ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : เมืองเวหา
"อึก........" ข้าค่อยๆลืมตาขึ้นพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงในห้องกว้างดั่งลูกคุณหนู อีกทั้งภายในห้องมีเพียงแค่ข้าคนเดียวเท่านั้น
"อยู่ไหนเนี่ย?" ข้าพยายามนั่งคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งสุดท้าย
"จำได้ว่าเห็นเงาใครสักคน.....แล้วก็หมดสติไปเลย...." ข้าลุกขึ้นพร้อมสำรวจห้องหาของที่น่าจะใช้การได้ในการหลบหนี
ถึงจะไม่รู้ว่าใช่คนดีมั้ย?....แต่ลักพาตัวมาแบบนี้ก็ไว้ใจไม่ได้ระดับหนึ่งล่ะนะ....
"น่าจะพอใช้ได้" ข้าหยิบปิ่นปักผมติดตัวมาด้วย แล้วตัดสินใจลองเดินไปเปิดประตูดูว่าล็อครึเปล่าปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อค แถมพอเปิดออกไปนอกห้องไม่มีใครเฝ้าหรือมียามอยู่เลยสักคน
มันเงียบ.....ผิดปกติเกินไปนะ....
"เลิกคิดดีกว่า....รีบหาทางหนีออกจากที่นี่ก่อนน่าจะดี" ข้าเร่งฝีเท้าให้เดินเร็วขึ้นพร้อมกับระวังตัวไปด้วย
ระหว่างที่หนีอยู่ก็พบว่าตนเองอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของใครบางคน ถึงอย่างนั้นแต่มันกับไม่มีใครอยู่สักคนเลยก็น่าแปลกเกินไป ข้าไปพบเข้ากับประตูด้านหลังตรงเข้าไปในป่าถึงแม้ไม่น่าไว้ใจแต่ก็ดีกว่ายืนอยู่ที่โล่งๆ ข้ารีบตรงไปทางประตูหลังวิ่งเข้าป่าไปแบบไม่ลังเลทันที
พอวิ่งผ่านทะลุป่ามาได้สักพักก็พบกับทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมากเกินคำบรรยาย ข้ายืนมองสักพักหนึ่งก่อนรีบวิ่งฝ่าทุ่งดอกไม้ไปเรื่อยๆ ข้าที่วิ่งสุดฝีเท้าถึงกับต้องหยุดชะงักแบบไม่ทันตั้งตัวเนื่องจากทางข้างหน้าเป็นหน้าผาสูง
"อะไรกัน?.....ข้างล่าง....ทำไม?" ข้าเริ่มสับสนเมื่อพบกับเกาะมากมายลอยฟ้าอยู่ ส่วนข้างล่างของหน้าผาเป็นพื้นป่าที่อยู่ห่างจากจุดที่ข้ายืนเป็นอย่างมาก ถ้าเรียกให้ถูกต้องบอกว่าข้าอยู่สูงเกินจะโดนลงไปแล้วมีชีวิตรอดกลับมาเสียมากกว่า
"มันต้องมีทางลงสักทางสิ" ข้าที่ยังคงพยายามคิดหาทางออก
"เจ้าสามารถลงไปได้หากมีปีก" เสียงปริศนาดังขึ้นทางด้านหลังจนข้ารีบหันไปมองพร้อมท่าทีเตรียมพร้อมต่อสู้
"เจ้าเป็นใคร?" ข้าเอ่ยถามชายร่างสูงผมสีน้ำตาลเข้มนัยน์ตาสีฟ้าใส เขาสวมชุดองเมียวจิสีขาวซ้อนชุดยูกาตะสีแดงเลือดพร้อมปีกสีดำขนาดใหญ่อยู่กลางหลังของเขา
"ข้า สึบาสะ...เท็นงุ สึบาสะ" สึบาสะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
"เจ้าเป็นคนพาข้ามางั้นหรอ?" ข้ารีบถามพลางถอยห่างจากอีกฝ่ายทีละน้อย
"ใช่" สึบาสะตอบพร้อมรอยยิ้มดังเดิม
"ต้องการอะไร?....กินข้าหรอ?" ข้าเริ่มระวังตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
"ไม่....ข้าไม่ต้องการกินเจ้าหรอก....แต่เรื่องที่จะคุยมันสำคัญมากๆ....ข้าว่าไปนั่งคุยกันน่าจะดีกว่า....เพราะถึงพยายามหนีไปก็เปล่าประโยคอยู่ดี" สึบาสะค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ข้ามากขึ้นเรื่อยๆ
เจ้านี้รู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร?....ข้าควรใช้พลังตอนนี้เลยมั้ย?....หรือรอจังหวะก่อน?
