คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อลิซ
ตอนที่ 1. อลิซ
แสงแดดอุ่นๆในตอนเช้า ส่องลงมาใต้ต้นไม้ใหญ่ กับฝูงนกน้อยที่กำลังบินออกจากรังไปหาอาหาร สำหรับครอบครัวของพวกมัน และเสียงเจี้ยวจ้าวที่ดังไปทั่วทุกพื้นที่ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เวลาแห่งการเริ่มต้นวันใหม่นั้น... ได้เริ่มขึ้นแล้วล่ะ
“อ...อือ... เช้าแล้วหรอเนี่ย...”
ฉันชื่อ “นิ้ง” ฉันเป็นสาวมัธยมปลาย ตอนนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองใหญ่ แต่ว่าตอนนี้น่ะ ได้เวลาเตรียมตัวไปโรงเรียนแล้วล่ะ !
ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปอาบน้ำล้างหน้าตามปกติ อย่างที่ได้เคยทำทุกวันนั่นแหละ
นั่นแหละน้า...ชีวิตประจำวันอันแสนน่าเบื่อ เมื่อไหร่ฉันจะเรียนจบสักที จะได้มีโอกาสตื่นนอนสายๆบ้าง ผู้หญิงอย่างฉันก็ขี้เกียจเป็นเหมือนกันนะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูห้องของฉันดังขึ้น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลย เพราะมันก็เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน
“นิ้ง..ตื่นหรือยังน่ะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก”
นั่นคือเสียงของพี่ชายฉันเองค่ะ แปลกใช่มั้ยล่ะ ถ้าเป็นคนอื่นก็น่าจะเป็นคุณแม่ที่เข้ามาปลุกมากกว่าใช่มั้ยล่ะคะ แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกค่ะ เพราะว่าเราอยู่กันสองพี่น้องมาตั้งสามสี่ปีแล้ว...พ่อแม่เราแยกทางกันน่ะค่ะ เราสองคนเลยถูดทิ้งให้อยู่กันแค่นี้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะพี่ชายน่ะ ดูแลฉันได้ดียิ่งว่าแม่อีก...
“ตื่นแล้วๆ ขอแต่งตัวแปบนึง”
ถึงพี่ชายจะเป็นแบบนี้แต่ก็ไม่ได้จุกจิกเหมือนคุณแม่หรอกนะคะ พี่ชายน่ะทั้งใจดีและอ่อนโยน
ทำกับข้าวก็เก่ง กีฬาก็ดี บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่าเพอเฟกต์มาก และนิ้งก็คิดว่าตัวเองโชคดีมากเหลือเกิน...
“เร็วๆล่ะ วันนี้พี่ต้องออกไปที่ร้านเร็วหน่อย กับข้าวอยู่บนโต๊ะนะ ทานแล้วอย่าลืมล้างถ้วยด้วยล่ะ” พี่ชายพูดทิ้งท้ายก่อนจะออกจากบ้านไป สงสัยวันนี้ต้องรีบไปจัดของให้ลูกค้าสินะ ต้องทำแบบนี้ทุกวัน..จะเหนื่อยบ้างมั้ยนะ
ฉันรีบจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จแล้วจึงลงไปทานข้าวเช้า จากนั้นจึงรีบขับรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่หลังบ้านออกไปยังโรงเรียน... จริงๆแล้ววันนี้ก็เป็นวันสำคัญอีกวันนึงนะคะ เพราะว่า วันนี้เราจะได้เลือกชมรมสำหรับทำกิจกรรม และฉันก็มีชมรมที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วแหละ... ยังไงก็ต้องเข้าชมรมนั้นให้ได้เลย
เมื่อมาถึงโรงเรียน
วันนี้ที่โรงเรียนดูคึกคักเป็นพิเศษ ทางเข้าโรงเรียนมีผู้คนมุงบอร์ดประกาศกันอยู่เพียบเลย จริงๆแล้วบอร์ดนั้นเป็นบอร์ดที่จะแจกใบสมัครให้กับนักศึกษาที่สนใจจะเข้าชมรมต่างๆ ซึ่งแต่ละชมรมก็รับสมาชิกไม่มากหรอกค่ะ บางชมรมก็อาจจะรับเพิ่มแค่ สิบคนเท่านั้น
ฉันรีบเดินตรงดิ่งไปที่บอร์ดประกาศ และมองหาใบสมัครของชมรมที่ฉันอยากเข้า เอ...ทันอยู่ตรงไหนกันนะ? ฉันพยายามกวาดสายตามองให้ทั่วบอร์ดแต่ก็หาไม่เจอสักที
“เหห? หรือว่าปีนี้เค้าจะไม่รับคนเพิ่มน่ะ...” ฉันเริ่มจะถอนหายใจ..
