คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : HEARTROCKER x GRAYMAN Xll : Memory of us [part จบ] ;คิดถึงนะ
HEARTROCKER x GRAYMAN Xll : Memory of us [part จบ]
ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ เมื่อไม่มีเพื่อนคนสนิทมาเดินด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเคย แต่ก็เป็นเพราะผม
ไปตวาดใส่เขาเองนี่นะ... ผมไม่คิดเลยว่าผมจะรู้สึกอ้างว้างขนาดนี้เมื่อไม่มีเขา
เราหลบหน้ากันและไม่ได้คุยกันแม้สักคำเดียวนับตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวานขึ้น ผมว่าผมจะลองทักเขาตอนเข้า
ชมรม ถ้าผมกล้าพอ... แล้วไอออยไอคิวที่บอกจะช่วยซัพพงซัพพอร์ทอะไรก็ไม่เห็นหัวพวกมันมาตั้งแต่เช้าละเนี่ย ไป
ซัพพอร์ทความรักของพวกมันเองอ่ะสิไม่ว่า
“พี่เอกกกกกี้”
ผมหันไปมองตามเสียงเรียก แหม..พอบ่นถึงก็มาเลยนะไอน้องสุดที่รักยิ่ง..
“มีไรวะ”
“เดี๋ยวผมกับพี่ออยจะนั่งที่นั่งอื่นให้หมดแล้วเว้นที่ข้างๆ พี่เบสไว้นะ พี่เอกก็ต้องไปนั่งตรงนั้นเคป่ะ จะได้ปรับ
ความเข้าใจอะไรกันไง พวกผมจะพยายามทำเป็นไม่ได้ยิน พวกพี่คุยกันตามสบายเลยนะ”
มันขยิบตาให้ผมทีนึง พร้อมลากแขนออยเดินเข้าไปด้วย และในช่วงระยะเวลาเพียงเสี้ยวนาทีที่ประตูเปิดนั้นผมก็
มองไปเห็นสายตาเย็นชาคู่หนึ่งมองมาทางนี้ ...แน่นอนว่าเป็นไอเบส เฮ้อ...ยังไงก็ต้องเข้าไปสินะ
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องชมรม แล้วตรงไปนั่งยังที่ว่างตามแผนของคิว และพยายามแอบมองคนข้างๆ ใน
ระหว่างที่พูดคุยเรื่องกิจกรรมชมรมไปด้วย แต่แปลกแฮะ ผมว่าสีหน้ามันไม่ค่อยดีเลย เป็นอะไรรึเปล่านะ?
“เบส” ผมรวบรวมความกล้าทักมันไปก่อน และก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาอีกหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่ผมกับเบส
“...” มันไม่ตอบอะไร เพียงแต่หันมามองหน้าผมอย่างช้าๆ ด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ผมว่ามันไม่ปกติแล้วนะ..
“เป็นอะไรเปล่....” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ หน้าของมันก็ลดระดับลงมาซบที่หน้าอกผมอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!! เป็นไรวะเบส ตัวร้อนมากเลยว่ะ” ผมตกใจและทำอะไรไม่ถูก ได้แต่โอบตัวมันแล้วมองสมาชิกที่เหลือ
ที่รีบเดินมามุงดูอาการไอ้เบส
“พาเบสไปโรงบาลเหอะ ผมแนะนำ อาการท่าจะไม่ไหวแล้ว”
“เอางั้นเหรอ? โอเคๆ งั้นกูขอตัวนะ”
ผมอุ้มคนที่อยู่ในอ้อมกอดขึ้นมา แล้ววิ่งออกไปจากห้องชมรมอย่างลนลาน แม้จะมีผู้คนมากมายที่จับจ้องมาที่
ผม แต่ ณ วินาทีนั้นไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเพื่อนสนิทของผมที่กำลังหอบอีกแล้ว เขาดูทรมาณมาก ผมไม่อยากเห็นภาพ
แบบนี้นานๆ หรอกนะ
ผมอุ้มเบสออกมาถึงหน้าโรงเรียนและรีบพาขึ้นรถแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาล โดยที่ไม่ลืมบอกให้คนขับรถขับสปีดยิ่ง
กว่านรก เพราะถ้าไปช้า คนในอ้อมแขนผมอาจจะทนไม่ไหวก็ได้..
