ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The key ฤคมนตรา มายารัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่4:If i were a bird

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 56


    บทที่4

    If I wear a bird



     

       พับ พับ...

    เสียงปีกสีดำสนิทกระพืออย่างหนักแน่น แหวกมวลสายลมและหมู่เมฆาให้แตกกระจาย

    ดวงตาสีม่วงของนักดาบหนุ่มมองดูร่างสีดำที่ตนขี่อยู่อย่างชื่นชม

    มันเป็นมังกรที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น

    ว่าแล้วก็พาลคิดไปถึงครั้งแรกที่ได้เจอมันในคอกปะปนกับมังกรที่ทั้งองอาจสง่างาม ช่างดูเกลียดคร้านและหยิ่งผยองจนไม่น่าจะใช้งานได้

    แต่หญิงสาวกลับไม่คิดเช่นนั้น... นางว่ามันเคยเป็นมังกรศึกที่บินโฉบได้รวดเร็วยิ่ง

    และบัดนี้เขาก็ได้พิสูจน์ด้วยตนเองว่ามันเป็นจริงเช่นนั้น

    นัยน์ตาคู่สวยเบือนไปมองร่างบางบนหลังมังกรสีเงินยวง

    เขาเพิ่งรู้ว่าคีย์พกสัตว์เทวะแบบนี้ติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเสมอ

    สเตลล่า คือชื่อของมัน

    อีกครึ่งชั่วยามเราจะออกพ้นป่า ระหว่างนี้หากเจออะไรให้นิ่งเฉยเสียเสียงหวานเอ่ยขึ้น มือเรียวทั้งสองใต้ถุงมือสีดำสนิทที่กุมสายบังเหียนแลดูคล่องแคล่วยิ่งนัก

    ท่านหมายความว่ายังไงถามด้วยความไม่เข้าใจ แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นเพียงรอยยิ้มเย็นชาที่มุมปากของหญิงสาวเท่านั้น

    ทั้งสองเงียบไปพักใหญ่โดยไม่สนทนากันอีก

    ดวงตาสองสีของคีย์ทอดมองหมู่พฤกษาเบื้องล่างที่หนาแน่นจนมองไม่เห็นพื้นดิน ก่อนยิ้มออกมาจางๆ

     ...นางเคยเดินป่า ขี่ม้า และเที่ยวเล่นในป่าเช่นนี้

    แต่มันก็เป็นเรื่องที่นานแสนนานจนนางแทบนึกไม่ออกเสียแล้ว....

    ฟ้าว!

    เสียงวัตถุแหวกอากาศที่ไม่อาจพ้นโสตประสาทอันเฉียบคมของนางไปได้ เรียกให้ดวงหน้างามหันไปมองคนข้างหลัง

    ลูกศรสีน้ำตาลเข้มพุ่งเข้าหากราเซียร์ที่ยกมือขึ้นคว้ามันไว้ได้อย่างทันท่วงที

    ดวงตาสองคู่มองตรงไปยังร่างซึ่งมีปีกสีขาวราวภาพวาดของเทพยาดาซึ่งกำลังง้างคันศร เตรียมปล่อยลูกธนูถัดไปเข้าสู่ร้างของผู้บุกรุกอาณาเขตของป่าศักดิ์สิทธิ์

    เคร้ง!

    ดาบยาวนามโอริฮาร์ทตวัดผ่าลูกธนูออกเป็นสองท่อน มือขาวดึงบังเหียนเพื่อบังคับมังกรทมิฬกลับไปต่อกรกับเหล่าชายหญิงสี่คนที่ต่างก็มีปีกขนนกสีขาวและถือคนศรไม้ในมือ

    พวกเอลฟ์มีปีก... บ้าจริงคีย์สบถพึมพำขึ้นเบาๆ พลัน ดวงตาสีเงินและฟ้าเหลือบรุ้งอย่างละข้างก็ทอแววตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กลีบปากบางเอนเอ่ยวลีดังลั่น

    อย่าทำร้ายเอลฟ์! อย่าทำให้ผู้พิทักษ์ป่าพิโรธ!”

