ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานศิลันตรา

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 พิธีแต่งงานและการหมั้นหมาย

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 50


    ตอนที่ 3 : พิธีแต่งงานและการหมั้นหมาย
     
                เมื่อไปถึงกระท่อมของแม่เฒ่าอันนา อันตราได้ยินเสียงของคีรินกำลังสนทนนากับแม่เฒ่าอย่างสนุกสนาน ในมือของแม่เฒ่ากำลังนำอาภรณ์สำหรับงานพิธีมาตกแต่งใหม่อยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ ทำให้อันตราสงสัยว่าจะมีพิธีสำคัญอะไรในเผ่า

               
    “พิธีแต่งงานจ้ะแม่หนูอันตรา”

                แม่เฒ่าอันนาใช้เสียงแหบพร่านั้นตอบด้วยความสุขใจพลางหันไปสบตากับคีรินที่จ้องเขม็งมายังอันตราเพื่อยืนยันสิ่งที่แม่เฒ่าพูด

                แม้จะเป็นเป็นเรื่องน่ายินดี แต่เมื่ออันตรารู้ว่าเป็นพิธีของใคร หญิงสาวก็ไม่สามารถฝืนยิ้มแสดงความยินดีได้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่หันหลังกลับไป ตรงไปยังลานกลางหมู่บ้านเพื่อหาศิลา ศิลาผู้เดียวเท่านั้นที่อันตราต้องการในขณะนี้ เมื่อไปถึงลานกลางหมู่บ้านก็พบศิลากำลังฝึกธนูอยู่กับชาวเผ่า ทันทีที่เห็นอันตราเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ศิลาก็รีบวางคันธนูและตรงรี่มายังหญิงสาวทันที

               
    “เจ้ารู้เรื่องแล้วรึ”

                ศิลาพูดพลางประคองร่างหญิงสาวให้เดินไปยังต้นไทรที่ท้ายหมู่บ้านด้านทิศเหนือเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว อันตราสาวเท้าก้าวเดินอย่างรวดเร็ว แม้จะตะลึงกับข่าวที่เพิ่งได้รับรู้มา แต่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวมารตีนั้นมันใหญ่หลวงกว่าความรู้สึกส่วนตัวนัก ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถบอกกล่าวแก่ใครได้เลย

               
    “ท่านพี่ศิลา จะปล่อยให้การแต่งงานระหว่างคีรินกับมารตีเกิดขึ้นไม่ได้นะเจ้าคะ”

                หญิงสาวกล่าวอย่างร้อนรนด้วยสีหน้ากังวล

               
    “พี่รู้ว่าเจ้าเสียใจเพียงใด แต่เรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ เจ้าจงตัดใจเสียเถอะ”

                ศิลาปลอบใจหญิงสาวเพียงโดยไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของความกังวล เขารู้สาเหตุเพียงผิวเผินของความร้อนรนครั้งนี้ของอันตราเท่านั้น ชายหนุ่มรวบมือทั้งสองข้างของหญิงสาวมากุมไว้เพื่อให้กำลังใจ

               
    “ข้าจะพูดยังไงดี ข้าบอกได้แต่ว่าไม่ว่าจะอย่างไรท่านพี่อย่าให้การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นเลย”

                อันตราอยากจะบอกเหตุผลที่แท้จริงใจแทบขาด หากแต่ยังไม่สามารถหาหลักฐานหรือพยานที่หนักแน่นพอในเวลานี้ มิฉะนั้นหากกล่าวออกไปแล้วไม่ว่าใครก็คงคิดว่านางพยายามใส่ร้ายมารตีด้วยความอิจฉาริษยา

               
    “ข้าก็อยากช่วยเจ้านะอันตรา แต่ท่านพ่อไปตกลงกับแม่เฒ่าอันนาแล้ว ข้าก็เพิ่งรู้เรื่อง ไม่เช่นนั้นข้าก็คงขัดขวางให้ถึงที่สุด”

