คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : The Killer...Chap14
14
ปฏิภาณหันกลับมามองคฤหาสน์หลังใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะตัดใจลากกระเป๋าเดินออกมา
เฮ้ออ อ
เขาถอนหายใจยาวออกมาน้อยๆ ยากเหลือเกินกับการออกไปจากที่นี่ หัวใจเขามันไม่ยอมตัดไปจากตรงนี้เสียที นึกแล้วคงเป็นเวรกรรมที่เคยก่อไว้ สุดท้ายเลยต้องมาเจ็บแบบนี้ แต่มันคือเรื่องที่ถูกต้องแล้วหล่ะที่เขาต้องไป ในเมื่อเขารู้ตัวดีว่าขืนอยู่ต่อไปภารกิจที่เขารับไว้ก็ไม่มีทางสำเร็จ
“เซน นายกำลังทำอะไร”
เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นไล่หลัง เขาหยุดฝีเท้านิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่อยที่จะต่อปากต่อคำ แต่เขาเองก็เลี่ยงไม่ได้
“ฉันกำลังจะไปจากที่นี่ไง ทำไมหรอ หรือนายไม่อยากให้ฉันไป”
ปฏิภาณหันไปว่าพลางทำทียียวนใส่ คนได้ฟังถึงกับถลึงตาใส่ พร้อมจิปากน้อยๆอย่างไม่สบอารมณ์ มือบางคว้าเอากระเป๋าใบขนาดย่อมๆในมือของอีกคน
“ใช่ นายห้ามไปจากที่นี่ เพราะนายต้องตายที่นี่!”
ปฏิภาณเลิกคิ้วมองพลางเบ้หน้าอย่างกวนโทสะ ก่อนแย่งกระเป๋าของตัวเองกลับคืนมา
“ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องตายที่นี่ หลบไปซะ”
ปฏิภาณว่าพลางหันหน้ากลับก่อนจะเดินออกไป มือบางกำหมัดแน่นพลางกัดฟักรอดอย่างโมโหสุดขีด นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกัน อยู่ๆเจ้านายของเขาก็ปล่อยคนๆนี้ไปง่ายๆโดยที่ยังไม่ทำอะไรเลยซักอย่าง เห็นทีงานนี้เขาต้องทำอะไรบางอย่างให้คนๆนี้กลับมา เขายอมไม่ได้ถ้าความจริงปรากฏแล้วเก่งจะเกลียดเขา เขาไม่ยอมให้มันต้องเป็นแบบนั้นแน่!
เขาคงต้องจัดการอะไรสักอย่างอีกแล้วสินะ
วาโยยืนมองร่างของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินออกไปจากที่นี่ หัวใจของเขามันปวดร้าวไปหมด ร้าวจนเขาอยากจะควักหัวใจตัวเองออกมา เพื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดเหมือนอย่างที่เป็นอยู่นี้ แต่เขารู้ดีว่าเขาควรปล่อยคนๆนี้ให้ไปสู่อิสระ ถึงเขาจะเลวร้ายเพียงใด แต่เขาก็ไม่ต้องการทำร้ายใครอย่างไร้เหตุผล ทำร้ายใครทั้งๆที่เขาไม่มีความผิด มันดูไม่ยุติธรรมนัก
“นายทำถูกแล้วเซน ถูกแล้วที่ไปจากคนเลวๆอย่างฉัน”
เขาพูดเบาๆ พร้อมดวงตาคู่คมที่มองออกไปอย่างคนสำนึกผิด ร่างบางเดินไปจนลับตาแล้ว หากแต่เขายังคงเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย เกลียดตัวเองในเวลาแบบนี้จริงๆ เขาเกลียดเวลาที่เขาอ่อนแอ เกลียดความรู้สึกปวดร้าวที่เกิดขึ้นในหัวใจแบบนี้
..