    แต่ก็ไม่ทันกาล เพลงดาบที่รุนแรงไม่อาจหยุดยั้งเอาไว้ในเสี้ยววินาทีได้ ร่างระหงจึงกระโจนจางหลังของสัตว์เทวะผู้ทรงอำนาจ มือบางทอแสงจางคว้าเอาโอริฮาร์ทเอาไว้ หยุดยั้งได้ทันก่อนได้ผ่าสะพายแล่ง

    ข้าบอกเจ้าแล้วใช่มั้ยว่าหากเจออะไรก็ให้นิ่งเฉยไว้น่ะ!”นางตวาดอย่างกราดเกรี้ยว ก่อนจะเบี่ยงกายหลบฝ่ามือของเอลฟ์ตนหนึ่ง แต่การกระทำนั้นกลับส่งผลให้ดาบยาวซึ่งใช้ต่างสิ่งค้ำยันให้ร่างดำรงอยู่กลางเวหาได้หลุดมือไป ร่างระหงนั้นจึงร่วงหล่นลงสู่ผืนป่าท่ามกลางความตื่นตระหนกของเด็กหนุ่ม!

    บ้าจริง!”เสียงหวานสบถลั่น ก่อนที่มือซ้ายจะยกขึ้นสูง คีย์สะบัดข้อมือเร็วๆก่อนจะเริ่มบริกรรมบทเวทอย่างยากลำบาก

    ด้วยพลังมนตราแห่งมายาของข้า ผู้ดำรงอยู่ใต้กงล้อของพันธะสัญญาแห่งมายารัตติกาล ขนนกร้อยพันจงปรากฏที่เบื้องหน้า ถักทอเป็นปีกเสมือนเหล่าเทพยาดา ณ บัดนี้สิ้นบทมนตราพร้อมโลหิตที่กระอักออกจากเรียวปากงาม กระดิ่งใบน้อยก็แผดเสียงลั่นพร้อมแสงสีรุ้งที่สว่างเจิดจ้า

    กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง...

    วาบ!

    แผ่นหลังบางบัดนี้ปรากฏปีกสีรุ้งงามจับตาคู่หนึ่งที่บิดเบี้ยวราวกับกำลังถูกบีบด้วยพลังที่มองไม่เห็น ด้วยเจ้าของเวทพยายามร่ายมันออกมาท่ามกลางสถานที่ที่มีมนต์โบราณหนาแน่น

    สเตลล่า!”ร้องเรียกนามของมังกรสีเงิน มันตวัดดวงตาสีทองอร่ามมามองผู้เป็นนาย ก่อนจะพุ่งลงไปหาร่างบางที่พยุงตัวอยู่ได้ด้วยปีกมายาราวล่วงรู้ความต้องการของหญิงสาวผู้บัดนี้แลดูอ่อนล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ข้าขอโทษด้วยเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่.... ว่าแต่ท่านไม่เป็นอะไรใช่มั้ยเสียงนุ่มที่เจือความสำนึกผิดกล่าถาม เรียกให้ดวงตาสองสีเบือนไปมอง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

    ท่านเอลฟ์ผู้อารักขาป่ามนตราเอ๋ย... พวกข้าไม่ได้มีเจตจำนงจะบุกรุกสถานที่นี้ เพียงแต่ขออาศัยเป็นทางผ่าน แต่หากท่านไม่ยอม ข้าก็คงต้องจำใช้กำลังวรกายบางยืดตรงยามเอื้อนเอ่ยประโยคด้วยกระแสเสียงกังวานเปี่ยมอำนาจ ทำให้เหล่าผู้มีปีกชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะบินหายลับเข้าไปในป่า

    คีย์ถอนหายใจเบา ก่อนจะกระชับสายหนังแน่น

    ไปกันต่อ

     วูบ!

