คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 วิกฤตของส้มเปรี้ยว
#3 วิกฤตของส้มเปรี้ยว
“ไอซ์ แกหน้าแดงทำไมน่ะ”
มะนาวผู้ช่างสังเกตไม่เข้าเรื่องถามทันทีที่นายเมธาเดินหายลับไป“สงสัยจะเป็นไข้”
ฉันตอบไปส่งๆ พร้อมกับทำสีหน้าอ่อนระโหยโรยแรงอย่างที่สุด“ตายแล้วไอซ์ นานๆ ทีขึ้นรถเมล์ เจออากาศอบอ้าวเลยไม่สบายเลยล่ะสิ”
น้ำหวานผู้แสนหวานเอ่ยอย่างเป็นห่วงเป็นใย พร้อมทั้งใช้หลังมือขวามาแตะที่หน้าผาก และลำคอของฉัน“ไข้ใจล่ะซิแกน่ะยัยไอซ์”
ยัยส้มเปรี้ยวหรี่ตาพูดอย่างรู้ทัน ตรงนี้นี่ล่ะที่ฉันรักและเกลียดยัยส้มเปรี้ยวในคราวเดียวกัน เพราะเป็นเพื่อนที่ทั้งรู้ใจ และรู้ทันฉันเป็นที่สุด“แหมเปรี้ยว แต่ไอซ์ก็ตัวอุ่นๆ จริงๆ นะ”
น้ำหวานยังคงมองโลกในแง่ดี และเห็นใจคนอื่นอยู่เสมอ นี่ล่ะแม่พระตัวจริง“ไฟรักมันสุมทรวงน่ะสิหวาน”
ยัยส้มเปรี้ยวพูดพลางหันไปทางยัยมะนาวที่กำลังนั่งดูดกาแฟในแก้ว “แกเห็นด้วยกับฉันหรือเปล่า มะนาว” มะนาวไม่ได้ตอบว่ากระไร ได้แต่พยักหน้ารับ ฉันก็ไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นพวกนั้นต้องแซวฉันเป็นการใหญ่แน่ๆ“แต่คุณเมธานี่ สุดๆ เลยนะยัยเปรี้ยว เดินหนีแกเฉยเลย ไม่แสดงความสนใจสักนิด”
มะนาวโพล่งออกมา หลังจากที่ดูดกาแฟจนหมดแก้ว“นั่นสิ ทำฉันเสียความมั่นใจเลย แบบนี้ยิ่งต้องจีบให้ได้”
ยัยส้มเปรี้ยวทำสีหน้าจริงจัง และมุ่งมั่น เพื่อกู้ภาพพจน์สาวพราวเสน่ห์คืนมาให้ได้“หยิ่งขนาดนั้นน่ะนะ หวังไปเถอะยัยเปรี้ยว”
ฉันพูดแทรกด้วยความหมั่นไส้ในท่าทีมั่นใจแบบสุดๆ ของยัยส้มเปรี้ยว“หรือแกจะแข่งกับฉัน”
ยัยส้มเปรี้ยวหันมาถามฉันเสียงสูง เป็นเชิงท้าทาย“ไม่หรอกย่ะ ฉันคงจีบผู้ชายแข่งกับแกไม่ไหว ฉันมันไม่ใช่สาวพราวเสน่ห์อย่างแกนี่”
ฉันพูดพร้อมกับใช้หลอดสีน้ำตาลคนฟองนมบางๆ เหนือชั้นของน้ำกาแฟที่ถูกเจือจางด้วยน้ำแข็งที่ละลายแล้ว“ก็ไม่แน่นะเว้ย เมื่อกี้ฉันเห็นคุณเมธาหันมามองแกไม่ใช่เหรอยัยไอซ์”
ยัยมะนาวพูดพลางทิ้งหลอดซึ่งถูกบิดเป็นเกลียวไว้ในแก้วกาแฟพลาสติกใสเปล่าๆ ตรงหน้า“เปล่านี่ ฉันไม่เห็นรู้ว่าเขามองเลย”
ฉันปดแก้เก้อ แต่ก็ไม่สามารถห้ามเลือดที่สูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้าจนแดงระเรื่อได้“เออ ไม่รู้ก็ไม่รู้ แต่หน้าแดงทำไมยะ”
ยัยมะนาวพูดพลางกระแทกเสียงเพราะหมั่นไส้“ไอซ์ บอกพวกเราหน่อยสิ ว่าไปเจอเขาได้ยังไง”