“ผมขอยกเลิกการว่าจ้างของคุณ”
ปฏิภาณที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้ว่าจ้างพูดโพล่งขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อมทันทีที่ได้เข้าพบ
บรรยากาศห้องทำงานมืดทึบ เต็มไปด้วยกลิ่นอับ พร้อมควันบุหรี่จากเจ้าของห้องลอยอบอวลชวนให้เขาอยากออกไปจากห้องนี้แต่โดยไวเสียจริงๆ
ภาคิณละสายตาจากหนังสือพิมพ์ฉบับประจำวันนี้ ก่อนจะเหลือบตามองอย่างเป็นคำถาม มือข้างหนึ่งที่คีบมวนบุหรี่ไว้ยกขึ้นมาสูบ ก่อนจะพ่นควันสีขาวลอยคละคลุ้ง ก่อนจะทิ้งเจ้ามวนยาสูบนั่นลงบนที่เขี่ยบุหรี่
“ทำไม ค่าจ้างมันน้อยไปสำหรับนักฆ่าฝีมือดีอย่างนายงั้นเหรอ”
“ผมมีเหตุผลของผม”
น้ำเสียงเย่อหยิ่งกล่าว พลางขยับแว่นสีชาที่ตนสวมอยู่ให้เข้าที่
“เหตุผลอะไรของนายฉันไม่สนหรอกนะ แต่นายรับงานฉันแล้วนายควรทำให้เสร็จ! และมันต้องสำเร็จ!”
ร่างสูงล่ำว่าเสียงแข็งพลางลุกขึ้นยืน สองแขนเท้าโต๊ะไม้ใหญ่
“ผมไม่ทำ!”
ร่างบางตวาดลั่น พลางลุกขึ้นยืนประจันหน้า
ร่างสูงมองกลับอย่างแข็งกร้าว ถ้าหากคนๆนี้ไม่ยอมทำงานให้เขา แล้วความแค้นที่มีต่อหัวหน้ามาเฟียนั่นมันจะถูกชำระลงได้อย่างไรกันหล่ะ ไหนจะเพชรสูงมูลนั่นอีก ยังไงเขาก็จะให้คนๆนี้กลับไปทำงานให้เขาเหมือนเดิม!
ไวกว่าความคิด มือแกร่งคว้าเอาคอเสื้อของคนตรงหน้าไว้แน่น พลางจ้องมองดวงหน้าสวยนั้นเขม็ง
“อย่าคิดว่าฉันจะปราณีกับนายนะ ยังไงนายก็เป็นแค่ลูกจ้าง กลับไปเอาเพชรมาให้ฉัน พร้อมกับฆ่ามันซะ ไปล้างแค้นให้มันสาสมกับที่มันเอาฉันเป็นแพะรับบาปติดคุกแทนมัน ให้มันสาสมกับที่มันแย่งริทไป!”
ปฏิภาณมองกลับอย่างเอาเรื่อง ให้ตายเถอะ จะให้กลับไปยังไงเขาก็ไม่สามารถทำภารกิจนั้นได้อยู่ดี
“หรือนายอยากจะเป็นนักฆ่าที่ถูกฆ่าเสียเองในวันนี้หล่ะ???”