    กระดิ่งสีเงินทอแสงเรืองรอง พร้อมร่างสูงใต้อาภรณ์สีรัตติกาลของบุรุษเจ้าของเรือนผมสีเงินจะปรากฏขึ้นข้างกายหญิงสาว มือขาวเรียวเยี่ยงอิสตรีนั้นแนบลงบนหน้าผากมลของคีย์เบาๆ

    ท่านเป็นใคร

    รูอินไม่ตอบคำถามนั้นของกราเซียร์ แต่กลับพูดเสียงดุใส่คู่สัญญาสาว

    เจ้ามีไข้

    มือบางปัดมือของชายหนุ่มออก ก่อนจะพูดย่างเฉยชา

    ก็แค่ไข้ธรรมดา เดี๋ยวก็หายไปเอง

    ประโยคที่ทำให้ดวงตาสีฟ้าเหลือบรุ้งทอประกายเย็นเฉียบ

    ผลกระทบของการใช้เวทในเขตป่ามนตราไม่เคยปราณีใคร แม้แต่เจ้าก็ตาม คิดว่าเป็นอมตะแล้วร่างกายเจ้าจะอ่อนแอไม่ได้หรือไงว่าแล้วก็ถอนหายใจหนัก

    นอนซะ

    คำสั่งที่ทำให้คิ้วเรียวเลิกขึ้นน้อยๆด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยอมฟุบหน้าลงกับเกล็ดสีเงินที่ไม่แข็งเช่นมังกรทั่วไปแม้แต่น้อยเมื่อคนตัวสูงกว่าทำท่าจะดุอีกรอบ

    ภาพเช่นบิดาดุบุตรสาวทำให้ความสงสัยฉายวูบในดวงตาสีม่วงราวพลอยเนื้ออ่อน

    รูอินเบือนสายตามามองเด็กหนุ่มบนหลังมังกรสีรัตติกาล พลางพูดเย็นๆ

    ดูแลนางด้วยสิ้นเสียง ร่างสูงก็จางหายไป ทิ้งให้กราเซียร์ถอนหายใจเบา สีหน้าปรากฏความลำบากใจ

    ...ให้ตายสิ...

    คีย์แข่งแกร่งกว่าเขาร้อยพันเท่า เมื่อครู่เขายังถูกนางช่วยเอาไว้ เวลาเจออันตราย เขาจะไปมีปัญญาที่ไหนมาดูแลนาง... 

    โชคดีของนักบวชหนุ่มคือนับแต่นั้นก็ไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นอีก และทั้งสองก็สามารถออกจากป่ามาได้อย่างปลอดภัย

     

    ***********************

     

    ท่ามกลางสติที่เรือนลางเพราะพิษไข้...

    นางเหมือนรู้สึกถึงสัมผัสอันคุ้นเคยที่หวนกลับมาประทับบนหน้าผากไม่รู้หาย แม้กาลจะล่วงเลยมาถึงสองร้อยปีก็ตาม...

    บอกแล้วว่าอย่าออกไปเล่นน้ำฝน... ทำไมพี่บอกอะไรก็ไม่ฟังเลยล่ะคำเอ่ยดุๆที่ทำให้ร่างน้อยบนเตียงกว้างหัวเราะคิกคักแม้ดวงหน้าขาวจะยังคงแดงเรื่อด้วยพิษไข้

    แหม... เจ้าพี่ก็ อย่าทรงตรัสกับหญิงเช่นนั้นสิคะ หญิงกลัวนะ

    เสียงหวานๆที่เอ่ยอย่างสดใสทำให้คนตัวสูงถอนหายใจเป็นรอบที่พัน

    ถ้าหญิงกลัวจริงๆก็ดีน่ะสิ จะได้ไม่กล้าแอบไปเล่นน้ำฝนอีก

    อะไรกัน... ท่านพี่ทรงโกรธหญิงหรือคะ

    เมื่อเห็นเด็กหญิงทำท่าจะร้องไห้ แม้เด็กชายจะรู้ว่าเป็นการเสแสร้ง แต่ก็อดใจอ่อนเช่นทุกครั้งไม่ได้

