ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Killer! รัก/ลวง/ฆ่า [GengZen feat.TonoRitz]

    ลำดับตอนที่ #13 : The Killer...Chap12

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 54


    12

    เวลาล่วงเลยผ่านไปจนตกดึก หากแต่ร่างบางกลับไม่เห็นว่าเจ้าของห้องจะกลับเข้ามาเลย จู่ๆไอ้ความรู้สึกนึกเป็นห่วงก็เกิดขึ้นมาในหัวใจของเขาเอาเสียดื้อๆอย่างที่ตัวเขาเองแปลกใจไม่น้อย ทั้งๆที่ถูกทำร้าย ทั้งๆที่อีกคนเกลียดชังเขา แต่เหมือนหัวใจเขามันชอบที่จะเจ็บปวดแบบนี้ แม้จะโกรธเกินจะอยากเจอหน้า แต่ลึกๆกลับเรียกหาอยากให้อีกคนกลับมาโดยไว

    ร่างบางเดินวนไปเวียนมารอบๆห้อง ไม่รู้ว่าเขาเดินวนไปมาแบบนี้ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว แต่ที่รู้ๆ เขาไม่สามารถนั่งติดกับที่ได้เลยซักนาทีเดียว

    แกร๊ก ก

    เสียงสะเดาะกลอนหน้าห้องดังขึ้น ดั่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนที่เขากำลังรอคอยคงกลับมาแล้ว ปฏิภาณรีบจัดแจงกระโจนขึ้นเตียงใหญ่โดยทันที พลางแสร้งทำทีนอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาเหตุเพราะกลัวว่าอีกคนจะล่วงรู้ว่าตนนั้นรอการกลับมาของเขา

    “ไม่ต้องแกล้งหลับหรอก”

    ยังไม่ทันที่เขาจะได้หลับตา เสียงของวาโยก็ดังลั่นเข้ามา พร้อมกับร่างสูงสง่า มือหน้าโยนเสื้อสูทของตัวเองลงบนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงหนาด้านหนึ่ง

    ร่างสูงนั่งก้มหน้า ศอกสองข้างวางบนเข่า พลางสองมือก็กุมที่ขมับ ใบหน้าที่เคยมีแต่อารมณ์ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด กลับขมวดมุ่นอย่างคนที่คิดไม่ตก พลางเนื้อตัวก็ส่งกลิ่นสาบของเหล้าชั้นดี เป็นเครื่องหมายบอกว่าอีกคนคงไปดื่มเหล้ามาอย่างแน่นอน

    เฮ้ออออออ อ

    วาโยถอนหายใจยาว อย่างต้องการระบายความรู้สึกหนักอกในใจของเขา ปฏิภาณยังคงนอนนิ่งแม้จะรู้ตัวว่าอีกคนรู้ว่าตนไม่ได้หลับ และเขาเองก็รู้ว่าอีกคนคงกำลังมีปัญหาอยู่

     

    ทำไมหัวใจมันหวิวๆ ทำไมมันอยากลุกขึ้นไปถามว่าเขาเป็นอะไร ทั้งๆที่คนๆนี้เย็นชาและใจร้ายกับเขาอย่างเกินที่จะน่าให้อภัย ไม่เข้าใจจริงๆ

     

    “ออกไปจากห้องฉันเถอะ”

    เสียงเย็นชาพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังจากที่นั่งทอดลมหายใจอยู่ครู่ใหญ่ๆ คนแสร้งทำทีเป็นหลับสะดุ้งตัวน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น คิ้วสวยขมวดมุ่นมองเจ้าของประโยคอย่างนึกสงสัย สายตาว่างเปล่าเหลือบหันมามองเขาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเสหน้าไปทางอื่น

    “หลังจากนี้ฉันจะไม่ขังนายอีกแล้ว นายจะลาออกจากการเป็นลูกน้องเมื่อไหร่หล่ะ พรุ่งนี้ไหม? ไงก็โชคดีนะ”

    น้ำเสียงนิ่งเรียบพูดประโยคสั่งลาที่ทำเอาอีกคนที่ฟังอึ้งงันปนความไม่เข้าใจ บวกกับเนื้อความที่ชวนให้หัวใจของเขามันร่วงไปอยู่ตาตุ่ม ทั้งๆที่มันควรจะเป็นข้อความที่ทำให้เขายิ้มร่า เพราะเขาจะได้อิสระคืนมา

    ด้านคนพูด หัวใจที่แข็งกร้าวกลับวูบไหวในสิ่งที่ตัวเองพูดอยู่ไม่น้อย แม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่เขารู้สึกได้ว่ามันเจ็บจนจุกไปหมด แต่เขาก็เลือกที่จะซ่อนมันไว้ไม่ให้อีกคนรับรู้

    “คุณหมายความว่ายังไง”

    นี่เป็นครั้งแรกที่ร่างบางได้พูดจาดีๆเวลาที่อยู่กับคนๆนี้เพียงลำพัง ทั้งๆที่พอเข้าใจความหมาย แต่มันไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอ ที่คนที่จ้องจะทำร้ายเขา กลับปล่อยให้เขาไปอย่างง่ายๆ

    “ก่อนไปก็เก็บของให้หมดหล่ะ ชั้นไม่อยากได้ของๆนายติดไว้ที่บ้านฉันนะ”

    วาโยว่าอย่างไม่ฟังคำถามของอีกคน ปฏิภาณบุ้ยปากน้อยๆอย่างหงุดหงิดกับคนที่พูดจาไม่รู้เรื่อง ก่อนจะตัดสินใจลงจากเตียงมายืนประจันหน้ากับคนที่เอาแต่นั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่

    “เดี๋ยวสิครับ ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด คุณหมายความว่ายังไง?”