เมื่อถึงโรงพยาบาล พยาบาลก็รีบพยุงเบสขึ้นเตียงรถเข็นทันที และในระหว่างที่หมอกำลังตรวจร่างกายของไอ
เบสอยู่นั้น ผมก็ได้แต่รอและรอ...
“นี่เป็นความผิดของกูเอง...มึงอย่าเป็นอะไรนะเว้ยเบส” ผมพึมพำออกมา แม้จะรู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้ยินก็ตาม
...
ในระหว่างที่เอกกำลังโทษตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้น คุณหมอก็ออกมาจากห้องตรวจพอดี เอกเห็นคุณหมอปุ๊บก็รีบ
เดินเข้าไปถามถึงอาการของเพื่อนคนสนิททันที คุณหมอทำหน้าสลดพร้อมพูดว่า
“คนไข้มีก๊าซออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ส่วนต่างๆ ไม่พอ ตอนฟื้นมาอาจมีอาการความจำเสื่อมหรือสูญเสีย
ความจำในบางส่วนไปนะครับ”
เอกบอกขอบคุณคุณหมอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตรวจ แล้วเขย่าตัวเพื่อนสนิทเบาๆ
“เบส ตื่นสิวะ อย่าพึ่งชิงความจำเสื่อมไปเชียวนะเว้ย ตื่นมาคุยกับกูก่อน เรื่องนั้นกูยังไม่ได้ขอโทษมึงเลย! “
เอกพูดและเขย่าร่างกายอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะขยับ เขาเลยหยุดและยืนพิงขอบเตียงรอ
เวลาที่เบสจะตื่นขึ้นมา เขาหวังว่าเบสคงจะไม่ลืมเรื่องนั้นไปซะก่อน เพราะถ้าเขาไม่ได้ขอโทษ เขาคงคาใจมากแน่ๆ
“...กูตื่นตั้งนานแล้วเว้ยเชี่ยเอก” เบสพูดออกมาเบาๆ ทำเอาคนที่ยืนพิงเตียงอยู่สะดุ้ง แล้วหันไปจับไหล่อีกฝ่าย
ทันที เอกมีน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย ก่อนจะปาดมันออกไป
“มึงร้องไห้ทำ? ”
“กูนึกว่ามึงจะลืมกูแล้ว หมอบอกว่ามึงอาจจะความจำเสื่อม กูขอโทษจริงๆ เรื่องที่นั่น...จริงๆ แล้วกูไม่รู้หรอกว่า
ใครผิดกันแน่ กูขอโทษที่โทษมึงฝ่ายเดียว”
“ไม่เป็นไร..” เบสตอบอย่างเย็นชา เอกเลยทำตาแวววาวใส่เบส ก่อนจะยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยอีกฝ่าย
“อย่างอนนะ โอ๋เอ๋ สัญญาว่าจะไม่ตวาดใส่อีกแล้ว” เอกยิ้มร่าทำเอาเบสยิ้มตาม เบสรู้สึกว่าคนตรงหน้าตัวเอง
เหมือนเด็กขึ้นมาทันทีในเวลานี้
“อย่างกับเด็กอนุบาล เออจริงสิ อุ้มกลับเหมือนตอนอุ้มมาทีดิขี้เกียจเดิน”
เอกหน้าแดงทันทีไม่คิดว่าเบสจะรู้สึกตัวตอนที่เขาอุ้ม เขานึกว่าเบสหมดสติไปแล้วเลยทำอะไรแบบไม่คิดในตอน
นั้น เบสเห็นท่าทีของเอกแล้วก็อมยิ้มตาม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เอกจะให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนี้
“เป็นไร อุ้มดิ ฮ่าๆ”
“อยากให้อุ้มนักใช่มั้ย? ถ้าไม่กลัวอายก็จัดให้”
เอกพูดจบก็ช้อนตัวเบสขึ้นมาและพาเดินออกไปนอกโรงพยาบาล พร้อมนั่งแท็กซี่กลับโรงเรียนตามเดิม
กลับมาปัจจุบัน
“เฮ้ยเอก เหม่อไร? แค่ให้ดูภาพตอนม.ปลายแค่นี้ถึงกับเอ๋อ” เบสโบกมือไปมาผ่านหน้าผม ทำให้ผมได้สติ
กลับมา พอผมคิดถึงเรื่องตอนมัธยมทีไรก็ขนลุกซู่ทุกทีสิน่า...แต่ก็เป็นเพราะตอนนั้นทำให้เราสนิทกันมากขึ้น..แบบเพื่อน
นะครับ...
