ตอนที่ 24 : ทางแก้ปัญหาของเฮีย 120%
“หยุด ยัยแก้มยุ้ย”
แต่เสียใจ คนตัวเล็กมีเหรอจะฟัง ไม่ฟังไม่พอ ยังรีบจ้ำอ้าวเดินต่อไปอีกด้วย ร้อนถึงภัทรพลที่ต้องอุกอาจทำการหยุดโดยการใช้แขนยาวๆ ทั้งสองข้างรั้งร่างบางเอาไว้ในอ้อมกอด
“เธอจะหยุดหรือเปล่า ถ้าไม่หยุด เฮียจะจูบ” สาบานได้ว่าทั้งคำพูดและสายตาบวกกับรอยยิ้มเล็กๆ นั่น มันคงทำให้หน้าเธอแดงขึ้นอีกสิบเท่า เขินซะยิ่งกว่า (คิดไปเองว่า) โดนเปิดกระโปรง
“บ้าเรอะ ใครเขาจะยอม ปล่อยได้แล้ว” เธอว่าพลางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอด ขณะที่คนฉวยโอกาสไม่ปล่อยไม่พอ ยังเอาแต่หรี่ตามองแล้วหัวเราะร่วนอย่างกับเธอกำลังเต้นระบำตลกโชว์ซะอย่างนั้น
และมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เธอเกิดอาการหมั่นไส้ ถึงขนาดทุบอกกว้างไปซะหนึ่งหมัด
“โอ๊ย เจ็บนะ”
“เจ็บก็ปล่อยสิ”
“ปล่อยก็ได้ แต่เฮียขอค่าผ่านทางก่อน” พูดไม่พอ สายตาวิบวับที่มองมามันเหมือนจะสื่อความหมายเป็นคำตอบอะไรบางอย่าง ความจริงเธอก็น่าจะรู้นะ แต่ก็ยังไม่วายถาม
“อะ...อะไร” แต่ถามยังไม่ทันจบก็ต้องเอียงคอหลบแทบไม่ทัน แล้วก็ไม่พ้นจมูกโด่งที่กดหนักๆ ลงมาสองฟอด ทั้งแก้มซ้ายแก้มขวาเพื่อความเท่าเทียม ก่อนเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างคนกำลังถูกใจอะไรบางอย่างที่ดังอยู่ข้างหูจะทำให้ต้องค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมามอง และพบว่าเขากำลังยิ้มอยู่อย่างนั้น
ยิ้ม ยิ้มอีกแล้ว ยิ้มที่เธอชอบ ยิ้มทั้งใบหน้าทั้งดวงตา
และเธอกำลังจะเคลิ้มไปกับรอยยิ้มบาดใจ ถ้าไม่เกิดอาการตกใจจนหันกลับมามองตาขวางแทบไม่ทัน (เอ๊ะ แกเป็นพุดเดิ้ลเหรอ) ก็ใครอีกคนดันแทนที่สัมผัสอ่อนโยนนั้นด้วยการดึงแก้มเธอซะยืดเป็นสองเมตร ก่อนจะยอมปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ ส่วนตัวเองก็เดินไปนั่งสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง
“มานั่งตรงนี้มา แก้มยุ้ย” เขาว่าพลางตบเตียงตรงที่ว่างข้างๆ ให้เธอเดินไปนั่ง แต่มีเหรอคนอย่างลลนาจะยอม หลุดออกมาได้แล้ว วิ่งตรงไปที่ประตูเท่านั้นล่ะที่ครองโลก
แต่ใช่ว่าจะรอด คนตัวโตดูเหมือนจะรู้ทัน และขอปรบมือให้ซีอีโออย่างท่านรองภัทรพลซึ่งมีสมอง (และฝีปาก) ที่ชาญฉลาดมาก แม้ไม่ต้องใช้แรงในการลุกขึ้นมา แค่คำพูดของเขานี่ละ ทำให้เธอต้องหยุดอยู่ตรงนั้นและเดินกลับมาหาเขาด้วยความสดุดี
“เฮียจะให้โอกาสเธอคิดอีกครั้ง เลือกเอาว่าจะกลับมานั่งดีๆ หรือยังยืนยันที่จะเดินออกไป คิดให้ดีๆ นะแก้มยุ้ย ถ้าเลือกเดินออกไป เฮียรับรองได้ว่าเธอคงไปไม่พ้นห้องนี้ เฮียคงจับตัวเธอไว้ได้แน่ๆ อย่าดื้อจนทำให้เฮียต้องเหนื่อยออกแรง เพราะเฮียก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าบรรยากาศเป็นใจซะขนาดนี้ วิธีปราบเด็กดื้อแบบเธอ มันจะจบลงยังไง” เขาพูดพลางปรายตามองไปยังที่ที่ทำให้ลลนาถึงกับขนหัวลุก ดวงตาคมหรี่มองมา จากประสบการณ์ถ้าเดาไม่ผิด มันคงแปลความหมายได้ว่า‘หรือจะลองดู? ’
บ้า!!! แล้วใครจะลอง ผู้หญิงตัวคนเดียวแถมไม่มีทางสู้อีกต่างหาก คิดกระฟัดกระเฟียดอยู่ในใจ สัญชาตญาณทำงานอย่างหนักโดยอัตโนมัติ ผนวกทั้งคำพูดและแววตาแปลผลออกมาได้เร็วพอๆ กับขาสั้นๆ ของเธอที่สมองอันชาญฉลาดพาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
เจ็บใจเป็นบ้า เพราะแทนที่จะได้นั่งลงข้างๆ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ใจคิด
ขี้โกงชัดๆเธอได้แต่บ่นอุบอิบอยู่ในใจ เมื่อสุดท้ายร่างบางกลับถูกเปลี่ยนที่นั่งจากเตียงนุ่มมาเป็นตักกว้างของชายหนุ่มแทน
“เธอคิดช้าไปนะแก้มยุ้ย”
แน่ะ ยังมีหน้ามาว่าเขาอีก ลลนาคิด เห็นเขาหัวเราะเบาๆ เหมือนชอบใจอะไรนิดหน่อย ก่อนสัญชาตญาณจะทำให้เธอรับรู้ได้ว่าเขากำลังมองมาด้วยสายตาจริงจังแต่ก็แฝงไปด้วยรอยยิ้ม โทนเสียงห้าวให้ความรู้สึกละมุนหูที่ส่งมา ทำให้แน่ใจได้ว่าเธอคิดไม่ผิด
“เฮียมีเรื่องต้องคุยกับเธอ” เขาเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“มีเรื่องอะไรก็รีบๆ พูดมา” เสียงใสกล่าวอย่างไม่ไว้ใจนัก
“จะให้เข้าเรื่องเลยเหรอ เฮียไม่แน่ใจว่าเธอจะรับได้หรือเปล่า” เสียงห้าวกล่าว น้ำเสียงนั้นยังเจือด้วยแววขบขันอยู่ไม่หาย
“จะได้หรือไม่ได้ก็ต้องรับ ยังดีกว่ามาอยู่กันในสภาพแบบนี้” อึ้ย อึดอัดจะแย่ หายใจหายคอก็ไม่ค่อยจะออก
“เธอแน่ใจนะ? ” เสียงห้าวถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ก่อนได้รับคำตอบคือการพยักหน้าอย่างหน้าเชิดคอตรง เป็นการตอบรับเป็นที่เรียบร้อย
“มาเป็นแฟนเฮีย”
Talk เอางี้เลยเรอะเฮียย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
