ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Call me Alice

    ลำดับตอนที่ #1 : อลิซ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26
      1
      26 มิ.ย. 57

    ตอนที่ 1. อลิซ

    แสงแดดอุ่นๆในตอนเช้า ส่องลงมาใต้ต้นไม้ใหญ่ กับฝูงนกน้อยที่กำลังบินออกจากรังไปหาอาหาร สำหรับครอบครัวของพวกมัน และเสียงเจี้ยวจ้าวที่ดังไปทั่วทุกพื้นที่ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เวลาแห่งการเริ่มต้นวันใหม่นั้น... ได้เริ่มขึ้นแล้วล่ะ

    “อ...อือ... เช้าแล้วหรอเนี่ย...”

    ฉันชื่อ “นิ้ง” ฉันเป็นสาวมัธยมปลาย ตอนนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองใหญ่ แต่ว่าตอนนี้น่ะ ได้เวลาเตรียมตัวไปโรงเรียนแล้วล่ะ !

    ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปอาบน้ำล้างหน้าตามปกติ อย่างที่ได้เคยทำทุกวันนั่นแหละ

    นั่นแหละน้า...ชีวิตประจำวันอันแสนน่าเบื่อ เมื่อไหร่ฉันจะเรียนจบสักที จะได้มีโอกาสตื่นนอนสายๆบ้าง ผู้หญิงอย่างฉันก็ขี้เกียจเป็นเหมือนกันนะ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    เสียงประตูห้องของฉันดังขึ้น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลย เพราะมันก็เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน

    “นิ้ง..ตื่นหรือยังน่ะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก”

    นั่นคือเสียงของพี่ชายฉันเองค่ะ แปลกใช่มั้ยล่ะ ถ้าเป็นคนอื่นก็น่าจะเป็นคุณแม่ที่เข้ามาปลุกมากกว่าใช่มั้ยล่ะคะ แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกค่ะ เพราะว่าเราอยู่กันสองพี่น้องมาตั้งสามสี่ปีแล้ว...พ่อแม่เราแยกทางกันน่ะค่ะ เราสองคนเลยถูดทิ้งให้อยู่กันแค่นี้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะพี่ชายน่ะ ดูแลฉันได้ดียิ่งว่าแม่อีก...

    “ตื่นแล้วๆ ขอแต่งตัวแปบนึง”

    ถึงพี่ชายจะเป็นแบบนี้แต่ก็ไม่ได้จุกจิกเหมือนคุณแม่หรอกนะคะ พี่ชายน่ะทั้งใจดีและอ่อนโยน

    ทำกับข้าวก็เก่ง กีฬาก็ดี บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่าเพอเฟกต์มาก และนิ้งก็คิดว่าตัวเองโชคดีมากเหลือเกิน...

    “เร็วๆล่ะ วันนี้พี่ต้องออกไปที่ร้านเร็วหน่อย กับข้าวอยู่บนโต๊ะนะ ทานแล้วอย่าลืมล้างถ้วยด้วยล่ะ” พี่ชายพูดทิ้งท้ายก่อนจะออกจากบ้านไป สงสัยวันนี้ต้องรีบไปจัดของให้ลูกค้าสินะ ต้องทำแบบนี้ทุกวัน..จะเหนื่อยบ้างมั้ยนะ

    ฉันรีบจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จแล้วจึงลงไปทานข้าวเช้า จากนั้นจึงรีบขับรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่หลังบ้านออกไปยังโรงเรียน... จริงๆแล้ววันนี้ก็เป็นวันสำคัญอีกวันนึงนะคะ เพราะว่า วันนี้เราจะได้เลือกชมรมสำหรับทำกิจกรรม และฉันก็มีชมรมที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วแหละ... ยังไงก็ต้องเข้าชมรมนั้นให้ได้เลย

     

    เมื่อมาถึงโรงเรียน

    วันนี้ที่โรงเรียนดูคึกคักเป็นพิเศษ ทางเข้าโรงเรียนมีผู้คนมุงบอร์ดประกาศกันอยู่เพียบเลย จริงๆแล้วบอร์ดนั้นเป็นบอร์ดที่จะแจกใบสมัครให้กับนักศึกษาที่สนใจจะเข้าชมรมต่างๆ ซึ่งแต่ละชมรมก็รับสมาชิกไม่มากหรอกค่ะ บางชมรมก็อาจจะรับเพิ่มแค่ สิบคนเท่านั้น

    ฉันรีบเดินตรงดิ่งไปที่บอร์ดประกาศ และมองหาใบสมัครของชมรมที่ฉันอยากเข้า เอ...ทันอยู่ตรงไหนกันนะ? ฉันพยายามกวาดสายตามองให้ทั่วบอร์ดแต่ก็หาไม่เจอสักที

    “เหห? หรือว่าปีนี้เค้าจะไม่รับคนเพิ่มน่ะ...” ฉันเริ่มจะถอนหายใจ..

