ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LoVe is [( f O r y O u )] รักนี้สำหรับเธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : BeLoveD 2: กลัวใจ

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 48


    *คุยกันก่อนอ่านค่ะ*



    มาอัพแล้วจ้า ก่อนอื่นมาอวยพรวันเกิดให้คิระจากGSกันก่อนนะขอให้เก่งวันเก่งคืนหล่อวันหล่อคนแล้วก็ให้GSDออกแผ่น2ไวๆ

    สำหรับเรื่องที่คนเห็นว่าเรื่องนี้เหมือนBB ฮ่าๆขอสารภาพว่าเอามาจากโตโต้กะพิมนั่นล่ะ จิงๆเรื่องนี้กะจะให้แฟนเก่านางเอกนอกใจอยู่แล้วพอมาดูBBปุ๊ปก็ด้ไอเดียอ่ะค่ะว่าน่าจะเป็นแบบนี้ แล้วที่ให้ไปอยู่เมืองนอกก็เพราะเมืองนอกเค้าเห็นเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติในเรียลลิตี้โชว์อยู่แล้ว

    แต่พุดน่ะไม่เป็นเหมือนโต้หรอกนะน่ารักกว่ามันเยอะทั้งนิสัยโดยรวมและหน้าตา แล้วนังตูก็ไม่เหมือนพิมเด็ดขาด



    มีเพื่อนเราทักมาด้วยว่าชื่อเรื่องผิดรึป่าว เราก็บอกว่าไม่ผิดนะ อยากให้มองได้หลายมุม อยากบอกว่าตอนคิดชื่อเรื่องนี้อ่ะคิดเป็นวันเลยกว่าจะคิดได้ ฮ่าๆ



    ยังไงใครว่างๆก็เข้ามาอ่านกันนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นแล้วก็ทุกโหวตด้วยค่ะ



    ***************************************************************************************









    “พี่ตังหิวข้าววว” ฉันร้องออกไปขณะเดินออกมา



    “อะไรไอ้ตูด”



    “ข้าวๆๆ”



    “เออๆ เอานี่”



    “อะไรอ่ะ”



    “อ่านดิ”



    ร้านแว่นตาเปิดใหม่ อรอนงค์การแว่น วันนี้เพียงคุณมาใช้บริการที่ร้านเราลดให้ทันที 50%



    “เอามาให้ทำไมเนี่ย”



    “ฉันว่าแกควรจะไปดูตาแกได้แล้วนะ แกอยู่หน้าคอมทั้งวันแบบนี้ตาแกมันต้องเปลี่ยนมั่งล่ะน่าเชื่อฉันซิ”



    “พี่ตังเป็นทันตแพทย์ไม่ใช่หรอ”



    “เออน่า แกไปตรวจดูมั่งเหอะ เดี๋ยวนี้คอนแทคเลนซ์เค้าใส่กันง่ายๆ”



    “ไม่ชอบ”



    “ดื้อนะแก ฉันจะโทรไปฟ้องพ่อ”



    “บอกเลย เค้าก็จะบอกแม่เหมือนกันว่าพี่ตังออกเวรแล้วไม่กลับบ้านมาดูน้องแต่ไปเที่ยวต่อกับคุณเภสัชที่ช่องยา”



    “ฉันก็จะบอกพ่อว่าแกจูบกับไอ้พุดกลางสนามบิน ต่อหน้าต่อตาคนหลายล้าน” (เว่อไปป่าว: ฟ่าง)



    “O_O พี่ตังรู้ได้ไง”



    “หมี่เล่าให้ฟัง”



    “ชิ”



    “ไปตรวจตาเหอะนะก่อนที่จะสั้นไปกว่านี้”



    “ไว้ใกล้เปิดเทอมก่อน”



    “อย่าลืมล่ะ”



    “เออน่า”







    คิดถึงพุดจังไม่รู้ป่านนี้เป็นไงมั่ง



    “...ตู”



    “อะไรนะ”



    “ฉันถามว่าแกนั่งเหม่ออะไรอยู่” หมี่ถามฉัน มันกลับมาจากรับน้องเมื่อไหร่เนี่ย



    “ป่าวนี่”



    “เรื่องพุดใช่มั๊ย” หยกเอ่ยขึ้นอย่างกับรู้ความคิดฉัน



    “ฉันแค่คิดถึงเค้าเฉยๆ”