"อย่าเข้ามา !!!" ข้าหยิบปิ่นปักผมแทงไปยังสึบาสะ แต่อีกฝ่ายสามารถหลบได้อย่างง่ายดายก่อนจะจับข้อมือที่ถือปิ่นปักผมอยู่
"ไม่ดีนะแบบนี้....เป็นผู้หญิงควรทำตัวว่าง่ายสิ....ไมริ" สึบาสะบีบข้อมือแรงมากขึ้นทำให้ปล่อยมือจากปิ่นปักผม ก่อนที่อีกฝ่ายจะกระพือปีกของตนจนปิ่นลอยตกหน้าผาไป
"เจ้ารู้จักข้า" ข้าสะบัดมือออกได้สำเร็จด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
"ใช่....จริงๆข้าสามารถพาเจ้าไปที่คฤหาสน์ได้ทันทีด้วยปีกของข้า....แต่ข้าอยากพาเจ้าชมเมืองเวหาแห่งนี้เสียก่อน...." สึบาสะเดินนำทางให้ ข้าที่ได้แต่ยืนมองด้วยความลังเล
"รีบไปกันเถอะ....ข้างนอกลมจะเริ่มแรงขึ้นแล้วนะ..." สิ้นเสียของสึบาสะได้ไม่เท่าไหร่ลมก็พัดแรงขึ้นมาทันตาจนข้าแทบยืนไม่อยู่
"อยู่บนนี้ลมจะแรงกว่าข้างล่าง....แต่ก็จะสงบลงเป็นพักๆ....จะเอายังไง?" สึบาสะหันกลับมาถามด้วยรอยยิ้มกวนประสาทจนข้าหงุดหงิดเล็กน้อย
"เข้าใจแล้ว....จะลองไปนั่งคุยกับเจ้าแบบดีๆก่อนก็ได้" ข้าตอบพลางหลบสายตาจากอีกฝ่าย
"งั้นไปกันเถอะ" สึบาสะพูดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
ทั้งข้าและสึบาสะต่างพากันมาถึงคฤหสาน์ก่อนที่เขาพาข้าไปยังอีกฝั่งของคฤหาสน์ ทำให้ข้าเข้าใจได้ทันทีว่าส่วนที่ข้าเคยอยู่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของสึบาสะคนนอกห้ามเข้า ไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่ห้องอาหารขนาดใหญ่ คนรับใช้ได้มีการจัดเตรียมอาหารไว้ให้ถึงสองคนด้วยกัน ข้ายืนมองด้วยสีหน้าไม่ไว้วางใจเป็นอย่างมาก
"ไม่ต้องห่วง....เหล่าเท็นงุสามารถกินได้อาหารของมนุษย์ได้ และพวกข้าก็ไม่ได้กินเนื้อมนุษย์มานานแล้ว" สึบาสะอธิบายทันทีเมื่อเห็นสีหน้าข้า
"......" ข้าไม่พูดอะไรก่อนที่จะนั่งตรงที่ถูกจัดไว้ให้ คนรับใช้ต่างพากันออกจากห้องอาหารทันทีที่สึบาสะนั่งลง
"หลังจากกินเสร็จข้าจะพาชมเมืองของข้านะ" สึบาสะส่งยิ้มกว้าง
"เมืองเจ้า?" ข้าขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ข้ารีบแนะนำตัวส่วนนั้นไปหรอเนี่ย.....ข้าเป็นผู้นำตระกูลเท็นงุต่อจากพ่อของข้าที่ตายไป" สึบาสะยิ้มพลางดื่มสาเกไปด้วย
"เท็นงุเป็นชื่อตระกูลหรอ?....ไม่ใช่ประเภทของปีศาจรึไง?" ข้าเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจมานานพร้อมกับเริ่มกินอาหารบนโตีะ
"พ่อของข้าคิดว่าให้เป็นชื่อตะกูลไปเลยจะง่ายกว่านะ.....ถึงมนุษย์ส่วนใหญ่ที่เห็นพวกข้าจะเรียกแค่เท็นงุก็ตาม" สึบาสะอธิบายด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
ทำไมถึงยิ้มบ่อยหนัก?