น้ำหวานขอร้อง เห็นจะอยากรู้จริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกปากตรงๆ ขนาดนี้กว่าจะฟังจบ แมลงวันก็บินเข้าปากยัยส้มเปรี้ยวไปได้หลายตัว เพราะอ้าปากหวอค้างอย่างนั้นอยู่เป็นนาน
"ก็อย่างที่บอกล่ะจ้ะหวาน ว่าเจอบนรถเมล์”
“น่าหมั่นไส้จริง”
มะนาวพูดสรุปทันทีที่ฉันเล่าจบ ฉันได้แต่เลิกคิ้ว และก้มหน้าก้มตาคนกาแฟผสมน้ำแข็งละลายในแก้วกาแฟของฉันที่ไม่รู้ว่าคุณเธอแอบหยิบไปตั้งแต่เมื่อไร“ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่สน ฉันรู้แต่ว่าฉันอยากได้คุณเมธามากแล้ว”
ยัยส้มเปรี้ยวขยับปากพูดจนได้ หลังจากที่อ้าปากค้างมานาน“แล้วเปรี้ยวจะไปตามจีบเขาได้ที่ไหนล่ะจ๊ะ รู้หรือจ๊ะว่าบ้านเขาอยู่ไหน ทำงานที่ไหน”
น้ำหวานกล่าวอย่างมีเหตุผล ฉันและยัยมะนาวก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของน้ำหวาน“จะไปยากอะไร”
ยัยส้มเปรี้ยวยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางก้มไปหยิบของบางอย่างในกระเป๋าถือ“แกจะทำอะไร”
ฉันขมวดคิ้วถาม ยัยเพื่อนตัวแสบคนนี้ มีเรื่องให้ฉันต้องประหลาดใจอยู่เสมอ“นี่ไงล่ะ ไม้เด็ดของฉัน”
ยัยส้มเปรี้ยวพูดพลางชูกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวขนาดกะทัดรัดขึ้นมา พลางพลิกอีกด้านมาทางพวกเรา“นามบัตรเหรอ!”
เราทั้งสามคนพลั้งปากออกมาอย่างตกใจพร้อมๆ กัน“ใช่แล้ว ฉันเห็นมันตกอยู่ข้างโต๊ะที่คุณเมธานั่ง แล้วนี่เจ้าของบัตรชื่อเมธาพอดี”
ยัยส้มเปรี้ยวอธิบายพลางยักคิ้วแสดงความมีชัยไปขั้นหนึ่ง“แกจะแน่ใจได้ไงว่าเป็นของคุณหยิ่งนั่นจริงๆ”
มะนาวถามด้วยความหมั่นไส้ในท่าทีของเพื่อนสาว“แหมแกคนชื่อเมธา และเป็นสถาปนิก คงไม่ได้มีโอกาสมานั่งโต๊ะที่ร้านกาแฟนี้เหมือนกันในวันเดียวกันได้ง่ายๆ หรอกน่า”
ยัยส้มเปรี้ยวอธิบายด้วยน้ำเสียงขัดใจ“เปรี้ยวเอาจริงหรือ”
น้ำหวานถามด้วยสีหน้าแหยๆ“จริงสิหวาน หยิ่งๆ แบบนี้ยิ่งดี ดูมีค่าดี คงไม่น่าเบื่อง่ายๆ”
ส้มเปรี้ยวพูดพลางเก็บนามบัตรนั้นลงกระเป๋าสตางค์อย่างทะนุถนอม“เฮ้ย แกไม่กลัวไอซ์มันเสียใจเหรอ”
มะนาวพูดยั่วล้อ แล้วส่งสายตามาทางฉัน“แหม ไอซ์ ถ้าแกอยากได้ เดี๋ยวฉันเบื่อแล้วจะส่งต่อแกเองนะ แกคงไม่ถือใช่ไหม”