“ทำไมกันนะ ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เอาไว้ปีหน้าเค้าอาจจะรับก็ได้ รออีกปีเดียวก็คงไม่เป็นไร“ ฉันปลอบใจตัวเองเบาๆแล้วเอื้อมมือไปหยิบใบสมัครชมรมเกษตรที่อยู่ตรงข้างบนสุดมา ดูเหมือนชมรมนี้จะไม่ได้รับความสนใจเลยนะ.. บางทีฉันอาจจะเป็นคนแรกที่หยิบมันก็ได้
ฉันหยิบใบสมัครมาแล้วจึงออกไปจากที่ตรงนั้น เนื่องจากคนยืนมุงกันเยอะมาก จึงทำให้อึดอัดเป็นพิเศษเลยล่ะ
“นิ้งๆ ทางนี้ๆ” เพื่อนสาวสมัยเด็กของฉันเธอโบกมือเรียกฉันจากโต๊ะหินอ่อนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ฉันเลยตรงดิ่งไปหาเพื่อนสาว
“ไงเอนนา มาโรงเรียนแต่เช้าเลยนะ” ฉันทักทายเพื่อนสาว เอนนาจริงๆแล้วเป็นคนต่างชาติน่ะ เค้าย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยตั้งแต่ฉันยังเด็กๆ ตอนนี้เอนนาพูดไทยได้ชัดกว่าฉันซะอีก
“ฉันก็รีบมาเอาใบสมัครชมรมศิลปะน่ะสิ ขืนมาช้าอดได้แหงๆ” เอนนาพูดกับฉันอย่างสบายใจ ดูเหมือนเธอจะได้ในสิ่งที่เธออยากได้ล่ะนะ
“ดีจังเลยนะ...ดูเหมือนชมรมที่ฉันอยากเข้า เขาไม่รับสมัครแหละ..เฮ้อ..” ฉันพูดพลางถอนหายใจเบาๆ เอาน่ะ...ยังดีกว่าไม่มีชมรมเข้านะ
“เธอหมายถึงชมรมดรีมสตาร์อ่ะหรอ?..ตั้งแต่ฉันมาก็ยังไม่เห็นใบสมัครของชมรมนั้นเลยล่ะ”
“หรอ...งั้นปีนี้ฉันก็แห้วอีกตามเคยสินะ...ตอนแรกก็คิดว่าฉันมาสายซะอีก”
“ไม่เป็นไรนะนิ้ง แล้วนั่นถือใบสมัครอะไรมาล่ะ” เอนนาพูดพลางชี้มาที่ใบสมัครในมือของฉัน.. จะเอาไงดีล่ะ จะบอกดีมั้ยว่าต้องเข้าชมรมเกษตรน่ะ
“อ่อ..ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่เอามาดูๆไว้น่ะ” ฉันพูดอย่างเขินอาย อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อายที่จะอยู่ชมรมนี้หรอก เพราะทางบ้านฉันก็เพราะพวกไม้ดอกขายเหมือนกันแหละ.. แต่ว่านะ ยังไงก็ยังมีสิ่งที่ฉันอยากทำมากกว่าขายพวกดอกไม้นี้ซะอีก...
“แล้วทำไมไม่มาเข้าชมรมศิลปะกับฉันล่ะ ฉันว่านิ้งก็วาดรูปเก่งออกนะ” เอนนาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้ม เธอดูมีความสุขจังเลยนา..
