ตอนที่ 27 : ไม่ต่าง 60%
“ไหนวันนี้บอกว่ามีประชุม”
“ก็เลิกแล้วนี่ไง ไปกินข้าวกันดีกว่า” พูดไม่พอ มือหนาเอื้อมมาคว้าข้อมือบางจับจูงออกไปด้วยกัน โดยไม่รอฟังคำตอบของคนที่เดินตามก้าวยาวๆ ของเขาต้อยๆ แทบไม่ทัน จากวันแรกที่ดูแปลกๆ ไปบ้าง แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นความเคยชินขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“กินอะไรกันดี? ” เขาถาม ขณะที่เราสองคนกำลังยืนอยู่กลางซุปเปอร์มาร์เก็ตมันเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางข้างโรงพยาบาลนี่ล่ะ ระยะทางจึงไม่ใช่ปัญหาเท่าเวลาที่เข็มนาฬิกาบอกว่านี่มันเป็นเวลาสองทุ่มเศษ
ใช่แล้วล่ะ สองทุ่มนะ ไม่ใช่หกโมงเย็น!!!คิดแล้วแอบย่นจมูกให้แผ่นหลังกว้างของคนที่เพิ่งหันหน้ากลับมาชูแพ็คอาหารสดจำพวกเนื้อสัตว์ให้เธอเลือกเมื่อครู่นี้ ความหิวไม่เข้าใครออกใครทำให้เธอตัดใจเลือกมันไปสักด้าน เห็นคนตรงหน้าอมยิ้มมองมาอย่างรู้ทัน ก่อนโยนมันลงในรถเข็นแล้วหันไปเลือกซื้ออย่างอื่นต่อ ส่วนเธอหลังจากทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันไปให้ความสนใจกับการป้อนขนมปังชิ้นโตใส่ปากตัวเองเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่ยอมหยุด
สามสิบนาทีผ่านไปลลนาหน้างออยู่ในอารมณ์ขัดใจเพราะถูกคนที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่หน้ากระทะใช้ให้ล้างผัก และทำอะไรอีกมากมายที่ไม่ถนัดเลย อดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นใส่แผ่นหลังกว้างอีกหนึ่งทีเป็นการระบายความหมั่นไส้
ตอนนี้เรากลับมาอยู่ที่ห้องแล้ว ที่สำคัญห้องที่ว่าไม่ใช่ของเขา แต่มันกลับเป็นของเธอ ตั้งแต่มีภัทรพลเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิต เขาทำให้รูปแบบการดำเนินชีวิตสาวสมัยใหม่ฉบับแม่บ้านอาหารไมโครเวฟที่เธอภูมิใจนักหนาต้องเปลี่ยนไปชนิดหาทางกลับแทบไม่เจอ
ก็แน่ล่ะ เพราะเธอทำอาหารไม่เป็นนี่ ไม่เคยประสบความสำเร็จแม้กระทั่งจะทอดไข่ไม่ให้ไหม้ หรือหุงข้าวให้สุกเท่ากันทั้งหม้อพอดี แต่ยังไงซะ เธอก็ไม่เคยอนาทรร้อนใจ ตราบใดที่ยังมีโจ๊กและมาม่ากระป๋องเป็นอาหารในมื้อเช้า ฝากชีวิตไว้กับอาหารตามสั่งในมื้อกลางวัน และกลับมาเป็นแม่บ้านไมโครเวฟในตอนเย็น มีอาหารครบสามมื้อไว้ประทังชีวิตให้ทำงานหาเงินและอ่านนิยายต่อไปได้ สำหรับเธอก็คิดว่ามันเพียงพอแล้ว
