ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
ระหว่างนั่งบังคับรถหลังพวงมาลัยขณะกลับที่พัก อุสิชาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงกลางวันมาตลอดทาง คุณนายพวงผกาผู้เป็นภรรยาของท่านประธานและเป็นแม่บังเกิดเกล้าของไกรพ มาพบหญิงสาวถึงที่ห้องทำงานพร้อมกับสุรตา ทั้งสองมักปะทะคารมกับอุสิชาอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้คุณนายพวงผกาเอาจริงเอาจังกว่าทุกครั้ง สุรตามาพบเพื่อแสดงตนว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายของไกรพที่ผู้เป็นแม่เลือกสรรให้แล้ว และขอให้อุสิชาเลิกยุ่งเกี่ยวกับไกรพเสีย แม้อุสิชาจะมีนิสัยชอบเอาชนะ และไม่ยอมลงให้ใคร แต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับคุณนายพวงผกานัก หญิงสาวเริ่มคิดถึงอนาคตเกี่ยวกับตนเองและไกรพ แม้ว่าคุณวีรเดชผู้เป็นพ่อจะเอ็นดูอุสิชาเป็นพิเศษ และไกรพเองก็รักอุสิชานักหนา หากแต่หญิงสาวก็คิดแล้วว่าหากยังคงดื้อรั้นคุณนายพวงผกาก็ไม่สามารถมีความสุขกับชีวิตครอบครัวได้ อุสิชาจึงไม่ตั้งความหวังเกี่ยวกับไกรพมากนัก แต่ก็ยังคงไม่ตัดสัมพันธ์เพราะไกรพดีต่อเธอมาก
เมื่อใคร่ครวญตัดสินใจดีแล้วรถยนต์ญี่ปุ่นสีดำเป็นมันวาวของอุสิชาก็พามาถึงลานจอดรถหน้าคอนโดมิเนียมที่หญิงสาวพักอาศัยอยู่กับหลานสาววัยสะพรั่งพอดี มือเรียวยาวหมุนพวงมาลัยช้าๆ เพื่อบังคับรถให้เลี้ยวเข้าจอดในที่ประจำอย่างนุ่มนวล อุสิชาเอื้อมมือไปปิดวิทยุที่เปิดคลอมาตลอดทาง ดับเครื่องทำความเย็นในรถ ก่อนจะดับเครื่องยนต์ และนั่งนิ่งๆ อยู่หลังพวงมาลัยสักครู่ เธอชะเง้อไปส่องกระจกมองหลังสำรวจสภาพหน้าตา คิ้วเรียวยาวยังคงขมวดแทบจะเป็นปม แววตายังคงมีความวิตกกังวล มุมปากยังไม่สามารถช้อนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติได้ อุสิชาลดตัวลงนั่งท่าเดิมพลางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมาให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด หญิงสาวขยับตัวไปส่องกระจกอีกครั้ง มุมปากช้อนขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ตาใสวาวเป็นประกายเหมือนคนอารมณ์ดี และคิ้วก็แยกออกจากกันเป็นปกติ หลังจากพอใจกับสภาพหน้าตาของตัวเองแล้ว หญิงสาวจึงคว้ากระเป๋าถือที่วางไว้ที่เบาะข้างคนขับก่อนจะก้าวออกจากประตู แล้วเดินมุ่งสู่ตัวอาคาร
แม้จะอ่อนเพลียและเกิดความเครียดจากงานมากขนาดไหน อุสิชาไม่เคยอยากให้หลานสาวของเธอได้เห็นเลย ณัชชา หรือ นัท หลานสาวที่รักเธอมากที่สุดคงกังวลไม่น้อยหากเห็นอาสาวของตนแบกความทุกข์ความเหนื่อยกลับมาคอนโดฯ ดังนั้นอุสิชาจึงพยายามทำสีหน้าให้ดีก่อนจะกลับเข้าไปพบกับหลานสาวทุกครั้ง