ยัยส้มเปรี้ยวกึ่งพูดเล่นกึ่งเอาจริงเช้าวันต่อมาเป็นวันอาทิตย์ ฉันตั้งใจจะนอนตื่นสายๆ และอยู่กับบ้านเฉยๆ พักผ่อนให้สมเป็นวันหยุดเสียที หลังจากต้องลำบากตรากตรำทำงานสัปดาห์ละห้าวันครึ่ง ซ้ำเมื่อวานนี้ยังต้องระหกระเหินขึ้นรถเมล์จากรังสิตไปพบเพื่อนถึงปิ่นเกล้าอีก ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อยและล้ากว่าปกติมาก แต่จะว่าไปก็ต้องขอบคุณยัยส้มเปรี้ยวที่อาสาไปส่งฉันทำธุระที่รังสิตแล้วไม่รับกลับมาด้วย แม้จะแสบตรงที่นัดให้ฉันรอที่รังสิต แล้วปล่อยให้นั่งรถเมล์ไปที่ปิ่นเกล้าเอง แต่ก็ทำให้ฉันได้พบกับนายหยิ่ง หรือนายเมธานั่น แปลกดีเหมือนกัน ที่วันนี้ฉันนึกถึงผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกหลังจากตื่นนอน แต่นึกถึงได้ไม่นานก็ต้องสะบัดให้เขาหลุดออกไปจากสมองให้ได้ ยัยส้มเปรี้ยวประกาศแล้วว่าจะจีบให้ได้ ฉันไม่ยุ่งกับนายหยิ่งนั่นดีกว่า
เมื่อลุกขึ้นจากที่นอน และบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายเรียบร้อยแล้ว ฉันก็จัดแจงถือผ้าเช็ดตัวกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่ก็ต้องชะงักอยู่หน้าห้องน้ำ เพราะเสียงโทรศัพท์ในห้องดังรัวถี่เป็นจังหวะ
"ไม่ต้องหรอก แกอยากได้ก็จีบไป ฉันไม่เกี่ยว”
“ฮัลโหล”
ฉันกรอกเสียงรับสายง่ายๆ วันนี้ไม่ได้ทำงาน ฉันจึงยังใช้เสียงงัวเงียของคนเพิ่งตื่นนอนรับสายไป เพราะคงเป็นเพื่อนๆ นั่นล่ะที่จะโทรมาวันหยุดแบบนี้“ไอซ์ แกตื่นหรือยัง”
เสียงแสบแก้วหูหกสิบเดซิเบลของยัยส้มเปรี้ยวดังผ่านสายโทรศัพท์มา ทำเอาฉันซึ่งกำลังงัวเงียตื่นตาโพลงโดยฉับพลัน“เออ ตื่นแล้ว”
ฉันทำเสียงหงุดหงิดใส่“มีอะไรล่ะแกโทรมาแต่เช้า”
"เช้าบ้านแกสิ จะเที่ยงอยู่แล้ว” ยัยส้มเปรี้ยวทำเสียงซึ่งสูงอยู่แล้วให้สูงขึ้นไปอีก แก้วหูฉันจะฉีกหรือเปล่านี่
“เออ มีไร”
ฉันวางผ้าเช็ดตัวลง และลงนั่งบนเตียง“ไปกับฉันหน่อยสิ”
ยัยส้มเปรี้ยวขอร้องแกมบังคับด้วยเสียงตื่นเต้น“ไปไหน”
ฉันยังคงใช้เสียงแหบๆ ของคนเพิ่งตื่นนอนตอบกลับไป“ไปบ้านฉันสิ”
คำตอบของยัยส้มเปรี้ยวทำเอาฉันตกใจแทบตกเตียง บ้านคุณเธอเองทำไมต้องให้ฉันไปเป็นเพื่อนด้วยล่ะ“อะไร แกจำทางเข้าบ้านตัวเองไม่ได้เหรอไง ถึงต้องให้ฉันไปเป็นเพื่อน”
ฉันถามพลางหัวเราะ“ถ้าไปธรรมดาๆ ก็ไม่เท่าไรหรอกไอซ์ นี่คุณป๋าฉันเรียกกลับบ้านเพราะลูกชายเพื่อนป๋าเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ฉันว่าคงให้กลับบ้านไปดูตัว ฉันไม่อยากโดนคลุมถุงชน”
