ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : BeLoveD 6: วันธรรมดาที่ธรรมดา
อัพแล้วนะคะ โทษทีค่ะที่อัพช้าไปหน่อยเพราะตอนนี้เปิดเทอมแล้วง่า เมื่อวันพฤหัสนี้เองค่ะ
ยังไงเราก็จะมาอัพให้เรื่อยๆนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านกันด้วย
วันศุกร์นี่อัพเรื่องรำบากจังเลยค่ะ เด็กดีเน่าๆเดี๋ยวติดเดี๋ยวไม่ติด
******************************************************************
ตอนนี้ขณะที่เรานั่งเรียนกันอยู่ในห้องเรียนวิชาหนึ่ง ฉันนั่งริมหน้าต่าง ถัดมาเป็นหยก ด้านหลังมีโยกับฟลุ๊ทนั่งอยู่
“งานชิ้นนี้กำหนดส่งสิ้นเทอมนะครับ”
อาจารย์ที่สอนสั่งงานพวกเราสองชิ้น ชิ้นหนึ่งเป็นงานกลุ่มอีกชิ้นนึงเป็นงานเดี่ยว
“ผมหวังว่าเวลาเทอมนึงน่าจะพอที่จะให้พวกคุณแสดงผลงานที่น่าพอใจออกมานะครับ”
สำหรับงานกลุ่มอาจารย์สั่งให้ทำสี่คน เอาไงดีตอนนี้ในคณะนี้คนที่ฉันสนิทด้วยก็มีแค่หยกเองขาดอีกตั้งสองคน
“นี่คือรายการหนังสือที่คุณจะต้องไปหามาอ่านนะครับ”
แล้วนี่พึ่งเรียนพี่แกก็สั่งงานกับสั่งให้ไปอ่านหนังสือเลยเรอะ
“วันนี้ไว้แค่นี้ครับ อย่าลืมส่งรายชื่อกลุ่มให้ผมภายในวันนี้ด้วยนะครับ”
หลังจากที่พล่ามมาเป็นเวลากว่าสามชั่วโมงอาจารย์ก็ออกไป แถมยังสั่งให้ส่งรายชื่อกลุ่มอีก แทนที่จะจับกลุ่มมาให้เลยเพราะพวกเราพึ่งรู้จักกันเอง รับน้องก็ยังไม่ได้ไป
“...ตู”
“ไอ้ตู!!” เสียงหยกดังออกมาทะลุโสดประสาทฉันซึ่งกำลังนั่งเหม่ออกไปนอกหน้าต่าง
“หือ”
“เป็นไรแกนั่งเหม่อเชียว”
“ป่าวนี่”
“เรื่องกลุ่มเอาไง” หยกถามในเรื่องที่ฉันกำลังกังวลอยู่
“นั่นดิแกว่าไงล่ะ”
“ฉันถามแกน้า ไม่ได้ให้แกมาย้อน”
“ถ้าไม่รังเกียจมาอยู่กลุ่มเดียวกับพวกฉันมั๊ย” โยเอ่ยขึ้น
“อะไรนะแกจะให้ยัยข้าวบูดเนี่ยนะมาอยู่กลุ่มเดียวกัน ฉันกลัวน้า” ฟลุ๊ทบอก
“ตกลงฉันอยู่” ฉันตอบออกย่างเสียไม่ได้ ใจนึงก็รำคาญไอ้ผู้ชายบ้าคนนี้อยู่หรอก
“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งรายชื่อให้อาจารย์ก่อนนะ” หยกบอก
“เออ ฉันไปห้องสมุดก่อนแล้วกันนะแก จะไปดูหนังสือที่พี่แกบอกให้อ่าน” ฉันบอกหยกไป
“อ้าวเธอไม่ไปกินข้าวหรอมันเที่ยงแล้วนะ”
“เออเนอะ ลืมเลย งั้นไปกินข้าวก่อนก็ได้”
    “เธอนี่หัดสนใจอะไรๆมั่งได้มั๊ยเนี่ย” ฟลุ๊ทถามอย่างระอาในพฤติกรรมของฉัน
