ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หยิ่งจริง ๆ ! แต่ปิ๊งนายแล้วสิ

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 หรือจริง ๆ แล้วจะเป็นวิกฤติของฉัน

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 51


    #5 


    หรือจริง ๆ แล้วจะเป็นวิกฤติของฉัน

    ไอซ์ แกหายไปไหนมาเสียงยัยส้มเปรี้ยวร้องเรียกสูงปรี๊ดทันทีที่ฉันโผล่ขึ้นมาถึงตัวเรือน

    เอ่อเสียงฉันหายลงไปในลำคอที่กำลังตีบตันเต็มที

    ไหนแกบอกไม่สบาย ฉันว่าแกรีบกลับบ้านเถอะ ไป ฉันไปส่งแกเองยัยส้มเปรี้ยวพูดเองเออเอง พร้อมกับคว้ากระเป๋าถือทั้งของฉันและของตัวเองเดินมาใส่รองเท้าอย่างร้อนรน

    หลังจากยัยส้มเปรี้ยวขับรถออกมาพ้นเขตบ้านแล้ว คุณเธอก็ถอนหายใจเสียดังลั่นรถ

    อ่อ คุณภูมิคะ ฝากลาคุณภักดี กับคุณพ่อแทนเปรี้ยวด้วยนะคะ เปรี้ยวรีบค่ะ เพื่อนของเปรี้ยวไม่สบาย ลาล่ะค่ะแม่ตัวดีไม่ลืมที่จะหันไปแจ้งกับชายหนุ่มที่กำลังยืนมองดูด้วยสายตารู้ทัน ฉันว่าคุณภูมิภักดิ์นี่น่าสนใจไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว ถึงแม้จะไม่มีโอกาสพูดอะไร ฉันก็ยกมือไหว้คุณภูมิภักดิ์แทนคำลา แล้วก็ถูกยัยเปรี้ยวลากตัวขึ้นรถไป

    เฮ้อ โล่งอกเพื่อนตัวดีพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาเปิดเพลงในรถฟัง อันที่จริงคนที่ควรโล่ง อกน่าจะเป็นฉันมากกว่าเสียอีก

    เออ ไอซ์ เมื่อกี้พี่ปริญลงไปหาแกหรือเปล่าหลังจากเลือกเพลงได้ถูกใจแล้ว แม่สาวส้มเปรี้ยวก็หันมาถามฉันอย่างสงสัย

    อือฉันตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้นัก

    ฉันขอโทษจริงๆนะเว้ย ที่พาแกมาเจอพี่ปริญส้มเปรี้ยวพูด พลางทำหน้าสำนึกผิดเสียเต็มประดา

    เออไม่เป็นไร ฉันโอเคดีฉันพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ใครว่าฉันโอเคดีล่ะ ฉันไม่โอเคเลยต่างหาก แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรให้ยัยส้มเปรี้ยวรู้สึกผิดไปกว่านี้ ตั้งแต่ฉันกลับเมืองไทยมา เห็นพี่ปริญบ่นบ่อยๆ ว่าอยากปรับความเข้าใจกับแกเอาแล้วไง ยัยส้มเปรี้ยวทำตัวเป็นแม่สื่ออีกแล้ว ฉันก็เข้าใจนะ ว่าเพื่อนรักของฉันคนนี้นอกจากจะสนิทกับฉันที่สุดแล้ว ยังอยากให้ฉันเป็นคนในครอบครัวด้วย เมื่อก่อนน่ะ ฉันอาจจะตกลงใจกับคุณเธอ แต่... มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ

    อือฉันได้แต่อือออในลำคอ ไม่อยากแสดงอาการรับรู้มากไปกว่านี้

    เฮ้ย ไอซ์ พี่ปริญเขาก็ทำตัวดีขึ้นแล้วนะ แกไม่คิดจะ เอ่อ ... กลับไปลองคบกันดูอีกครั้งหรือไงเมื่อเห็นฉันได้แต่อือออ ยัยเพื่อนตัวดีเลยเริ่มจะเสียงอ่อยๆ