    โกรธสิ... แต่ตอนนี้ไม่โกรธแล้ว ดังนั้นหญิงต้องนอนพักให้มากๆนะ จะได้หายเร็วๆว่าแล้วก็ละมือที่ทาบอยู่บนหน้าผากออกไปลูบศีรษะที่ถูกปรกคลุมด้วยเส้นผมสีทองสว่างสวยแทน

    ค่ะ หญิงจะรีบๆหาย จะได้ไปเล่นกับเจ้าพี่เอ่ยอย่างมาดมั่นไร้เดียงสาเช่นเด็กอายุหกขวบทั่วไป ก่อนที่จะหลับตาลงอย่างว่าง่าย

    เจ้าพี่คะเสียงใสที่ติดจะเลื่อนลอยเล็กน้อยเพราะพิษไข้ที่รุมเร้าดังขึ้น เรียกให้ดวงตาสีน้ำเงินจางๆของเด็กชายอายุราวแปดขวบให้หันไปมอง

    มีอะไรหรอ

    เจ้าพี่ทรงอยากมาเยี่ยมหญิงจริงๆหรือคะ

    ทำไมถึงถามอย่างนั้นละ ไม่ดีเลยนะ

    เด็กหญิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนว่าเสียงเบาเหมือนกับถูกจับได้ว่าทำความผิด

    ก็หญิงเอาแต่ใจนี่คะ รู้ว่าเจ้าพี่อยู่ตั้งอาร์คติค แต่ก็ยังให้คนไปตามเจ้าพี่มาหาหญิงถึงเอเรเทเรีย

    คำกล่าวที่ทำให้รอยยิ้มจางปรากฏบนดวงหน้าของเด็กชาย ก่อนจะตอบด้วยกระแสเสียงอ่อนโยน

    ไม่หรอก พี่จะไม่อยากมาเยี่ยมเจ้าได้ยังไง ก็ครัสตาเซียร์เป็นคู่หมั้นของพี่นี่หน่า พี่ก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว

    หรอคะ... ดีใจจังคนพูดฉีกรอยยิ้มกว้าง ก่อนยกมือขึ้นขยี้ตาที่เริ่มปรือลงด้วยความง่วงงุ่น

    “หญิงง่วงแล้วล่ะค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะเจ้าพี่”

     ราตรีสวัสดิ์...

    ภาพของอดีตที่แสนห่างไกล....

    ภาพ... ของบุคคลที่นางเคยรักมากที่สุด...

    หัวใจรู้สึกปวดแปลบจนแทบอยากควักออกมาทิ้ง เมื่อตระหนักได้ว่ากาลเวลายาวนานมิเคยทำให้นางลืมวันเวลาที่เขาคอยอยู่เคียงข้างนางได้สักนิด

    หากว่าสามารถลืมความแค้นที่มีต่อเขา และโบยบินไปอย่างอิสระได้.... หากเป็นเช่นนั้น ก็คงดีสินะ คาร์เคียร์....

    เขา... จะยังจำได้อยู่หรือไม่...

    หรือว่าลืมเลือนไปเสียสิ้นแล้ว และมีเพียงแต่นางที่ยังคงจดจำมันได้ดีอย่างโง่งม

    คำสัญญา.... ที่จะอยู่ด้วยกัน จะโบยบินไปด้วยกันตลอดไป

    แต่ว่านะ... ตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้วล่ะ...

    ก็เพราะนางไม่มี ปีก นี่หน่า

    ที่นางมี ก็เป็นเพียงแค่ปีกมายา ปีกที่เป็นภาพลวง...

    ดังนั้น นางจึงอย่างเป็นดั่งเช่นวิหก วิหกผู้มีปีก...

    เพราะหากนางได้เป็นนก ก็จะได้โบยบินไปอยู่เคียงข้างเขา ละทิ้งความแค้นทั้งหมดที่คอยบีบเค้นนางจนแทบแหลกสลาย

     เพียงแต่นั่นก็เป็นได้เพียงแค่ความเพ้อฝันเท่านั้น สิ่งที่เขาติดค้างนาง เขามิมีวันชดใช้คืนได้ด้วยสิ่งใด นอกจากชีวิต...