    “อย่าว่าฉันอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะแก แกเตรียมใจไว้มั่งก็ดีนะ” ฉันก้มมองแหวนในมือ



    “แหวนน่ะมันไม่ได้แปลว่าเค้าจะรักแต่แกคนเดียวนะ”



    “แกเลิกรักใครแล้วก็ทุ่มเทให้หมดใจซักทีได้มั๊ย”



    “ฉัน...พวกแกอย่าพูดอะไรที่มันยังมาไม่ถึงได้ป่าว”



    “เฮ้อ พุดน่ะแต่เดิมก็เจ้าชู้อยู่แล้ว”



    “นั่นซิ แกก็น่าจะรู้แล้วเตรียมใจไว้ตั้งแต่เริ่มคบเค้านะ”



    “อือฉันรู้ แต่เรื่องเตรียมใจฉัน...ไม่เคยคิด”



    “เอาเถอะเลิกซีเรียสกันเหอะเนอะ อะไรมันยังมาไม่ถึงก็ปล่อยมันไปก่อน” หมี่พูดเพื่อทำลายบรรยากาศที่นี้



    “นั่นซิ” แล้วดูเหมือนหยกก็จะเห็นด้วย



    เพื่อนๆนั่งมองฉันอย่างเป็นห่วง ฉันก็ได้แต่นั่งมองแหวนอย่างใจลอย









    “ข้าวตูเห็นผมมั๊ย”



    พุดพูดกับฉันหลังจากที่ไม่ได้พูดมาหลายวัน แต่วันนี้เค้าพูดถึงแต่จูดี้ๆ เค้ากำลังคุยกับฉันอยู่นะทำไมพูดถึงแต่จูดี้ล่ะ แล้วฉันล่ะ พูดกับฉันอยู่แล้วทำไมมีแต่ชื่อจูดี้ จูดี้อย่างนู้นจู้ดี้อย่างนี้



    “ตอนนี้...”



    “...ฉันเป็นอะไรสำหรับพุดหรอ”



    พุดก็ยังคงพล่ามต่อไปเรื่อยๆ ฉันสามารถที่จะเห็นพุดได้ผ่านกล่องสี่เหลี่ยมๆนี่ ฉันกลัวเหลือเกินว่าสักวันพุดจะทิ้งฉันไปหาคนอื่น พุดที่เคยเป็นของฉันจะไปเป็นของคนอื่น







    “ตูวันนี้พี่พาไปตัดแว่นนะ”



        พี่ตังเซ้าซี้ฉันวันละสามเวลาก่อนอาหาร ทำให้การกินข้าวตอนนี้ไม่น่ารื่นรมย์เท่าไหร่



        “เออ” ฉันตอบออกไปอย่างหมดความอดทน



        “งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วเราไปกันเลยนะ”



        “อือ”





        

        ร้านอรอนงค์การแว่น ในห้างสรรพสินค้า



        “สวัสดีค่ะวันนี้มาทำอะไรคะ” ฉันมาร้านแว่นก็มาตัดแว่นซิเฟ้ย



        “มาตัดแว่นครับ” พี่ตังตอบไป



        “คนไหนค่ะ”



        “น้องสาวผมครับ”



        “งั้นน้องไปวัดสายตาด้านในกับพี่เลยนะคะ”



        ฉันเดินตามพี่เค้าไปในห้องห้องหนึ่งที่มีกระดานตัวเลขตัวหนังสือหลายขนาด แล้วฉันก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าเครื่องวัดสายตา แล้วก็ทำตามที่พี่เค้าบอก



        “สั้นเท่าไหร่ครับ”



        “350 ค่ะ” เฮ้ยๆนั่งอยู่หน้าคอมเดือนเดียวสั้นได้ขนาดนี้เลยหรอ



        “โห เยอะนะเนี่ย” ก็เออดิ



        “น้องสนใจคอนแทคเลนซ์แบบไหนค่ะ ตอนนี้ทางร้านเรามีแบบใหม่มาด้วยค่ะ เป็นแบบเรืองเสียงในที่มืดค่ะ” หามีแบบนี้ด้วยเรอะ



        “เอ่อ”



        “หรือว่าจะสนใจเป็นแบบสีคะ แบบธรรมดาก็มีนะค่ะ”



        “เอ่อคือฉันจะตัดแว่นน่ะค่ะ ไม่ใส่คอนแทค”



        “อ้าวหรอคะ”



