ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LoVe is [( f O r y O u )] รักนี้สำหรับเธอ

    ลำดับตอนที่ #5 : BeLoveD 5: เรื่องเข้าใจผิด

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 48




    ติดตามอ่านได้เลยค่า



    *****************************************************************************************



    หลังจากเพลงนั้นจบลงไปซักพักนายฟรุ๊ทก็เดินมา นายนี่มาช้าจังเลยอดฟังเพลงเพราะๆเลย



        “เพลงเพราะจังเลยนะคะ” หยกพูด



        “อ่าครับ” นายฟรุ๊ทตอบพลางส่งยิ้มแหยๆให้หยก



        “เหล้าแกจืดหมดแล้วไอ้ตู”



        “เออว่ะ ลืมสนิทเลย สงสัยเพราะเพลงเมื่อกี้”



        “^_^” หน้านายฟรุ๊ท



        “ยิ้มอะไรยะ”



        “ป๊าว” เป็นไรกันไปหมดฟะคนพวกนี้



        ฉันมองหน้าเค้าและหยกพลางยกแก้ขึ้นดื่มรวดเดียว



        “เฮ้ยเบาดิไอ้ตู”    



        “ฉันไม่เมาง่ายๆเหมือนแกหรอกหยก”



        “ฉันไม่อยากเช็คอ้วกนะ” นายฟรุ๊ทพูดขึ้น



        “อะไรทำให้นายคิดว่า ฉันจะทำอย่างนั้นห๊ะ”



        “ก็เธอเล่นพรวดเข้าปากทีเดียวอ่ะ”



        “ถ้านายต้องการให้มันเป็นยังงั้นก็ได้ พาฉันไปส่งบ้านด้วยนะยะ”



        “ฉันยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ เฮ้ยๆเดี๋ยว...”



        ฉันเรียกพี่คนนึงให้มารับออร์เดอร์





        “พี่คะน้ำส้มแก้วนึงขอแบบจืดๆเลยนะคะ”



        “ไอ้ตู”



        “เงียบน่า แล้วนายพาฉันไปส่งบ้านด้วยนะยะ”



        “ด...ได้ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าน้ำส้มแก้วเดียวจะทำอะไรเธอได้”



        “ไว้นายคอยดูแล้วกัน”



        หยกนั่งมองเราสองคนสลับกันไปมา พลางส่ายหัวอย่างเอือมระอา



        “ของที่สั่งได้แล้วครับ”



        “ขอบคุณค่ะ”



        “ตูใจเย็นๆมีอะไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้นะ”



        “ก็ไอ้บ้านี่มันอยากเช็ดอ้วกฉัน ฉันก็จะทำให้สมหวังไง”



        “ใครบอกฉันอยาก”



        “นายนั่นล่ะ อย่าลืมจ่ายเงินด้วยนะ พาฉันกลับบ้านด้วย กุญแจอยู่ในกระเป๋า”



        ฉันยังไม่รอคำตอบรับ ก็ยกน้ำส้มจืดๆนั่นเข้าปากจนหมดแก้ว



        “หึๆ” ฉันหัวเราะอย่างน่ากลัว



        “คือฟลุ๊ทคะ ไอ้ตูมันแพ้น้ำส้มค่ะ”



        “ห๊า มีคนประหลาดแบบนั้นด้วยหรอ”



        “มันเนี่ยล่ะค่ะ ประหลาดสุดๆ ขอแข็งมากไม่สมเป็นผู้หญิงเลย แล้วก็แพ้น้ำส้มเสียชาติเกิดหมดเลย”



        “ซวยล่ะ”



        “ค่ะซวยโคตร ฉันว่ารีบพามันกลับบ้านไปดีกว่านะคะ”



        “ครับ เฮ้ยัยหวีดลุกขึ้นเซ่ อย่าพึ่งมาคนพับคออ่อนเอาตอนนี้”



        “ม่ายอาว”