ข้าเลิกถามแล้วหันมาสนใจอาหารที่อยู่บนโต๊ะแทน แต่ก็ถูกสายตาของสึบาสะที่จ้องมองข้าไม่ละสายตาเลยแม้แต่น้อย มันทำให้ข้ารู้สึกอึกอัดมากแต่ต้องแสดงว่าไม่รู้สึกอะไร เพื่อหาทางหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ ความเงียบก็ได้หายไปเมื่อคราวนี้สึบาสะเป็นฝ่ายถามข้าแทนบ้าง
"ทำไมเจ้าถึงเดินทางร่วมกับสุคุนะ?" น้ำเสียงของสึบาสะเปลี่ยนเป็นจริงจังพร้อมสีหน้าของเขาที่เคยมีรอยยิ้มเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน
"มันเรื่องข้า....เจ้าไม่เกี่ยว" ข้าตอบแบบไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะทำสีหน้ายังไง
"ไปหาแม่ที่หลุมศพสินะ" พอสิ้นเสียงของสึบาสะข้าถึงกับผงะทันที
"......" ข้าหยุดกินทันทีพลางเงยหน้ามองสึบาสะด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์
"ข้านะรู้เรื่องของเจ้ามากกว่าที่คิดอีกนะ" สึบาสะกล่าวพลางเท้าคางมองด้วยรอยยิ้ม
"หาข้อมูลมาเยอะรึไง?" ข้าเริ่มมีท่าทีไม่ไว้วางใจอีกฝ่ายมากขึ้น
"ไม่ใช่ว่าหาข้อมูลหรอก....เรียกว่าเฝ้ามองน่าจะถูก" สึบาสะพูดพร้อมมองข้าด้วยสายตาที่ไม่อาจเข้าใจได้
"เฝ้ามอง?....นี่เจ้าแอบตามข้างั้นหรอ?" ข้าลุกขึ้นยืนพร้อมถอยห่างออกมา
ทำไง?....จะใช้พลังคุณไสยตอนนี้เลยดีมั้ย?
"ไม่ใช่.....ข้าเองก็พึ่งทราบเรื่องว่าเจ้าหนีออกจากคฤหาสน์มาจากพวกคำสาปตนอื่นๆ" สึบาสะถอนหายใจพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาหาข้า
"ข้ารู้สึกดีใจมากที่เจ้าหนีออกมาจากคฤหาสน์นั้นได้.....คฤหาสน์ที่ไม่เคยมอบความสุขให้เจ้า" คำพูดของสึบาสะทำให้ข้าแปลกใจ
รู้ได้ยังไง?.....ทำไมถึงรู้ได้?
