รักนี้...ที่อยากบอก
เมื่อรักครั้งนี้ของฉัน...ไม่เคยบอกเค้า"เวลา"ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฉัน มันก็ทำยากแล้วแต่ก็ยังมีเรื่องวุ่นๆและมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายซึ่งทำให้อึดอัดใจและสับสนความรักครั้งนี้จะลงเอยอย่างไรมีแต่คุณที่รู้
ผู้เข้าชมรวม
1,199
ผู้เข้าชมเดือนนี้
11
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
เช้าอันสดใสแสงแดดเริ่มส่องแสงเข้ามายังหน้าต่างบานใหญ่เสียงนกเริ่มร้องประสานเสียงกันเหมือนเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่
“ฬิกาตื่นได้แล้วลูกสายแล้ว”
ฉันได้ยินเสียงนี้ทุกวันไม่สิได้ยินเสียงนี้มาเป็นเวลา18ปีแล้ว ฉันชื่อเต็มๆว่า”นาฬิกา”แต่ทุกคนชอบเรียก”ฬิกา”และอีกชื่อหนึ่งที่ฉันไม่ชอบมากคือ”อีกา”อันนี้ไม่ใช่เพราะฉันตัวดำเหมือนอีกาหรอกนะแต่ก็ไม่รู้ว่าเรียกกันแบบนี้ทำไมฉันก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนเด็ก ม.ปลายทุกคนทั่วไปตื่นเช้าแล้วก็ไปโรงเรียนเหมือนทุกๆวัน มีแต่อะไรเดิมๆหน้าเบื่อเฮ้อๆๆๆๆ
“ค่ะแม่ไปแล้ววววววว”
ฉันรีบลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วและอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วรีบวิ่งลงไปข้างล่าง
“แกนี้ตื่นสายตลอดเลยว่ะ ไม่สมกับชื่อเลย ชื่อนาฬิกาแต่แบ่งเวลาให้ตัวเองไม่เคยเป็นแถมยังตื่นสายทุกวันเลย”
นี่ก็เหมือนเดิมทุกเช้าพอฉันลงมาเจอแม่บ่นแล้วก็ยังมีคนอีกคนหนึ่งที่คอยบ่นให้ฉันอีกคนคุณคงคงคิดว่าเป็นพ่อของฉันสินะ แต่ไม่ใช่หรอกค่ะแต่นับวันหมอนี่ก็ยิ่งทำตัวเหมือนเป็นพ่อฉันเข้าไปทุกวันอ๋อๆๆๆๆลืมไปหมอนี่ชื่อ”เวลา” เป็นลูกของเพื่อนแม่ของฉันเองแล้วบ้านของเราก็อยู่ข้างกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือแม่ของฉันกับแม่ของหมอนี้เป็นเพื่อนที่รักกันมากถึงขนาดปลูกบ้านก็ปลูกใกล้กันมีลูกก็ตั้งชื่อให้คล้ายกันตั้งแต่จำความได้นะหมอนี้เป็นเพื่อนคนแรกของฉันเลยมั่ง
“ก็มันชินแล้วนี้นา”
ฉันพูดและทำหน้าตาเบื่อๆเซ็งๆตามเคย
“เรานี้ก็ไม่เบื่อรึไงนะเวลาพูดอยู่ทุกวันแม่ก็ไม่เห็นฬิกามันตื่นเช้าสักวัน”
แม่เดินมาที่โต๊ะและเอากับข้าวมาให้ฉันและนมอีกแก้วให้เวลา
“ขอบคุณครับ ผมก็บ่นไปงั้นแหละครับมันคงเป็นความเคยชินแล้วมั่งที่ได้บ่นอย่างนี้ทุกวัน”
