ในเวลาพลบค่ำขณะที่ดวงตะวันสีส้มดวงใหญ่กำลังจะลับขอบฟ้าซึ่งเป็นภาพที่ดูเป็นธรรมชาติที่สวยงามยิ่งนัก ขณะเดียวกันกลุ่มก้อนเมฆดำบนฟากฟ้ากำลังรวมตัวกันเพื่อจะ มีฝนตกอีกครั้ง หลังฝนตกห่าใหญ่เมื่อครู่ พร้อมกับเสียงฟ้าร้องประกอบกับเสียงฟ้าแลบ เป็นช่วงที่ฉันผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่กำลังตัวเปียกปอนอยู่ในขณะนี้ ฉันซึ่งเป็นอดีตดาวมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ฉันก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นอย่างนั้นสักหน่อย เพราะฉันเวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมองตามหรือไม่ก็ชี้มาทางฉันพลางซุบซิบอะไรกันเป็นกลุ่มๆบางที่ก็มีคนที่ฉันไม่ได้รู้จักเข้ามาคุยด้วย เข้ามาแนะนำตัว ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องน่ารำคาญที่สุด แต่ฉันก็ต้องคุยไปกับคนพวกนั้นด้วย เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะว่าถ้าฉันไม่คุยกับคนพวกนั้น คนพวกนั้นก็จะเริ่มว่าฉัน นินทาลับหลัง แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังได้ยินอยู่ดี ชอบมาหาว่าฉันหยิ่งบ้างล่ะ ไม่เป็นมิตรบ้างล่ะ นิสัยไม่ดีบ้างฉันรำคาญเป็นที่สุด และ ที่สำคัญถึงฉันจะมีเพื่อนมากมายแต่มีน้อยคนเท่านั้น ที่จะจริงใจกับฉัน แต่เดี๋ยวนี้ฉันหลุดออกมาจากสถานที่แห่งนั้นมาได้ฉันก็ไม่ต้องกลุ้มอะไรกับเรื่องไร้สาระนั้นอีก เวลานี้เมื่อฉันเดินไปไหนมาไหนก็ไม่คอยมีคนสนใจ เหมือนว่าไม่เห็นฉันเลย ฉันคิดว่านี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ความสงบ ฉันชอบคำๆนี้จริงๆ ฉันคิดไปพลางเดินไป อยู่ในทางที่มืด เงียบสงัดและวังเวง มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าด้านข้าง
“นี่มันกี่โมงแล้วนะ ตัวเปียกอย่างนี้หนาวจัง ต้องรีบหน่อยแล้ว”
ฉันพึมพำกับตัวเองในขณะที่ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ฉันเดินมาถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งทำให้ฉันต้องหยุดเดิน ใช่แล้วที่ตรงนี้เวลานี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เคยเกิดเหตุการณ์บ้างอย่างขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนพูดถึงกันเป็นเดือนๆ และมันเป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในความทรงจำของฉัน มันเป็นเหตุการณ์ที่ฉันไม่สามารถลืมมันได้ลง เมื่อ 4 ปีที่แล้วหากย้อนมาอยู่ที่จุดๆนี้ ผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งเป็นดาวของมหาวิทยาลัยเธอมีชื่อเล่นว่า เดย์ แน่นอนล่ะเธอสวย สวยมาก กำลังหอบหิ้วของพะรุงพะรัง บนถนนสายนี้เพื่อที่จะไปหอพักของเพื่อนเธอ ทางที่แสนจะมืดมิดและวังเวง เนื่องจากเธอเป็นคนที่ทำอะไรชักช้าจนเพื่อนๆไม่รอ เดย์จึงต้องมาเดินคนเดียวในที่แห่งนี่
“ถ้าหากเราทำอะไรเร็วๆหน่อย เราคงไม่ต้องมาเดินคนเดียวอย่างนี้หรอก หอยายแนนก็น่ากลัวจริงๆ หาที่อยู่ที่ดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้หรือไงนะ แล้วเราจะบ่นไปทำไมล่ะ บ่นไปยายพวกนั้นก็คงไม่ออกมารับเราหรอก ก็เราชักช้าเองนี่นา”
แล้วเดย์ก็รีบเดินเพื่อที่จะไปถึงหอเพื่อนให้เร็วที่สุด เดย์เดินไปพลางคิดถึงเรื่องที่มหาวิทยาลัยไป วันนี้วันวาเลนไทน์ ฉันได้ดอกไม้มามากมายเลย ทั้งที่ฉันแพ้เกสรดอกไม้ แต่ว่าจะทิ้งก็ไม่ได้ก็เราเป็นดาวมหาวิทยาลัยเองนี่
“ฮัด ชิ้ว”
เป็นหวัดจนได้สิ เพราะดอกไม้เมื่อตอนกลางวันแน่เลย เมื่อเดย์เดินไปได้ระยะหนึ่ง เดย์ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตามหลังเดย์มามันดัง
“ตับ ตับ ครืด ครืด ตับ ตับ”
วนไปวนมาเรื่อยๆ เธอเริ่มรู้สึกโล่งใจที่มีคนร่วมเดินทางด้วยกัน แต่เธอก็ยังคงกลัวทางเส้นนี้อยู่
“ไหนๆก็มีคนไปทางเดียวกันแล้ว ไปทำความรู้จักกันดีกว่า เดินไป คุยไปจะได้รู้สึกว่าถึงที่หมายเร็วขึ้น”
