ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
อุสิชาและณัชชาตื่นขึ้นแต่เช้าแม้จะกลับดึกจากการเที่ยวผับกันตั้งแต่คืนก่อนเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปพักผ่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ที่รีสอร์ทริมทะเลซึ่งจองกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งคู่เตรียมไปเฉพาะเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวเท่านั้นเพราะทางรีสอร์ทอำนวยความสะดวกสบายอื่นๆ ไว้อย่างครบครันแล้ว ขณะที่สองสาวอาหลานเดินหัวเราะอย่างอารมณ์ดีมาที่ลานจอดรถ อุสิชาก็ชะงักเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งตึงทันทีที่เห็นสิ่งแปลกปลอมที่รถสปอร์ตสีดำของเธอ
“ทราย ผมไปด้วยนะ”
ไกรพส่งสายตาอ้อนวอนพลางกระชับกระเป๋าใส่เสื้อผ้าในมือเตรียมพร้อมจะตื๊อไปเที่ยวกับหญิงสาวให้ได้ อุสิชาไม่ตอบอะไรได้แต่ค้อนเล็กน้อย แล้วเดินไปประจำที่นั่งคนขับ ณัชชาส่งยิ้มให้กับไกรพก่อนจะเดินไปเปิดประตูที่นั่งด้านหลังคนขับเพื่อเว้นที่นั่งข้างคนขับให้ไกรพอย่างรู้หน้าที่
“ใครชวนคุณคะคุณไกรพ”
อุสิชาพูดเสียงเรียบโดยไม่หันไปมองหน้าไกรพทันทีที่เขาปิดประตูรถ
“ผมไม่สน ผมหน้าด้านขึ้นมานั่งรถคุณแล้ว ให้ฆ่าให้ตายผมก็ไม่ลง”
ไกรพทำหน้าทะเล้นใส่ และไม่สนใจอาการกระฟัดกระเฟียดของอุสิชา แม้จะยังไม่พอใจชายหนุ่มอยู่ แต่ก็อดขำในท่าทีของเขาไม่ได้ หญิงสาวแทบจะกลั้นหัวเราะไม่ไหว แต่ก็ยังคงไว้ท่าที
ระหว่างทางทั้งสามแวะพักรถที่ปั๊มน้ำมันและซื้อขนมมารับประทานในรถ ไกรพจึงอาสาขับรถแทนอุสิชาจนกระทั่งถึงรีสอร์ทริมทะเลอันเงียบสงบ เมื่อถึงที่พักไกรพทำหน้าที่ขนกระเป๋าสัมภาระอย่างดีก่อนจะอาสาไปซื้อของสดมาทำอาหารอร่อยๆ ทานในมื้อกลางวัน ขณะที่สองสาวช่วยกันจัดกระเป๋า แม้จะยังไม่ยอมพูดจากับไกรพดีๆ แต่หญิงสาวก็จัดเสื้อผ้าของไกรพให้เข้าที่จนเรียบร้อย ก่อนที่เขาจะกลับมาจากตลาด
ทันทีที่ไกรพมาถึงที่พัก เขาก็เรียกณัชชาเข้าไปช่วยกันทำอาหารในครัว ส่วนอุสิชาก็นำจานชามช้อนออกมาทำความสะอาดเล็กน้อยก่อนจะจัดวางบนโต๊ะให้เรียบร้อย หญิงสาวเดินเข้าไปในครัวคิดจะช่วยทำอาหารบ้างแต่ทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ไกรพจึงอาสายกอาหารทั้งหมดมาที่โต๊ะอาหาร และลงมือรับประทานพร้อมกันอย่างเอร็ดอร่อย
“เออนี่เจ้านัท อาไปเจอนายวิน ยัยมิ้นท์ ยัยหน่อย ที่ตลาดตอนไปซื้อของด้วยนะ”
ไกรพโพล่งขึ้นระหว่างอาหารมื้อกลางวันดำเนินไป
“ค่ะ อารพ พวกนั้นจัดปาร์ตี้กันที่บ้านพักตากอากาศของวิน คืนนี้นัทก็จะไปรวมตัวเคาน์ดาวน์กันที่นั่นด้วยค่ะ”
ณัชชาพูดพลางหันไปยิ้มให้กับอุสิชาที่ยังไม่ยอมพูดจาเป็นปกติ
“ทราย แล้วคุณจะไปกับพวกเด็กๆ หรือเปล่า”
ไกรพพยายามหาหัวข้อสนทนาคุยกับอุสิชาให้ได้
“ไม่ค่ะ ทรายอยากอยู่เงียบๆ มากกว่า”
“แล้วอารพล่ะคะ ไปกับนัทด้วยไหม”
เด็กสาวถามอย่างกระตือรือร้นหวังจะได้เพื่อนร่วมฉลองเพิ่มอีกหนึ่งคน