                “หากเช่นนั้นก็ยกเลิกสิเจ้าคะ”

                อันตราพยายามส่งสายตาขอร้อง

               
    “เจ้าก็รู้ธรรมเนียม หากมีการเจรจาแล้ว ฝ่ายหญิงเท่านั้นที่จะสามารถปฏิเสธหรือยกเลิกได้ และพี่ก็แน่ใจว่ามารตีและแม่เฒ่าอันนาไม่มีทางยกเลิกแน่”

                “โธ่ แล้วข้าจะทำอย่างไรดี”

                อันตราทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นใต้ต้นไทรอย่างหมดอาลัยตายอยาก นอกจากจะเสียชายที่รักที่สุดให้กับหญิงเผ่าฟานแล้วการที่ได้เป็นภรรยาลูกหัวหน้าเผ่ายังทำให้มารตีมีสิทธิเข้าถึงตำราการยุทธ์อันเป็นความลับที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลผู้นำเผ่าได้อีกด้วย

                พิธีแต่งงานของคีรินกับมารตีจะถูกจัดขึ้นภายในสองสัปดาห์ ระหว่างนั้นอันตราพยายามคิดหาหนทางที่จะหาหลักฐานที่มารตีเป็นชนเผ่าฟานให้ได้ หญิงสาวแอบไปซุ่มอยู่บนต้นตะแบกริมลำธารด้านทิศใต้เพราะหวังว่ามารตีจะออกไปพบชนเผ่าฟานอีกแต่ก็ไร้ผล ไม่มีวี่แววของมารตีอีกเลย จนกระทั่งเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ก่อนการแต่งงาน อันตราจึงใช้วิธีสุดท้าย ไม่ใช่เพื่อความรักของตนเอง แต่เพื่อความอยู่รอดและความปลอดภัยของเผ่า หลังจากอาหารมื้อค่ำผ่านพ้นไป อันตราขอพบผาคำเป็นการส่วนตัวที่กระท่อมพ่อนาย

               
    “วันนี้เจ้าอยากพบข้าเป็นการส่วนตัว มีอะไรสำคัญรึ”

                ผาคำเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดีทันทีที่อันตรามาถึงกระท่อม

               
    “ที่ท่านพูดกับข้าเมื่อหลายเดือนก่อนเรื่องท่านพี่ศิลา”

                อันตราตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสายตามุ่งมั่น

               
    “อืม เจ้ามาคุยเรื่องนี้ด้วยตนเอง ถ้าเช่นนั้นคงเป็นข่าวดี”

                พ่อนายเอ่ยถามกลับด้วยเสียงแหบพร่าแต่กลับกลั้วหัวเราะเสียงระรัวอย่างมีความสุข

               
    “เจ้าค่ะ ข้าจะหมั้นหมายกับท่านพี่ศิลา”

               
    “ดี เสียดายที่จัดแต่งงานพร้อมกับเจ้าคีรินเลยไม่ได้”

                ผาคำแสดงท่าทางและน้ำเสียงที่ผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้รวบรัดสะใภ้คนโตที่จับจองมานานเสียเร็วๆ แต่ก็ยินดีที่ในที่สุดอันตราก็ยอมรับตำแหน่งสำคัญนี้จนได้

               
    “เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะประกาศเรื่องของเจ้ากับศิลาในวันพิธีแต่งงานของคีริน ชาวเผ่าคงดีใจกันยกใหญ่ พรุ่งนี้ข้าจะไปคุยกับอุตราเลยก็แล้วกัน”