เสียงเย็นขาเอ่ยถามพร้อมอีกหนึ่งมือที่คว้าเอาปืนสั้นออกมาจี้ที่เอวปฏิภาณ
“พี่โน่ใจเย็นก่อนครับ”
จู่ๆเสียงหวานๆขงใครบางคนก็ดังขึ้นแทรกเหตุการณ์ ภาคิณจึงจำเป็นต้องปล่อยมือจากคอเสื้ออีกคนพร้อมลดปืนลง ปฏิภาณเป่าลมหายใจออกอย่างโล่งอก ใจเผลอคิดไปแล้วว่าอาจจะต้องถูกปลิดชีพเสียตรงนี้ แต่โชคดีที่มีใครบางคนเข้ามาห้ามไว้ได้
“กัน ออกไปนายไม่เกี่ยว”
เสียงทุ้มว่ากับคนที่กำลังเดินเข้ามา นัยน์ตาหวานมองภาคิณสลับกับอีกคน พลางส่ายหน้าน้อยๆ
“แต่พี่โน่ควรใจเย็นกว่านี้ กันไม่อยากให้พี่ทำอะไรวู่วาม”
เสียงหวานห้าม ก่อนจะหันมามองปฏิภาณ
“คนนี้นะเหรอ ที่พี่จ้างให้ไปเอาเพชรจากพี่เก่ง”
“ใช่”
ภาคิณตอบเสียงห้วน ปฏิภาณมองคนที่เข้ามาใหม่อย่างงุนงงหากแต่ก็เงียบไว้ไม่ได้ปริปากำพูดอะไร นภัทรหันมายิ้มให้เขาครั้งหนึ่งอย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันไปคุยกับโตโน่
“ให้กันจัดการเองนะ พี่โน่ไปพักผ่อนเถอะ”
เสียงหวานว่าพลางแตะที่ไหล่หนาเบาๆ ภาคิณพยักหน้าอย่างเซ็งๆ
ครืดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดด
จู่ๆโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องหรูก็ดังสั่นขึ้น ภาคิณยกหน้าจอขึ้นมาดู ดวงตาเขาฉายประกายวิบวับ จนคนที่อยู่ในฐานะคนรักอย่างนภัทรมองออกได้ว่าสายนั้นเป็นใคร
ภาคิณละจากสถานการณ์ในห้องทำวานของตัวเอง โดยการเดินออกมารับสายด้านนอก พร้อมกับสายตาของนภัทรที่มองตามอย่างอึดอัดในหัวใจ จนประตูห้องปิดลงสนิท
เหลือเพียงนภัทรกับปฏิภาณเท่านั้นที่อยู่ในห้องบรรยากาศชวนอึดอัดนี้ นัยน์ตาหวานส่องประกายมองมาที่ปฏิภาณด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วขึ้นนั่งบนโต๊ะ
“ทำไมนายไม่ทำงานให้พี่โน่ต่อหล่ะ”
เขาถามเสียงเรียบ พลางสายตาก็สนใจอยู่กับที่ทับกระดาษรูปร่างประหลาดที่หยิบขึ้นมาไว้ในมือ
“ฉันมีเหตุผลของฉัน”
ปฏิภาณตอบ โดยไม่คิดจะหันไปมองหน้าคนถาม
“เหตุผลงั้นเหรอ เหตุผลนั้นมันสำคัญมากถึงขนาดที่นายจะต้องเลิกทำงานนี้เลยรึไง? ฉันไม่ได้อยากรู้อะไรจากนายมากหรอกนะ แต่นายรับปากจะทำภารกิจนี้แล้วนายก็ควรทำให้เสร็จ”
“แต่ฉันฆ่าเขาไม่ได้”
ปฏิภาณตอบเสียงเบา พลางในใจก็นึกละอายที่ตัวเองไม่สามารถทำตามที่รับปากไว้กับนายจ้าง มือเรียวสวยของนภัทรวางเจ้าที่ทับกระดาษลง ก่อนจะวางลงบนไหล่บางของอีกคนเบาๆ
“ฆ่าไม่ได้ก็ไม่ต้องฆ่าสิ แค่ไปเอาเพชรนั่นมาก็ได้ อย่างน้อยนายก็ได้ทำตามในสิ่งที่นายพูดไว้แล้วครึ่งหนึ่งนะ”
จบประโยค ปฏิภาณก็หันไปมองอีกคนอย่างครุ่นคิด แล้วจะให้เขากลับไปได้ยังไง ในเมื่อวาโยไม่ได้ต้องการเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“แต่คุณเก่งเขาไล่ผมออกมาแล้ว”