        “โอ๊ยเธอ สร้างเรื่องปวดหัวให้ฉันทั้งวันเลยนะ”



        “อิๆ ดีแย้ว”



        “ดีบ้าอะไรล่ะ ลุกเซ่ ไม่งั้นฉันจะอุ้มเธอไปนะ”



        “ดีๆ อุ้มเยย อุ้มเด้”



        “เออๆ ไปนะครับคุณหยก”



        “ค่ะ ฉันคงไว้ใจคุณได้นะคะ”



        “ครับ ผมทำไม่ลงหรอก”



        “อ่าค่ะ”



        “มานี่เลยยัยตัวแสบ”



        “บ๊ายบายโหยก”



        “เออ อย่าอ้วกกลางทางล่ะแก”



        “ครับพ้ม”



        “หนักเท่าไหร่เนี่ยเธอ” นายนั่นให้ฉันขี่คอแล้วก็ลากสังขารตัวเองออกไปจากร้าน



        

        





    ฉันมารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าวันใหม่แล้ว แต่หัวยังปวดหนึบๆอยู่ (ยังกับไปเมาเหล้ามางั้นล่ะ) เลยยังไม่อยากลุก ฉันจึงยังหลับตาและนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง



        “หืม”



        เหมือนมือไปโดนอะไรเข้าเลยสงสัยจะเป็นน้องหมี แต่ปกติฉันเตะตกเตียงทุกวันนี่ วันนี้แปลกแหะ



        “น้องหมี~~”



        ฉันยกแขนข้างนึงขึ้นกอดน้องหมี แล้วก็ซุกหน้าลงบนอกน้องหมีและส่ายหน้าไปมา



        “น้องหมี~~”



        แล้วน้องหมีก็ยกแขนมากอดตอบ



        “น้องหมี~~”



        เฮ้ยๆเดี๋ยวน้องหมีมันจะมากอดตอบฉันได้ยังไง



        (=_=) (O_o) (OoO)



        มันไม่ใช่น้องหมีแต่มันเป็นคน



        “กรี๊ดดดด”



        “หืม ไอ้ไรเนี่ยเธอเสียงดังแต่เช้าเลยนะ วันนี้เราเรียนสายนะ นอนต่อเหอะ”



        เออเนอะ งั้นก็นอนต่อเถอะ เฮ้ยๆไม่ได้ ฉันกระเด้งตัวลุกจากเตียง ปรากฎว่าตอนนี้ฉันใส่แค่เสื้อคลุม

    อาบน้ำอยู่ตัวเดียว ส่วนอีตาบ้านั่นมีก.ก.น.ตัวเดียว



        “นาย”



        “อะไรอีกล่ะ คนจะนอน”



        “นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง”



        “เธอจำไม่ได้หรอ” นายฟลุ๊ทพูดพร้อมๆกับลุกขึ้นนั่ง



        “ก็เมื่อคืนเธอแผลงฤทธิ์อ้วกใส่ฉันตอนฉันพาเธอขึ้นมาบนห้องน่ะซิ ฉันก็เลยเอาเสื้อผ้าตัวเองไปซัก แล้วก็ตากไว้น่ะ แล้วค่อยมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”



        “อ๋อ อารายน้า เสื้อผ้าฉันนายเป็นคนเปลี่ยนหรอ”



        “อือใช่ซิ”



        “นายมันๆ ฉวยโอกาส” ฉันโมโหมากจนเลือดขึ้นหน้าเลยวิ่งใส่ตีเค้าไปรอบๆห้องโดยระวังไม่ให้เศษกระจกโดน



        “โอ๊ยเจ็บนะ”



        “นายสมควรโดนแล้ว”



        “เจ็บเฟ้ย”



        ขณะที่เราวิ่งไล่ตีกัน (อย่างสนุกสนาน) และเสียงดังทำให้ไม่รู้ว่ามีรถคันนึงเลี้ยวเข้ามาในบ้านแล้วคนในรถก็อารมณ์ไม่ดีซะด้วยที่เห็นรถไม่คุ้นตาคันนึงจอดอยู่ในบ้าน