    “ทำไมกันนะ ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เอาไว้ปีหน้าเค้าอาจจะรับก็ได้ รออีกปีเดียวก็คงไม่เป็นไร“ ฉันปลอบใจตัวเองเบาๆแล้วเอื้อมมือไปหยิบใบสมัครชมรมเกษตรที่อยู่ตรงข้างบนสุดมา ดูเหมือนชมรมนี้จะไม่ได้รับความสนใจเลยนะ.. บางทีฉันอาจจะเป็นคนแรกที่หยิบมันก็ได้

    ฉันหยิบใบสมัครมาแล้วจึงออกไปจากที่ตรงนั้น เนื่องจากคนยืนมุงกันเยอะมาก จึงทำให้อึดอัดเป็นพิเศษเลยล่ะ

    “นิ้งๆ ทางนี้ๆ” เพื่อนสาวสมัยเด็กของฉันเธอโบกมือเรียกฉันจากโต๊ะหินอ่อนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ฉันเลยตรงดิ่งไปหาเพื่อนสาว

    “ไงเอนนา มาโรงเรียนแต่เช้าเลยนะ” ฉันทักทายเพื่อนสาว เอนนาจริงๆแล้วเป็นคนต่างชาติน่ะ เค้าย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยตั้งแต่ฉันยังเด็กๆ ตอนนี้เอนนาพูดไทยได้ชัดกว่าฉันซะอีก

    “ฉันก็รีบมาเอาใบสมัครชมรมศิลปะน่ะสิ ขืนมาช้าอดได้แหงๆ” เอนนาพูดกับฉันอย่างสบายใจ ดูเหมือนเธอจะได้ในสิ่งที่เธออยากได้ล่ะนะ

    “ดีจังเลยนะ...ดูเหมือนชมรมที่ฉันอยากเข้า เขาไม่รับสมัครแหละ..เฮ้อ..” ฉันพูดพลางถอนหายใจเบาๆ เอาน่ะ...ยังดีกว่าไม่มีชมรมเข้านะ

    “เธอหมายถึงชมรมดรีมสตาร์อ่ะหรอ?..ตั้งแต่ฉันมาก็ยังไม่เห็นใบสมัครของชมรมนั้นเลยล่ะ”

    “หรอ...งั้นปีนี้ฉันก็แห้วอีกตามเคยสินะ...ตอนแรกก็คิดว่าฉันมาสายซะอีก”

    “ไม่เป็นไรนะนิ้ง แล้วนั่นถือใบสมัครอะไรมาล่ะ” เอนนาพูดพลางชี้มาที่ใบสมัครในมือของฉัน.. จะเอาไงดีล่ะ จะบอกดีมั้ยว่าต้องเข้าชมรมเกษตรน่ะ

    “อ่อ..ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่เอามาดูๆไว้น่ะ” ฉันพูดอย่างเขินอาย อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อายที่จะอยู่ชมรมนี้หรอก เพราะทางบ้านฉันก็เพราะพวกไม้ดอกขายเหมือนกันแหละ.. แต่ว่านะ ยังไงก็ยังมีสิ่งที่ฉันอยากทำมากกว่าขายพวกดอกไม้นี้ซะอีก...

    “แล้วทำไมไม่มาเข้าชมรมศิลปะกับฉันล่ะ ฉันว่านิ้งก็วาดรูปเก่งออกนะ” เอนนาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้ม เธอดูมีความสุขจังเลยนา..

    “ไม่เอาดีกว่า ยังไงฉันก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าเธอหรอก ขอบคุณนะ แล้วฉันจะลองคิดดูอีกที” ฉันพูดบ่ายเบี่ยงแล้วหันหน้าหนีช้าๆ

    “อย่าคิดนานนะเพื่อน ใบสมัครเค้าให้ส่งภายในวันนี้นะ ยังไงอยู่ด้วยกันมันก็ดีกว่าแหละน้า”

    “อ่ะ...จริงด้วยสินะ.. แต่ว่า ฉันหยิบใบสมัครเข้าชมรมเกษตรมาแล้วล่ะ แหะๆ” ฉันยิ้มแห้งๆให้เอนนาพร้อมกับชูใบสมัครชมรมในมือฉันให้ดู