                เช้าวันต่อมาผาคำผู้เป็นหัวหน้าเผ่า มาถึงกระท่อมของอุตราผู้เป็นพ่อของอันตราแต่เช้าตรู่ และพูดคุยเจรจาตกลงเกี่ยวกับการหมั้นหมายของศิลากับอันตราอยู่นานสองนาน การหมั้นหมายครั้งนี้เป็นความหวังของทั้งสองคน เพราะผาคำผู้เป็นหัวหน้าเผ่าสนิทสนมรู้ใจกับอุตราผู้เป็นบิดาของอันตรามาตั้งแต่จำความได้ ทั้งคู่ร่วมรบร่วมสนุกมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน อุตราเป็นนักรบคู่ใจที่รู้ใจผาคำที่สุด ผาคำเองก็ยอมรับในฝีมือการรบของอุตรายิ่งนัก ไม่ว่าจะประมือกันคราใดอุตราก็ไม่เคยอ่อนข้อให้ผาคำเลยสักครั้ง ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาโดยตลอด ด้วยความสนิทสนมกันทั้งคู่จึงหมายหมั้นปั้นมือว่าจะได้เกี่ยวดองเป็นญาติกัน แต่ที่ผ่านมาก็ดูจะผิดหวังเพราะแม้ว่าศิลาจะรักใคร่เอ็นดูอันตรามากมายเพียงใด แต่อันตราเองกลับปฏิเสธการหมั้นหมายและหลบหลีกมาตลอดโดยไม่บอกเหตุผลของการปฏิเสธเลยสักครั้ง

               
    “ไอ้ข้าก็คิดว่าข้าเลี้ยงลูกหญิงมาผิดเสียแล้ว มันถึงหัวแข็ง ปฏิเสธความคิดผู้ใหญ่เสียท่าเดียว”

                อุตราเปรยขึ้นหลังจากเจรจาเรื่องการหมั้นหมายเรียบร้อยแล้ว

               
    “เอาเถอะ ถึงอย่างไรแม่หนูอันตราก็ตอบตกลงเสียที”

                ผาคำตอบพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

               
    “เรื่องการรบ การยุทธ์ ความรู้ต่างๆ ข้ารับรองได้ว่าลูกสาวข้าไม่เป็นรองใคร แต่ไอ้นิสัยที่ไม่มีความอ่อนหวานนี่พ่อศิลาจะทนได้รึ”

                อุตราพูดพลางทำสีหน้ากังวลเล็กน้อย

               
    “เจ้าศิลามันทนมาได้ตลอด ทำไมจะทนต่อไม่ได้เล่า นี่เสียดายนะที่แม่หนูอันตราตกลงช้าไปหน่อยต้องรอหลังจากหมั้นหมายไปแล้วหนึ่งเดือนถึงจะแต่งงานได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะจัดพิธีพร้อมกับเจ้าคีรินมันเสียเลย รายนั้นมันแอบหมั้นหมายกันเสียล่วงหน้า ข้าเองก็เพิ่งรู้ไม่ทันไร มารู้อีกทีมันก็จะแต่งเลย”

                หลังจากร่วมยินดีกับการหมั้นหมายจนพอใจ ผาคำก็กลับไปเตรียมตัวสำหรับงานพิธีทั้งสองงานอย่างอารมณ์ดี พิธีหมั้นหมายของอันตรากับศิลาจะถูกจัดขึ้นหลังพิธีแต่งงานของคีรินเพียงหนึ่งสัปดาห์ อันตราคิดว่ามันช้าไปเสียด้วยซ้ำ หญิงสาวอยากให้พิธีจัดกระชั้นชิดกว่านี้ แต่ก็เป็นการไม่เหมาะสมเพราะภายในสัปดาห์เดียวกันไม่ควรมีพิธีซ้อนกันถึงสองพิธี

                หลังกลับมาจากบ้านของอุตรา ผาคำกลับกระท่อมพ่อนายด้วยสีหน้าแจ่มใส พบศิลากับ คีรินนั่งอ่านตำราตำนานเวทย์อยู่ด้วยกัน ทำให้ทั้งคู่แปลกใจยิ่งนัก

               
    “ท่านพ่ออารมณ์ดีอะไรมารึขอรับ”

                ศิลาเอ่ยถามก่อน

               
    “หากจะเป็นเรื่องพิธีแต่งงานของลูกเห็นจะไม่ใช่ เพราะท่านพ่อไม่ค่อยเห็นด้วยนัก”

