ตอนที่ 38 : ผู้หญิงของเฮีย
ประตูห้องพักเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างบางของผู้เป็นเจ้าของก้าวไปทรุดตัวนั่งบนโซฟาตัวเดิมที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน มือบางเลื่อนหยิบรีโมททีวี เปิดมันทิ้งไว้อย่างที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจดู เลือกปรับโฟกัสดวงตากลมสดใสที่เจือไปด้วยแววเหนื่อยอ่อนเหม่อมองไปยังด้านนอกระเบียง
แสงแดดยามสายสอดส่องเข้ามาสอดรับกับท้องฟ้าสดใสไม่มีเมฆบังในวันไร้ฝน พอให้ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ แต่งแต้มบนดวงหน้าหวานขึ้นมาได้บ้าง ถ้าก่อนหน้านี้เป็นเหมือนการเดินทางในอุโมงค์อันมืดมิดที่แม้แต่หาแสงสว่างยังไม่เจอ การลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างปลอดภัยของคนเป็นป้าผู้มีพระคุณอีกคนหนึ่งในชีวิต ทำให้หัวใจของเธอพอมองเห็นแสงสว่างสาดส่องมาจากปลายทาง แม้ต้องแลกด้วยการเสียบางสิ่งไปบ้างก็ตาม แต่ถ้าเทียบกันแล้วเธอไม่รู้สึกเสียใจหรือเสียดายเลย เพราะมันคุ้มค่าที่จะแลกมากับสิ่งนี้
ดวงหน้าหวานถอนหายใจหนักๆ ก่อนมือจะหยิบรีโมตกดปิดทีวีที่เปิดค้างทิ้งไว้ อดนึกขำกับตัวเองไม่ได้ ต่อไปนี้ทุกอย่างคงต้องประหยัด เธอคงจะกลายเป็นคนงกจัดอย่างที่ใครบางคนเคยแหย่เล่นจริงๆ
เธอเดินจากตรงนั้นไปแล้ว…แต่เพียงแค่หมุนตัวหันหลังเดินกลับไปไม่กี่ก้าว หยุดยืนอยู่ตรงที่ๆ ความคุ้นเคยเดิมๆ แล่นเข้ามาในสมอง ทำให้พลันคิดถึงใครอีกคน
มันดูเป็นเรื่องปกติไปซะแล้วกับการมีผู้ชายคนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
โซฟาตัวนั้นเคยมีใครอีกคนมานั่งๆ นอนๆ
มองไปยังห้องครัว ก็เคยมีเสียงหัวเราะ โวยวาย รวมถึงหยอกล้อของเขาดังอยู่เรื่อยๆ เสมอๆ
เมื่อนึกถึงแล้วก็อดยิ้มกับตัวเองอีกไม่ได้
เธอรู้ดีว่าเขาเป็นอย่างไร ผู้ชายปากร้าย ขี้โวยวาย แถมเอาแต่ใจตัวเอง แต่พอเอาเข้าจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ผู้ชายคนนี้ล่ะที่มักจะใจอ่อนและใจดีกับเธอเสมอๆ คิดมาถึงตรงนี้ปรากฏรอยยิ้มสดใสอยู่บนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
แต่ก็ดีแล้วที่วันนี้ตอนนี้เขาไม่อยู่ยุ่งวุ่นวายให้เธอเห็น ลองถ้าเขารู้ว่าเธอทำอะไรลงไป มีหวังเธอต้องโดนกระโดดงับหัวไปแล้วแน่ๆ