เดย์จึงกลับหลังหันและเดินย้อนกลับไปยังที่คนที่ตามเธอมากำลังเดินอยู่ คนคนนั้นดูจากรูปร่างและท่าทางแล้วคงเป็นผู้หญิง ตัวเล็กกว่าเดย์อีกหรือและผู้หญิงคนนั้นยังกำลังก้มหน้าก้มตาลากของบ้างสิ่งที่ดูเหมือนหนักมาก เดย์จึงเดินเข้าไปใกล้หญิงผู้นั้นพร้อมกันเอ่ยว่า
“ให้ฉันช่วยอะไรไหมค่ะ มือฉันยังพอว่างอีกข้างนะคะ ดูแล้วสิ่งที่คุณลากอยู่มันดูหนักมากเลยนะค่ะ เดินไปด้วยกัน ถนนเส้นนี้จะได้ดูน่ากลัวน้อยลงไงค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นปล่อยถุงที่ลากมาลงกับพื้น ทำให้ของบางส่งที่อยู่ในนั้นกลิ้งออกมา สิ่งที่กลิ้งออกมา มันคือหัวคน...หัวของผู้หญิง เมื่อเดย์เห็นดังนั้น เดย์จึ่งเงยหน้าขึ้นและเริ่มถอยห่างไปอย่างรวดเร็วและเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆเช่นเดียวกัน ดวงตาของเธอผู้นั้น เป็นสีขาวโพลน อีกทั้งมีเส้นเลือดแดงที่ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงดวงตาลอยเด่นเห็นชัด แต่ไม่มีตาดำทั้งสองข้าง อีกทั้งใบหน้านั้นยังเหมือนกับหัวที่กลิ้งออกมาจากถุงไม่มีผิดเพียน และผู้หญิงคนนั้นเริ่มแสยะยิ้มให้เดย์ด้วย ในขณะที่มันยิ้ม เลือดเป็นลิ่มๆเริ่มทะลักออกมาทางปาก เลือดสีแดงเข้มจนเกือบดำช่างเป็นภาพที่สะอิดสะเอียนและน่ากลัว เดย์ตัวแข็งไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นเริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดย์เห็นดังนั้นเดย์จึงออกวิ่งแล้วโยนสิ่งของที่ถือมาทิ้งทั้งหมด เธอออกวิ่ง วิ่งจนสุดกำลัง แต่ผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่เดินเท่านั้นก็เกือบจะไล่ตามทันอยู่แล้ว ในขณะที่เธอวิ่งแล้วเหลียวกลับมามองด้วยความหวาดกลัวนั้นเธอได้พลาดพลั้งตกลงไปในคลองที่อยู่ข้างถนน หัวเธอได้ฟาดกับตอไม้ที่ผุดอยู่เหนือน้ำเพียงเล็กน้อย แต่ทำให้เธอสลบไปทันที และจมน้ำไป จนเวลาผ่านไปประมาณ 5 วันจึงได้มีคนมาพบศพของเดย์หญิงผู้โชคร้ายคนนั้น
ฉันคิดมาถึงตรงนี้ก็รีบเดินต่อ มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวจริงๆยิ่งยืนอยู่ตรงนี้ยิ่งทำให้ฉันนึกภาพเหตุการณ์ชัดขึ้นๆ
“ทำไมตัวฉันยังไม่แห้งซักทีนะ”
ฉันเริ่มบ่นกับตัวเองอีกครั้ง และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหน้าฉัน
“แตะ แตะ แตะ”
ฉันเห็นคนอยู่ข้างหน้าฉันฉันรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ฉันเอื้อมมือออกไปหมายว่าจะจับไหล่คนผู้นั้นพลางส่งเสียงเรียก คนผู้นั้นหันกลับมา เมื่อเขาเห็นฉัน สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไป มันดูบิดเบี้ยวและหวาดกลัวเขาเริ่มถอยหางและออกวิ่ง ฉันจึงรีบเดินตามไปพลางเรียกให้เขาหยุด แต่เขาก็ไม่ฟังฉันเลย เขาวิ่งลนลานวิ่งล้มลุกคลุกคลานไป วิ่งไม่ดูทางวิ่งไปจนตกไหล่ทางซึ่งเป็นทางโค้งที่มีหลุมลึก เป็นหลุมที่ไม่มีการหาอะไรมากั้น แสดงถึงความสะเพลาของเทศบาลเขาร่วงลงไปผิดท่า ทำให้เขาลงไปคอหัก และตายในทั้นที ฉันรีบเดินไปยังปากหลุม ฉันจองมองอยู่นานราวกับฉันจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง และแล้วฉันก็ได้พูดขึ้นว่า
“หมดหน้าที่ของฉันแล้วสินะ ฝากเฝ้าต่อด้วยแล้วกัน ถนนเส้นนี้ต้องการเธอมาทำหน้าที่แทนฉัน ฉันซึ่งทำหน้าที่ต่อจากหญิงผู้นั้น ได้เวลาไปเสียที่ ขอบคุณนะ”
ใช่แล้วฉันมีชื่อว่าเดย์ เมื่อถึงตรงนี้ร่างกายของฉันเริ่มแห้งและตัวฉันก็จางลง จางลง
“นี้คงเรียกว่าไปเกิดสินะ”
ฉันรำพันกับตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย และตัวฉันก็จางหายไปพร้อมกับสายลมที่พัดผ่านมา...
สายลมเย็นพร้อมกับฝนที่เริ่มตกโปรยปราย และเกิดเสียงฟ้าฝ่าดังลัน แต่จะมีใครได้ยินบ้างไหมเสียงที่ดังพร้อมเสียงฟ้า ราวกับจะบอกว่าให้ระวังเส้นทางในทุกๆที่
ว่าอาจมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับคุณเมื่อไหร่ที่ไหนก็ได้ เพราะมันไม่เคยบอกล่วงหน้า
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น