"เจ้าคงสงสัยว่าทำไมข้าถึงรู้?.....นั้นก็เพราะข้าเฝ้ามองเจ้ามาตลอด 5 ปีนะสิ" สึบาสะเดินมาหาข้าจนแผ่นหลังของข้าสัมผัสเข้ากับกำแพง
"5 ปี....พวกคำสาปไม่น่าเข้าใกล้คฤหาสน์ได้หนิ?" ข้าเริ่มสับสนเล็กน้อย
"เท็นงุอย่างพวกข้ามีสายตาที่ยอดเยี่ยม....การมองอะไรจากที่ไกลๆไม่ใช่ปัญหาหรอก" สึบาสะพูดพลางยื่นมือมาสัมผัสผมของข้าด้วยความอ่อนโยน ผมสีดำดั่งขนอีกาและแววตาสีแดงเพลิงทำให้สึบาสะหวนนึกถึงใบหน้าที่แสนเศร้าของข้าเมื่อ 5 ปีก่อน
.
.
.
.
.
"สีบาสะกลับกันเถอะ....ถ้าอยู่นานเกินไปเดี๋ยวถูกพวกมนุษย์เห็นเอานะ" เท็นงุตนหนึ่งได้กล่าวเตือนสึบาสะที่ยังคงนอนอยู่บนต้นไม้ใหญ่อย่างสบายใจ
"เอาน่า....ข้านอนเสร็จเดี๋ยวกลับ....เจ้าไปก่อนเถอะ" สึบาสะพูดเสร็จก็นอนต่อทำเอาเท็นงุอีกตนถึงกับถอนหายใจ ก่อนที่จะรีบบินกลับไปยังเมืองเวหาที่อยู่ไกลจากจุดที่สึบาสะอยู่เป็นอย่างมาก ไกลถึงขนาดที่ว่าหากเดินเท้ายังต้องใช้เวลาถึง 1 เดือน
"เฮงซวย !!!" เสียงของใครบางคนตะโกนดังลั่นมาตามลมทำให้สึบาสะสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ พลางมองไปยังต้นตอของเสียงก็พบกับเด็กสาวผมสีดำไกลๆ โดยที่นางอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีรั้วหนามสูงล้อมรอบซึ่งอยู่ห่างจากเขาไกลพอสมควร
"มนุษย์เนี่ยเสียงดังเป็นบ้า" สึบาสะลุกบิดขี้เกียจเตรียมพร้อมจะบินกลับเมือง
"ทำไม?...ข้าเองก็อยากไปไหว้ท่านแม่....ที่หลุมศพเหมือนกันนะ....อึก...." เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมา สึบาสะได้ยินคำพูดของเด็กสาวชัดเจนก็เพราะสายลมได้พัดผ่านมาพอดีซึ่งเขาอยู่ใต้ลม
"แล้วทำไม?....นางถึงไม่ได้ไปหละ?" สึบาสะสงสัยเล็กน้อยแต่เขาต้องกลับแล้วทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องจากไป แต่สายตาของเขายังคงมองเด็กสาวที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ริมแม่น้ำ
"คำสาปแห่งขีวิต?" สึบาสะทำสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อลองถามเรื่องของเด็กสาวแถวทางทิศใต้ให้พ่อของตนฟัง
"อย่าไปอยู่แถวนั้นให้มาก....ถึงจะไม่ใช่ 3 ตระกูลใหญ่ของพวกนักคุณไสย แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงโดยเฉพาะพี่ชายของนาง แม้จะยังเด็กแต่ก็ถือว่าเป็นมนุษย์ที่มีพรสวรรค์ ถึงตอนนี้จะไม่อยู่ที่คฤหาสน์เพราะไปอยู่ค่ายฝึกก็เถอะ" ท่านพ่อของสึบาสะกล่าวตักเตือนเล็กน้อยกับลูกชายที่ตอนนี้ไม่ได้ฟังในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อเตือนเลย
"สึกิโกะ ไมริ" สึบาสะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถูกท่านพ่อดึงหู
"อ๊ากกกกกก...ข้าเจ็บ !!!" สึบาสะพยายามสู้แรงแต่ก็ไม่ไหว
"อย่าคิดจะไปเล่นแถวนั้นอีก" ท่านพ่อดุด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก
"รู้แล้วๆ" สึบาสะรีบตอบแต่สุดท้ายสึบาสะก็ไปแอบไปอยู่ดี