พร้อมกับคำพูดกวนๆหน้าตากวนๆเซ็งๆเบื่อๆแต่ก็ยังมีรอยยิ้มแฝงอยู่ซึ่งฉันก็ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของหมอนี่จริงๆสักทีว่าอารมณ์ไหนกันแน่ ขนาดรู้จักกันมาตั้งหลายปี บางทีฉันก็เหมือนไม่รู้จักอะไรในตัวนายเลยจริงๆ……………………
“รีบๆกินเดี่ยวก็ไม่ทันหรอก”
“เออๆถ้าข้าวติดคอฉันตายขึ้นมาแกต้องรับผิดชอบ”
จะติดคอตายก็เพราะแกเร่งฉันนี้แหละไอ้บ้าเอ้ย หาเรื่องกวนได้ทุกวัน
“ฮาๆๆๆๆๆๆๆโอเคเดี่ยวฉันยอมทุบกะปุกฉันซื้อโรงศพให้แกเลยดีไหม”
“ไอ้บ้า นั่นปากเหรอ”
เจอสมุดฟาดหัวหน่อยเป็นไงคนอย่างฬิกาไม่ยอมใครง่ายๆหรอกโว้ย
“โอ้ย!!!!!!!!!นี่แกเล่นแรงขนาดนี้เลยเหรอฉันแค่ล้อเล่นนะเว้ย”
“ก็ไม่รู้สินะ”
แต่หมอนั่นกับก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไรนี้เจ็บจริงๆเหรอเมื่อกี้ฉันก็ไม่ได้ฟาดแรงอะไรนะ เอะ!หรือว่าแรงอ่ะ
“เอ่อๆๆเวลานายเจ็บจริงๆเหรอ????”
หมอนั่นยังคงก้มหน้าและไม่พูดอะไรเลย ฉันชักจะรู้สึกผิดแล้วนะ
“นี้เป็นอะไรรึเปล่า? เวลา……….”
เค้า......ไม่ตอบอะไรฉันจึงก้มเข้าไปจ้องดูใกล้ๆระยะเผาขน
“โอ้ย!!!!!! นี้เวลาแก หยุดเดี่ยวนี้นะ”
แต่ผลลัพธ์คือฉันโดนสมุดเล่มเดิมที่ฉันเคยเอาฟาดหัวหมอนี่ฟาดเข้าที่หัวอย่างแรง หมอนี่เจ้าเล่ห์จริงเลยฉันหลงกลนายอีกแล้วเหรอ ฉันยังคงวิ่งไล่เอาสมุดไล่ตีหมอนี่ต่อ
“ฮาๆๆๆถือว่าหายกัน”
ยังมีหน้ามาแลบลิ้นใส่ฉันอีก ไอ้บ้า
“นี่ๆสองคนนี้เล่นอะไรกัน ไม่ไปเหรอโรงเรียนนะ เดี๋ยวก็สายหรอก”
“อ๋อ ค่ะ/ครับ”
สงครามสงบนี้ถ้าแม่ไม่บอกฉันกับเวลามีหวังสายแน่ แต่นี้ก็ไม่รู้จะทันรึเปล่า
“ผมไปนะครับคุณป้า สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”
เราสองคนรีบวิ่งออกจากบ้านอย่ารวดเร็วดีนะที่บ้านเราอยู่ใกล้โรงเรียน และวันนี้เราก็มาทันเข้าแถวแบบเฉียดตายทั้งคู่เฮ้อๆๆโล่งอก^_______^แก้แล้วจ้าน้องแป้ง
1…….starting point………
วันนี้บรรยากาศที่โรงเรียนฝนตกทั้งวัน ฉันเกลียดมากๆๆๆๆเกลียดฤดูฝนมากๆ การเดินทางก็ลำบาก แถมยังทำให้ง่วงผิดปกติในเวลาเรียนอีก พอถึงเวลาเลิกเรียนฉันก็ยังไม่ได้กลับอีกเพราะรอไอ้คุณเวลาซ้อมตะกร้อ หมอนี่นะเป็นนักตะกร้อของโรงเรียนเลยนะ เมื่อไหร่จะซ้อมกันเสร็จสักทีนะ
: เวลา say:
“ฬิกาๆๆๆๆๆ”ให้ตายเถอะนี้ผมเรียกตั้งหลายรอบแล้วนะ ยัยนี้ยังไม่รู้สึกตัวเลย แต่ก็เป็นความผิดของผมแหละที่ซ้อมตะกร้อซะนาน บวกกับยัยนี้เป็นคนหลับง่ายแต่ก่อนผมก็จะมาซ้อมตะกร้อกับเพื่อนแล้วกลับตอนมืดๆแบบนี้แหละ จนมีเรื่องกลับพวกนักเลงที่โรงเรียนต่างๆบ่อยๆฬิกาถึงได้ไม่ยอมให้ผมทำตัวเหมือนเดิมเธอเลยต้องทำตัวตามติดผมตลอด