ห้องชุดของอุสิชาอยู่ชั้นไม่สูงมากนักจึงสามารถใช้การเดินขึ้นบันไดแทนใช้ลิฟท์ซึ่งถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว การเป็นคนขยันทำงานหามรุ่งหามค่ำทำให้หญิงสาวไม่มีเวลามากพอจะไปออกกำลังกายอย่างจริงจัง จึงอาศัยการเดินขึ้นห้องเป็นการออกกำลังกายทุกวัน เว้นเสียแต่ว่าวันไหนหมดเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ จึงยอมใช้บริการลิฟท์ที่ทางคอนโดฯ จัดไว้ให้
เมื่อเดินมาถึงประตูห้องอุสิชายกมือขึ้นเคาะประตูสองสามครั้ง ก่อนจะคว้ากุญแจในกระเป๋าไขเข้าไป ไฟในห้องยังคงสว่าง แม้จะไม่เห็นณัชชาบริเวณห้องรับแขก แต่เสียงฝักบัวในห้องน้ำทำให้หญิงสาวรู้ว่าหลานสาวตัวดีกำลังอาบน้ำอยู่ จึงเดินเลยเข้าไปในห้องนอน ถอดเสื้อนอกวางพาดไว้บนเก้าอี้ปลายเตียงก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง ทั้งสองมือของหญิงสาวค่อยๆ บรรจงถอดเครื่องประดับใส่ภาชนะบรรจุทีละชิ้นอย่างทะนุถนอม ทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ซื้อของสวยงามพวกนี้ต่างเป็นน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง เธอจึงรู้ค่าของพวกมันดี เมื่อปลดเปลื้องเครื่องประดับออกหมดแล้ว หญิงสาวก็ลุกขึ้นยืนหน้ากระจก นำชายเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่อยู่ในกระโปรงสีเข้มออกมาข้างนอกเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น แล้วเดินออกมาที่ห้องรับแขก
อุสิชาหยิบรีโมทคอนโทรลที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกเพื่อเปิดโทรทัศน์ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อรินน้ำดื่มด้วยความกระหาย
“อ้าว อากลับมาแล้วหรือคะ”
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอน ขณะที่ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกอยู่ อุสิชาไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มให้แล้วเดินถือแก้วน้ำไปนั่งที่หน้าโทรทัศน์ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา
“วันนี้อากลับดึกได้ พรุ่งนี้อาห้ามกลับดึกนะคะ อาอย่าลืมนะคะว่าจะต้องพานัทไปเที่ยว อาจำได้ไหมคะ”
เด็กสาวพูดทวงสัญญาพลางทิ้งตัวลงข้างๆ อุสิชา
“เรื่องเที่ยวนี่ไม่พลาดเลยนะเรา”
อุสิชาตอบหลังจากที่จิบน้ำไปเล็กน้อย
“แล้วนี่มีใครไปกันบ้างล่ะพรุ่งนี้”
อุสิชาเอ่ยถามถึงสมาชิกที่จะพากันไปเที่ยวผับในคืนถัดไปซึ่งณัชชามาขออนุญาตไปเที่ยว โดยขอร้องให้อุสิชาไปเป็นเพื่อนด้วย
“มียัยมิ้นท์ กับ ยัยหน่อยค่ะ”
เด็กสาวตอบอย่างตื่นเต้นเพราะในชีวิตตั้งแต่ที่ลืมตามาดูโลกถึงสิบแปดปี ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่จะได้เห็นแสงสียามค่ำคืนในสถานบันเทิงกับเขาเสียที
“แล้วจะต้องไปรับที่ไหน นัดกันไว้หรือยังล่ะยัยนัท”
อุสิชาพูดพลางกดรีโมทคอนโทรลหาช่องสัญญาณที่ต้องการ
“ไม่ต้องไปรับค่ะ ยัยหน่อยจะขับรถไปกับยัยมิ้นท์เอง เจอกันที่ผับเลย”
“อืม ก็ดีแล้ว”
อุสิชาตอบเป็นคำสุดท้ายก่อนจะหันไปสนใจรายการสารคดีในจอโทรทัศน์
..........