ลลนาคิดอย่างขำๆ แล้วเดินตรงไปเปิดประตูห้องนอน ก่อนจะสะดุ้งโหยงเอามือปิดตาตัวเองด้วยความตกใจโดยอัตโนมัติ
เฮ้ย!!! เธอกลัวผีนะ หรือมีผีตามมาจากโรงพยาบาล? ห้องนี้โดยปกติก็ไม่มีผีสักตัวปรากฏตัวให้เห็น แล้ว...แล้วนี่อะไร เธอเหนื่อยจนจิตอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ ผีถึงตั้งท่าจะมาหลอกเธอเอาวันนี้
“กลับมาแล้วเหรอ ยัยตัวแสบ”
เสียงเหอะในลำคอตามด้วยประโยคนั้นดังมาจากด้านหลัง ทำเอาคนตัวเล็กที่หมุนตัวกลับแต่ขาไม่ยอมขยับแทบไม่กล้าหันไปมอง ได้แต่ยืนนิ่ง ตัวสั่น มือก็ปิดตาแน่นอยู่อย่างนั้น
“พุธโธ ธัมโม สังโฆ ฮือ กลัวแล้ว อย่ามาหลอกหลอนกันตอนนี้เลยนะ” คนกลัวผีขึ้นสมองได้แต่พึมพำขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะช่วยไม่ได้ เพราะผีสมัยนี้มีฤทธิ์ advance ไปมากกว่าปกติ ยิ่งไล่เหมือนยิ่งยุ อิทธิฤทธิ์คุณผีจะเยอะเว่อร์ไปถึงไหน แค่เสียงพูดไม่พอ เสียงฝีเท้ายังขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ลลนาถึงกับสติแตกยืนแข็งทื่อตัวเกร็งจนแทบจะเป็นลม
ไหนใครว่าผีจะเท้าไม่แตะพื้น แล้วที่เธอได้ยินเสียงเตาะแตะๆ นี่ล่ะมันคืออะไร ฮือ กลัวแล้วๆ สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ไปสู่ที่ชอบที่ชอบเถอะนะ ชอบตรงไหนก็ไปตรงนั้น อย่าได้มาทักมาทายกันเลย เพี้ยงๆๆ
ว้าย….
แต่สัมผัสจากแขนยาวๆ ที่ยื่นมาแตะบนไหล่ คนตัวเล็กเผลอร้องโวยวายออกมาซะดังลั่น ยืนหลับตาปี๋สนิทอย่างกับโดนอะไรสักอย่างเข้าสิง
และภาพตรงหน้าก็ทำให้คนที่ลอยคอรอคอยตั้งท่าเตรียมทำเข้มต้องเผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนเหมือนเพิ่งคิดได้จึงรีบแอบซ่อนรอยยิ้มนั้นไว้อย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ปรับสีหน้าเป็นจริงจังตามเดิม
เหอะ ทำกับเฮียไว้มากนะยัยแสบ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่ยอมบอก ไม่พอยังจ้องจะหลบหน้าหลบตาอีกต่างหาก แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนยัยตัวเล็ก
“ยัยเตี้ย!! ผีบ้าที่ไหนจะหล่อขนาดนี้ นี่เฮียเอง ลืมตาได้แล้วยัยบ๊อง” เสียงห้าวเจือแววไม่สบอารมณ์ดังขึ้น ไม่เท่านั้นคนตัวโตยังเตือนสติเธออีกครั้งว่าตนไม่ใช่ผี ด้วยการป้อนมะดีดลงบนหน้าผากเนียนไปอีกป๊อก
โอ๊ย เจ็บนะ บอกกันดีๆ ไม่ได้หรือไง ชอบใช้กำลังอยู่เรื่อย ไอ้ผู้ชายเผด็จการ ไอ้เฮียบ้า!!!