                คีรินเอ่ยสนับสนุน

                ผาคำอมยิ้มพลางหันมองไปทางศิลา แล้วเดินไปนั่งลงตรงกลางระหว่างพี่น้อง ใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดลูกชายที่รักไว้ด้วยกัน

               
    “เจ้าทั้งสองขาดแม่ให้ความรักมาเสียแต่ยังเด็ก แม้พ่อเองจะรักพวกเจ้าสุดหัวใจ แต่ก็คงไม่อ่อนโยนได้แม้เพียงสักครึ่งหนึ่งของสตรีเพศ”

                ผาคำพูดเสียงแผ่วเบา พลางคลายวงแขนออกจากลูกชายทั้งสอง พลางหันไปทางคีริน

               
    “เจ้าจะมีมารตีเป็นคนดูแลเจ้าแล้ว แม้พ่อจะไม่ค่อยพอใจนักเพราะนางเป็นชาวต่างเผ่า แต่ข้าก็ดีใจที่จะมีใครใส่ใจดูแลเจ้าได้ดีกว่าพ่อ”

                ผาคำพูดพลางสบสายตาลูกชายคนเล็ก ศิลาได้ฟังก็ทำสีหน้าสลด เมื่อนึกย้อนถึงตนเองที่ไม่มีโอกาสจะสมหวังกับอันตราเลย

               
    “ส่วนเจ้า ศิลา”

                ผาคำยกมือข้างหนึ่งขึ้นตบไหล่กว้างของชายหนุ่มเบาๆ ศิลาคาดเดาว่าผู้เป็นพ่อคงจะพยายามกล่าวปลอบใจเรื่องอันตรากับเขา ชายหนุ่มจึงส่งยิ้มแห้งๆ ให้บิดาก่อนที่จะได้ยินคำพูดต่อมา

               
    “เหตุใจเจ้าจึงทำสีหน้าเช่นนั้น”

                ผาคำแสร้งทำสีหน้าตระหนก ศิลาไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ก้มหน้าหยิบตำรามาอ่านต่อ

               
    “เจ้าทายสิ วันนี้ข้าไปทำอะไรมา”

                ผาคำตั้งคำถามแล้วหันไปมองหน้าลูกชายทั้งสองสลับกันไปมา

               
    “นั่นสิขอรับท่านพ่อไปทำอะไรมา”

                คีรินทำท่าใคร่รู้เสียยิ่งกว่าใคร

               
    “ข้าไปบ้านอุตราเพื่อไปเจรจาการหมั้นหมายของอันตรากับเจ้าศิลาน่ะสิ”

               
    “นางคงปฏิเสธเช่นเคย”

                ศิลาตอบไปอย่างถอดใจ

               
    “ผิดแล้วล่ะลูกชาย เมื่อคืนนางเป็นคนตอบตกลงกับข้าด้วยตนเองต่างหาก และงานหมั้นหมายของเจ้าก็ถูกกำหนดไว้หนึ่งสัปดาห์หลังจากพิธีแต่งงานของเจ้าคีริน”

                หลังจากฟังผู้เป็นบิดาบอก ศิลาดีใจอย่างมาก วางหนังสือลงแล้วสวมกอดบิดาอย่างตื่นเต้น เขาไม่นึกฝันมาก่อนว่าอันตราจะยอมตกลงหมั้นหมายกับเขาในชีวิตนี้ สองคนพ่อลูกต่างแสดงความดีใจต่อกันจนไม่ทันสังเกตว่าคนที่มีสีหน้าตกใจที่สุดนั้นกลับเป็นคีรินที่แอบปลีกตัวออกมาด้วยความตะลึงขณะที่ผู้เป็นพ่อกับพี่ชายไม่ทันสังเกตเห็น