แม้จะเป็นช่วงหัวค่ำยังไม่ดึกมากนัก แต่ที่บริเวณลานจอดรถของผับกลับพลุกพล่านวุ่นวายไปด้วยรถที่เหมือนจะล้นลานจอดรถเสียให้ได้ อุสิชาจึงพาณัชชาเดินมารอเพื่อนอีกสองคนบริเวณทางเข้าผับซึ่งเป็นที่สังเกตง่าย ทั้งคู่รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงมิ้นท์และหน่อยจึงปรากฏตัวด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ ทั้งคู่แต่งตัวเปรี้ยวกันมาอย่างเต็มที่ทำเอานัทที่ไม่ค่อยกล้าแต่งตัวมากนักดูจืดสนิทไปทันตาเห็น
“ใช้ชื่อใครจองโต๊ะจ๊ะ”
อุสิชาหันมาถามมิ้นท์ซึ่งเป็นต้นคิดในการมาเที่ยวครั้งนี้
“อ้าว ต้องจองด้วยเหรอคะอาทราย”
ผู้เป็นต้นคิดทำหน้าเหวอ พร้อมกับร้องถามกลับเสียงสูง
“ก็ร้านนี้คนมากันเยอะ ต้องจองล่วงหน้าไม่รู้เหรอจ๊ะ”
อุสิชาตะโกนตอบเด็กสาวแข่งกับเสียงเพลงข้างในที่กำลังดังลั่น
“อ้าวแล้วกัน จะเปลี่ยนร้านหรือเปล่าคะอาทราย”
หน่อยที่ทำสีหน้าตกใจไม่แพ้มิ้นท์เอ่ยขึ้นก่อนจะตีสีหน้าผิดหวัง
“ช่วงเทศกาลอย่างนี้ ร้านไหนๆ ก็เหมือนกันหมดล่ะ ไม่เป็นไร เอาอย่างนี้ใช้วิธีอาคงพอได้”
อุสิชายักคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะดึงตัวเด็กสาวทั้งสามเข้าไปในผับ
ทั้งสี่แทรกตัวผู้คนที่แน่นเบียดเสียดกันเข้าไปจนลึก และไม่ยอมปล่อยมือออกจากกันเลย อุสิชาซึ่งเป็นหัวแถวพยายามสอดส่ายสายตาหาโต๊ะของชายหนุ่มที่มาคนเดียวหรือมาไม่กี่คนเพื่อขอแชร์โต๊ะก่อนจะหาโต๊ะของตัวเองได้บ้าง จนกระทั่งถึงมุมด้านในสุดของผับอุสิชาก็พบเป้าหมาย ชายหนุ่มมาดเซอร์ แม้จะไว้หนวดเคราและไว้ผมยาว แต่หน้าตาก็ยังคงดูสะอาดสะอ้านและดูเป็นคนสุภาพ เขานั่งอยู่กับเพื่อนชายท่าทางสุขุมคนหนึ่ง แม้จะอยากได้โต๊ะแต่หญิงสาวก็ยังคงรอบคอบพอที่จะไม่พาหลานๆ ทั้งสามไปเสี่ยงกับคนแปลกหน้าก่อนจะดูให้แน่ชัดเสียก่อน จึงส่งสัญญาณให้ทั้งสามสาวรออยู่บริเวณใกล้ๆ ก่อน จึงเข้าไปทำความรู้จักกับชายหนุ่มเป้าหมาย
“สวัสดีค่ะ”
อุสิชาเดินเข้าไปทักอย่างง่ายๆ พร้อมกับส่งยิ้มเล็กน้อยเป็นการยื่นไมตรี
“ครับ”
ชายหนุ่มมาดเซอร์ตอบมาอย่างสุภาพ
“ดิฉันขอแชร์โต๊ะด้วยได้ไหมคะ”
อุสิชาตะโกนแซงเสียงเพลงจังหวะเร้าใจ
“อะไรนะครับ”
ผู้เป็นเจ้าของโต๊ะตะโกนถามกลับมาเช่นกัน
“ดิฉันขอแชร์โต๊ะด้วยได้ไหมคะ”
อุสิชาใช้มือป้องปากแนบไปใกล้ๆ หูของหนุ่มมาดเซอร์คนนั้นหวังให้ได้ยิน
“ผมไม่ได้ยินเลยครับ เสียงเพลงดังมาก”
หนุ่มผมยาวยังคงยืนยันว่าไม่ได้ยินพลางชี้นิ้วไปที่หู อุสิชาก็เริ่มจะถอดใจและมองหาโต๊ะอื่น
“เธอบอกว่าขอแชร์โต๊ะ”
เพื่อนท่าทางสุขุมในเสื้อเชิ้ตซึ่งเดาได้ว่าแวะมาเที่ยวหลังจากเลิกงานเป็นผู้ตะโกนย้ำให้เขาฟังชัดขึ้นอีกครั้ง ชายผมยาวจึงหันมายิ้มให้อุสิชา ก่อนจะผายมือกล่าวเชื้อเชิญให้ไปนั่ง อุสิชาจึงส่งสัญญาณกวักมือเรียกหลานสาวทั้งสามมาที่โต๊ะพร้อมกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณมากนะคะ คุณ ... เอ่อ ...”