มือบางค่อยๆ คลายออก ก่อนทั้งหรี่ทั้งเหลือบตามองผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วทีละนิ้ว เห็นดวงตาคมฉายชัดด้วยแววไม่สบอารมณ์ของคนตรงหน้า เป็นการบอกชัดเจนว่าเธอไม่ได้ฝัน อดพึมพำในใจไม่ได้ เจ็บไม่พอ ยังเสียหน้าไม่หายที่ปล่อยไก่ไปทั้งเล้าอีกต่างหาก ท่าทางจริงจังไม่มีแววเล่นเหมือนก่อนๆ ยังจ้องมองมาไม่เลิก ทำให้คนมีความผิดเป็นชนักติดหลังอย่างเธอทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากพยายามหลบสายตาสาดแสงแรงกล้าคู่นั้น แต่ก็ไม่วายเหลือบมองเป็นระยะเพื่อประเมินสถานการณ์ ไม่รู้ตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า แวบหนึ่งเธอแอบเห็นแววตาคู่นั้นเจือรอยยิ้มนิดๆ ก่อนจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว
“เฮียเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง” พยายามใจกล้าแกล้งถามไปยังไม่ทันจบประโยคดี กุญแจพร้อมคีย์การ์ดเสร็จสรรพอีกหนึ่งชุดก็ถูกชูหราขึ้นมาตรงหน้าด้วยมือของเขา ซึ่งยังแสร้งทำหน้าเฉยราวกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา ต่างกับเธอที่ถึงกับตกใจตาโตอีกรอบเมื่อได้เห็น
อึ้ย คนขี้โกง ไอ้เฮียเจ้าเล่ห์ ลลนาด่าอุบอิบในใจแล้วพยายามทำเป็นฮึดฮัดตีอกชกหัวใส่เขา แต่อีกฝ่ายก็เก่งกาจถึงขนาดรู้ทันเดาทางถูก แถมยังพูดดักคอไว้ซะก่อน
“เหอะ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง เฮียยังมีเรื่องที่ต้องจัดการกับเธอ ยัยแสบ” คำว่า ‘จัดการ’ เล่นเอาคนดิ้นขลุกขลักต่อต้านแรงจากข้อมือแกร่งหยุดนิ่งทันที รีบแสร้งหลบตาเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วไหนเฮียบอกจะไปหาเขา ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่”
“ก็เหมือนกับเธอที่บอกจะรอเฮีย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน” เขาสวนออกมาทันควันพร้อมแววตารู้ทัน ยิ่งทำเธอไปต่อแทบไม่ถูก
“….” แน่นอน ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือการเปลี่ยนโหมดอารมณ์ ทำเป็นส่งสายตาใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวกลับไป
แต่…ไม่ต้องมาทำหน้าทำตาให้น่าสงสารเลยนะ ไม่มีคำว่าใจอ่อนสำหรับงานนี้ รู้ไว้ซะ ยัยแสบ!!!
“เป็นใบ้หรือไงยัยบ๊อง เฮียถาม เธอต้องตอบ เฮียจะบอกเอาไว้ก่อนว่าต้องเป็นคำตอบที่ฟังขึ้นและทำให้เฮียพอใจด้วย ไม่งั้นเป็นเรื่อง!!! ” คนพูดแกล้งขู่เสียงแข็ง ทว่าเธอกลับหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาแบบบอกไม่ถูกกับสายตาคมที่จ้องมา เพราะกี่เรื่องต่อกี่เรื่องของไอ้เฮียชีกอตรงหน้า วกไปวนมาก็วนเวียนอยู่แต่เรื่อง เอ่อ ‘พรรค์นั้น’ ทุกที
แล้วนี่ อึ้ย เธอกับเขากำลังยืนอยู่ที่ไหน มองซ้ายมองขวา มองไปโดยรอบ นี่มันห้องนอนและเตียง!!! ขืนทำให้ไอ้เฮียโมโหมากไปกว่านี้ ความปลอดภัยของเธอเอง ใครกันจะรับรอง
“ก็…เอ่อ…ก็เฮียไม่เข้าใจหรือไง เขาแค่กลับมาเอาของ เฮียก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ” คนตอบแสร้งขึ้นเสียงทำโมโหกลบเกลื่อน ก่อนเบือนหน้าหนีไปอีกทาง พยายามพาตัวเองก้าวออกไปจากที่นี่ แต่ก็ยังช้ากว่าอีกคนที่เอื้อมมือมาคว้าร่างเธอให้หันมาเผชิญหน้ากันซะก่อน