        “พี่ว่าตูใส่คอนแทคดีกว่ามั๊ย”



        “ไม่เอา”



        “งั้นน้องเลือกกรอบแว่นเลยนะคะ”



        ฉันเดินไปยังตู้โชว์ที่มีกรอบแว่นอยู่



        “แต่ว่าตอนนี้ร้านเรามีแต่แบบรุ่นคุณปู่นะคะ เพราะวัยรุ่นสมัยนี้เค้าไม่นิยมน่ะค่ะ”



        ฉันก้มลงไปมองกรอบแว่น โอ้แม่เจ้าคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายมากค่ะ กรอบโตๆ ขาแว่นหนาๆ สีเชยๆ



        “เชยระเบิด” ฉันเผลอพูดออกมา



        “นั่นซิ คอนแทคมั๊ย” พี่ตังถามฉันอีกรอบ



        “ไม่เอา มีร้านอื่นอีกมั๊ยเนี่ย”



        “ไม่มีหรอกค่ะคุณน้อง พอร้านพี่มาเปิดร้านอื่นในห้างเค้าก็ปิดไปหมดเลยค่ะ แล้วถ้าจะเป็นตามข้างทางก็ปิดวันวิสาค่ะเห็นบอกว่ากว่าจะเปิดก็อาทิตย์หน้าเลยค่ะ”



        “คอนแทคมั๊ย”พี่ตังถามอีกรอบ



        “ไม่เอา งั้นก็เอาแบบนี้แล้วกันค่ะ” ฉันชี้ไปที่แว่นอันหนึ่งซึ่งฉันคิดว่ามันเชยน้อยสุดแล้ว



        “อีกประมาณครึ่งชั่วโมงมารับแว่น อย่าลืมนำไปนี้มาด้วยนะคะ”



        แล้วฉันกับพี่ตังก็เดินออกจากร้าน เพื่อไปเดินเล่นค่าเวลา



        “คอนแทคดีกว่ามั้ง”



        “ก็บอกกี่รอบแล้วไงว่าไม่เอา”



        “มันเชยนะ”



        “รู้แล้วน่า ไว้ทำใจได้ก่อนแล้วค่อยมาใส่คอนแทค”



        “ไม่อายเพื่อนหรอ”



        “อายซิยะ แต่ไม่ชอบนิ แล้วก็ไม่คิดจะใส่ตลอดด้วยแค่เวลาเรียน”



        “พร้อมจะใส่คอนแทคเมื่อไหร่บอกพี่นะ เดี๋ยวมาเป็นเพื่อน ถ้าแม่รู้ว่าตูมาใส่แว่นคุณป้าแบบนี้พี่โดนแน่เลยโทษฐานที่ดูแลน้องไม่ดี”



        “งั้นบอกแม่ซะเลยดีมั๊ยถ้ายังบ่นไม่เลิก”



        ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงฉันจึงกลับไปที่ร้าน



        “แว่นได้แล้วค่ะ”



        พี่เค้าแนะนำวิธีใช้แว่นที่ถูกต้องซึ่งฉันไม่ค่อยจะใส่ใจฟังเท่าไหร่



        “ควรใส่ให้ติดตานะคะ”



        ประโยคนี้ทำให้ฉันสะดุ้ง



        “อะไรนะคะ” ฉันถามออกไปเพื่อขอให้เค้าทวนใหม่เพื่อหูฝาด



        “พี่บอกว่าควรใส่ไว้ตลอดเวลานะคะสายตาจะได้ไม่เพิ่ม จะได้ไม่ต้องใส่เลนซ์หนาๆกลายเป็นคุณป้ายิ่งกว่านี้”



        “คอนแทคเหอะตู”



        ตอนนี้เสียงอะไรก็ไม่เข้าหัวฉันอีกแล้ว จะต้องให้ฉันทนใส่แว่นเชยๆแบบนี้ตลอดน่ะหรอ แต่ให้ใส่คอนแทคก็ไม่เอานะ กลัวเจ็บตา



        “คอนแทคเหอะตูๆๆๆๆๆ” พี่ตังพูดพลางเขย่าแขนฉัน อย่างนี้ต่อให้เหม่อแค่ไหนก็ต้องรู้สึกตัวล่ะวะ