“เปล่าๆ นึกถึงเรื่องม่านรูดนิดหน่อย” คนข้างๆ ผมหัวเราะแล้วพูดต่อว่า
“หลังจากนั้นกูไปดูที่กล้องวงจรปิดในโรงแรมม่านรูดนั่นแล้วนะเว้ย”
“ฮะ? ทำไมไม่เคยบอกกันวะ สรุปเป็นไง..กูกับมึงไม่ได้มีอะไรกันใช่มั้ย?”
“หึ..กูอ่ะเมาจนละเมอถอดชุด แต่มึงอ่ะ อาบน้ำแล้วดันไม่ใส่ชุดก่อนนอน”
เอ่อ...นี่หรือคือเหตุที่ทำให้ผมกับมันต้องทะเลาะกันในตอนนั้น? มันสมควรแล้วหรือ? ทำไมพระเจ้าถึงกลั่นแกล้ง
กันแบบนี้ล่ะครับ ผมนึกว่าตัวเองจะเสียเพื่อนที่รักที่สุดไปแล้วนะ..
“เออแล้วก็กูมีเรื่องจะบอกมึงอีกอย่าง”
“อะไรวะ?”
“ตอนที่กูเข้าโรงบาลอ่ะ คือกูแค่เพลียเฉยๆ แต่กูบอกให้หมอไปบอกมึงว่ากูเป็นโรคขาดก๊าซอะไรนั่น ฮ่าๆ “
ผมนอนฟังเงียบๆ แล้วนั่งคิดอะไรไปมา นี่สินะ..มารยาชาย ว่าแต่มันจะทำแบบนั้นไปทำไมกัน อยากให้ผมสนใจ
เหรอ ? แต่ถึงไม่ทำผมก็เทคแคร์มันอยู่แล้วนะ..
“เออเบส กูก็มีเรื่องจะบอกมึงเหมือนกัน”
“ฮะ อะไรวะ?”
“ตอนกูอุ้มมึงไปโรงพยาบาลเห็น UFO บินผ่านด้วย” ผมทำหน้าจริงจังจนอีกฝ่ายเผลอหลุดขำออกมา
“มึงเบลอจนบ้าป่ะเนี่ย มโนไกลละมึง”
“อืม...มึงอาจจะคิดไม่ถึง...แต่กูคิดถึงนะ” ผมยิ้มพร้อมขยิบตาใส่อีกฝ่าย แต่เบสกลับทำท่าเหมือนจะอ้วกแล้ว
เอาหมอนมาตีผมรัวๆ
“เหี้ยไรมึงเนี่ยยย!!”
---------------------------------------------------------------------------------------------
จบตอน 'Memory of us : ความทรงจำของสองเรา' แล้วค่า ><♡
มุขตอนท้ายนี่ถ้าจำไม่ผิด เอามาจาก 9GAG ล่ะมั้งคะ? ไม่แน่ใจเหมือนกัน O<-<
ตอนหน้าคิดว่าจะทำเป็น Short fic แบบพาร์ทเดียวจบนะคะ
สปอยว่าจะเกี่ยวกับเกม "ทรูออแดร์" ค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ !!
ความคิดเห็น