“ไล่ออกมา ก็ใช่ว่าจะกลับเข้าไปไม่ได้นี่ ฉันรู้ว่านายรู้วิธีว่านายจะต้องทำยังไง”
“แต่
”
ปฏิภาณว่าแย้งขึ้น หากแต่ไม่ทันได้แย่งอะไร นภัทรก็ชิงพูดต่อ
“ไม่จำเป็นต้องรีบกลับไปก็ได้ ให้เวลาตัวเองไปทบทวนก่อน แล้วค่อยมาให้คำตอบว่านายจะเอายังไง ฉันไปหล่ะ”
นภัทรพูดจบ ก็ตบบ่าให้กำลังใจก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ปฏิภาณยืนครุ่นคิดกับสิ่งที่เขาพูดเพียงลำพัง
ประตูห้องทำงานปิดลงแล้ว นภัทรหันกลับมามองมันพลางยิ้มบางๆ
“ผมช่วยพี่เก่งได้แค่นี้แหละครับ ช่วยให้พี่ไม่ต้องถูกฆ่าตาย แต่เรื่องเพชรนั่นผมไม่สามารถจริงๆ”
เขาพูดเสียงแผ่วออกมาจากความรู้สึกข้างใน ถึงหัวใจเขาตอนนี้จะมีเพียงโตโน่แล้ว แต่เขาก็ไม่เคยลืมว่าแต่ก่อนเขาเคยรู้สึกอย่างไรกับเก่ง และเขาก็ไม่คิดติดใจอะไรที่เก่งไม่ได้นึกจริงจังกับเขา สำหรับตัวเขากับเก่งเขาเหลือเพียงภาพทรงจำที่มันไม่ค่อยดี แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายกับเขา เขาเองไม่ได้เห็นด้วยนักกับการที่โตโน่ส่งคนไปล้างแค้น และนี่เขาก็คิดว่าเขาทำถูกแล้วที่ช่วยเก่งให้พ้นจากการถูกฆ่า
เขาพยายามทำดีที่สุดแล้ว
“ว่าไงครับริท”
เสียงทุ้มกรอกไปตามสาย หลังจากที่เดินออกมากดรับโทรศัพท์ด้านนอก
“จะอะไรอีกหล่ะครับ ไอ้เซนนั่นมันออกไปจากที่นี่แล้ว พี่โน่ไม่คิดจะทำอะไรเลยอย่างนั้นหรอครับ”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดแผดเข้ามา ทำเอาคนฟังถึงกับสะดุ้งน้อยๆ จะอะไรกันนักกันหนา พอเซนอยู่ก็โวยวาย พอเซนออกมาก็มาพาลโกรธเขา คนอะไรทำไมเข้าใจยากแบบนี้ ถ้าไม่ติดที่ว่าคนๆนี้เป็นคนที่เขารัก เขาคงไม่อยากเสวนาด้วย มันน่าเบื่อ น่ารำคาญ
“ใจเย็นสิครับริท พี่กำลังพูดให้ไอ้หน้าแมวนั่นกลับไป”
ภาคิณว่า ใช่ เขาอยากให้ปฏิภาณกลับเข้าไปแน่ๆ กลับเข้าไปทำภารกิจให้สำเร็จ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเจ้าตัวทำท่าจะไม่ยอมกลับเข้าไปอีกแล้วลูกเดียว เขาเองก็ใช่ว่าจะพอใจเหมือนกัน
“ไม่ ริทไม่เย็นแล้วครับ คืนนี้พี่พามันออกมาที่ Franken clubละกัน เดี๋ยวทุกอย่างริทจะจัดการเอง”
“ริทจะทำอะไร?”
ร่างสูงถามกลับอย่างงุนงงในคำสั่งที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยนั่น
“อย่าถามมากได้ไหมครับ เอาเป็นว่าทำตามที่ริทสั่งก็พอ แล้วเจอกันครับ”
ยังไม่ทันที่ภาคิณจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ คนปลายสายก็กดตัดสายไปเสียแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขามีสิทธิ์อย่างเดียวคือทำตามที่อีกคนบอก มันก็ดีถ้าหลอกให้ปฏิภาณกลับเข้าไปได้ เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลารบเร้าให้คนๆนั้นกลับไป
ความคิดเห็น