“ไม่เอาดีกว่า ยังไงฉันก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าเธอหรอก ขอบคุณนะ แล้วฉันจะลองคิดดูอีกที” ฉันพูดบ่ายเบี่ยงแล้วหันหน้าหนีช้าๆ
“อย่าคิดนานนะเพื่อน ใบสมัครเค้าให้ส่งภายในวันนี้นะ ยังไงอยู่ด้วยกันมันก็ดีกว่าแหละน้า”
“อ่ะ...จริงด้วยสินะ.. แต่ว่า ฉันหยิบใบสมัครเข้าชมรมเกษตรมาแล้วล่ะ แหะๆ” ฉันยิ้มแห้งๆให้เอนนาพร้อมกับชูใบสมัครชมรมในมือฉันให้ดู
“อ่ะ อ้าว...ที่แท้ก็จะเข้าชมรมเกษตรนี่เอง ฉันว่าเธอต้องเด่นที่สุดในชมรมแน่ๆ” เอนนาพูดพลางยิ้มให้ฉัน ดูเหมือนเธอจะมีความสุขมากทีเดียว
“ฉันนี่นะจะเด่น..พูดอะไรของเธอน่ะ”
“ก็บ้านเธอทำเกี่ยวกับพวกไม้ดอกไม้ประดับนี่นา ชมรมนี้อาจจะให้เธอปลูกดอกไม้ต้นไม้ก็ได้นะ”
“นี่..ฉันอยู่กับมันทุกวัน ฉันก็เบื่อเป็นนะ”
“ฮ่าๆๆ ฉันล้อเล่นหรอกจ๊ะ จะเข้าชมรมไหนก็ตามใจเธอละกัน เดี๋ยวอีกห้านาทีต้องเข้าเรียนแล้ว ไปเตรียมตัวกันเถอะ” เอนนาพูดพลางลุกขึ้นเก็บกระเป๋า ก่อนจะลากฉันไปด้วยกัน
และแล้วชั่วโมงเรียนอันน่าเบื่อก็มาถึง ถึงแม้ภายนอกฉันจะดูเฉยๆ แต่ในหัวตอนนี้กลับเอาแต่คิดเรื่องชมรม ตอนนี้ในหัวมันวุ่นวายราวกับม้วนฟิมล์ที่พันกันจนแกะไม่ออก เอาไงดีล่ะ... ฉันต้องเข้าชมรมเกษตรจริงๆใช่มั้ย? ไม่สิ ตอนนี้อาจจะยังมีใบสมัครชมรมอื่นๆเหลืออยู่ก็ได้.. ศิลปะดีมั้ยนะ ฉันจะได้อยู่กับเอนนา... ไม่สิ หรือว่าอยู่ชมรมถ่ายภาพดี ถ้าเราถ่ายได้ดีอนาคตต้องเป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียงได้แน่.. ไม่สิ แม้แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่เคยถ่ายรูปเลยนี่นา.. มีหวังได้เป็นขี้ปากชาวบ้านแน่ๆเลย โอ้ย...เอาไงดีนะ
“นิ้ง นิ้ง ... !!” เพื่อนร่วมห้องที่นั่งข้างๆเรียกฉันให้ตื่นจากภวังค์แห่งความคิดอันสับสน
“อ่ะ...มีอะไรหรอมิ้นท์...!! ” ฉันหันไปถามเพื่อนสาวที่ชื่อมิ้นท์ด้วยสีหน้าสีตกใจเล็กน้อย
“เอิ่ม..คือว่า อาจารย์ถามโจทย์เธอน่ะ” มิ้นท์พูดกับฉันค่อยๆ ฉันจึงหันไปมองอาจารย์ สายตาของอาจารย์ตอนนี้กำลังมองมาทางฉันด้วยความดุดันราวกับจะฉีกฉันออกไปเป็นชิ้นๆให้ได้
“ค..คะ?” ฉันตอบอาจารย์ด้วยน้ำเสียงแห้งๆ ตอนนี้ขาฉันเริ่มจะสั่นไปหมดแล้วล่ะ....
“เป็นอะไรน่ะ นั่งเหม่อแต่เช้าแล้วนะเธอ!!” อาจารย์ถามฉันด้วยน้ำเสียงดุดัน ซึ่งก็ทำให้ฉันสะดุ้งโหยงไปทั้งตัวเลยล่ะ
“อ่ะ..ค..คือว่า ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ..” ฉันตอบแก้ตัวออกไปอย่างเขินๆ ก็แน่น่ะสิ ขืนบอกไปว่ามันแต่คิดเรื่องชมรมที่จะเข้า มีหวังโดนล้อแน่ๆ.. ดูท่าทุกคนคงจะได้มีชมรมกันหมดแล้วสิท่า ....
“งั้นหรอ?...ไปนอนพักที่ห้องพยาบาลก่อนก็ได้นะ” อาจารย์เปลี่ยนสีหน้าพลางพูดกับฉันอย่างใจเย็น
“เธอไม่สบายหรอกหรอนิ้ง..” มิ้นท์มองฉันด้วยสายตาเป็นห่วง
“ค่ะ..กินยาแปบเดี๋ยวก็คงหายค่ะ..” ฉันตอบอาจารย์เบาๆ ก่อนจะขอตัวออกจากห้องมา ฉันน่ะสบายดีนะ...แต่ว่าหัวสมองฉันนี่สิ เหมือนมันกำลังจะระเบิดแล้วล่ะ....
ความคิดเห็น