    ไม่รู้สิ ฉันเข็ดฉันตอบสั้นๆ แต่ก็ได้ใจความ สามารถตอบคำถามอื่นๆ ที่ฉันคาดว่ายัยส้มเปรี้ยวจะถามต่อไปอีก และก็ได้ผลจริงๆ ยัยส้มเปรี้ยวไม่มีคำถามอื่นๆ ตามมาอีก ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถมุ่งตรงกลับไปยังคอนโดฯ

    กว่าจะถึงคอนโดฯ ของยัยส้มเปรี้ยวก็ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว ยัยส้มเปรี้ยวชวนฉันค้างที่คอนโดฯ นั้นเลย แต่ฉันก็ปฏิเสธ ในอารมณ์แบบนี้ฉันอยากอยู่คนเดียวมากกว่า เพื่อนตัวดีก็ไม่กล้ารั้งฉันไว้ เพราะรู้นิสัยกันดีว่าหากไม่สบายใจก็อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว

    หลังจากล่ำลากันเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เดินเนือยๆ จากห้องยัยส้มเปรี้ยวมารอลิฟท์ ระหว่างนั้นฉันก็นึกถึงแต่เรื่องระหว่างฉันกับพี่ปริญ ฉันคิดย้อนไปตั้งแต่พบกันครั้งแรกที่โรงเรียน ซึ่งฉันยอมรับเลยว่าฉันตกหลุมรักพี่ปริญตั้งแต่แรกเห็นแล้ว พอเข้ามหาวิทยาลัย ฉันกับพี่ปริญก็ตกลงใจคบหากันอย่างจริงจัง จนกระทั่งเลิกรากันไปเมื่อเกือบสองปีที่ผ่านมา

    ช่วงที่คบกันดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไปได้ดี ผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายฉันและพี่ปริญ ต่างเห็นชอบในความสัมพันธ์ของเราสองคน แต่ก็อย่างว่าล่ะ ชีวิตคนเรามันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ด้วยความที่พี่ปริญเป็นคนหน้าตาดี เป็นทั้งนักกีฬาและนักกิจกรรม จึงทำให้มีสาวๆ มาชื่นชอบมากมาย และเป็นธรรมดาของคนที่รู้ตัวว่ามีดี จึงไม่ค่อยปฏิเสธสาวๆ พวกนั้นเท่าไร ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ ฉันก็ไม่เคยแสดงความหึงหวงจนออกนอกหน้า ประกอบกับพี่ปริญเองก็คบฉันออกหน้าออกตาอยู่เสมอ ฉันพยายามเป็นคนหนักแน่นอย่างที่สุด แต่จนแล้วจนรอดมันก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันไม่สามารถทนอยู่ในสภาพนี้ได้อีกต่อไป

    คิดมาถึงตอนนี้ ลิฟท์ก็มาถึงชั้น 1 พอดี ฉันตัดสินใจเลิกนึกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพี่ปริญ ถอนหายใจเสียหนึ่งครั้ง และก้าวเท้าช้าๆ ออกมาจากตัวลิฟท์ในขณะที่สายตายังมองต่ำสำรวจแต่บนพื้น

    คุณ คุณครับเสียงทุ้มสดใสดังมาแต่ไกล แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเป็นเสียงเรียกฉัน

    คุณ !” เสียงนั้นดังก้องขึ้น พร้อมกับความรู้สึกว่ามีคนแตะเบาๆ ที่ต้นแขนซ้ายของฉัน ทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมองไปทางซ้าย

    คุณฉันตกใจมากที่เห็นนายหยิ่งที่นี่ จริงๆ แล้วฉันดีใจมากต่างหาก แต่ประหลาดใจมากกว่า ก็วันนั้นนายเมธาทำท่าไม่สนใจยัยเปรี้ยว แล้วนี่ถึงกับนัดกันมาหาที่คอนโดฯ กันเลยหรือไง ฉันรู้สึกขัดเคืองใจเล็กน้อย แต่ไม่นานฉันก็ต้องหยุดความคิดนั้นเสีย เพราะนึกขึ้นได้ว่าไม่เป็นอะไรกับเขานี่นา