        “อยากให้ใส่นักก็เอาไปใส่เองเลยซิ เซ้าซี้จริง” ฉันพูดไปเพราะหมดความอดทน



        “ตู... TT^TT” พี่ตังเริ่มหมดหวัง



        “แค่นี้ทำจะร้องไห้เดี๋ยวปั๊ด...โอ๋ๆไม่เอาน่าอย่าร้องนะๆ แก่แล้วร้องไห้ทำไมเนี่ยอายเด็กเค้า” ฉันพูดพลางดึงพี่ชายตัวดีเข้ามากอด



        “ก็ตูดุอ่ะ TT_TT”



        “โอ๋ๆ ไม่ต้องร้องแล้ว เดี๋ยวเปิดเทอมตูจะไปใส่คอนแทคโอเคมั๊ย ตอนนี้ขอทำใจก่อน”



        “^o^ อือ”



        “=_=” สีหน้าของฉัน ฉันล่ะกลุ้มใจจริงๆ



        “เท่านี้ก็ไม่ต้องโดนแม่ดุแล้ว เย้ๆ” สรุปนี่กลัวแม่ดุใช่มั๊ยเนี่ย



        แต่ฉันก็พอเข้าใจอ่ะนะถ้าแม่เห็นฉันในสภาพคุณป้าต้องบ่นแน่เลย โทษฐานที่เป็นแม่ลูกแล้วไม่รู้จักเจริญรอยตามกัน เพราะแม่ฉันน่ะรักสวยรักงามเป็นที่สุด



        “คุณคะนี่แว่นค่ะ” เหอๆลืมไปเลยว่ายังอยู่ในร้านแว่น



        หลังจากพี่ตังหายสะอึกสะอื้น ฉันก็ออกมาจากร้านแว่นทันทีพร้อมด้วยแว่นตาคุณป้ากับเด็กที่งอแงไม่รู้จักสถานที่คนหนึง



        “ตูเปิดเทอมเมื่อไหร่อ่ะ” พี่ตังถามเมื่อถึงรถ



        “วันที่ 6 ทำไมหรอ”



        “ป่าว พี่กะกว่าจะวานให้ตูไปดูหนังสือที่ห้องสมุดมหาลัยให้หน่อยน่ะซิ”



        “ไว้วันนั้นค่อยเตือนอีกทีแล้วกันนะ”



        “จ้า”



        แล้วเราก็กลับบ้านพร้อมกับเสียงฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ตลอดทางของพี่ตู







        

        เรากลับมาทานมื้อเย็นที่บ้านโดยมื้อนี้ฉันแสดงฝีมือทำอาหารเอง เนื่องจากไม่ได้ทำมานานแล้วและไอ้พี่ตังก็งอแงจะให้ทำให้ได้



        “ตูฝีมือตกไปนะ” พี่ตังเริ่มพูดอะไรที่ไม่เข้าหูออกมา



        “ถ้างั้นก็ไปทำกินเองไป๊”



        “ไม่เอาอ่ะ อันที่จริงตูทำอร่อยที่สุดเล้ย พี่สู้ไม่ได้เลย”



        “^o^”



        “ยิ้มอยู่ได้ตูชมแค่นี้ กินข้าวไป”



        ทันใดนั้นเองฉันก็เห็นเงาอะไรดำๆอยู่แถวๆหลังตู้



        “พี่ตังนั่นอะไร ดำๆอ่ะ”



        “ไหนๆ หนูมั้ง”



        “o_O อะไรนะหนูมันมาอยู่ในบ้านนี้ได้ไง เอาออกไปเลย พี่ตังดูบ้านยังไงเนี่ยให้มีหนตัวอย่างบิ๊กเข้ามาอยู่ในนี้เนี่ย ถ้ามันกินข้าวของในบ้านจะทำยังไง”



        “บ่นเป็นชุดเลยนะตู เค้าบอกว่าเวลากินข้าวห้ามพูด”



        “ช่างเหอะ พี่ตังเอาหนูออกไปจากบ้านให้เร็วที่สุด”



        “ค่าๆ คุณน้องข้าวตูเดี๋ยวพี่ข้าวตังสุดหล่อจะจัดการให้” พี่ตังพูดพร้อมกับทำหน้าว่าตัวเองหล่อซะเต็มประดา



        แล้วอาหารมื้อนั้นก็ผ่านไปพร้อมความเลี่ยนและขยะแขยง











        เหลือหยุดพรุ่งนี้อีกวันก็จะเปิดเทอมแล้ว สามเดือนที่ผ่านมารู้สึกว่ามันยาวนานเพราะไม่มีพุดอยู่ด้วยกันเหมือนอย่างปิดเทอมที่แล้ว