“ฮือ……เวลามาแล้วเหรอ”
รู้สึกตัวแล้วสินะยัยบ๊อง
“กลับกันเถอะ”
ผมลุกขึ้นและยื่นมือมาตรงหน้าเธอเพื่อให้เธอลุก ซึ่งเธอก็ยื่นมือของเธอมาจับมือของผมและลุกขึ้นอย่างว่าง่ายและผมก็ได้รู้ว่าข้อดีของคนนอนเพิ่งตื่นคือจะไม่ค่อยพูดซึ่งผมว่าเวลายัยนี้ไม่พูดมากก็น่ารักเหมือนกันแฮะ
“เวลา…..แต่ฝนยังตกอยู่เลยนะ”
เธอพูดและมองไปรอบๆซึ่งก็จริงอย่างที่เธอพูด แต่ก็ตกไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ แต่คนที่เกลียดและกลัวฝนอย่างฬิกาคงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเธอเคยป่วยเพราะไปวิ่งเล่นตากฝนกับผมตอนเป็นเด็กจนทำให้เธอป่วยและเข้าโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์
นับแต่นั้นมาเธอก็กลายเป็นคนที่ไม่ชอบฤดูฝนอีกเลย
“แล้วจะทำไงล่ะ ถ้าเราไม่วิ่งตากฝนออกไปเราก็ไม่ได้กลับบ้านหรอกนะ ฉันว่าดูท่าแล้วฝนคงจะไม่หยุดตกง่าย”
ซึ่งแววตาและสีหน้าของฬิกาตอนนี้เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ฬิกาก็ถือร่มมา แต่ผมว่าเธอคงไม่อยากให้ฝนโดนเธอแม้แต่เม็ดเดียว
“งั้น….เอางี้ฬิกา แกเอากะเป๋าฉันไปเดี๋ยวฉันจะรีบวิ่งไปที่ป้ายรถเมล์ตรงโน้น เพราะถ้าฉันเข้าร่มกับแกร่มคงจะเต็ม แล้วเราทั้งสองคนก็อาจจะเปียกทั้งคู่”
ผมพูดและชี้มือไปที่ป้ายรถเมล์ซึ่งอยู่ไกลจากที่นี้นิดหน่อยแต่สำหรับฬิกามันคงไกลมากที่ต้องเดินไปพร้อมกับสายฝนแบบนี้
“ถ้าทำแบบนั้นแกก็เปียกสิ แล้วร่มฉันก็ใหญ่พอที่จะเข้าได้สองคน”
แต่ผมมองยังไงร่มคันนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรอย่างที่ฬิกาพูดเลยสักนิด
“เอางั้นเหรอ แกแน่ใจนะ”
ผมมาหันมองหน้าเธออย่างขอความเห็น
“อืม…ไปกันเถอะ”
พอขึ้นมาถึงรถเมล์ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ แต่ก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด ฬิกาและผมโดนฝนเปียกทั้งคู่แต่ก็ดีที่ไม่เปียกทั้งตัว แต่ยัยนี้ก็ไม่ได้พูดและบ่นอะไรสักคำ ที่ผมเคยคิดว่าคนที่เพิ่งตื่นน่ารักเนี่ยผมจะไม่ขอพูดแบบนั้นอีก เพราะผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลยที่คนชอบพูด ชอบบ่น ชอบกวนและหัวเราะให้ผมบ่อยๆอย่างฬิกาไม่พูดกับผมเนี่ย
“ฬิกา…….แกไหวไหม”
หลังจากที่นั่งนิ่งอยู่ซะนาน เห็นทีว่าฬิกาจะไม่ยอมพูดอะไรกับผมจริงๆผมจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มถามก่อน
“อืม…..ไหวสิฉันไม่ได้เป็นอะไรนิ”
