คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : The Killer...Chap4
04
ห้องร้างว่างเปล่า ที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นซักเท่าไหร่นัก ร่างบางของใครบางคนถูกโซ่ตรวนเส้นใหญ่ผูกรัดไว้บริเวณข้อเท้าข้างหนึ่ง ด้วยสภาพร่างกายที่มีบาดแผลฟกช้ำจากการถูกรุมทำร้ายไปทั่วร่าง
“โธ่เว้ยย!”
เขาร้องอย่างหัวเสีย พลางใช้มือทึ้งหัวตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะนั่งกอดเข่าพลางครุ่นคิดหนักเกี่ยวกับภารกิจที่เขาต้องทำ
เห็นทีงานนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิดซะแล้ว และถ้าเขายังต้องอยู่ในสภาพนี้หล่ะก็ งานของเขาไม่ได้เดินหน้าไปไหนแน่นอน เห็นที เขาต้องทำอะไรซักอย่างซะแล้ว
แต่สิ่งที่หน้าแปลกใจคือ
มาเฟียคนนี้มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ ทำไมเขาทำราวกับว่ามีความแค้นอะไรต่อตนนักหนา
ปฏิภาณครุ่นคิด
แอ๊ดด ด
จู่ๆเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ทำให้แสงสว่างจากด้านนอกส่องผ่านเข้ามา เผยให้เห็นบุคคลมาใหม่ร่างสูงในสูทสีขาว โดยสวมเสื้อเชิร์ตสีแดงแจ๋ไว้ด้านใน
นั่นมันไอ้มาเฟียจอมโหดคนนั้น นี่เขาจะเข้ามาทำอะไรกันนะ!
“เป็นไงบ้าง ของเล่นของชั้น?”
น้ำเสียงหยามเหยียดเอ่ยถามขณะที่ขาของเขาค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ๆ จนมาถึงตัวปฏิภาณแล้วค่อยๆนั่งลง ปฏิภาณมองคนตรงหน้าเลิกลัก ก่อนจะถอยตัวกรู อีกคนก็ไม่ยอมแพ้ ยิ่งเขยิบตาม จนสุดท้ายลูกน้องจำเป็นอย่างเขาก็จนมุม เมื่อแผ่นหลังของเขาเข้าชิดติดฝาผนังปูนสีขาว วาโยเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้จน เขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
“ถอยไปนะครับ คุณวาโย”
เสียงหวานตอบเสียงแผ่ว พลางหลุบตาลงต่ำอย่างหวาดกลัว เสียศักดิ์ศรีจริงๆที่ต้องมายอมจำนนแบบนี้ นี่มันไม่ใช่วิสัยของเขาเลยนะ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้เห็นทีไอ้มาเฟียหน้าขาวคงไม่มีทางปล่อยเขาแน่นอน คงต้องยอมไปก่อน รอให้ไอ้มาเฟียไว้ใจเขา และนั่นแหละก็ถึงเวลาของภารกิจ!
แต่ทำไมหัวใจของเขากลับเต้นแปลกๆ ราวกับว่าอกของเขาจะระเบิด ยิ่งลมหายใจอุ่นๆของคนตรงหน้าเข้ามาปะทะลงบนหน้าของเขา เขายิ่งรู้สึกว่าหัวใจเขาเต้นไม่ปกติ!
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
ปฎิภาณคิด
“จะให้ชั้นถอยงั้นหรอ หึหึ งั้นชั้นก็มาเสียเที่ยวหน่ะสิ”
เสียงแผ่วเบาแต่กลับเย็นชาของมาเฟียร่างสูงเอ่ยกับเขา ก่อนจะค่อยๆเลือนหน้าเขามาใกล้อีก ปฏิภาณก้มหน้างุดพลางหลับตาปี๋อย่างกวาดกลัว
“ฮ่าๆๆๆๆ แค่นี้ก็กลัว ดี ยิ่งนายเป็นแบบนี้มันยิ่งชวนให้ชั้นอยากจะเล่นกับนายมากขึ้น!”