        “ข้าวบูดระวัง”



        ตาบ้านั่นหันกลับมาทันเห็นฉันกำลังจะเหยียบเศษแก้วก็เลยดึงแขนฉันออกจากตรงนั้น ทำให้เค้าเซจนล้มไปที่เตียงแล้วก็ไม่วายลากฉันไปด้วย



        สภาพตอนนี้คือเค้าอยู่ข้างล่างส่วนฉันคร่อมเค้าอยู่อีกที หน้าเราอยู่ใกล้กันมากจนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน ดูดีๆเค้าก็หล่อมันกันนะ ดวงตาของเค้าคู่นี้มันคมซะไม่มี คิ้วก็สวยได้รูป ริมฝีปากสีชมพูซะจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นผู้ชาย จมูกก็โด่งพอประมาณ สรุปรวมๆแล้วมันเพอร์เฟ็ก



        “ตู” แล้วก็มีเสียง (มาร) ขึ้นมาขัด



        “พี่ตัง”



        “O_O ตูเกิดอะไรขึ้น แล้วนั่นใคร”



        สภาพฉันตอนนี้ทำให้พี่ตังคิดไปไกล เกินเยียวยา ฉันซึ่งคร่อมตาบ้านี่อยู่ (เนื่องจากเค้าช่วยไว้ไม่ให้กระจกบาด) สภาพเตียงยับยู่ยี่ (เพราะวิ่งไล่กันโดยข้ามเตียงไปมา) ห้องซึ่งดูเหมือนพึ่งผ่านสงครามมา เศษกระจกจากจอคอมกระจายเต็มพื้น ตุ๊กตาปูนขาวแตกละเอียดคาจอ ตุ๊กตาน้องหมีทั้งหลายที่หล่นอยู่เต็มพื้น (อันนี้ฉันทำเองแล้วมันก็เป็นอยู่หลายวันแล้ว(แสดงให้เห็นถึงความซกมกไม่ยอมทำความสะอาด))



        “พี่ตังมันไม่ใช่แบบที่คิดนะ” ฉันรีบลุกออกจากนายฟลุ๊ทอย่างรวดเร็ว



        “ตู พี่ไม่อยู่คืนเดียวตูหาคนใหม่ได้แล้วหรอ” พี่ตังพูดจบก็เดินออกไปจากห้องด้วยสายตาตัดพ้อ



        “เฮ้ยพี่ตัง”



        “หมอนั่นมันพี่เธอแน่หรอ”



        “เออซิ นายอย่าคิดอะไรอุบาทว์ๆได้มั๊ย“



        “อืม”



        “เพราะนายๆ มานอนห้องนี้ทำไมห้องอื่นก็มี”



        “ห้องอื่นมันล็อคนี่จะให้ฉันผู้ซึ่งช่วยเธอไปนอนโซฟาได้ไง”



        “โอ๊ยพี่ตังต้องฟ้องพ่อแน่เลย”



        “เราก็ไปอธิบายความจริงซิ”



        “เออเนอะ แต่ไอ้พี่บ้ามันจะเชื่อรึป่าวก็ไม่รู้”



        “อันนั้นไว้ค่อยว่าทีหลังเธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซิ อยู่อย่างนี้เดี๋ยวปล้ำจริงๆซะเลย”



        “ตาบ้า”



    ฉันรีบวิ่งไปห้องน้ำอาบน้ำโดยไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อผ้าเข้าไปด้วยไม่งั้นต้องออกมาแต่งตัวข้างนอกแน่









    ห้องนั่งเล่น



    “พี่ตัง”



    ฉันเรียกพี่ตังที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่เค้าทำเมิน ฉันก็เลยหันไปหาตาฟลุ๊ทบ้า เค้าก็ยักไหล่อย่างไม่สนใจ โหแต่ละคนมันน่ามั๊ยเนี่ย