    จำผมได้หรือเปล่านายหยิ่งหรือนายเมธาถามเสียงเข้ม อะไรกันฉันงงจริงๆ ตอนที่ฉันเงยหน้าขึ้นมาเห็นหน้าเขาครั้งแรก สีหน้าเขาดูดีใจ น้ำเสียงสดใสกว่านี้ตั้งเยอะ แล้วทำไมตอนนี้เขาทำหน้าหยิ่งแบบนั้นใส่ฉันอีกแล้ว

    ค่ะ คุณเมธา นัดยัยเปรี้ยวไว้หรือคะ โชคดีนะคะ ฉันขอตัวกลับก่อนล่ะค่ะฉันพูดจบก็ก้มหน้าเดินต่อไปยังประตูอาคารอย่างรวดเร็ว เฮ้อ แม้จะรู้ว่ายัยส้มเปรี้ยวเล็งนายหยิ่งนี้ไว้แล้ว แต่ฉันก็แอบหวังเหมือนกันว่าฉันจะมีโอกาสบ้าง แต่ก็คงหมดกันแล้วล่ะ ถึงกับนัดแนะมาพบกันที่คอนโดฯขนาดนี้แล้ว

    เดี๋ยวสิคุณ ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยนายเมธาพูดเสียงดังขณะเดินตามฉันออกมาที่ประตู

    ค่ะ ว่าไงคะฉันเดินไปหยุดใกล้กระถางต้นไม้ประดับที่หน้าอาคาร เพื่อไม่ให้เกะกะคนเดินเข้าออก พลางใช้มือขวาควานหากุญแจรถในกระเป๋าถือ

    ผมไม่ได้นัดคุณส้มเปรี้ยวนะครับ อย่าเข้าใจผิดเขารีบอธิบาย ได้ยินแค่นั้นฉันก็แอบดีใจมากมายแล้วล่ะ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าเขามาทำอะไรที่นี่ เพราะคอนโดฯ นี้ไม่ได้เปิดให้เป็นสำนักงานที่ใครจะเดินเข้าออกง่าย ๆ เลยนี่นา

    ค่ะ งั้นฉันขอโทษนะคะที่เข้าใจผิดฉันยิ้มเจื่อนๆ ตอบไป อย่างรู้สึกผิดจริงๆ

    ผมอยากเลี้ยงอาหารตอบแทนน้ำใจคุณสักมื้อเขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ออกจะเป็นคำสั่งมากกว่าเป็นคำเชิญชวนเสียด้วยซ้ำ

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ค่าแท็กซี่ก็หายกันแล้วล่ะฉันบอกปัดไป เพราะไม่อยากให้ยัยส้มเปรี้ยวเข้าใจผิด

    แต่ เอ่อ ... งั้นก็ตามใจ แต่นี่ นามบัตรผม เผื่อคุณเปลี่ยนใจเขาพูดพร้อมกับดึงบัตรสี่เหลี่ยมสีขาวจากกระเป๋าส่งให้ฉัน

    ขอบคุณค่ะฉันรับมายัดไว้ในกระเป๋าถือตามมารยาท อันที่จริงฉันดีใจสุดๆ ที่เขาเข้ามาทักฉันแบบนี้ แต่ก็คงดีกว่านี้ถ้ายัยส้มเปรี้ยวไม่ได้จองเขาไว้แต่แรก

    คุณชื่ออะไรครับ เผื่อวันไหนคุณติดต่อมา ผมจะได้ทราบว่าเป็นคุณเขายังใช้เสียงเรียบๆ นั้นถามฉัน ให้ตายสิ เขาไม่เคยรู้ชื่อฉันจริงๆ ด้วย ฉันนึกขำที่เจอหน้ากันสามครั้งแล้วเขายังไม่เคยรู้จักชื่อฉันเลยสักนิด