อุสิชาลดเสียงลงเพราะดนตรีเปลี่ยนเป็นจังหวะช้า
“ผมวิชญ์ครับ แล้วนี่ไอ้ธวัชเพื่อนผมเองครับ”
วิชญ์ส่งยิ้มให้พลางตบไหล่เพื่อนชายที่กำลังยกแก้ววิสกี้ขึ้นมาจิบ
“แล้วคุณ กับสาวๆ ล่ะครับ ชื่ออะไรกันบ้าง”
วิชญ์เอ่ยถามอย่างสุภาพ
“เรียกฉันว่าทรายก็ได้ค่ะ ส่วนนี่นัท มิ้นท์ แล้วก็หน่อย หลานๆ ฉันเอง”
อุสิชาแนะนำตัวแทนเด็กสาวทั้งสามที่เอาแต่นั่งตัวลีบอมยิ้มอยู่ข้างๆ
“ดื่มอะไรตามสบายนะครับ ผมเลี้ยงเอง”
วิชญ์ยื่นไมตรี
“อุ้ย คงไม่รบกวนล่ะค่ะ แค่นี้ทรายก็รบกวนคุณวิชญ์มากพอแล้ว”
อุสิชาตอบพลางยิ้มเจื่อนๆ ให้วิชญ์ และหันไปมองทางสามสาวที่ดูกำลังจะสนอกสนใจกลุ่มคนที่กำลังเต้นกันอยู่บนฟลอร์เป็นพิเศษจึงออกปากอนุญาตให้ออกไปเต้นตามสบาย ส่วนเธอเองจะรออยู่ที่โต๊ะพลางดูแลความเรียบร้อยให้กับเด็กสาวทั้งสามอย่างห่างๆ ไปในตัว ระหว่างที่อยู่ที่โต๊ะ อุสิชาคุยถูกคอกับทั้งวิชญ์และธวัชมาก แต่อยู่ได้ไม่ทันถึงชั่วโมง เด็กสาวทั้งสามก็พากันจูงมือเดินกลับมาที่โต๊ะงอแงอยากกลับบ้านกันทั้งหมด อุสิชาจึงบอกลาเจ้าของโต๊ะทั้งสองก่อนออกมาที่ลานจอดรถ
“โอ๊ย ไม่เห็นสนุกอย่างที่ใครเขาว่าเลย”
หน่อยโวยวายออกมาทันทีที่ออกมาจากผับ ผมที่จัดทรงสวยเปรี้ยวมาแต่แรกก็กลับกลายเป็นผมทรงกระเซอะกระเซิง หน้าเป็นมันวาวด้วยเหงื่อที่ผุดออกมาระหว่างอยู่ในผับ
“นั่นสิ เหม็นบุหรี่จะแย่”
ณัชชาบ่นพลางยกเสื้อและผมขึ้นมาดมก่อนจะเบะปากด้วยความไม่สบอารมณ์
“อ้าวไม่บ่นอะไรกับคนอื่นเขาบ้างหรือไงยัยมิ้นท์”
อุสิชากลั้วหัวเราะพลางหันไปถามตัวต้นคิดการมาเที่ยวครั้งนี้ เด็กสาวได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะตอบมาด้วยเสียงอ่อยๆ
“มิ้นท์จะไปกล้าบ่นอะไรล่ะคะ เป็นคนชวนเพื่อนๆ มาเอง”
อุสิชาอดกลั้นหัวเราะในท่าทีที่สุดแสนจะสำนึกผิดของมิ้นท์ไม่ไหวจึงเผลอหัวเราะออกมา พาให้ทั้งสามหัวเราะตามไปด้วย
“เอาล่ะ นี่จะกลับบ้านกันเลยหรือเปล่า”