“แล้วของที่เธอว่า ใช่ทะเบียนรถเธอหรือเปล่า”
ด้านภัทรพลทั้งที่คิดไว้อย่างดีว่าเมื่อพูดมาถึงประโยคนี้แล้วจะพยายามระงับสติอารมณ์ แต่เอาเข้าจริงๆ อารมณ์โมโหก็เข้าครอบงำดื้อๆ
“เธอเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่ารักษาของป้าเธอ ผ่าตัดหัวใจคงไม่ได้ใช้เงินแค่บาทสองบาทหรอกนะ” เสียงห้าวที่โพล่งถามออกมาตรงๆ ใจของเธอกระตุกหล่นลงตาตุ่มเฉียบพลัน หน้าซีดหนักเมื่อดวงตาคมคาดคั้นจะเอาคำตอบจากเธอให้ได้ มันมีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ในนั้น เขากำลังบีบคั้นให้เธอต้องตอบ
“ก็เงินที่เฮียให้เดือนละสามแสนนั่น…นั่นไง”
“แล้วยัยเต้าหู้ของเธอไปไหน” มันเป็นคำพูดที่ดูไม่สบอารมณ์เลยสักนิด ภัทรพลไม่พอใจเอามากๆ มือหนาจับไหล่คนตัวเล็กไม่ให้เลี่ยงหลบ สบเข้าไปในตาอย่างต้องการจับพิรุธ ไม่เปิดทางให้หนีไปไหนได้
“เอ่อ ก็จอดอยู่ข้างล่างไง” เธอตะกุกตะกักตอบไปแบบนั้น
“เฮียไปดูแล้วไม่มี”
“ก็เขาเพิ่งขับมาจากที่บ้าน”
“อย่ามาโกหก!! ”
“….”
“ตอบเฮียมา”
“….”
“ตอบเฮียมาสิวะ เธอทำบ้าอะไรของเธออยู่”
“เฮีย”
“อย่าให้เฮียโมโหไปมากกว่านี้”
“คือ...คือ”
“ยัยเต้าหู้ของเธอไปไหน”
“…”
“ตอบ!!! ”
“เขาเอามันไปขายแล้ว ฮึก” เสียงใสเจือสะอื้นโพล่งออกไปในที่สุด หลังจบประโยคนั้นเธอได้ยินเสียงเขาสบถบางคำขึ้นมาอย่างหัวเสีย ภัทรพลใช้เวลาระงับสติอารมณ์อีกเป็นนาที ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันกลับมาหาเธออีกครั้ง
“เท่าไร เธอไปเอามันกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ฮึก”
“อย่ามาร้องไห้ ใครใช้ให้เธอทำแบบนี้ฮะยัยเตี้ย”
“เฮียเคยบอกเธอแล้วใช่ไหม มีอะไรให้บอก แค่บอกเฮียคำเดียวแค่นั้น มันยากนักหรือไง”
“แต่เขาเกรงใจ เฮียให้เขามามากพอแล้ว”
“ต่อให้มากกว่านี้อีกร้อยเท่าพันเท่า เฮียก็ให้เธอได้”
“เฮีย”
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังคำพูดนั้น ร่างสูงของภัทรพลรั้งร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน กอดแน่นๆ อยากให้คนตัวเล็กรับรู้และสัมผัสได้ว่าทั้งหมดเขาเป็นห่วงเธอมากมายเพียงใด เนิ่นนานก่อนเสียงห้าวจะกล่าวออกไป มันเป็นประโยคที่ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมาสบแววตาคมกล้า ทว่าบัดนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนมากมาย ก่อนพยักหน้ารับสิ่งที่ได้ยินทั้งน้ำตา
“จำไว้ เธอเป็นผู้หญิงของเฮีย เฮียจะไม่ยอมให้เธอลำบาก ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ทุกอย่างเฮียเต็มใจทำให้เธอ ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือว่าเรื่องไหน ขอแค่เธอบอก แค่บอกเท่านั้น เข้าใจไหม แก้มยุ้ย”
Talk เฮียมาแล้ววว อีบุ๊คของเฮียก็มาเเล้วนะฮัฟ จัดโปรโมรชั่น 7 วันเท่านั้น ค่าตัวน่ารัก ความฟินคุณภาพคับแก้วววว จัดเลยๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