“ฉันก็กะว่าจะสนใจเหมือนกัน แต่มันไม่มีอะไรน่าสน”
    “แกไปก่อนแล้วกันจองที่ไว้ด้วยเดี๋ยวฉันตามไป” หยกหันมาบอกฉันหลังจากจดรายชื่อลงในกระดาษเสร็จ
“อือ”
“งั้นไปกินข้าวกับพวกเรานะ” โยบอก
“ก็ได้”
“เห็นคนหล่อชวนหน่อยไม่ได้เลยนะยัยบูด” ฟลุ๊ทไม่วายประชดเล็กๆ
“ก็เค้าหล่อจริงนี่ ไม่เหมือนนาย”
“ฉันหล่อกว่าอีกน้า เธอดูยังไงเนี่ย”
“ฉันก็ใช้ตาดูน่ะซิ นายใช้ส่วนไหนพิจารณาเนี่ยถึงบอกว่าตัวเองหล่อ”
“ฉันก็ใช้ตาดูให้สมองอันอัดแน่นไปด้วยรอยหยักประมวลผลออกมาน่ะซิ”
“สมองมดของนายน่ะหรอ”
“เอ่อพวกนายลืมไปรึป่าวว่ายังมีฉันอยู่”
“เออ/ลืม” ฉันกับฟลุ๊ทตอบพร้อมกัน
“-_-“
พวกเราเดินมาโรงอาหารพร้อมๆกับสายตาที่มองมาตลอดทาง คงสงสัยล่ะซิว่าทำไมสาวสวย (แต่ใส่แว่นคุณป้า) อย่างฉันถึงได้มาเดินกับสองหนุ่มหล่อนี่ได้ (ไหนตอนแรกบอกว่าหล่อแค่คนเดียวไง) บางคนก็ส่งสายตาชื่นชมมาให้ (ซึ่งคงไม่ได้ให้ฉันหรอก) บางคนก็ส่งสายตาอิจฉามาให้ (อันนี้ให้ฉันแน่เลย) บางคนก็ส่งสายตาอาฆาตมาให้พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสยองๆ (อันนี้คงเป็นของฉันอีกล่ะ) หลายคนทำหน้าปลื้มประมาณว่าโอ๊ยหล่อจังเลย (สวยจังเลยคงไม่มี)
“มองอยู่ได้น่ารำคาญ” ฉันบ่น
“เค้าไม่ได้มองเธอหรอก” นายฟลุ๊ทบอกอย่างกวนๆ
“ฉันรู้น่า เค้ามองคนหน้าอัปลักษณ์อย่างนายมากกว่า”
“ถ้าฉันอัปลักษณ์แล้วเธอเรียกว่าอะไร”
“เฮ้ยกัดกันเป็นเด็กๆไปได้ ไปซื้อข้าวไป”
“ค่ะ/คร้าบ”
ฉันกับฟลุ๊ทก็เลยจำใจต้องแยกออกจากกันเพราะน้ำเสียงอันเชียบขาดของโย
ฉันมาหยุดอยู่หน้าร้านขายข้าวแกงร้านนึงซึ่งฉันคิดว่ามันอร่อยในระดับนึง โยก็ด้วย ส่วนตาบ้านั่น นู่นๆเห็นมั๊ยร้านก๋วยเตี๋ยวนั่นน่ะ มีสาวๆยืนล้อมรอบ เห็นแล้วหมั่นไส้ แต่ฉันก็ทำเป็นไม่ใส่ใจหันมาสั่งๆอาหารหลายอย่างใส่ถาดตัวเอง ซึ่งมารู้ตัวอีกทีก็พบว่ามันเยอะเกินไป เหอๆ กับข้าวหกอย่างข้าวเปล่าสอง จะกินหมดมั๊ยเนี่ย แต่ก่อนที่คิดคิดไปถึงนั่น ฉันจะยกไปไหวมั๊ยเนี่ย
“มาฉันช่วย” โยผู้เป็นสุภาพบุรุษซะเหลือเกินบอกฉัน
“แหะๆ ขอบคุณ”
เค้าช่วยฉันถือไปหนึ่งถามเนื่องจากกับข้าวฉันเยอะเลยต้องใส่สองถาด
“เธอกินหมดหรอ” ไม่หมดหรอก
“อ๋อ ซื้อไปฝากหยกด้วยน่ะ”
ฉันทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีขึ้นมาทันทีทั้งที่ปกติไม่เคยแม้แต่จะคิด