"วันนี้จะมานั่งร้องไห้รึเปล่านะ?.....ถ้าข้าอยู่ใกล้ๆคงลอกให้กลัวไปแล้ว คิคิคิๆๆ" สึบาสะหัวเราะด้วยความดีใจเล็กน้อยก่อนจะสังเกตเห็นข้าที่กำลังวิ่งมาที่ริมแม่น้ำเหมือนเดิม
"อะไร?....เล่นคนเดียวก็เป็นงั้นหรอ?" สึบาสะนั่งมองด้วยสีหน้าสงสัยที่เห็นข้าทำท่าทีเป็นคนหนึ่งและทำท่าทีเลียนแบบเป็นอีกคน โชคไม่ดีที่วันนี้ไม่มีสายลมพัดผ่านเขาเลยได้แต่มองท่าทางของข้าเหมือนละครใบ้จนเวลาผ่านเลยไปนานพอสมควร
"วันนี้ไม่ร้องไห้งั้นหรอ?....น่าเบื่อสะจริง.....กลับดีกว่า...." สึบาสะที่กำลังจะกลับอยู่นั้นก็หันไปเห็นอิจิที่กำลังเดินมาหาข้า
"ไม่เห็นท่านพ่อบอกเลยว่านางมีพี่ชาย(ไม่ได้ฟัง)" สึบาสะยืนมองอยู่สักพักก่อนที่จะมีสายลมพักผ่านมาพอดี
"ท่านพี่....ข้าคิดถึงท่านพี่เหลือเกิน !!!" ข้าที่รีบวิ่งไปสวมก่อนอิจิด้วยรอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่สดใสของข้าทำให้ใครบางคนลืมใบหน้าที่เศร้าสร้อยเมื่อวานทิ้งไปทันที
หลังจากนั้นทุกๆวันสึบาสะจะมาคอยเฝ้ามองการกระทำของข้าในแต่ละวันว่าวันนี้เล่นอะไรทำอะไรอยู่ แต่ส่วนใหญ่จะได้ยินเรื่องทุกข์ใจที่ไม่กล้าจะบอกใคร และตลอด 5 ปี สึบาสะได้แต่ภาวนาให้ข้าหนีออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้นในสักวัน จนวันที่เขาได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลเป็นวันเดียวที่สึบาสะไม่ได้มาคอยดูข้าและวันนั้นเป็นวันที่ข้าหนีออกมาเช่นกัน
"ข้านะ.....หลงรักเจ้ามาตลอด 5 ปี....เจ้าจะแต่งงานกับข้าได้มั้ย?" สึบาสะพูดพร้อมรอยยิ้มและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ทำให้ข้าสัมผัสได้ถึงความจริงใจเป็นอย่างมากจนข้าเริ่มประหม่า
"ข้าทำไม่ได้....." ข้าปฏิเสธด้วยสีหน้าลำบากใจ
"ถ้าเจ้าต้องการไปไหว้ท่านแม่....ข้าจะพาไปเอง.....ข้าสามารถพาเจ้าไปตอนนี้ได้นะ" สึบาสะพูดพร้อมกุมมือข้า
"ขะ....ข้า....." ข้าพยายามคุมสติตนเอง
"ทำไมหละ?.....เจ้าอาจจะลังเลที่จะรักข้า....แต่ข้าเชื่อว่าหากได้อยู่ด้วยกัน....เจ้าจะต้องรักข้าแน่นอน....ไม่ว่าเจ้าอยากได้อะไรหรือต้องการสิ่งใดข้าหามาให้ได้" สึบาสะที่ยังคงพยายามตามตื้อข้า
"ข้าขอบคุณในความหวังดีของเจ้า.....แต่ข้าไม่อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้น" ข้าอธิบายเหตุผลด้วยสีหน้าจริงจัง
"นะ.....นั้นสิ....เจ้าถูกขังอยู่ในคฤหาสน์มาตลอด....ถ้าจะกลัวก็ไม่เป็นอะไรหรอก..." สึบาสะเริ่มถอยห่างออกมาเล็กน้อยให้ข้าได้มีเวลาพักหายใจ
"ขอบคุณที่เข้าใจ" ข้ากล่าวพลางหลบสายตาจากอีกฝ่าย
"วันนี้เจ้าไปนอนพักเถอะ" สึบาสะพูดพร้อมรอยยิ้ม
"คือว่า....ช่วยพาข้าไปหาสุคุนะทีได้มั้ย?....จู่ๆเจ้าพาข้ามาแบบนี้สุคุนะคงโมโหแน่" ข้าพูดด้วยสีหน้าอ้อนวอนเล็กน้อย
"เอาไว้พรุ่งนี้....เจ้าไปนอนเถอะ" สึบาสะตอบพร้อมหลบสายตาข้า
"ไม่....พาข้าไปตอนนี้ !!!" ข้าที่ยังคงยืนยันคำเดิมก่อนที่สึบาสะจะหันกลับมาต่อยกำแพงด้านข้างที่ข้ายืนอยู่ ตูมมมมมมมมมมมม!