    ย้อนไปตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดก็คงเป็นประมาณม.5 วันสอบเสร็จล่ะมั้ง



        “พุดชอบข้าวตูนะคบกับพุดได้มั๊ยครับ”



        ราวกับว่าฝันไปคนที่ฉันแอบชอบมาแรมปีมาสารภาพว่าเค้าชอบฉัน ฉันตกหลุมรักเค้าก็เพราะส่วนสูงที่มากกว่าฉันประมาณ 20 เซ็นต์ วาวตาที่พร้อมมอบความอบอุ่นให้ทุกคนซึ่งมันออกจะดูเหมือนแววตาเจ้าชู้ไปหน่อยก็เหอะ ริมฝีปากที่รับกับคิ้วได้รูป เวลาเค้าเดินก็ช่างดูสง่างามราวกับเทพบุตรก็ไม่ปาน  แล้ววันนี้เค้ามาสารภาพมีรึฉันจะปฏิเสธ ฝันเป็นจริงแล้วอีนังตู



        “ค่ะ” ฉันตอบรับออกไปอย่างมั่นใจไม่มีอาการเก้อเขินเหมือนคนที่แอบชอบคนอื่นเลย



        หลังจากวันนั้นเราก็ตัวติดกันเป็นตังเม มีทั้งเสียงที่เห็นด้วยว่าเราเหมาะสมกัน บางเสียงก็ไม่เห็นด้วย บางทีก็มีความอิจฉาเล็กจากบรรดาแฟนคลับพุด ซึ่งไม่ก่อปัญหาให้ฉันเท่าไหร่



        “ตูอย่าเพิ่งไว้ใจไอ้พุดมันมากนะ ฉันว่าแววตามันยังเจ้าชู้อยู่” หยกพูดขึ้น



        “เอาอะไรมาพูดหยก” ฉันก็ตอบออกไปตามใจคิด ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าพุดจะเป็นอย่างที่หยกพูดจริงรึป่าว



        “ตูพี่ว่านายนั่นไม่ค่อยหน้าไว้ใจนะ” นี่ก็เป็นอีกเสียงหนึงที่คัดค้าน



        “พี่ตังก็พูดเหมือนหยกอีกคนแล้วนะ”



        “อ้าวว่าไงกวาง” กวางเพื่อนของพุดเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันทีละนิดๆนับตั้งแต่วันที่ฉันคบกับพุด



        “ป่าวหรอก แค่อยากถามว่าข้าวตูสบายดีรึป่าว” แล้วก็เริ่มมีคำถามแบบนี้เข้ามาเป็นบางเวลาที่พุดไม่อยู่หรือไปไหนโดยไม่บอก



        “ตูหมี่ไม่อยากจะพูดหรอกนะ คือไอ้เม้งมันบอกว่าเห็นพุดเดินกับผู้หญิงคนอื่น”



        “เค้าคงตาฝาดมั้งหมี่”



        คำพูดพวกนั้นในตอนนั้นก็เหมือนสายลมที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ฉันซึ่งไม่ค่อยจะสนใจฟังก็ทำเป็นหูทวนลม เพราะเชื่อใจพุด พุดเป็นคนดีสำหรับฉันเสมอ(เมื่อตอนนั้นนะ)



        ฉันเสียจูบแรกให้พุดไปในวันเกิดของเค้า



        “อ่ะนี้พุดของขวัฯวันเกิด” ฉันยื่นกล่องของขวัญให้เค้าขณะเราอยู่ที่บ้านเค้ากันแค่สองคน ( สยิว:ฟ่าง )



        “พุดไม่อยากได้อันนี้อ่ะ อยากได้อันนี้มากกว่า” พุดพูดพร้อมพร้อมยกนิ้วของเค้าขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากฉัน



        “เอ่อ อย่าดีกว่ามั้งพุด”



        พุดทำเป็นไม่ได้ยินพร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ออกมาจากเค้า



        “หลับตาซิข้าวตู” พุดพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา



        ราวกับต้องมนต์สะกดฉันทำตามคำพูดของเค้าอย่างว่าง่าย เค้าประทับริมฝีปากของเค้าลงบนริมฝีปากของฉัน และเริ่มใช้ลิ้นของเค้าลุกล้ำเข้ามาในปากฉัน ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ขัดขืน เราอยู่อย่างนั้นกันซักพักจนพุดเริ่ม