เก่งยกยิ้มอีกครั้งอย่างพึงพอใจ ลิ้นสากเลียริมฝีปากของตัวเองเพื่อให้ความชุ่มชื้นครั้งหนึ่ง ก่อนจะตะโกนออกคำสั่งกับใครอีกคนที่อยู่ด้านนอก
“ริท! เอากล่องยามาสิ”
เพียงไม่ถึงห้านาทีกล่องปฐมพยาบาลก็มาถึง เซนยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นพลางหรี่ตามองอีกคนอย่างหวาดกลัว
“น นี่ครับ กล่องยา”
ชายร่างเล็กว่าพลางยื่นกล่องยาให้เจ้านาย เก่งรับกล่องยามาจากมือริท ก่อนจะค่อยๆเปิดฝาออก
“มัวยืนบื้ออยู่นั่นแหละ ออกไปได้แล้ว!”
เก่งไล่ ริทมองภาพตรงหน้าอย่างโกรธเคืองในตัวปฏิภาณที่ได้ใกล้ชิดกับเก่ง ทั้งน้อยใจเก่งที่ไล่ตนต่อหน้าคนอื่น ทั้งๆที่เขาก็คือคนที่สนิทที่สุด พร้อมกับเดินปึงปังออกไป
ใครจะไปรับได้ เมื่อภาพที่เห็นมันทำร้ายหัวใจของเขาเหลือเกิน
ทันทีที่วิ่งออกมาจากห้องนั้น ริทรีบวิ่งกลับไปยังห้องนอนของตนเอง แล้วปิดประตูห้องก่อนจะพิงบานประตูแล้วทรุดลงอย่างคนไร้เรี่ยวแรง พลางปิดปากร้องไห้ออกมากเงียบๆ อยากจะร้องออกมาเสียงดังๆ แต่จะให้ทำยังไงได้หล่ะ ถ้าใครต่อใครได้ยินขึ้นมา เขาคงต้องโดนข้อหาเป็นคนอ่อนแอแน่ๆ
กลับเข้ามาอีกด้าน วาโยจัดการเปิดกล่องยาทั้งๆที่ตัวเองอยู่ใกล้กับปฏิภาณชนิดที่ว่าปลายจมูกของทั้งคู่สัมผัสกันได้ ปฏิภาณมองสิ่งที่วาโยทำอย่างงุนงงหากแต่ความงุนงงก็หลุดหายไป เมื่อวาโยยกขวดยาขวดหนึ่งที่บรรจุน้ำสีฟ้าขึ้นมา แล้วเปิดขวด นี่เขาจะทำอะไรกันนะ!
วาโยยกยิ้มร้าย ก่อนจะยกขวดแอลกฮอล์ล้างแผลขึ้นเหนือหัวอีกคน
“ค คุณวาโย คุณจะทำอะไรหน่ะ?”
เขาถามเสียงสั่น พลางในใจก็ยังแอบหวังว่าวาโยจะไม่เล่นอะไรแผลงๆ แต่ความหวังก็พังทลาย เมื่อดวงตาฉายแววความร้ายกาจออกมา รอยยิ้มเย็นชาที่แต่งแต้มบนใบหน้ากลับชัดเจนขึ้นอีกเท่าตัว
“ล้างแผลให้นายไง”
เสียงเย็นชาว่า ก่อนจะจัดการเทราดแอลกอฮอล์ลงบนหน้าอีกคน
“โอ้ยย หยุดนะ ผมเจ็บ”
ปฏิภาณว่าพลางเอามือปัดป้องอย่างเอาทางรอด แต่คนอย่างวาโย ไม่เคยปรานีใครอยู่แล้ว เขาจัดการราดแอลกอฮอล์ลงบนใบหน้าของปฏิภาณจนหมดขวด พร้อมรอยยิ้มที่ฉายแววของความสะใจ
“หึหึ เจ็บแค่นี้ มันเทียบไม่เท่ากับที่ฉันเจ็บหรอก!”
เขาตวาดออกมาก ก่อนจะลุกขึ้นขว้างขวดแอลกอฮอล์จนมันแตกกระจาย
เพล้ง!