"เจ้าแคร์ความรู้สึกมันมากกว่าข้าเสียอีกงั้นหรอ?" สึบาสะพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
"ใช่" ข้าตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
"ทั้งๆที่ข้าเป็นคนเข้าใจความรู้สึกเจ้ามากที่สุดเนี่ยนะ....ข้าเฝ้ามองเจ้ามาตลอด 5 ปี !!!" สึบาสะเริ่มหัวเสีย
"เจ้าพึ่งเจอสุคุนะเพียงไม่กี่วัน...ข้าไม่สนว่าเจ้ากับมันตกลงอะไรกันไว้....แต่ถ้าเจ้าอยู่กับมันต่อไป...เจ้าได้ตายแน่" สึบาสะหันมามองข้าพร้อมถอนหายใจ
"เจ้าบอกว่าเฝ้ามองข้ามาตลอด 5 ปี....แต่เจ้ากับไม่ทำอะไรเลย....และหากข้าไม่หนีออกเราคงไม่ได้เจอกันแน่......และสำหรับข้าตอนนี้....คนที่เข้าใจข้ามากที่สุดคือสุคุนะ.....ไม่ใช่เจ้า" คำตอบของข้าเหมือนน้ำมันราดใส่กองไฟ
"ได้....ถ้าเจ้าจะเลือกมันมากกว่าข้า....งั้นก็อย่าหวังว่าใครจะได้ตัวเจ้าไป" สึบาสะเดินมาจับแขนข้าเอาไว้พร้อมกดตัวข้าลงไปนอนที่พื้น
"ปล่อย !!!" ข้าพยายามดิ้นหนีก่อนที่สึบาสะจะรวบมือข้าขึ้นทั้งสองข้าง
"อย่าดิ้น !!!" สึบาสะพยายามปลดชุดข้าออก
"บอกว่าอย่าไง !!!" ข้าใช้พลังคุณไสยที่เท้าถีบสึบาสะออกไปเต็มแรงจนลอยไปชนเข้ากับกำแพง ตูมมมมมม!
ตอนนี้หล่ะ !!!
ข้ารีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งหนีออกมาทันที แต่แล้วก็มีพวกทหารเท็นงุมาบืนขวางเอาไว้ ข้าดึงพลังคุณไสยออกมาใช้ทันทีก่อนจะวิ่งฝ่าพวกทหารเท็นงุเข้าไป ใครเข้ามาใกล้ต่อยอย่างเดียวไม่สนใครทั้งนั้น สึบาสะลุกขึ้นยืนพลางปัดฝุ่นบนชุดของตนเอง
"จับนางมา !!!" สึบาสะตะโกนออกคำสั่งก่อนที่พวกทหารที่ได้ยินจะรีบตามาสมทบทันที ข้ารีบเปิดหาทางหนีไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จริงๆก็อยากลองใช้ไฟแต่มันอาจทำให้พวกผู้หญิงเท็นงุพวกคนรับใช้ถูกลูกหลงไปด้วย
"เยอะเกินไปแล้ว....ปีกที่ด้านหลังเล่นบังจนมองไม่เห็นทางหนี" ข้าพยายามใช้หัวคิดหลังจากถูกล้อมด้วยทหารเท็นงุ 30 กว่าตัว
"เจ้าหนีไม่รอดหรอก....ถึงหนีจากจุดนี้ไปได้....เจ้าก็ออกจากเมืองไม่ได้อยู่ดี" สึบาสะกำลังเดินตรงมาหาข้า
หนีจากการแต่งงานมาแล้ว....แล้วยังจะมาเจออีกหรอเนี่ย?