ยัยนั้นเงยหน้าขึ้นมาและยิ้มให้กับผม แต่ผมว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ฝืนๆยังไงก็ไม่รู้สิ พร้อมกับเสียงรถที่ผ่อนเสียงลงเบาๆผู้คนเริ่มทยอยลงช้าๆยังดีที่ฝนที่ตกแรงก็เริ่มตกพอปรอยๆ ตลอดทางที่เรานั่งรถกันมาฬิกาไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรกับผมเลยถ้าผมไม่ได้เป็นคนพูดกับเธอก่อน ถามคำก็ตอบคำ ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผมด้วยซ้ำ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนมันต้องมีอะไรแน่ๆหรือว่าเธอจะโกรธผมที่ปล่อยให้เธอรอนาน และทำให้เธอเปียกแบบนี้นะ แต่ว่าเมื่อก่อนเธอก็มารอผมออกจะบ่อยไปก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้นิ อย่างน้อยผมก็โดนยัยนี้บ่น
“ฬิกา……คือฉันขอโทษนะ ที่ทำให้แกต้องลำบากแบบนี้ ที่ต้องมาตากฝนมาเปียกแบบนี้ก็เพราะฉัน”
นี้เธอจะไม่พูดอะไรกับผมจริงๆนะเหรอ
“มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แล้วนายก็ไม่เคยทำให้ฉันลำบากด้วย”
สายตาที่ฬิกามองมาที่ผมทำไมมันดูเศร้าๆจังแม้เธอจะพูดและยิ้มบางๆให้ผมแต่คนเราจะสุข จะทุกข์มันจะออกมาทางแววตาเสมอ ซึ่งผมไม่อยากเห็นมันเลยเพราะมันทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ หลังจากสิ้นสุดคำนี้จากปากเธอ เธอก็เดินเข้าบ้านไปโดยที่ไม่บอกผมเลยสักคำ มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ ฬิกา…..เธอเป็นอะไรกันแน่นะ
………………………………………………………………………………………..
: นาฬิกา say:
<<<<<< หลายชั่วโมงก่อน >>>>>>
“ฬิกา เดี๋ยวก่อน”
ฉันหันไปตามเสียงเรียก ซึ่งก็เป็นยัย”ทับทิม”นั้นเองที่เรียกฉัน
“มีอะไรรึเปล่าทิม”
ฉันหันไปมองยัยนั้นและทำหน้างงๆ
“นี้จะกลับแล้วเหรอ ฉันฝากนี่ไปให้เวลาหน่อยสิเขาลืมไว้ที่ห้องอังกฤษนะ”
ซึ่งทับทิมก็ยื่นสมุดของหมอนั่นมาให้ฉัน ขี้ลืมจริงๆเลย ยัยทับทิมก็อยู่ชุมนุมดนตรีเหมือนกันกับฉันและเป็นเพื่อนที่ฉันสนิทมากคนหนึ่ง ซึ่งพอวันนี้อาจารย์สอนดนตรีไม่อยู่นักเรียนในชุมนุมบางส่วนก็จะพาฉันกลับบ้าน ฉันก็อยากกลับเหมือนกันเพราะวันนี้ดูท่าว่าฝนจะตก แต่ก็ยังกลับไม่ได้
“อ๋อ ได้สิ ขอบใจมากๆนะทิม”
“จ๊ะ เรากลับแล้วนะ บายจ๊ะ”
“จ้ะ กลับบ้านดีๆนะ”
เวลานี้ชอบลืมนั้นลืมนี้อยู่ตลอดเลยนี้ขนาดยังไม่แก่นะเนี่ย แล้วถ้าหมอนี้แก่คงจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยมั่ง คิดแล้วก็ขำคนเดียว แล้วหมอนี้ไปอยู่ไหนนะ คงซ้อมตะกร้ออยู่เหมือนเดิมสินะ วันนี้คาบสุดท้ายเราเรียนชุมนุมกันฉันเรียนชุมนุมดนตรีวันนี้อาจารย์ไม่อยู่ แต่ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้ไปดูหมอนั้นซ้อม