    “พี่ตัง คือตูอธิบายได้นะ”



    “งั้นก็เล่ามาซิจะพยายามเชื่อ”



    ฉันเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่ตังฟังยกเว้นเรื่องที่อยากได้หลาน



    “พี่เชื่อได้ใช่มั๊ย”



    “แน่นอนที่สุด” ฉันพูดแล้วฟลุ๊ทก็พยักหน้าเป็นลูกคู่ด้วย



    “ฮ่าๆๆๆ”



    “O_O พี่ตังเป็นไร”



    “ฮ่าๆ แกมันตลก”



    “-_-“



    “ฮ่าๆๆๆ ฉันกะแล้วใครจะเอาแกลง”



    พูดงี้หมายความว่าไง



    “นั่นซิครับ” ไอ้ฟลุ๊ทพูดแทรก



    “นั่นซิไอ้น้องชาย พี่ก็คิดไปไกล อย่างตูมันๆ ฮ่าๆ”



    ตูจะบ้าตาย



    “แล้วนายใช่คนนั้นรึป่าวเนี่ยหน้าคุ้นๆ”



    ฉันไม่อยากอยู่ฟังผู้ชายบ้าคุยกันแล้วก็เลยเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ไปหาอะไรกินในครัว



    พอเดินเข้าไปก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า ไม่มีอาหารเช้าตั้งบนโต๊ะเหมือนทุกวันเพราะพี่ตังพึ่งกลับบ้าน



    ฉันจึงตัดสินใจทำกับข้าวเองซะเลย หิวแล้วด้วย สงสัยของที่กินเมื่อวานมันของออกไปหมดแล้วแน่เลย จริงซิวันนี้นายฟลุ๊ทอยู่ด้วยฉันเพื่อดีมั๊ยนะ ยังไงเค้าก็ช่วยแบกเรากลับบ้านมาแถมยังฉวยโอกาสเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก (แบบนี้มันน่าทำให้กินมั๊ยเนี่ย) แล้วฉันก็ค้นๆของในตู้เย็นออกมาเท่าที่จะมี ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากห้องนั่งเล่นบ้างเป็นระยะๆ แล้วก็จัดการแปลงกายเป็นแม่ครัวหัวเห็ดทันที



    เหมือนกลิ่นอาหารเป็นเหยื่อล่อ ผู้ชายสองคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นจึงยอมออกมาได้



    “วันนี้ตูทำกับข้าวเองหรอเนี่ย”



    “เออซิเพราะใครไม่รู้มัวแต่คุยคนยิ่งหิวๆอยู่”



    “ยัยบูดนี่ทำกับข้าวเป็นด้วยหรอ”



    “แล้วไอ้ที่อยู่ตรงหน้านายนี่มันเรียกว่าอะไรล่ะ มัวแต่พูดมากนั่งซะได้กิน”



    ฉันนั่งตรงข้ามกับพี่ตัง ส่วนฟลุ๊ทก็นั่งข้างๆฉัน



    “ฟลุ๊ทระวังท้องเสียนะ นานๆไอ้ตูดมันจะทำกับข้าวซักที” พี่ตังพูด



    “ครับ ผมมียาแก้ท้องเสียติดตัวตลอดไม่ต้องห่วง” ตาบ้านี่ก็เอากับเค้าด้วยอีกคน



    “จะกินมั๊ย ถ้าไม่กินจะได้ไปเทให้ไอ้ด่างแถวบ้าน”



    “กินดิ” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน



    “ก็ดี”



    ทั้งสองกินด้วยท่าทางที่บอกว่ามันอร่อย แต่คำพูดของเค้ามันช่างขัดกับการกระทำซะเหลือเกิน ตินู่นตินี่วุ่นวายไปหมด สรุปฉันเลยไม่รู้เลยว่ากับข้าวฉันเนี่ยมันอร่อยรึป่าว