"ท่านสุคุนะ!!!" อุราอุเมะพูดด้วยสีหน้ากังวลเป็นอย่างมาก
"เจ้าอยู่ที่นี่เฝ้าบ้านไว้....ส่วนข้าจะไปตามนางเอง" สุคนะหยิบหอกออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
"แต่เมืองเวหาอยู่ไกลมาก...อีกอย่างรอยฟ้าอยู่ด้วยท่านจะขึ้นไปยังไงคะ?" อุราอุเมะที่อยากตามไปช่วยด้วยอีกแรง
"ไปถึงแล้วค่อยคิดอีกที" สุคุนะตอบเสร็จก็รีบเดินออกมา ก่อนที่จะมีรถเกรียวหน้าปีศาจลอยลงมาจากฟ้าพร้อมกับหยุดลงอยู่ตรงหน้าของสุคุนะ
"โอโบโระคุรุมะหนิ?" อุราอุเมะทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
"ยินดีที่ได้พบสุคุนะ" หญิงสาวเท็นงุวัยกลางคนเดินลงมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"เจ้ากล้าดียังไงที่ทำตัวเสียมารยาทกับท่านสุคุนะ....แล้วตอนนี้ท่านไมริอยู่ไหน?" อุราอุเมะเริ่มเดือด
"รีบพูด....เพราะตอนนี้ข้าเริ่มหมดความอดทนแล้ว" สุคุนะพูดขึ้นพร้อมปล่อยจิตสังหารออกมา
"ข้าจะพาเจ้าไปยังเมืองเวหา....แต่มีสิ่งที่อยากจะร้องขอเจ้า" หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
"ข้าจะถือว่าเจ้าจะพาข้าไปยังเมืองเวหา....ว่ามาสิ...แต่ข้าไม่รับปากว่าจะทำ" สุคุนะพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็น
"หากเจ้าไปถึงเมืองเวหา....ห้ามฆ่าใครทั้งสิ้น" พอสิ้นเสียงของหญิงสาวอุราอุเมะพุ่งเข้ามาด้วยมีดน้ำแข็งก่อนจะถูกสุคุนะคว้าคอเสื้อเอาไว้ทำให้ปลายมีดหยุดที่คอของหญิงสาวทันพอดี
"หากนางตาย....โอโบโระคุรุมะจะหายไปด้วย" สุคุนะทำสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
"ใช่....หากเจ้าฆ่าข้ากว่าจะไปถึงก็คงต้องใช้เวลาถึง 4 วันและมันไม่ทันการณ์แน่" หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อย
"เจ้าบอกแค่ว่าห้ามฆ่าแต่ทำร้ายได้สินะ....ข้าตกลง" สุคุนะเดินขึ้นรถเกวียนไปทันที
"งั้นก็ดี.....ไปได้" หลังจากหญิงสาวขึ้นเกวียน โอโมโระคุรุมะก็เริ่มออกตัวลอยขึ้นฟ้าไปเหลือไว้เพียงอุราอุเมะที่ยืนมองอยู่จากข้างล่าง
"แล้วที่บอกไม่ทันการณ์...มันเกิดอะไรขึ้น?" สุคุนะเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก
"สึกิโกะ ไมริ....จะถูกจับแต่งงาน"
"หาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!" สุคุนะตะโกนร้องลั่น
END.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น