ปฏิภาณสะดุ้งโหยงทันทีที่ขวดแก้วแตกข้างๆเขา อีกใจก็งุนงงกับสิ่งที่วาโยพูด นี่เขาเป็นบ้าอะไรกัน ใครทำเขาเจ็บแล้วทำไมต้องมาลงที่เขาด้วย?
“อะไรกันครับ ผมไม่เคยทำอะไรคุณนะ”
ปฏิภาณพูด เก่งหันมายิ้มเย็นให้ จู่ๆดวงตาของเขาที่ฉายแววความแค้นที่สุมอก ก็เริ่มขึ้นสีพร้อมกับหยดน้ำใสๆที่เอ่อคลอ หากแต่ความสว่างแค่นี้ปฏิภาณไม่สามารถสังเกตเห็นมันได้
“นายจะบอกว่าจำไม่ได้สินะ หึหึ”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคืองแค้นว่าทิ้งไว้ ก่อนที่เขาจะก้าวขาเดินออกไปจากห้องมืดนี้อย่างเงียบๆ ปฏิภาณมองเศษขวดแก้วที่แตกข้างๆเขาครั้งหนึ่ง ก่อนจะมองตามหัวหน้ามาเฟียที่เดินออกจากห้องไป ความรู้สึกเจ็บแสบบนใบหน้าตอนนี้เริ่มซาลงแล้ว แต่ความสงสัยที่เกิดยังไม่หายไปจากสมองเขาเลยสักนิด
เขาไปทำอะไรให้คนๆนี้กันแน่นะ???
..
เก่งเดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน ก่อนจะนั่งลงประจำที่ของตัวเอง พลางสายตาของเขาก็เหลือบไปมองภาพพ่อของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะที่สำหรับวางของตั้งโชว์ จู่ๆน้ำตาที่เก็บกลั้นไว้ก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ เขาเกลียดเหลือเกินเวลาแบบนี้ เวลาที่เขาอ่อนแอ ทั้งๆที่เมื่อก่อนยามที่เขาเป็นแบบนี้ก็มีเพียงพ่อคนเดียวของเขาที่คอยปลอบประโลมเขาอยู่เสมอ แต่วันนี้เขามีเพียงรูปภาพของพ่อที่ใช้เป็นตัวแทนของพ่อเขาเท่านั้น
“พ่อครับ เก่งคิดถึงพ่อจังเลยครับตอนนี้เก่งหาตัวคนที่มันทำร้ายพ่อเจอแล้วนะ ผมสัญญาว่าผมจะเอาคืนมันให้สาสม!”
เขาว่าสัญญากับภาพของพ่อทั้งน้ำตา หากแต่สายตาและน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่ฝังแน่นอยู่ในอก และพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ!
เขาตั้งสติอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะปาดน้ำตาตัวเอง แล้วเดินไปที่ตู้หนังสือหลังใหญ่ก่อนจะกดสวิทส์เล็กๆที่หลังตู้นั้น ทันทีที่เขากดสวิทส์ ตู้หลังใหญ่ก็แยกออกเป็นสองส่วน เผยให้เห็นห้องลับที่อยู่หลังตู้นั้น เขาเดินเข้าไป พลางยืนมองตู้เซฟที่วางอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นที่ซ่อนของสมบัติสุดรักสุดหวงของพ่อเขา
“พ่อครับ เพ็ชรเม็ดนี้จะไม่มีทางตกไปอยู่ในเงื้อมือใครแน่ ผมจะรักษามันให้ดีที่สุดเท่าชีวิตของผม!”