                ในที่สุดวันพิธีแต่งงานของคีรินกับมารตีก็มาถึง มารตีผู้เป็นเจ้าสาวแต่งกายด้วยชุดผ้าฝ้ายสีขาวยาวจรดตาตุ่มประดับด้วยลูกปัดหินสีและลายปักสวยงามตระการตา ที่ชายเสื้อและชายกระโปรงมีพู่ไหมหลากสีเล็กๆ รายรอบ สวมสร้อยคอและสร้อยข้อมือที่ทำจากลูกปัดไม้หอม และประดับมวยผมที่รวบขึ้นครึ่งศีรษะด้วยพวงมาลัยดอกไม้ป่าที่ปล่อยบางส่วนเป็นพู่ห้อยลงมาด้านข้างยาวเคลียมาจนถึงบ่าด้านซ้าย เข้ากับผ้าฝ้ายคลุมไหล่ปักลายดอกไม้อย่างสวยงาม

                มารตีเดินควงคู่มากับคีรินเข้ามายังถ้ำพิธี ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวกางเกงผ้าป่านสีดำ พาดด้วยผ้าคล้องคอสีน้ำตาลเข้มอันเป็นสีประจำเผ่า ผมถูกรวบขึ้นเป็นมวยครึ่งศีรษะเช่นเดียวกับมารตี แต่ประดับประดาด้วยเชือกฝ้ายฟั่นเป็นเกลียวใหญ่ และปล่อยบางส่วนห้อยเป็นพู่ลงมาที่ด้านซ้ายเช่นเดียวกัน

                ในถ้ำพิธีอนุญาตให้เพียงแต่หมอพิธี พ่อนาย และเจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้น ชาวเผ่าคนอื่นๆ จึงต้องเตรียมอาหารการกินและรอพิธีฉลองที่ลานกลางหมู่บ้าน อาหารมื้อค่ำวันนี้จึงมีน้ำตาลหมักตระเตรียมไว้ตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อนหลายไหรอบๆ บริเวณลาน น้ำตาลหมักนี้ถือเป็นเครื่องดื่มพิเศษที่จะถูกนำมาใช้เฉพาะเวลาที่มีพิธีสำคัญๆ เกิดขึ้นในเผ่าเท่านั้น นอกจากนั้นก็ยังมีเนื้อสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งกวาง เก้ง วัวป่า หมูป่า ปลาจากลำธารใหญ่บนยอดเขา และผักผลไม้อย่างล้นเหลือ

                ณ บริเวณลานกลางหมู่บ้าน ชาวเผ่าที่เป็นหญิงมีฝีมือต่างเป็นแม่ครัวใหญ่ บ้างก็สาละวนอยู่กับหม้อโลหะใหญ่ที่บรรจุไปด้วยเครื่องปรุงซุปข้นนานาชนิด เติมผักบ้าง เนื้อสัตว์บ้าง หรือเครื่องเทศบ้าง ผลัดกันชิมและเติมกันจนเป็นที่พอใจจึงคนไปคนมาเพื่อเค้นความเข้มข้นของรสชาติน้ำซุป อีกด้านหนึ่งชายชาวเผ่ากำลังช่วยกันย่างเนื้อกวางและเนื้อเก้งที่ถูกแร่ออกเป็นชิ้นใหญ่ๆ หมุนอยู่เหนือกองไฟ บริเวณโต๊ะยาวกลางลาน บรรดาเด็กสาวชาวเผ่าก็ต่างช่วยกันจัดวางผักและผลไม้สดใส่ตะกร้าวางไว้บนโต๊ะเป็นจุดๆ กันอย่างสนุกสนานรื่นเริง ผู้ชำนาญการดนตรีต่างก็ช่วยกันบรรเลงเพลงมงคลประจำเผ่า อันมีทั้งเครื่องตี เครื่องเป่า และเครื่องสี คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มสำคัญที่จะหยุดการบรรเลงไม่ได้จนกว่าจะเสร็จพิธี ดังนั้นจึงมีการลำเลียงทั้งน้ำ อาหารและน้ำตาลหมักให้ตลอด