    “ไอ้ตูแกไม่ไปเรียนหรอ”



    “ไปดิ”



    “ให้พี่ไปส่งมั๊ย”



    “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมก็ต้องไปเรียนเหมือนกัน เดี๋ยวไปกับผมก็ได้”



    “ดีเลย ฉันจะได้ไปนอน เมื่อคืนแถบไม่ได้นอนเลย”



    “หรอ” ฉันตอบด้วยเสียงแบบไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่









    ฉันมามหาลับพร้อมกับฟลุ๊ท ฟลุ๊ทเอารถมาจอดที่ที่จอดรถแถวโรงอาหาร ฉันลงมาจากรถก็พบว่ามีสายตาหลายคู่มองมา แต่ฉันไม่สนใจ ตอนนี้ฉันก็ยังใส่แว่นคุณป้าอยู่ พี่ตังบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปเปลี่ยน



    “ไปนะ” ฉันบอก



    “อือ”



    แล้วฉันก็เดินไปที่โต๊ะซึ่งไอ้หมี่กับหยกยึดไว้



    “ไงแก” หยกทัก



    “อืม แล้วแกล่ะไอ้หมี่เมื่อคืนไปถึงไหนมา” ฉันหันไปถามหมี่



    “ก็ไปฟังเพลงต่อนิดหน่อย แต่พอเที่ยงคืนอ่ะดิโทรศัพท์มารก็เข้ามากวนบอกให้พี่ตังไปโรงพยาบาลด้วยเลยมีคนจะผ่าตัดแล้วมันเกี่ยวโยงไปถึงประสาทฟันบ้าบออะไรก็ไม่รู้” หมี่ตอบพร้อมทำสีหน้าเซ็งสุดๆ



    “ว้างั้นฉันก็อดเป็นคุณอาอ่ะดิ”



    “ฉันก็อดเป็นน้าน่ะซิ” ฉันกับหยกตอบพร้อมกัน



    “ฉันไม่ยิ่งแย่กว่าหรอ ฉันอดเป็นแม่เลยนะแก”



    “เฮ้อ” เราสามคนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน



    “ถอนหายใจบ่อยๆเดี๋ยวแก่เร็วนะ”



    เสียงๆนึงทักขึ้นฉันเลยหันไปมอง เค้าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดูดีทีเดียว ถ้าฉันจำไม่ผิดคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนตาบ้านั่นแน่เลย



    “เฮ้ยโย” นั่นไงมาพอดีเลยตาบ้านั่น



    “อ้าวยัยบูด” ฟลุ๊ททัก



    “เออดิเห็นว่าใครล่ะ”



    “ป่าว เออนี่โยเมื่อวานผู้จัดการว่าไง”



    “จะให้ว่าไงก็ด่ากระผมเละเลยน่ะซิ มือถือแกก็โทรไม่ติด บ้านก็ไม่รับ”



    “แบ็ตหมดน่ะ แล้วเมื่อคืนก็ไม่ได้กลับบ้านด้วย”



    “O_o” ทุกคนทำตาโต



    โยมองฟลุ๊ท ไอ้หยกมองฉัน ไอ้หมี่มองฉันกับฟลุ๊ทสลับกับไปมา



    “ไปไหนวะ” โยเอยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ



    “ไปเช็ดอ้วกมา” ไอ้บ้านี่บอกคนหล่อไปแบบนั้นได้ไง



    “ห๊า”



    “ช่างเหอะๆ เออนี่โยรู้จักพวกนี้ยัง”



    “คิดว่ายัง”



    “คนนี้หยก อีกคนนึงหมี่มั้ง แล้วก็ป้าแว่นคนนี้ชื่อข้าวบูด..”