“เหนื่อยไหมค่ะ วันนี้นิต้าชื่อน้ำมาฝากค่ะ”
พอมาถึงนี้คือคำพูดและภาพแรกที่ฉันเห็น “วานิต้า”เด็กใหม่ที่พึ่งมาเข้าที่นี้ตามมาเฝ้าเวลาถึงชุมนุมเลยเหรอ วานิต้าเป็นคนที่หน้าตาน่ารัก มีคนจีบเธอเยอะมากแต่เธอก็ไม่เคยสนใจใคร แต่มาสนใจเวลาเนี่ยนะ ดูจากสีหน้าและแววตาหมอนั้นก็เหมือนจะชอบเธอเหมือนกัน
“ขอบคุณนะครับ”
ส่งสายตาให้กันซะหวานเยิ้มเลยอ่ะ ไม่ต้องกินก็ได้แล้วมั่งน้ำนะ
“ไปนั่งกันตรงนั้นดีกว่าครับ ยืนแบบนี้พี่ว่านิต้าคงเมื่อยขาแย่เลย”
หมอนั่นชี้ไปที่ม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆ
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ นิต้าว่าพี่เวลาเมื่อยมากกว่า”
“รู้ทันพี่อีก เหนื่อยสิก็พี่ซ้อมมาตั้งนานแล้วนะ”
เวลา นี้นายมองไม่เห็นฉันจริงๆเหรอ ความรักนี้มันทำให้คนตาบอดอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆแฮะดีเหมือนกันไม่เห็นก็ดี ฉันก็ไม่อยากเป็นก้างเหมือนกันแหละ ฉันต้องจำใจนั่งอยู่ที่เดิมต่อเพราะว่ายังไงฉันก็ต้องรอกลับพร้อมกับเวลาอยู่ดี
“อ้าว! ฬิกามานานรึยังอ่ะ ไม่ได้เรียนเหรอ”
ให้ตายสิตอนนี้ฉันยังไม่อยากพูดกับใครเลยนะ “แบงค์”อย่าพึ่งมาคุยกับฉันตอนนี้ได้ป่ะ เฮ้อๆๆๆๆ แล้วฉันเป็นบ้าอะไรเนี่ย!!!
“อืม พอดีอาจารย์ไม่อยู่นะ”
“มาหาเวลาเหรอ เดี๋ยวเรียกให้นะ”
“เออ…….”
ฉันไม่อยากคุยกับเวลาตอนนี้นะแบงค์ ฉันจะพูดยังไงดีละ
“เวลา แฟนนายมาหานะ”
ไม่ทันแล้วล่ะฬิกาเฮ้ย!!! เฮ้ยเดี๋ยวก่อน *แฟน *เหรอไอ้บ้าแบงค์ฉันจะฆ่าแก
“ไอ้บ้า พูดอะไรของแกเนี่ย”
ฉันหันไปส่งสายตาที่ราวกับคนโกรธกันมาเป็นร้อยเป็นสิบชาติใส่หมอนี่ คนตั้งเยอะตะโกนออกไปดังๆแบบนี้ ฉันก็เป็นเป้าสายตาของคนที่นี้หมดนะสิ แต่มันรู้สึกเขินๆอายๆเหมือนกันแฮะทำไงดีล่ะ ฉันอยากเอาหน้ามุดลงไปในดินให้มันรู้แล้วรู้รอดจัง
“ฮั่นแน่ เขินด้วย ฉันแค่ล้อเล่นน่า”
“เล่นอะไรของแกว่ะ ไม่เห็นรึไงว่าคนเค้ามองกันใหญ่แล้ว”
เวลาพูดขึ้นไม่รู้ว่าหมอนี่มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เวลานายช่วยฉันด้วย
“แค่ขำๆน่า ฉันแค่อยากแกล้งคน ฮาๆๆๆๆๆๆ”
ผลงานอื่นๆ ของ กะจ้อนน้อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ กะจ้อนน้อย
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น