                แม้จะไม่ใช่งานฉลองของตนเอง แต่อันตราก็ควบคุมดูแลให้การจัดเตรียมการฉลองพิธีให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยที่สุด ในขณะเดียวกันก็คอยระแวดระวังคนแปลกหน้า และเหตุการณ์ที่อาจไม่ปกติ แต่จนแล้วจนรอดหญิงสาวก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด หลังจากจัดเตรียมงานฉลองเสร็จแล้วทุกคนต่างประจำที่ของตัวเองรอบ่าวสาวมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ ชาวเผ่าใช้เวลารอไม่นาน คีรินก็ประคองภรรยาของเขาอย่างหน้าชื่นตาบานตามหัวหน้าเผ่าและศิลามายังลานกลางหมู่บ้าน เมื่อผาคำลงนั่งบริเวณหัวโต๊ะอันเป็นที่นั่งประจำตำแหน่งของหัวหน้าเผ่า คนอื่นๆ จึงนั่งลงประจำที่ตามลำดับอาวุโสและตำแหน่งในเผ่าตามมา อันตรานั่งข้างๆ ศิลา ตรงกันข้ามกับมารตีและคีริน ตลอดเวลาอันตราไม่ได้มองหน้าคีรินและมารตีเลย ต่างกับคีรินที่สีหน้าแห่งความสดชื่นพลันเปลี่ยนไปทันทีที่พบหน้าอันตรา เขาเงียบขรึมไปทันทีที่ถึงโต๊ะอาหาร พยายามมองไปที่อันตราตลอดเวลา แต่ก็ไร้ผลหญิงสาวไม่แม้แต่คิดจะหันมองมาทางเขาเลย มารตีก็สังเกตความผิดปกตินี้ได้เช่นกัน แม้จะรู้ดีว่าคีรินหลงใหลในตัวตนเองเพียงใด แต่มารตีก็สังเกตได้หลายวันแล้วว่าคีรินมีท่าทีเปลี่ยนไป และดูใส่ใจในตัวนางน้อยลงกว่าก่อนนัก หลังจากกล่าวแสดงความยินดีในพิธีแต่งงานของคีรินแล้ว ผาคำก็ถือโอกาสประกาศข่าวดีให้ชาวเผ่าทุกคนได้รับรู้อีกข่าว

               
    “ชาวขุณณาของข้า วันนี้ข้ามีข่าวดีที่สุดแจ้งแก่พวกเจ้า” หัวหน้าเผ่ายืนพูดพลางชูแก้วไม้ไผ่ที่บรรจุน้ำตาลหมักด้วยเสียงก้องกังวาน

               
    “นอกจากวันนี้จะเป็นวันมงคลของคีรินแล้ว ข้ายังต้องประกาศอีกว่าในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นวันหมั้นหมายของศิลากับแม่หนูอันตราอีกด้วย” หลังจากผาคำประกาศจบ ชาวเผ่าทุกคนต่างลุกขึ้นมาโห่ร้องแสดงความดีใจ ศิลาจึงลุกขึ้นยืนแสดงความขอบคุณชาวเผ่าทุกด้วยสีหน้าแสนสุข อันตราได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้ทุกคน มีแต่เพียงคีรินและมารตีเท่านั้นที่ดูไม่ใคร่จะยินดีกับข่าวดีด้วยเท่าใดนัก

                หลังพิธีฉลองคีรินยังไม่ได้เข้าหอกับมารตี เพราะตามธรรมเนียมต้องเป็นคืนถัดจากพิธีหนึ่งวัน ดังนั้นพอเสร็จงานฉลองแล้วมารตีจึงขอตัวกลับไปยังกระท่อมของแม่เฒ่าอันนาทันทีด้วยสีหน้าไม่สู้จะพอใจนัก อันตราเองก็เหน็ดเหนื่อยจากการเตรียมงานมาทั้งวันจึงปล่อยให้บิดาฉลองกับคนอื่นๆ ไปก่อน และขอตัวกลับไปพักผ่อนยังกระท่อมของตนเอง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×