     

    ดวงตาสีฟ้าเหลือบรุ้งคู่สวยมองร่างบางที่หลับสนิทอยู่บนเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ด้วยแววตาซึ่งว่างเปล่าอยู่เป็นนิจ

    เส้นผมสีทองยาวสยายนั้นแผ่กระจายเต็มที่นอนขาวสะอาด ตัดกับอาภรณ์ซึ่งยังคงไว้ด้วยสีดำสนิท ทำให้ร่างของคีย์ยามนี้แลดูเปราะบางเหลือเกิน...

    ราวกับผลึกแก้ว...ที่สามารถแตกร้าวได้ในทุกเวลา....

    พลังอ่อนลงถึงขนาดนี้เชียวหรือ...เสียงนุ่มติดจะเย็นชาดังขึ้นอย่างแผ่วเบายามนัยน์ตาคู่สวยจ้องมองกระดิ่งสีเงินในสายริบบิ้นที่หญิงสาวเคยผูกมันไว้ที่ข้อมือซ้ายอยู่เสมอ

     ...ไม่น่าจะเป็นไปได้..

    แค่ฝ่าเขตอาคมของป่า ไม่น่าจะทำให้พลังมายาอ่อนลงขนาดนี้

    หากเป็นแบบนี้ต่อไป... เจ้าจะไม่มีวันเอาชนะคาร์เคียร์ได้หรอก ครัสตาเซียร์ว่าแล้วก็สลายวัตถุในมือให้กลายเป็นละอองแสงไป พร้อมหลับตาลง

    เขาเป็นคนเย็นชา แต่ใช่ว่าจะไร้หัวจิตหัวใจ เห็นนางที่เป็นเสมือนลูกศิษย์ที่ตนสอนสั่งมาแต่เล็กอยู่ในสภาพเช่นนี้ ในใจย่อมเกิดความรู้สึกเวทนาอยู่บ้าง

    ด้วยบ่าเล็กๆบอบบางเช่นนั้น นางแบกรับความคั่งแค้นมากมายที่แทบจะกดตัวนางให้จมดิน แม้ว่ากาลเวลาที่ผ่านมาจะทำให้นางเปลี่ยนจากเด็กน้อยที่ทั้งร่างสั่นเทา ดวงตาเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเช่นครั้งที่พบกันคราแรก กลายเป็นนางที่ภายนอกสุขุมเยือกเย็นเช่นตอนนี้ แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าในใจนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมากมายเพียงไร

                    ทั้งความแค้น...ความเศร้า...ความเจ็บปวด...หรือกระทั่งความรัก สิ่งเหล่านี้ปนเปขัดแย้งกันอยู่ภายในใจของนาง แม้มันจะเป็นสิ่งที่ผลักดันให้นางยังมีชีวิตต่อไปได้ กระนั้นพวกมันก็เหมือนโซ่ที่ตัดไม่ขาด นับวันก็ยิ่งรัดแน่น

    ไม่รู้ว่าวันใดที่นางจะถูกโซ่พวกนั้นบีบรัดจนแหลกสลาย...

    รูอินถอนหายใจ ร่างสูงผินกายเตรียมจะก้าวออกจากห้อง หากไม่ใช่เสียงหวานที่ละเมอออกมาด้วยพิษไข้จะทำให้เขาต้องหยุดชะงัก

    ถ้าข้ามีปีกล่ะก็... คงจะโบยบินไปกับเจ้าได้

    ประโยคที่ทำให้ดวงตาสีฟ้าเหลือบรุ้งทอประกายขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนที่รูอินจะผลักประตูให้เปิดออก และเดินจากไป

    ...ปีก งั้นหรอ....