เราสองคนเดินไปหาที่นั่งที่คิดว่าหยกจะเห็นได้ง่ายๆแต่ก็มีความเป็นส่วนตัว ซักพักหยกก็เดินมาพร้อมกับทำสีหน้าประหลาดๆเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะที่มีนเยอะซะจนกินคนเดียวไม่หมด
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นหยก ฉันซื้อมาฝาก”
“OoO แกเนี่ยนะ”
“เออดิ ทำหน้าแบบนั้นจะกินมั๊ย”
“ก...กินดิ โหร้อยวันพันปีไม่เห็นแกจะเลี้ยงเพื่อนเลี้ยงฝูง”
“แกไม่กินฉันก็ไม่ว่านะ”
“เฮ้ยกินดิ แต่แกแอบใส่ยาถ่ายไว่ป่าวเนี่ย”
“แกอิ่มแล้วก็บอกมาเถอะ”
ฉันพูดพลางดึงจานข้าวออกจากที่หยกนั่ง แต่หยกกลับคว้าไว้ก่อน
“โอ๋ๆ อย่างอนดิ กินแล้วๆเห็นมั๊ย”
เราสี่คนนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ บางทีตาฟลุ๊ทก็หันมากัดฉันบ้าง แต่โยของฉันก็มาช่วยไว้ทุกที (โยเป็นของแกไปตั้งแต่เมื่อไหร่:ฟ่าง) (ตั้งแต่ฉันรู้ว่าเค้าหล่อน่ะซิ:ตู)
“ตูวันนี้ฉันไปนอนบ้านแกนะ แล้วก็จะไปกินข้าวเย็นบ้านแกด้วย” หยกบอกหลังจากเราคุยกันมาซักพัก
“ตามใจแกดิ”
“โยกับฟลุ๊ทจะไปกินด้วยมั๊ยคะ”
หยกถามเค้าสองคน ทำอย่างกับว่ามันเป็นคนทำกับข้าวเองงั้นล่ะ
“เอ่อ...” โยอ้ำๆอึ้งๆ
“ไปดิโยกับข้าวฝีมือยัยข้วบูดนี่ใช้ได้เลยนะ” กรี๊ดจริงหรอนี่นายชมฉันหรอ
“เอ่อ เออไปก็ได้”
“อย่าลืมเอายาแกท้องเสียไปด้วยนะไอ้โย ถึงจะอร่อยแต่ไม่รับรอง” อ๊ากไอ้บ้า
“เมื่อเช้านายกินแล้วท้องเสียรึไง”
“ป่าว แค่คิดว่ากันไว้ก่อนดีกว่า”
“เมื่อเช้าหรอ หมายความว่าไง” โยถาม ส่วยหยกเงียบ ฉันว่าหยกคงรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เพราะมันเป็นคนประติดประต่อเรื่องได้เร็วมาก
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ตกลงเย็นนี้ไปนะ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอแล้วกันพี่ตังบอกว่ามารับไม่ได้นี่”
นี่นายอย่าพูดจาให้คนอื่นไม่เข้าใจได้มั๊ย ตายแล้วป่านนี้โยของฉันคิดไปไกลถึงไหนๆแล้วเนี่ย
แล้วนายไปสนิทกับพี่ฉันเมื่อไหร่ไม่ทราบ
“แต่ฉันต้องไปที่ห้องสมุดก่อนนะ” ฉันบอกเค้า
“งั้นฉันไปด้วย”
“นายไม่ต้องไปหรอก”
“ฉันจะไป”
“ฉันบอกว่าไม่ต้องไปไง”
“ก็ฉันจะไป”
“เอ๊ะนายนี่พูดไม่รู้เรื่อง”
“ก็ฉันจะไปๆๆๆๆ” ทำไมมีแต่คนเอาแต่ใจตัวอย่างนี้นะ
“เฮ้ยไอ้ฟลุ๊ทเลิกงอแงได้แล้ว เพื่อตัดปัญหาเดี๋ยวฉันไปด้วย” โยบอกเพื่อตัดปัญหาหรือว่าเพิ่มปัญหากันแน่เนี่ย