    “อ่ะ อ้าว...ที่แท้ก็จะเข้าชมรมเกษตรนี่เอง ฉันว่าเธอต้องเด่นที่สุดในชมรมแน่ๆ” เอนนาพูดพลางยิ้มให้ฉัน ดูเหมือนเธอจะมีความสุขมากทีเดียว

    “ฉันนี่นะจะเด่น..พูดอะไรของเธอน่ะ”

    “ก็บ้านเธอทำเกี่ยวกับพวกไม้ดอกไม้ประดับนี่นา ชมรมนี้อาจจะให้เธอปลูกดอกไม้ต้นไม้ก็ได้นะ”

    “นี่..ฉันอยู่กับมันทุกวัน ฉันก็เบื่อเป็นนะ”

    “ฮ่าๆๆ ฉันล้อเล่นหรอกจ๊ะ จะเข้าชมรมไหนก็ตามใจเธอละกัน เดี๋ยวอีกห้านาทีต้องเข้าเรียนแล้ว ไปเตรียมตัวกันเถอะ” เอนนาพูดพลางลุกขึ้นเก็บกระเป๋า ก่อนจะลากฉันไปด้วยกัน

     

    และแล้วชั่วโมงเรียนอันน่าเบื่อก็มาถึง ถึงแม้ภายนอกฉันจะดูเฉยๆ แต่ในหัวตอนนี้กลับเอาแต่คิดเรื่องชมรม ตอนนี้ในหัวมันวุ่นวายราวกับม้วนฟิมล์ที่พันกันจนแกะไม่ออก เอาไงดีล่ะ... ฉันต้องเข้าชมรมเกษตรจริงๆใช่มั้ย? ไม่สิ ตอนนี้อาจจะยังมีใบสมัครชมรมอื่นๆเหลืออยู่ก็ได้.. ศิลปะดีมั้ยนะ ฉันจะได้อยู่กับเอนนา... ไม่สิ หรือว่าอยู่ชมรมถ่ายภาพดี ถ้าเราถ่ายได้ดีอนาคตต้องเป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียงได้แน่.. ไม่สิ แม้แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่เคยถ่ายรูปเลยนี่นา.. มีหวังได้เป็นขี้ปากชาวบ้านแน่ๆเลย โอ้ย...เอาไงดีนะ

    “นิ้ง นิ้ง ... !!” เพื่อนร่วมห้องที่นั่งข้างๆเรียกฉันให้ตื่นจากภวังค์แห่งความคิดอันสับสน

    “อ่ะ...มีอะไรหรอมิ้นท์...!! ” ฉันหันไปถามเพื่อนสาวที่ชื่อมิ้นท์ด้วยสีหน้าสีตกใจเล็กน้อย

    “เอิ่ม..คือว่า อาจารย์ถามโจทย์เธอน่ะ” มิ้นท์พูดกับฉันค่อยๆ ฉันจึงหันไปมองอาจารย์ สายตาของอาจารย์ตอนนี้กำลังมองมาทางฉันด้วยความดุดันราวกับจะฉีกฉันออกไปเป็นชิ้นๆให้ได้

    “ค..คะ?” ฉันตอบอาจารย์ด้วยน้ำเสียงแห้งๆ ตอนนี้ขาฉันเริ่มจะสั่นไปหมดแล้วล่ะ....

    “เป็นอะไรน่ะ นั่งเหม่อแต่เช้าแล้วนะเธอ!!” อาจารย์ถามฉันด้วยน้ำเสียงดุดัน ซึ่งก็ทำให้ฉันสะดุ้งโหยงไปทั้งตัวเลยล่ะ

    “อ่ะ..ค..คือว่า ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ..” ฉันตอบแก้ตัวออกไปอย่างเขินๆ ก็แน่น่ะสิ ขืนบอกไปว่ามันแต่คิดเรื่องชมรมที่จะเข้า มีหวังโดนล้อแน่ๆ.. ดูท่าทุกคนคงจะได้มีชมรมกันหมดแล้วสิท่า ....

    “งั้นหรอ?...ไปนอนพักที่ห้องพยาบาลก่อนก็ได้นะ” อาจารย์เปลี่ยนสีหน้าพลางพูดกับฉันอย่างใจเย็น

    “เธอไม่สบายหรอกหรอนิ้ง..” มิ้นท์มองฉันด้วยสายตาเป็นห่วง

    “ค่ะ..กินยาแปบเดี๋ยวก็คงหายค่ะ..” ฉันตอบอาจารย์เบาๆ ก่อนจะขอตัวออกจากห้องมา ฉันน่ะสบายดีนะ...แต่ว่าหัวสมองฉันนี่สิ เหมือนมันกำลังจะระเบิดแล้วล่ะ....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×