อุสิชาเอ่ยตัดบท เด็กสาวทั้งสองได้แต่ผงกหัวหงึกๆ รับคำ อุสิชาและณัชชาจึงพากันเดินไปส่งทั้งสองที่รถซึ่งจอดอยู่คนละด้านกับรถของอุสิชา แต่ก่อนจะถึงตัวรถของมิ้นท์ อุสิชาก็ต้องชะงักเพราะถูกแรงดึงที่แขนข้างหนึ่งจากด้านหลัง ด้วยความตกใจหญิงสาวจึงหมุนตัวพร้อมกับใช้กระเป๋าถือเหวี่ยงไปหมายจะฟาดศีรษะผู้บุกรุก แต่เคราะห์ดีที่หญิงสาวสามารถรั้งสายกระเป๋าไว้ได้ทัน ไกรพซึ่งเป็นผู้รั้งแขนของเธอไว้จึงไม่ต้องเจ็บตัว
“อ้าวคุณรพ”
หญิงสาวร้องขึ้นอย่างตกใจ เพราะไม่คาดคิดว่าจะบังเอิญมาพบกับไกรพที่นี่ในเวลานี้ได้
“ตกใจมากหรือไง”
ไกรพพูดเสียงแข็ง พร้อมกับกลิ่นเหล้าเล็กน้อย ทำให้อุสิชาคาดเดาได้ว่าชายหนุ่มน่าจะดื่มมามากพอสมควร
“คุณรพเมาหรือคะ”
หญิงสาวไม่ตอบ แต่ถามกลับไปทันที พลางหันไปสั่งมิ้นท์กับหน่อย
“สองสาวขับรถกลับกันดีๆ นะ เดี๋ยวอาต้องไปส่งคุณไกรพก่อนแล้วล่ะ”
อุสิชาบอกลาทั้งสอง ก่อนจะหันมาพูดกับไกรพที่ทำตาเขียวใส่อุสิชา
“คุณรพมากับใครคะเนี่ย”
“มากับลูกค้า แล้วนี่กำลังหาแท็กซี่กลับ แล้วทรายล่ะ มากับผู้ชายที่ไหน”
แม้จะรู้ว่าไกรพเมาจนพูดจาไม่เข้าหู แต่อุสิชาก็อดฉุนไม่ได้
“คุณรพดูถูกทรายเกินไปแล้วนะคะ”
หญิงสาวตอบเสียงดังทำให้นัทสีหน้าตกใจ อุสิชาจึงประคองไกรพเดินไปที่รถของตัวเองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ทรายมาเที่ยวกับผู้ชายที่ไหน”
ไกรพย้ำคำถามเดิมระหว่างถูกประคองไปรถ
“ทรายไม่อยากพูดกับคุณรพตอนเมา เดี๋ยวทรายจะไปส่งคุณรพเองก็แล้วกัน”
หญิงสาวกล่าวเสียงขุ่นด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่สามารถทิ้งให้ชายหนุ่มกลับบ้านคนเดียวได้ หลังจากพาไกรพเข้านั่งในรถได้แล้ว หญิงสาวจึงออกรถไปที่คอนโดฯ เพื่อส่งณัชชาก่อนที่จะขับรถไปส่งไกรพที่บ้าน ระหว่างทางไกรพที่หลับตั้งแต่ออกรถก็รู้สึกตัวขึ้นมาระหว่างทางเข้าหมู่บ้านและดูเหมือนจะได้สติกว่าเดิม
“ทราย เมื่อกี้ผมขอโทษนะผมพูดไปเพราะเมา”
ไกรพเอ่ยอย่างสำนึกผิด อุสิชาไม่ได้ตอบอะไร แต่เท้ากลับเหยียบเบรกและจอดรถใกล้ๆ กับสวนสาธารณะในหมู่บ้าน
“คุณรพคะ ทรายว่าเราเป็นเจ้านายลูกน้องกันธรรมดาดีกว่าไหมคะ”
อุสิชาเอ่ยเสียงเรียบอย่างครุ่นคิดมาดีแล้ว
“ทำไมล่ะทราย ทรายมีคนอื่นจริงๆ หรือไง”
ไกรพเสียงดังอย่างร้อนใจที่ถูกบอกเลิกกะทันหันขนาดนี้
“ทรายไม่ได้มีใคร”