“งั้นตกลง” แต่ฉันก็ตกลงอ่ะนะช่วยไม่ได้คนหล่ออยากไปก็ต้องให้ไป ฮ่าๆ
“ชิ พอไอ้โยอยากไปล่ะตามใจเชียวนะ” นายฟลุ๊ทบ่นพึมพำๆ แต่ฉันได้ยินนะ
“ไม่ต้องบ่นเลย จะไปไหม ถ้าจะไปก็ลุกขึ้นแล้วตามมา”
“คร้าบคุณป้า”
“หยกฝากเก็บจานด้วยนะ”
“แล้วไมแกไม่เก็บเอง”
“เอ๊ะก็ฉันซื้อข้าวมาให้แกแล้วแกก็ต้องเป็นคนเก็บดิไม่งั้นก็เอาเงินคืนมาเลย”
“ฉันน่าจะรู้ว่าแกมีเจตนาชั่วแอบแฝง”
“แล้วอย่าไปช้าล่ะ” ฉันย้ำหยกอีกทีก่อนเดินจากไป
ฉันไปห้องสมุดพร้อมๆกับสองหนุ่มนั่น ทำให้มีสายตามองมาแบบหลายความหมายอีกแล้ว รู้งี้ไปคนเดียวซะก็ดีหรอก
ฉันเดินไปหยิบหนังสือที่อาจารย์สั่งให้อ่านมาสองชุดเผื่อหยกด้วย โชคดีที่ยังไม่มีใครยืมไป พอได้หนังสือครบแล้วจึงหอบหนังสือมาที่หน้าเคาเตอร์
“สวัสดีค่ะเจอกันอีกแล้วนะคะ” ฉันทักบรรณารักษ์ที่กวนประสาทฉันไปเมื่อวาน
“ค่ะ อันที่จริงก็ไม่ได้อยากเจอเท่าไหร่หรอกค่ะ ถ้าไม่ติดว่าคุณผู้ชายนั่นมาด้วย” เธอพูดพลางส่งยิ้ม
หวานเยิ้มไปให้ฟลุ๊ท
เป็นบรรณารักษ์ก็หัดทำตัวสงบเสงี่ยมมั่งซิ นี่อะไรมองผู้ชายตาละห้อยเลย
“งั้นถ้ารู้แบบนี้แล้วทีหลังฉันจะได้มั่งต้องพาเค้ามาอีก”
“ต๊าย หวงหรอคะ เค้าเป็นคนของประชาชนนะคะ คุณจะมากกไว้คนเดียวได้ไง” ฉันไม่ใช่แม่ไก่นะยะ
“แล้วเมื่อไหร่คุณจะจัดการหนังสือกองนี้ให้ฉันซักทีละคะ” ฉันบอกออกไป
“คุณคะหนังสือเมื่อวานยังไม่ได้คืนเลยนะคะ ต้องเอามาคืนก่อนค่ะ” ยัยนี่บอกฉันพลางยิ้มอย่างซะใจ
“ฟลุ๊ท” ฉันเรียก
“อะไร”
“เอาบัตรมาดิ”
“อะ..อือ” เค้าตอบพร้อมๆกับค้นหาบัตรในกระเป๋า แล้วส่งมาให้ฉัน
“ขอบใจ”
“งั้นใช้บัตรนี้แล้วกันนะคะ” ฉันยื่นบัตรไปให้เจ๊แก
“ดูเหมือนคุณจะจำไม่ได้เมื่อวานก็บอกไปแล้วไงคะว่าต้องให้เจ้าของบัตรมายื่นให้ด้วยตัวเอง”
“เจ้าของบัตรก็อยู่ตรงนี้แล้วไง ใครจะยื่นก็เหมือนกันล่ะค่ะ”
“มันเป็นกฎค่ะ”
“ชิ”
ฉันส่งบัตรห้องสมุดให้ฟลุ๊ท ฟลุ๊ทก็รับต่อจากมือฉันไปส่งให้คุณเจ๊บรรณารักษ์ ยัยนั่นก็รับบัตรไปอย่างเดียวไม่พอยังเอามือมาจับมือตานี่อีก อี๋แล้วนายปล่อยให้เค้าจับได้ไง
“วัวแกกินหญ้าอ่อน” ฉันพูดแล้วเสมองไปทางอื่น
“ใครวัวแก่” ยัยป้าเอ่ยขึ้น
“ฉันไม่ได้ว่าใคร ใครอยากรับก็รับไปดิ”
“เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเจตนาว่าไง”
“รู้ก็ดีแล้ว”
ราวกับว่าผู้ชายสองคนที่มากับฉัน แล้วก็คนอื่นๆในห้องสมุดไม่มีใครอยู่เลย ทำให้ฉันกับยัยป้าเถียงกันอย่างไม่อายใคร