    ภายในหัวใจที่สงบนิ่งเหมือนทะเลไร้คลื่นเกิดระรอกแห่งความเจ็บปวดขึ้นบางเบา

    เมื่อนานมาแล้ว... ไม่สิ มันเป็นกาลที่ล่วงเลยมานานแสนนานจนเขาไม่อาจจะระรึกได้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใด

    เขา... ก็เคยได้ยินใครบางคนพูดเช่นนี้เหมือนกัน

    แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ผ่านพ้นไปแล้ว และเขาไม่มีวันได้ยินประโยคนี้จากปากของนางอีก

     เพราะเจ้าพบปีกของเจ้าแล้วใช่หรือไม่ ปีกของเจ้าที่ไม่ใช่ข้า... ลูน่า

     

    **************************************

    ร้อน...

    หนาว...

    นี่นางเป็นอะไรไปกันนะ?

    รู้สึกร้อนราวอยู่ท่ามกลางเพลิงกาฬ แต่เพียงผ่านพ้นไปชั่ววูบ ก็กลับกลายเป็นหนาวสะท้านราวอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ

    เปลือกตาที่แสนหนักอึ้งปรือขึ้นแช่มช้า เผยให้เห็นดวงตาสีเงินยวงที่ดูพร่ามั่วด้วยความอ่อนเพลีย

    ที่นี่ที่ไหนเอ่ยถามเมื่อรับรู้ว่าข้างกายมีไอของสิ่งมีชีวิต ทว่าเสียงที่ดังขึ้นมากลับแหบแห้งผิดจากเดิมจนน่าตกใจ

    มิติของรูอินเสียงนุ่มนวลที่บอกคำตอบซึ่งฟังดูคุ้นเคยทำให้สมองที่เชื่องช้าจนน่าหงุดหงิดของหญิงสาวประมวลมันอย่างเฉื่อยชา

    กราเซียร์?”

    ร่างระหงที่อ่อนแรงยันกายขึ้นนั่ง ดวงตาคู่สวยมองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่ไม่ไกลไปจากเธอนัก ซึ่งนักดาบหนุ่มเจ้าของชื่อก็ละสายตาจากตัวอักษรในหน้ากระดาษมามองดูสตรีที่เพิ่งฟื้นตื่นแทน

    นี่ข้าเป็นอะไรไปถามพลางยกมือกุมศีรษะที่ปวดแปลบราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

    นี่มันเกิดอะไรขึ้น...

    ทำไมเธอที่ไม่เคยปวดหัวมานานนับแต่ได้พลังจากพันธะสัญญามาถึงได้เกิดอาการขึ้นได้

    แถมยังอาการที่อ่อนเพลียนี่อีก

    ท่านหลับไปสี่วัน รูอินว่าเป็นไข้เพราะพลังเวทลดลง จึงได้พามาพักในมิติที่ปรกคลุมด้วยรัตติกาลเวทว่าด้วยกระแสเสียงไม่พอใจนัก เพราะด้วยเวทประจำตัวที่เป็นธาตุแสงจึงไม่ถูกกับสถานที่นี่เลยสักนิด

    แล้วโลกภายนอกล่ะ พวกเราอยู่ที่ไหน

    ดวงตาสีม่วงมองดูหญิงสาวที่เคยประหยัดคำพูดอย่างมากด้วยแววตาประหลาด ก่อนจะถอนหายใจเบา

    เทลเรส หมู่บ้านใต้หน้าผาเอเทียร์

    คำตอบที่ทำให้ดวงหน้างามฉายแววเครียดขึ้น

    ...เอเทียร์ หน้าผาซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทแห่งทวีปเอเรเทเรีย....

    หากเธอหลับไปถึงสี่วัน ก็แสดงว่าหลงเหลือเวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์ก่อนที่หิมะจะตก

    บ้าจริง... พลังเวทที่ใช้ไปคงฟื้นไม่ทันแน่

    คิดพลางยกมือซ้ายขึ้นแตะต่างหูอความารีนอย่างแผ่วเบาด้วยความคุ้นชิน

    งั้นก็ต้องสะสมพลัง...