หญิงสาวยังคงสุขุม ไกรพพยายามตั้งสติ เขาถอนหายใจแรงๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะหันมอง อุสิชาที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย แล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ ไกรพเอื้อมมือมาดึงไหล่ของอุสิชาให้หันมามองเขาตรงๆ เพื่อค้นหาคำตอบจากแววตาในของหญิงสาว
“ผมอยากรู้ว่าทำไมทรายถึงอยากเลิกกับผม”
อุสิชาได้แต่หลุบตาต่ำ ไม่กล้าสบสายตาไกรพ หากบอกเหตุผลตรงๆ ไปว่าเกรงจะมีปัญหากับพวงผกาไกรพคงไม่ยอม และต้องไปโวยวายกับผู้เป็นแม่ หญิงสาวอยากตัดปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ แต่ด้วยลักษณะนิสัยของไกรพเช่นนี้ทำให้หญิงสาวลำบากใจ ไม่รู้จะตอบอะไรไปดี จึงได้แต่นิ่งเงียบ
คำถามที่ไกรพถามขึ้นเหมือนกับโยนก้อนหินลงน้ำ ไม่มีอะไรสะท้อนกลับมา เขาจึงดึงร่างบางของหญิงสาวเข้ามากอดไว้ อุสิชาเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“บอกผมสิทราย ว่าทรายไม่พอใจอะไร”
ไกรพถามทั้งๆ ที่ยังมีอุสิชาในอ้อมกอด ก่อนจะคลายวงแขนเพื่อพิศใบหน้าสวยเรียบนั้น เขาใช้นิ้วไล้ไปตามใบหน้าของหญิงอันเป็นที่รักไปมาเพื่อสำรวจผิวเนียนก่อนจะบรรจงจมูกลงไปสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่พวงแก้มสีชมพูดอย่างนุ่มนวล และประทับจุมพิตแสนหวานที่เรียวปากคู่สีชมพูอย่างทะนุถนอม แต่อุสิชาที่ดูเหมือนจะตอบสนองในตอนแรกกลับผลักอกของเขาออกไป
“ทำไมล่ะทราย หรือทรายไม่รักผมแล้ว”
ไกรพใช้เสียงนุ่มถามอย่างออดอ้อน พลางจรดริมฝีปากเพื่อชิมรสจูบจากหญิงสาวอีกครั้ง หญิงสาวตอบรับแต่โดยดี แทนคำตอบที่ไกรพต้องการ ก่อนที่จะถอนจุมพิตออกมาอย่างเสียดาย
“คุณรพรีบกลับบ้านดีกว่าค่ะ ทรายยังยืนยันคำเดิม”
หญิงสาวพูดจบก็ใส่เกียร์ขับตรงไปยังบ้านหลังใหญ่อันเป็นที่พำนักของไกรพและครอบครัว รถสปอร์ตสีดำจอดที่หน้าประตูใหญ่เพื่อให้ไกรพลง แล้วบึ่งออกไปอย่างไม่ลังเลก่อนจะหายลับไปในความมืด ไกรพได้แต่ยืนงงกับท่าทีของหญิงสาว เขาคิดเพียงว่าเธอคงไม่พอใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าผับ ชายหนุ่มจึงเริ่มวางแผนง้อขอคืนดีในวันรุ่งขึ้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น