    ผลักฉันให้นอนลงบนโซฟา ถอนริมฝีปากออก เริ่มเริ่มบรรจงจูบไปทั่วทั้งใบหน้าของฉัน ลงไปถึงลำคอ และใบหู มือของเค้าเริ่มที่จะอยู่ไม่สุข มันอ้อมมาด้านหลังปลดตะขอเสื้อชั้นในออก ลูบไล้ใบทั่วแผ่นหลังของฉัน และเริ่มขยับมาด้านหน้าด้วยความซุกซน



        “พ..พุด พ..พอ..เถอะ”



        แต่ละเสียงช่างเปล่งออกไปยากเสียเกิน แต่พุดก็ทำราวกับไม่ได้ยิน



        “พุด ปล่อยเถอะ” คราวนี้ฉันรวบรวมสติที่มีพูดออกมาให้หนักแน่นพร้อมทั้งผลักเค้าออก



        “เอ่อ..พุดขอโทษ” พุดลุกขึ้นพร้อมกับเอ่ยขอโทษ



        “อือ”



        ฉันลุกขึ้นพร้อมกับจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ และเอื้อมมือไปติดตะขอเสื้อแต่ไม่ถึง



        “มาพุดช่วย” แล้วพุดก็ช่วยติดให้



        “พุดขอโทษนะข้าวตู”



        พอเห็นแววตาสำนึกผิดของเค้าฉันก็ไม่สามารถที่จะว่าอะไรเค้าได้



        “ช่างเถอะ พุดแกะของขวัญของข้าวตูดีกว่าเร็วๆ”



        ช่วงเวลาที่อยู่กับเค้ามันช่างมีความสุขมากเหลือเกิน แต่เค้าบอกว่าความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน ปิดเทอมใหญ่ที่แล้วฉันมีพุดอยู่เคียงข้าง ปิดเทอมใหญ่คราวนี้ฉันอยู่เคียงข้างพุดที่อยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมและเริ่มพบว่าเค้าก็ไปอยู่เคียงข้างคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน ทุกอย่างที่เคยเป็นของฉันตอนนี้มันเป็นของผู้หญิงคนนั้นด้วย แต่ถ้าจะพูด



    อีกอย่างคือมันคงเป็นของผู้หญิงคนนั้นไปหมดแล้ว



        น้ำตาที่ไม่เคยไหลออกมานานตอนนี้มันเริ่มปลิ่มๆของบริเวณดวงตาฉันแล้ว เมื่อพุดกอดและจูบผู้หญิงคนนั้นโดยที่รู้ว่าฉันอาจจะดูอยู่

        “พุด...”



        “จูดี้ครับ ผมรักคุณ”



        คำพูดคำนี้ที่ถูกถ่ายทอดออกมาทำให้ฉันแทบล้มตึง ใช่ซินะตลอดมาเค้าไม่เคยบอกว่ารักฉันเลย ผู้ชายคนนั้นฉันอยากจะถามเค้าเหลือเกินว่าที่ผ่านมาฉันเป็นอะไรสำหรับเค้า เป็นคนที่ชอบ หรือเป็นคนที่...รัก



        “...พุด”



        ผู้หญิงบ้านั่นเริ่มส่งเสียงครางเบาๆ ฉันที่เริ่มทนดูไม่ได้ก็เดินไปที่หัวเตียงหยิบตุ๊กตาปูขาวที่เราทำด้วยกันเขวี้ยงไปที่จอคอม



        เพล้ง~~~



        เสียงจอคอมแตกละเอียด สภาพจอตอนนี้ก็คงเหมือนหัวใจฉันที่แตกเป็นเสี่ยงเพราะผู้ชายคนนั้น



        “ตู เกิดอะไรขึ้นจอคอม ร้องไห้ทำไมตู”



    พี่ตังเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับสำรวจสภาพห้องไปด้วยซึ่งตอนนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าเศษกระจกที่แตกละเอียดกับฉันซึ่งนอนร้องไห้อยู่บนเตียง พี่ตังเห็นจึงเข้ามากอดปลอบฉัน



    “พี่ตัง ฮึกๆ TT_TT พุด..พุด”



    “อือๆพี่รู้ๆ ไม่ต้องไปพูดถึงหรอกพี่เข้าใจ” พี่ตังพูดไปพลางลูบหัวฉันไปพลาง



    “ฮือๆ TT_TT”