“หนังสือเสร็จยังคะ ทำไมที่นี่ทำงานช้าแบบนี้ล่ะ” ฉันเร่ง
“ก็เพราะใครชวนคุยล่ะถึงได้ช้าแบบนี้”
“ไม่ใช่เพราะมองหนุ่มๆจนเพลินหรอกนะ”
“นี่เธอ”
“อะไร”
“เธอนี่มัน”
“แทงใจดำอ่ะดิ หนังสืออ่ะเมื่อไหร่จะได้เอามาเร็ว”
ฉันกระชากหนังสือออกมาจากมือยัยป้า แล้วส่งบัตรคืนให้ฟลุ๊ท โยก็ทำหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษดีมาก เค้าช่วยฉันถือหนังสือ ไม่เหมือนไอ้สุภาพกางเกงหลุดอีกคน ไม่มีแม้แต่จะคิด
“ฉันจะไปซื้อของก่อน เพราะเมื่อเช้าไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ฟาดไปเกลี้ยงตู้”
“ฉันไปด้วย” ฟลุ๊ทตื้อจะตามไปอีกแล้ว
“นายจะไปทำไม”
“อยากไป”
“ตามใจดีเหมือนกันจะได้มีคนหิ้วของ”
“แล้วโยจะไปด้วยป่าวอ่ะ”
“ไปก็ได้” โยตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
ฉันไปถึงตลาดสดใกล้ๆบ้านด้วยรถของนายฟลุ๊ทที่มีนายฟลุ๊ทเป็นคนขับกิตติมศักดิ์ พอถึงตลาดเค้าก็บอกให้ฉันหยิบแว่นดำกับหมวกในเก๊ะหน้ารถให้หน่อย
“เอาไปทำไม”
“ใส่ดิ เธอคงไม่อยากให้คนหล่ออย่างฉันโดนรุมทึ้งกลางตลาดหรอกนะ”
เค้ารับหมวกกับแว่นจากมือฉันแล้วก็เอาไปใส่ จะให้ฉันบอกตามตรงก็ได้นะหมวกกับแว่นมันไม่ได้ทำให้เค้าดูเด่นน้อยลงไปเลย มันกลับยิ่งทำให้ดูเด่นมากขึ้นไปอีก เพราะว่ามันเท่บาดใจมาก
“มองไร”
“มองคนหล่อไม่ได้รึไง” ฉันตอบกลับไป
“O_o เธอชมฉันหรอ”
“มั้ง”
“^O^”
“ยิ้มอะไร”
“ดีใจที่ถูกคนสวยชม” กรี๊ดเขินอยู่ๆก็มาชมไอ้บ้านี่
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะกระจกดังขึ้นทำทำฟลุ๊ทลดกระจกลงแล้วทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามใส่หน้าโยที่ยืนอยู่ข้างนอก ซึ่งตอนนี้โยก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฟลุ๊ทที่สวมหมวกแล้ะแว่นตาที่ทำให้ดูเด่นมากขึ้นไปอีก
“จะเขินกันอีกนานมั๊ย ลงมาได้แล้ว”
โยบอก แหม นานๆทีมันจะชมฉันว่าสวยซักที
จากนั้นเราก็ไปเลือกอาหารสด กับผลไม้เข้าบ้าน โดยมีสองคนนี่ช่วยถือของ ส่วนฉันถือแค่กระเป๋าตัง
ตลอดการเดินเลือกซื้อของในตลาดก็ไม่พ้นมีสายตานับล้านคู่ส่งมาตลอด ฉันล่ะเซ็งจริงที่มากับไอ้พวกนี้
****************************************************
จบอีกตอนแล้วจ้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น