    ไอศิกาค่ะ เรียกไอซ์ก็ได้ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก

    กว่าจะกลับถึงคอนโดฯ ธรรมดาๆ ของฉันได้ก็ต้องติดแหง็กอยู่บนท้องถนนนานนับชั่วโมง ฉันเดินเข้าห้องมาด้วยความเพลีย เพลียทั้งกายเพลียทั้งใจ ฉันคิดว่าฉันทำใจไม่ให้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับพี่ปริญได้แล้วทีเดียว แต่พอเจอหน้าเขาจริงๆ ฉันก็ยิ่งแย่กว่าเดิม พี่ปริญดูไม่เปลี่ยนไปเลยสำหรับฉัน เขายังคงเป็นผู้ชายที่ดูน่ารักเสมอ แต่ฉันทำใจไม่ได้จริงๆ มันคงเป็นความเหนื่อยใจที่สะสมมานาน

    ฉันเองนั้นก็พอยอมรับความเจ้าชู้ของพี่ปริญอยู่ได้บ้าง เพราะไม่ว่าเขาจะมีใครมาข้องแวะมากมาย แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับฉันที่สุด ระหว่างที่คบกันหลายปีไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะพลาดวันเกิด หรือวันสำคัญอื่นๆ ของฉัน และสิ่งนี้นั่นล่ะที่ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจได้ว่าฉันยังคงเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับเขาเสมอจนกระทั่งวันหนึ่ง

    มันเป็นวันเกิดของฉัน เรานัดกันไปทานมื้อค่ำด้วยกัน พี่ปริญให้ฉันไปก่อนเพราะติดลูกค้า ฉันไปนั่งรอเกือบชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววของพี่ปริญเลย ไม่มีแม้กระทั่งเสียงโทรศัพท์มายืนยันให้รู้สึกอุ่นใจได้บ้าง ฉันโทรเข้ามือถือ พี่ปริญก็ไม่รับสาย ฉันเลยโทรไปที่ทำงานพี่ปริญ เลขาฯ ของพี่ปริญเป็นคนรับโทรศัพท์

    ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ โชคดีนะครับนายหยิ่งนั่นพูด พร้อมกับยกมือขึ้นมาคล้ายๆ กับจะโบกมือ ล่ำลาจบนายเมธาก็เดินหายเข้าไปในลิฟท์ แล้วกัน ฉันก็เลยไม่รู้เลยว่านายเมธามาทำอะไรที่นี่ แม้เขาจะบอกว่าเขาไม่ได้นัดยัยส้มเปรี้ยวไว้ ถึงอย่างนั้นฉันก็คิดอย่างอื่นไม่ได้แล้วล่ะ แต่มันก็เรื่องของเขานี่นา ไม่มีผู้ชายคนไหนหลุดมือยัยส้มเปรี้ยวไปได้หรอก เฮ้อ ฉันกลับไปนอนดีกว่า

    ออกไปกับคุณเมย์ตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะนั่นเป็นคำตอบที่ฉันได้ยิน เหมือนฟ้าฟาดกลางใจ ทั้งๆ ที่มันเป็นวันเกิดฉันแท้ๆ เขากลับทิ้งให้ฉันรอเป็นชั่วโมงๆ เพื่อออกไปกับผู้หญิงคนอื่น ไม่จำเป็นสำหรับข้อแก้ตัวใดๆ ฉันเรียกพนักงานมาเก็บเงินแล้วบึ่งรถกลับทันที ไม่มีการโวยวาย ไม่การซักถาม และไม่มีน้ำตา หลังจากวันนั้นพี่ปริญพยายามติดต่อมาทุกวัน แต่ฉันก็ไม่เคยรับโทรศัพท์ มาถึงที่คอนโดฯ ฉันก็ไม่เคยเปิดประตูให้ จนกระทั่งพี่ปริญต้องไปดูงานที่ต่างประเทศหนึ่งเดือน แล้วฉันกับเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ไม่มีใครรู้สาเหตุของการเลิกราเลย ไม่ว่าจะเป็นพี่ปริญ หรือยัยส้มเปรี้ยว ฉันเพียงแค่ไม่อยากพูดถึงมันอีก ทางบ้านพี่ปริญได้แต่เดากันเพียงว่าฉันโกรธที่พี่ปริญไม่ไปตามนัดฉันเท่านั้นเอง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×