    “เอางี้ตูมาเป็นแฟนพี่เอามั๊ย ^o^” ตลกไม่ออกเลยพี่ตังมาพูดอะไรเอาตอนนี้



    “ฮือๆๆ ฮึกๆ”



    “ไม่อยากเป็นแฟนพี่มากขนาดนั้นเลยหรอ ร้องไห้ใหญ่เลย”



    “ฮือๆ”



    “ถ้าตูสบายใจก็ร้องมาเหอะพี่จะอยู่เป็นเพื่อน”



    ตลอดคืนนั้นฉันร้องไห้จนตัวพี่ตังเปียกน้ำตาไปหมด ประจวบเหมาะกับที่ไม่ได้นอนเพราะร้องไห้ทั้งคืน วันรุ่งขึ้นฉันจึงหลับเป็นตายทั้งวันเลย

    แหวน เออใช่แหวนเค้ายังอยู่ที่ฉันบางทีเค้าอาจอยากได้มันคืน แต่ฉันจะคืนให้ด้วยตัวเอง รอเค้ามาสารภาพ น่าแปลกที่วันนี้ฉันเข้มแข็งขึ้นมา น้ำตาที่เคยไหลตลอดคืนเมื่อวานก็ไหลๆหยุดๆ จากความเสียใจกลายเป็นความไม่เข้าใจ ฉันแค่ต้องทำใจให้ได้เพราะเพื่อนเตือนฉันมาแล้ว



    “ไม่เป็นไรใช่มั๊ยข้าวตู”



    เสียงของกวางที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ ทำให้ฉันหายเศร้าได้มากเหมือนกันอย่างน้อยเพื่อนเของเค้าก็เป็นห่วงฉัน











    **ฉันรู้และฉันเข้าใจ ฉันไม่เคยจะไหวหวั่น

    ถ้าสองเราใกล้กันฉันไม่ลังเลหัวใจ

    แต่วันนี้เราต้องไกลห่าง ใจฉันทนคิดไม่ได้

    รักที่มีให้กันมันจะสั่นคลอนบ้างไหม



    อาจจะถามเธอมากไป อย่าใส่ใจหรือเคืองกันเลย

    ที่ทำไปไม่ได้ระแวง แค่อยากให้เธอรู้



    กลัวใจกลัวเธอนั้น

    จะเปลี่ยนแปรผันและกลายเป็นอื่นไป

    กลัวใจมันจะหายไปจากชีวิตของกันและกัน

    กลัวว่าอาจมีใครบางคนจะเข้ามาแทนที่ฉัน

    กลัวรักทางไกลทำเราไม่เป็นเหมือนเดิม



    ทุกนาทีที่เลยผ่าน ยังเตือนใจฉันทุกที

    ว่าเวลาที่มีช่างหมุนไปช้าเหลือเกิน

    เป็นเหมือนฉันบ้างหรือเปล่า

    คิดถึงไหมเหมือนวันเก่า

    หรือเธอลืมเรื่องราวของเราไปแล้ว คนดี  



    ขอให้ฟ้าช่วยดูแล อย่าให้ใครเข้ามาทำเธอหวั่น

    รักแท้ต้องไม่แพ้ความใกล้ชิด

    ลืมไหมที่สัญญาว่าเราจะรักกัน

    ลืมความผูกพันที่มีไหม



    กลัวใจกลัวเธอนั้น

    จะเปลี่ยนแปรผันและกลายเป็นอื่นไป

    กลัวใจมันจะหายไปจากชีวิตของกันและกัน

    กลัวว่าอาจมีใครบางคนที่เข้ามาแทนที่ฉัน

    เพราะคิดถึงเธอทุกๆ วัน จนห้ามใจมันไม่ไหว

    กลัวรักทางไกลทำเราไม่เป็นเหมือนเดิม**



    *เพลงกลัวใจ ของ Acappella 7*



    แล้วสิ่งที่ฉันกลัวมันก็เป็นความจริง



    *****************************************************************************************

    ติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ค่ะ ตอนหน้าพระเอกจะออกโรงแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ



    ง่วงแระราตรีสวัสดิ์ทุกคนนนนนนนนนนน

    เตรียมตัวพบกับ af 2 ที่รอคอยเดือนก.ค.นี้ ฮ่าๆอาจจะมีพี่วิทน้อยๆออกมาแดนซ์อีกก็เป็นได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×