    “ข้าวตูค่ะ” ฉันจ้องหน้าตาบ้านั่นกลับไป



    “แล้วนี่ใครเพื่อนนายหรอ”



    “O_o” สีหน้าโยเพื่อนตาบ้านั่น



    “-_-” สีหน้าหมี่หยก + ฟลุ๊ท



    “เธอไม่รู้จักฉันหรอ” นายโยถาม ฉันรู้จักแค่ชื่อนาย ที่ตานั่นเรียกเมื่อกี้แค่นั้นล่ะ



    “อือ”



        “ไอ้บ้านี่ชื่อโย เป็นเพื่อนฉันเอง เรียนคณะเดียวกัน สนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว”



    “อืมๆ”



    “พวกเธอเรียนคณะไหนเนี่ย” โยถาม



    “ฉันเรียนสถาปัต” หมี่ตอบ



    “อักษร” หยกตอบ



    “คณะเดียวกันเลย เธออยู่ปีหนึ่งใช่ป่ะ” ฟลุ๊ทถาม



    “ใช่ๆ หึๆแกไอ้ตูมีคนหล่อมีเรียนคณะเราแล้วเว้ย” ประโยคหลังไอ้หมี่หันมากระซิบกับฉัน



    “แล้วเธอล่ะยัยบูด”



    “คณะเดียวกันล่ะ”



    “เฮ้ยคณะนี้เค้าให้ป้าแว่นเข้ามาเรียนด้วยหรอ” พูดจาไม่เข้าหูเลยนายโยไม่เสียทีที่เป็นเพื่อนกับฟลุ๊ท



    “คงงั้นล่ะ”



    “แกงั้นฉันก็อดเรียนกับคนหล่ออ่ะดิ” ไอ้หมี่พูด



    “เฮ้ยแกมีพี่ฉันอยู่แล้วทั้งคนนะเฟ้ย เดี๋ยวแกอดเป็นแม่คนแน่”



    “โอ๊ยไอ้ตูอย่าทำร้ายฉันอย่างนั้น”



    “งั้นก็เลิกทำตาละห้อยใส่สองคนนี้ได้แล้ว”



    “แกจะกักไว้กินเองหรอไงตู” หยกพูด



    “แก๊ พูดอะไรน่ะ”



    “ความจริง”



    “บ้าซิ”



    สองคนนั่นบืนมองเราสามคนคุยกันด้วยสายตาประมาณว่านี่ล่ะผู้หญิง









    ขณะนั้นที่บ้านก็



    “เฮ้ย!!!”



    อยู่ๆก็มีเสียงพี่ตังดังลั่นบ้าน



    “ไอ้ตูซวยแล้วพี่ลืมบอกแกไปว่าพี่โทรไปฟ้องแม่แล้ว แม่ก็บอกจะรีบกลับมาจัดการให้เร็วที่สุดแต่ช่วงนี้ยังยุ่งๆเลยยังมาไม่ได้”



    พี่ตังก็ได้ทำเรื่องที่ไม่คิดหน้าคิดหลังอีก แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ยแม่ยิ่งหัวโบราณอย่างไม่น่าเชื่ออยู่ด้วย





    ****************************************************************************************



    จบไปอีกตอนแล้วนะคะ



    ขอบคุณสำหรับทุกเม้นแล้วก็ทุกโหวตนะคะรู้สึกเป็นปลื้มที่มีคนมาอ่านมากแหะๆ



    ไว้เร็วๆนี้จะเอาบทสัมภาษณ์ตัวละครมาให้อ่านนะคะ



    วันที่ 2 นี้เราก็เปิดเทอมแล้วนะช่วยกันภาวนาขอให้เราได้อาจารย์ที่ปรึกษาดีๆหน่อยเหอะ ไม่เอาสาลินี หนูจิต ไม่เอาๆ



    ช่วงนี้เช้าๆฝนตกระวังเป็นหวัดนะ ไปเรียนก็อย่าลืมร่มด้วยอ่ะ หน้าฝนเนี่ยลุกปาท่องโก๋ไม่มาขายเลยแกบอกว่ากลัวฝนตกเลยอดกิน



    แล้วพบกันตอนน้านะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×