“อาก็ขอตัวจ้ะ อยากอยู่เงียบๆ เหมือนกัน”
ไกรพตอบพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อุสิชา
ตอนค่ำไกรพและอุสิชาไปส่งณัชชาที่บ้านพักตากอากาศของวิน แล้วจึงพากันขับรถกลับ เวลานั้นยังไม่ดึกมากนัก ไกรพหวังจะคุยกับอุสิชาให้เข้าใจจึงถือวิสาสะหักพวงมาลัยที่ตนเองขับอยู่เลี้ยวไปบริเวณชายหาดเงียบๆ แห่งหนึ่ง
“ทราย เราดีกันเถอะนะ”
ไกรพส่งสายตาอ้อนวอนจนอุสิชาที่ใจอ่อนมานานแล้วไม่สามารถกลั้นยิ้มอย่างเขินอายได้อีกต่อไป
“แหมคุณรพ ถ้าทรายยังโกรธอยู่จะยอมให้คุณรพมาถึงที่นี่ได้หรือไงกันคะ”
อุสิชาพูดโดยไม่มองตาผู้เป็นชายคนรักเลย
“ค่อยโล่งอก งั้นคืนนี้เคาน์ดาวน์กับผมนะ”
ไกรพทำท่าทางกระตือรือร้น
“ไม่ค่ะ”
อุสิชาเสียงเข้มจนไกรพสีหน้าเปลี่ยนทันที
“อ้าว ไหนทรายบอกว่าไม่โกรธผมแล้วไงจ๊ะ”
“ทรายอยากเห็นตะวันแรกของปีนี้พร้อมคุณรพมากกว่า”
หญิงสาวลดน้ำเสียงลงพร้อมกับยิ้มสดใส ไกรพจึงโผกอดหญิงสาวก่อนจะขับรถพากันกลับไปทานอาหารค่ำที่ห้องพัก
เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงรีสอร์ทไกรพก็เป็นคนลงมือทำอาหารมื้อพิเศษสำหรับทั้งสองคน อุสิชาตกแต่งห้องด้วยเทียนหอมที่เตรียมมาด้วยเพื่อสร้างบรรยากาศ ระหว่างรออาหารของไกรพหญิงสาวก็เข้าไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อนจะออกมาพบกับไกรพที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่ออุสิชาเดินเข้ามาถึงห้องอาหารไฟในห้องถูกปิดหมดแล้วทุกดวง เทียนที่หญิงสาวตั้งไว้เป็นจุดๆ ถูกจุดไว้เรียบร้อยแล้ว แม้จะมีเพียงแสงเทียนแต่ก็สว่างมากพอสำหรับสายตาของอุสิชาแต่หญิงสาวกลับมองหาไกรพไม่พบเลย อุสิชาจึงตัดสินใจนั่งรอที่โต๊ะอาหาร และตื่นเต้นกับเมนูสุดพิเศษบนโต๊ะที่ไกรพตั้งใจทำขึ้นมา หญิงสาวนึกขำในใจที่ตนเองซึ่งเป็นผู้หญิงแท้ๆ กลับทำอาหารและงานบ้านอื่นๆ ไม่เก่งเลย ส่วนไกรพนั้นดูเหมือนจะเก่งไปเสียรอบด้าน เอาใจสารพัด แล้วเช่นนี้เธอจะสามารถตัดใจปล่อยให้ไกรพไปเป็นของคนอื่นได้อย่างไร
ขณะคิดไปเพลินๆ นั้น อยู่ๆ อุสิชาก็รู้สึกถึงริมฝีปากที่จรดลงมาที่ต้นคอด้านซ้ายอย่างแผ่วเบา อ้อมแขนแข็งแกร่งทว่าอบอุ่นโอบรอบร่างของอุสิชาอย่างทะนุถนอม มือของอุสิชาเลื่อนไปเกาะกุมฝ่ามืออันแข็งแกร่งของชายหนุ่มไว้ก่อนจะยันตัวลุกขึ้น แล้วหมุนตัวช้าๆ เพื่อหันไปมองหน้าผู้บุกรุก
“คุณรพเล่นทีเผลอ”
อุสิชาตัดพ้อด้วยสายตาเอียงอายทันทีที่หันไปสบตากับไกรพ
“ไม่เล่นทีเผลอ แล้วผมจะได้แบบนี้หรือไงกัน”
ชายหนุ่มก้มลงมากระซิบตอบที่ข้างหูของหญิงสาวจนเธอสามารถสัมผัสแรงลมหายใจได้เลยทีเดียวไกรพบรรจงแนบริมฝีปากลงที่ผิวเนียนบริเวณกกหูเพื่อสูดดมกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ก่อนจะใช้มืออบอุ่นนั้นขึ้นมาเชยคางกลมมนให้เชิดขึ้นมาในองศาที่พอดีกับตัวเขา หญิงสาวหลับตาพริ้มพร้อมรับรสจูบที่ชายหนุ่มกำลังจะมอบให้อย่างตื่นเต้น เขาเองก็สนองตอบการยอมรับนั้นด้วยการประทับริมฝีปากลงบนกระจับอวบอิ่มสีชมพูนั้นอย่างนุ่มนวล มือของหญิงสาวกระหวัดขึ้นมารั้งที่ต้นคอของชายหนุ่มอย่างแนบแน่น และเขาเองก็คลายความประหม่าของหญิงสาวด้วยการใช้อ้อมแขนกอดรัดจนร่างกายทั้งสองเบียดกันอย่างแนบชิด
ไกรพถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย เขาพิศดูใบหน้าของอุสิชาที่เริ่มแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น เปลือกตาที่เพิ่งเปิดมาเผยให้เห็นดวงตาของหญิงสาวที่ฉ่ำเยิ้มด้วยกลิ่นไอแห่งรัก สายตาของทั้งคู่ประสานกันอยู่เพียงครู่ก่อนที่อุสิชาจะเอียงหน้าเพื่อซ่อนเร้นความเขินอายนั้น ไกรพจึงแก้เขินด้วยการใช้แขนแกร่งทั้งสองช้อนร่างบางนั้นขึ้นมาอุ้ม หญิงสาวเองก็ไม่ได้มีท่าทีขัดเขินใช้มือทั้งสองข้างโอบไว้ที่ต้นคอของเขา ก่อนที่จะถูกทิ้งร่างลงบนโซฟาใกล้ๆ อย่างนุ่มนวล
“อีกหลายชั่วโมงกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น ผมว่าเราควรส่งท้ายปีเก่าด้วยกันสักหน่อย”
ไกรพพูดพลางก้มลงจุมพิตหญิงสาวอีกครั้ง ไปพร้อมๆ กับมือที่ค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ของหญิงสาวอย่างชำนาญและแผ่วเบา มือของอุสิชาเองก็ค่อยๆ บรรจงปลดกระดุมเสื้อของเขาไปพร้อมๆ กับการตอบสนองด้วยเช่นกันอกกว้างของไกรพเบียดชิดกับเนินอกอิ่มของอุสิชาจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน เขาถอนปากออกมาจากจุมพิตร้อนแรงนั้นก่อนจะก้มลงซุกไซร้เนินเนื้อนั้นอย่างกระหายไปพร้อมๆ กับมือที่สำรวจชอนไชปลดเปลื้องปราการสุดท้ายของดอกบัวตูมนั้น มือที่ว่างอีกข้างเอื้อมลงปลดเปลื้องผ้าชิ้นน้อยที่ยังคงติดอยู่กับร่างของอุสิชาอย่างแผ่วเบา ด่านสุดท้ายของหญิงสาวจึงถูกกำจัดออกไปในที่สุด
หลังมอบความรักให้กันจนพอใจ ไกรพและอุสิชาต่างโอบกอดกันอยู่ใต้ผ้าห่มที่ชายหนุ่มเพิ่งหยิบมาจากห้องนอน แผ่นหลังของอุสิชายังคงแนบชิดอยู่กับอกของเขา ไกรพลูบแขนของอุสิชาไปมาเพื่อสัมผัสผิวเนียนที่มีเหงื่อซึมเล็กน้อยจากกิจกรรมเมื่อสักครู่ หน้าที่แดงระเรื่อของอุสิชาจากความเหนื่อยดูมีเสน่ห์กว่าทุกครั้ง เขาบรรจงจูบลงบนพวงแก้มสีชมพูของหญิงสาวอีกครั้งอย่างรักใคร่ แม้จะเพิ่งผ่านบทรักมาได้ไม่นานนัก แต่ชายหนุ่มกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้งด้วยความเสน่หา มือที่โอบรัดร่างของหญิงสาวเปลี่ยนมาลูบไล้ไปทั่วร่างเพื่อจุดประกายให้กับ อุสิชาอีกครั้งก่อนจะพลิกตัวขึ้นมาเบียดอกของเขาให้แนบแน่นกับอกของอุสิชาจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน เขาก้มลงซุกไซร้ร่างของอุสิชาเพียงครู่ก็ช้อนร่างนั้นขึ้นมาอุ้มตรงไปยังเตียงนอนแล้วเริ่มบรรเลงเพลงรักด้วยจังหวะเร่าร้อนต่างกับบทรักเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง แต่อุสิชาเองก็ใช่จะขัดขืน หญิงสาวตอบสนองทุกอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
ทั้งไกรพและอุสิชาต่างเหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมที่เพิ่งผ่านไป ทั้งคู่หลับไปนานก่อนที่ไกรพจะเหลือบไปดูนาฬิกาที่แขวนอยู่เหนือโทรทัศน์บอกเวลาเกือบสองนาฬิกา
