันสะดุดล้ม...”แต่คำพูดที่เหลือของเธอก็ถูกลบโดยเสียงร้องแหลมสูงของคุณนายแบล็ก
ลูปินกับนางวีสลีย์ถลาเข้าไปข้างหน้า พยายามกระชากม่านปิดแต่ก็ไม่สำเร็จ
ซีเรียสเขามาแก้สถานการณ์ไว้ได้ทัน
ทั้งหมดจึงเดินต่อเข้าไปในห้องครัว ซึ่งบิลกำลังเร่งเก็บม้วนแผ่นกระดาษอยู่ ท็องส์ก้าวยาวๆตรงเข้าไปจะช่วย และเธอก็ทำเทียนล้มคว่ำใส่กระดาษแผ่นสุดท้าย
“โธ่ไม่นะ ขอโทษที”
“โอ๊ย...เธอจ๋า”นางวีสลีย์ร้อง เสียงบอกว่าหัวเสียไม่น้อย และจัดแจงซ่อมกระดาษโดยโบกไม้กายสิทธิ์หนึ่งที
ลูปินยิ้มนิดๆกับความซุ่มซ่าม เงอะงะของ ท็องส์
“ยิ้มอะไรรีมัส”ท็องส์ค้อนวงโต
ทุกคนเริ่มรับประทานอาหาร
ท็องส์กำลังทำให้จินนี่กับเฮอร์ไมโอนี่หัวเราะด้วยการเปลี่ยนจมูกไประหว่างกินอาหารแต่ละคำ
“ทำที่เหมือนจมูกหมูสิค่ะ ท็องส์”ท็องส์ทำตามนั้น เด็กๆยิ้มและหัวเราะกันยกใหญ่
ลูปินต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการตั้งใจฟังสิ่งที่บิลกับนายวีสลีย์พูด เมื่อหูของเขากลับได้ยินแต่เสียงหัวเราะของท็องส์และเด็กๆ
หลังจากมื้ออาหารนั้นเสร็จสิ้นลงทุกคนก็ต่างแยกย้ายไปทำภารกิจใหม่ของตน
ความคิดเห็น