    เมื่อสรุปออกมาได้ดังนั้นร่างระหงจึงลุกขึ้นจากเตียง แต่พลันสมองก็พร่ามัวทำให้หญิงสาวเซถลาเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังคงฝืนกายหยัดยืนอย่างทระนง

    จะไปไหนกราเซียร์ถามเมื่อเห็นว่าคนป่วยกำลังจะออกจากห้อง

    ข้าจะไปสะสมพลังเวท อาทิตย์หน้าเราจะบุกปราสาทกันแล้ว เจ้าก็เตรียมตัวไว้ให้ดี

    คล้อยหลังเมื่อคีย์เดินออกจากห้องไป คนเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่จึงได้ถอนหายใจเบา

    สตรีดำอะไรกัน ที่แท้ก็เป็นคนหัวธรรมดาที่สามารถเจ็บป่วยได้....

    แถมยังดื้อมากเสียด้วยสิ....

     

    *******************************

     

    รูอิน! เจ้าอยู่ไหนน่ะ รูอิน!”เสียงหวานตะโกนก้องภายในห้องนั่งเล่นซึ่งถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำสลับน้ำเงินตามรสนิยมของเจ้าของ ร่างบางในชุดกรุยกรายกวาดสายตามองไปรอบห้อง แต่ก็ไร้แววผู้ที่ถูกเรียก

    ปกติที่เธออยู่ในมิติธรรมดา หญิงสาวจะสามารถเรียกหาคู่สัญญาได้ด้วยจิต แต่ตอนนี้เมื่อเธอมาอยู่ใต้มิติของเขา จากที่เคยเรียกด้วยจิตได้จึงต้องมาเดินตามหาเอาเอง

    รูอิน!”

    ข้าอยู่นี่เสียงนุ่มเอ่ยราบเรียบพร้อมร่างสูงในอาภรณ์สีดำสนิทขลิบทองที่ดูสบายๆไม่เหมือนที่ผ่านมาซึ่งเธอมักเห็นเขาอยู่ในชุดแบบเทพยุโรปเหนือเสียมากกว่าจะเดินเข้ามาในห้องด้วยสภาพที่เส้นผมสีเงินยวงนั้นเปียชุ่ม ในขณะที่มือขวากำลังใช้ผ้าเช็ดอยู่อย่างลวกๆ

    รูอิน กระดิ่งมายาอยู่ไหนถามเสียงเย็นเมื่อพบว่าสิ่งที่ใช้เป็นสื่อนำพลังของตนถูกริบคืนไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ดวงตาคู่งามซึ่งเคยเย็นชาอยู่เป็นนิจทอประกายกรุ่นๆ

    จะเอาไปทำอะไรถามเสียเรียบก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเบื่อหน่าย

    ข้าจะไปหาผู้แบกกางเขน’”

    ประโยกที่ทำให้คิ้วเรียวบนเครื่องหน้าราวเทพยาดานั้นเลิกขึ้นน้อยๆด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมส่งสิ่งที่หญิงสาวต้องการไปให้อยู่ดี

    อย่าใช้พลังมากเกินไปก็แล้วกัน

    ดวงหน้างามเผลอค้อนขวับเมื่อคนตรงหน้าทำตัวราวกับบิดา ก่อนจะก้าวเร็วๆออกจากห้องไป

    ทิ้งให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

    อย่าใช้พลังเวทให้หมดก่อนที่สัญญาจะบรรลุล่ะ

    ...ใช่...

    เพราะพลังของพันธะสัญญาจะจบสิ้นลง เมื่อผ่านพ้นคืนหิมะโปรย...

    คือการที่เขาจะต้องกลับไปสู่การสะสมมนตรา... เพื่อรอรับพันธะสัญญาใหม่จากผู้อื่น

    ครัสตาเซียร์.... ความจริงแล้วข้าก็อยากจะเป็นปีก ที่แท้จริงให้เจ้าอยู่หรอกว่าพลางพลับตาลง เรียวปากบางนั้นขยับยิ้มอย่างเย็นชา

    แต่ข้าก็สามารถเป็นได้เพียง ปีกมายา เท่านั้น มายาที่ราวกับมีอยู่จริง แต่สักวัน... มันก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย...

     

    Chapter5--End

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×