“หิวไหมจ๊ะที่รัก”
ไกรพเอ่ยถามก่อนจะบรรจงจูบลงไปที่ไหล่ของหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว
“นิดหน่อยค่ะ”
อุสิชาตอบมาอย่างเพลียๆ ไกรพจึงลุกไปหยิบเสื้อผ้าของหญิงสาวที่กองอยู่ข้างโซฟาส่งให้หญิงสาวเพื่อใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วพากันไปทานอาหารใต้แสงไฟฟ้าแทนแสงเทียนที่ดับไปหมดแล้วหลังทานอาหารเสร็จอุสิชาอาบน้ำอีกครั้งก่อนจะชวนไกรพออกไปเดินเล่นที่ชายหาดเพื่อรอเวลาพระอาทิตย์ขึ้น
“ทราย คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่”
ไกรพเอ่ยขณะเดินกุมมือหญิงสาวเดินเลาะเลียบชายหาดแข่งกับเสียงคลื่นที่โถมเข้ามาเป็นระยะ
“อืม ให้ทรายเดาถูกดีหรือเปล่าคะ”
อุสิชาทำท่าคิดก่อนจะตอบด้วยสีหน้าสดใส
“ผมว่าทรายไม่ต้องเดาหรอก เพราะทรายน่าจะรู้อยู่เต็มอก ว่าผมคิดจะบอกว่าผมรักคุณที่สุด”
ไกรพตอบเบาๆ พร้อมกับปล่อยมือของหญิงสาวเพื่อโอบไหล่อย่างแนบแน่นแทน อุสิชาได้แต่ยิ้มออกมาเล็กน้อย สิ่งนี้เป็นข้อดีของไกรพ เขาไม่เคยลังเลที่จะแสดงความรู้สึกดีๆ ออกมากับอุสิชาเลยสักครั้ง แต่ในทางกลับกันการไม่ยอมปกปิดความรู้สึกของเขาก็ทำให้อุสิชาไม่ชอบใจนักเวลาที่เขารู้สึกโกรธขึ้นมา แต่ถึงอย่างไรความน่ารักในเวลาเช่นนี้ล่ะที่ทำให้เธอยังไม่สามารถตัดใจปล่อยเขาให้เป็นของคนอื่นได้แต่โดยดี
ทั้งคู่พากันเดินจนกระทั่งถึงบริเวณที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยงามที่สุด ไกรพประคองร่างหญิงสาวให้นั่งลงบนพื้นทรายอ่อนนุ่มก่อนจะทิ้งตัวลงมาให้อุสิชาได้อิงแอบ กลิ่นชมพูอ่อนๆ จากเส้นผมสลวยของอุสิชากระทบจมูกเขาจนรู้สึกเคลิบเคลิ้ม เขาเอื้อมมือไปโอบไหล่ของหญิงสาวและกระชับแนบเน่นขึ้นอีก ดาวประกายพรึกยังคงกระพริบแสงแข่งกับดวงจันทร์ เขายกข้อมือข้างซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกาบอกเวลาเกือบสว่าง อุสิชาแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแนบริมฝีปากสีชมพูนั้นที่แก้มขวาของไกรพอย่างแผ่วเบา
“นี่สำหรับอะไรจ๊ะทราย”
ไกรพเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามด้วยความประหลาดใจ หญิงสาวไม่ใคร่จะทำเช่นนี้กับเขาบ่อยนัก ทั้งๆ ที่เขาเองกระหายจะได้รับการกระทำเช่นเมื่อครู่นี้ตลอดเวลา
“สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ”
หญิงสาวเผยยิ้มมีเสน่ห์ตอบมาด้วยเสียงกระซิบ
“นึกว่าสำหรับเรื่องตอนหัวค่ำนี้เสียอีก”
ไกรพกระเซ้าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“บ้าสิ”
อุสิชายันตัวลุกขึ้น ใช้มือข้างหนึ่งทุบลงไปที่อกของไกรพอย่างเขินอาย
“อะไรกันทราย ผมหมายถึงอาหารเย็นต่างหาก”
ไกรพหัวเราะที่หญิงสาวหลงกลก่อนดึงตัวหญิงสาวให้ซบลงบนอกเขาเช่นเดิม แล้วทั้งคู่ก็ปล่อยให้ความเงียบเป็นดนตรีขับกล่อมระหว่างรอเวลาแสดงจริงของพระอาทิตย์ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น