ต่างจากอีกคนที่แค่เอาตัวมาพัวพันกับขนมปังไหม้ในมื้อเช้าของเธอเพียงชิ้นเดียว ก็แปลงร่างเป็นคุณตาอายุเจ็ดสิบบ่นอุบอย่างกับหมีกินผึ้ง ความเป็นผู้หญิงไร้ซึ่งคำว่ากุลสตรีของเธอคงทำให้เขาแทบทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมาหยิบจับทำอะไรต่อมิอะไรซะเอง แม้เธอจะให้เหตุผลเดิมๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าคนเรากินๆ ไปก็เพื่อประทังชีวิต แต่ก็เป็นอันต้องพับเก็บ เพราะเหตุผลการกินเพียงเพื่ออยู่รอดของเธอ คุณแฟนกำมะลอไม่ใช่แค่ไม่ฟัง แต่ถึงขั้นโยนมันทิ้งอย่างไม่ใยดี หันมาส่งสายตาขุ่น ทำเป็นให้เหตุผลที่เธอมองแล้วก็ไม่เห็นจะดีกว่าเลยสักนิดว่า‘ผู้หญิงตัวเตี้ยๆ อย่างเธอควรกินอะไรที่มันมีประโยชน์’
“นี่แก้มยุ้ย เฮียให้เธอแกะกุ้ง ไม่ใช่หั่นผัก” เมนูวันนี้เป็นอาหารง่ายๆ จำพวกผัดผัก ต้มยำที่อุดมไปด้วยเนื้อสัตว์ ปิดท้ายด้วยไข่เจียวร้อนๆ อีกจาน ส่วนยัยตัวเล็กได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ล้างผัก แกะกุ้ง หรือทำอะไรก็ได้ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพมือน้อยๆ ของเธอ แต่เมื่อหันกลับมามอง คนกำลังวุ่นวายอยู่กับอาหารบนเตาก็อดถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่ได้ โคลงศีรษะส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เมื่อพบว่าสิ่งที่ยัยแสบกำลังทำ มันไม่ได้ผิดไปอย่างที่เขาคิด
“ก็กุ้งมันแกะยากนี่ แกะกี่ตัวก็หัวหลุดหมด เขาเลยเปลี่ยนมาหั่นผักแทน” เธอบุ้ยหน้าไปทางกุ้งหัวหลุดที่แกะได้แล้วสักห้าหกตัว พลางเอามือไพล่หลังเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บแปลบเหมือนโดนอะไรบางอย่าง ก่อนลอบถอนหายใจโล่งอกเมื่อรู้ว่าประสบการณ์ตลอดสองเดือนที่ฝึกปรือมามีความไวพอที่จะหลบสายตาของใครอีกคน
“งั้นเธอไปตักข้าวแล้วก็จัดโต๊ะไป รอให้พอเย็นๆ หน่อยแล้วค่อยตัก อย่าเผลอยกขึ้นมาทั้งหม้ออีกล่ะ มือพองแบบวันนั้นขึ้นมาแล้วจะหาว่าเฮียไม่เตือน” เขาสำทับตามหลัง ผละจากภารกิจบนเตาหันมาจัดการกับวัตถุดิบตรงหน้าเสียเอง ส่วนคนที่หมุนตัวหันหลังกลับไป เมื่อได้ยินประโยคนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันมาส่งค้อนพร้อมย่นจมูกให้พ่อครัวจำเป็น แล้วเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว รอจนกลิ่นหอมฟุ้งของอาหารลอยมาเตะจมูกนั่นล่ะ ถึงพาตัวเองมานั่งประจำที่ แอบเหลือบตาลอบมองคนนั่งฝั่งตรงข้ามที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเคี้ยวตุ้ยๆ บอกชัดว่าคงหิวไม่น้อย ก่อนกลับมาให้ความสนใจปลาหมึกชิ้นโตในจานตัวเองพลางบ่นอุบอิบอยู่ในใจ
ถ้าจะหิวจัดขนาดนี้ แวะร้านข้างทางตามที่เธอบอกตั้งแต่แรกมันก็สิ้นเรื่อง คิดแล้วก็อดหงุดหงิดใจอีกครั้งไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยบอก แต่ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่บอกเขา
Talk รักป้อชายทำอาหารให้เรากินด้ายยย 5555555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