เขาพูดลอยๆ พร้อมน้ำเสียงและสายตามุ่งมั่น
“โว้ยยย ย ยย ยย”
คนร่างใหญ่กำยำโวยวายขึ้น พร้อมกับปาโทรศัพท์ของตัวเองอย่างแรง ทันทีที่มันกระทบเข้ากับกำแพงมันก็แตกกระจายทันที เส้นเลือดบนใบหน้าของเขาเริ่มปูดโปน ใบหน้าขึ้นสีแดงกำ พลางสายตาก็บ่งบอกถึงอารมร์ที่เดือดปะทุ
“ใจเย็นๆนะครับพี่โตโน่”
เสียงใสๆ ว่าพลางเดินเข้ามาจับแขนข้างหนึ่งของภาคิณเบาๆอย่างปลอบประโลม ภาคิณหันไปมองหน้าอีกคนพลางถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าคนๆนี้จะทำให้เขาใจเย็นลงได้มาก จากสีหน้าและแววตาบ่งบอกได้ว่าอารมณ์ของเขาเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น
“กัน พี่ขอบคุณมากนะ ที่ยังอยู่ข้างพี่เสมอ”
เขาพูดกับอีกคน พร้อมยกมือขึ้นมากุมมืออีกคนไว้
“กันก็ต้องขอบคุณพี่โตโน่ที่ดีกับกันขนาดนี้ ทั้งๆที่พี่ก็รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาของกันมันแหลกเหลวแค่ไหน แต่พี่ก็ยังอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างกัน ไม่ทิ้งกัน ถ้าวันนั้นเราไม่เจอกัน ผมเองก็ไม่รู้เลยว่าผมจะทำตัวย่ำแย่มากแค่ไหน”
ทั้งคู่มองตากันอย่างเข้าใจ หลังจากที่เขาเจอกันที่คลับของกันวันนั้นทั้งคู่ก็สานต่อความสัมพันธ์กันเรื่อยมา จนตกลงปลงใจคบกันในฐานะคนรัก
“ว่าแต่ พี่โตโน่โมโหอะไรหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่ติดต่อนายเซนไม่ได้เลยหน่ะสิ พี่ไม่รู้ว่างานที่พี่ให้มันทำจะเดินหน้าไปถึงไหนแล้ว พี่อยากให้งานนี้มันจบไวๆ พี่อยากเห็นศพไอ้มาเฟียนั่น!”
ทันทีที่จบประโยค กันถึงกับหลุบตาลงต่ำ เขารู้ดีว่าคนที่คนรักเขาหมายตัวนั้นคือใคร และเขาก็รู้ตัวดีว่าเขากับมาเฟียคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกัน
“ใจเย็นๆเถอะครับ เดี๋ยวก็ติดต่อได้เอง ไม่แน่เขาอาจกำลังจัดการเอาเพ็ชรเม็ดนั้นมาให้พี่อยู่ก็ได้นะ”
น้ำเสียงให้กำลังใจว่า โตโน่ยกยิ้มข้างหนึ่ง ก่อนจะหันไปกอดร่างบางไว้หลวมๆ
กัน อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ นายกับไอ้เก่งเคยเป็นอะไรกัน หึหึ ขอโทษนะที่พี่ต้องใช้นายเป็นเครื่องมือ!
โตโน่คิด พลางยิ้มร้ายออกมา เพราะอันที่จริงแล้ว ที่เขาเข้ามาในชีวิตกันก็เพื่อจะหาทางเข้าถึงตัวเก่งก็แค่นั้น พูดง่ายๆเขาคิดจะใช้กันเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น หากแต่เขาก็ยังไม่เคยได้ข้อมูลอะไรของเก่งเลย เห็นทีเขาจะต้องทำให้กันวางใจในตัวเขามากกว่านี้สินะ
หากแต่อีกฝ่ายกลับคิดคนละแบบ กันกอดตอบโตโน่อย่างสุดซึ้ง เขาดีใจที่มีคนๆนี้อยู่ข้างกาย เขาไว้ใจคนๆนี้ แต่เขาก็ไม่อยากทำร้ายเก่งเขาจึงเลือกที่จะไม่พูดเรื่องของเก่งให้โตโน่รู้โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าแท้จริงแล้วลึกๆโตโน่ไม่เคยจริงใจกับเขาเลยสักนิดเดียว
.............................................................................................................................
หลังจากที่หายไปนานมากๆ เพราะเหตุขัดข้องที่ต้องเอาเวลาไปทุ่มเทกับเรื่องเรียน ตอนนี้ไรเตอร์กลับมาแล้ว ใครที่ยังรออ่านก็เริ่มติดตามกันต่อได้เลยนะคะ
ความคิดเห็น