ยัยส้มเปรี้ยวทำน้ำเสียงหงุดหงิดบ้างแล้วล่ะ“เออ อาจจะหล่อก็ได้นะยัยเปรี้ยว ทำเป็นเล่นตัวไป ป๋าแกให้แต่งก็แต่งๆ ไปเหอะ”
ฉันยุส่ง“หล่อแค่ไหนก็ไม่เอา ฉันบอกพวกแกแล้วไง ว่าฉันไม่อยากแต่งงาน ยิ่งคลุมถุงชนแบบนี้ฉันยิ่งไม่เอา น่านะยัยไอซ์ ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
ยัยส้มเปรี้ยวทำเสียงอ้อนวอน“แล้วฉันจะช่วยอะไรแกได้ล่ะยัยเปรี้ยว”
ฉันถามกลับ เพราะมองไม่เห็นจริงๆ ว่าฉันจะช่วยอะไรเพื่อนสาวคนนี้ได้เลย เพราะหากผู้ใหญ่ตัดสินใจแล้ว ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้“ฉันจะบอกพวกนั้นว่าฉันเป็นเลสเบี้ยน และแกก็เป็นคู่รักของฉันไงล่ะ จะได้ไม่ต้องแต่งงาน”
ให้ตายสิ นี่ยัยส้มเปรี้ยวคิดทำแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า ฉันไม่อยากเล่นด้วยเลย“บ้าแล้วแก อยากเป็น ก็เป็นคนเดียวสิ ฉันไม่ยอมเป็นเลสเบี้ยนกับแกหรอก”
ฉันโวยวาย“โธ่ยัยไอซ์ นี่ถ้ามะนาวมันไม่ติดทำข่าวต่างจังหวัด ฉันไม่รบกวนแกหรอก”
ยัยส้มเปรี้ยวยังคงอ้อนวอนต่อ“มันแก้ปัญหาไม่ได้หรอกแก ยิ่งแกบอกว่าเป็นเลสเบี้ยน ป๋าแกก็ยิ่งรีบให้แกแต่งงานเร็วขึ้นอีก คิดแผนใหม่เถอะ”
ฉันแนะนำ มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนยอมให้ลูกสาวตัวเองผิดเพศอย่างนั้นแน่ๆ ยิ่งเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมอย่างนั้นแล้วล่ะก็ยิ่งไม่มีทาง“เออ ก็จริงของแก แล้วฉันจะทำไงดีล่ะ”
ยัยส้มเปรี้ยวเสียงอ่อย“แกก็ยอมๆ ไปดูหน้าเขาสักครั้งเถอะ ยิ่งแกขัดขืนป๋าแกยิ่งอยากบังคับแก แกก็อ้างว่าดูใจไปเรื่อยๆ ก่อนสิ ถ่วงเวลาเอาไว้ อีกหน่อยเขาก็ทนแกไม่ได้เองล่ะ”
ฉันพูดไปตามที่คิดจริงๆ เพราะหากผู้ชายคนไหนทนความร้ายกาจของยัยส้มเปรี้ยวได้ ก็เป็นคนที่น่าพิจารณาพอสมควรเลยทีเดียวล่ะ“เออ แต่แกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันไม่อยากไปคนเดียว”
ยัยส้มเปรี้ยวกลายเป็นส้มจืดไปกะทันหัน ไม่รู้ความเปรี้ยวหายไปไหนหมด คุณเธอเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ผู้เป็นบิดาพยายามหาคู่ให้
"เออๆ ขอฉันอาบน้ำแปรงฟันก่อนนะ แล้วจะไปหาแกที่คอนโดฯ แค่นี้นะคะคุณนาย” ฉันพูดจบก็วางสาย คว้าผ้าเช็ดตัว และเดินหายไปในห้องน้ำ เฮ้อ หมดกัน วันว่างอันแสนสุขของฉัน
ความคิดเห็น