    เซนว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดน้อยๆ ได้ฟังเช่นนั้นมาเฟียหนุ่มก็เงยหน้า พลางตวัดสายตาค้อนมอง

    “ฉันบอกให้ไปก็ไปสิ ออกไปซะ”

    เสียงแข็งพูดอย่างนึกโมโหที่อีกคนทำตัวไม่ได้ดั่งใจ หากแต่ใจจริงอยากจะขอโทษ แต่ไม่รู้จะพูดยังไงเลยแสดงออกไปแบบนี้ อย่างน้อยมันคงเป็นการไถ่โทษถ้าจะปล่อยให้คนที่เขาทำร้ายเป็นอิสระ

    “อะไรกันครับ ผมแค่อยากจะฟังเหตุผลของคุณ ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่ผมหล่ะ”

    แค่คำไล่ให้ไป คนร่างบางก็แทบสะอึก ใจเขามันไม่อยากไปจากตรงนี้ และภารกิจที่เขาต้องรับผิดชอบนั้นก็จำเป็นให้เขายังต้องอยู่ที่นี่ ไม่ได้ยังไงเขาต้องอยู่ที่นี่ให้ได้ เขาไม่ยอมให้ภารกิจสำคัญต้องล้มลงไม่เป็นท่าแน่นอน

    ร่างสูงกัดฟันกรอด พลางสะบัดหัวอย่างหงุดหงิดก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง มือหนาคว้าเอาลำแขนข้างหนึ่งของคนที่ยืนตั้งคำถามเขาพลางบีบแน่น ก่อนจะลากออกมาที่หน้าประตู

    ผลักก ก

    ร่างสูงเหวี่ยงคนตัวเล็กกว่าออกจากห้องอย่างเต็มแรง เกิดคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของคนถูกกระทำ

    “บอกให้ไปก็ไป ออกไป!!!!!!!

    วาโยตะคอกใส่อย่างโมโหสุดขีด คนถูกตะคอกหลับตาปี๋อย่างหวั่นกลัว พลางในใจมันก็ปวดหนึบขึ้นมาเสียดื้อๆ ดูเหมือนว่าใจเขาไม่อยากไปจากตรงนี้สักเท่าไหร่นัก

    ปังงงงงง!

    เสียงประตูปิดดังลั่น คนที่โดนไล่ออกมาถึงกับสะดุ้งตกใจ ก่อนจะรวบรวมสติยืนมองประตูบานใหญ่อย่างงุนงง

    มันเรื่องอะไรกันทำไมจู่ๆ คนๆนี้กลับไล่เขาออกมาจากห้องเสียดื้อๆ คงต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลเป็นแน่ แต่เอาเถอะคืนนี้ไปนอนที่ห้องของตัวเองก่อนแล้วกัน ไปสัมผัสห้องนอนตัวเองเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาที่นี่ก่อน สำหรับเรื่องนี้พรุ่งนี้เขาคงต้องจัดการแน่ๆ ยังไงก็ไม่ยอมออกจากการเป็นลูกน้องของที่นี่ได้ง่ายๆ จนกว่าเขาจะหาเพชร และปลิดชีพหัวหน้ามาเฟียคนนี้ได้ นั่นแหละ เขาถึงจะยอมจากที่นี่ไป

     

    แต่ทำไมยิ่งคิด มันยิ่งปวดใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ???

     

     

    วาโยเดินกลับเข้ามาก่อนจะนอนแผ่หลาลงบนเตียงกว้าง หนึ่งมือยกขึ้นก่ายหน้าผาก พลางดวงตาก็เหลือบมองเพดาน

    “ฉันขอโทษ”

    เขาเพ้อออกมาเสียงแผ่ว ความรู้สึกผิดมากมายมันถาโถมเข้ามาจนทำเอาเขาไม่เป็นอันทำอะไร หลายสิ่งหลายอย่างมันร้ายแรงต่ออีกคนมากแค่ไหนเขารู้ดี แต่เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากขอโทษอะไรไป เพราะไม่ว่ายังไงสิ่งที่เขาทำมันยากเกินกว่าที่ใครจะมาให้อภัยเขาได้ รวมถึงตัวเขาเองก็ไม่อาจยกโทษให้กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปได้ และสิ่งที่เขาคิดว่าจะดีที่สุดต่ออีกคนคือการที่จะให้ความอิสระ และให้อีกคนได้อยู่ห่างๆคนเลวอย่างเขา

    “ทำไมมันเจ็บได้ขนาดนี้กัน”

    คนแข็งกร้าวว่าพลางยกมือทาบลงบนหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง เขาปิดเปลือกตาลงพลางฟังความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ

    หากใครมาเห็นภาพเขาตอนนี้คงไม่มีใครอยากเชื่อได้ว่า คนตรงนี้เป็นวาโย อัศวะรุ่งเรืองตัวจริง ความแข็งกร้าว หยาบกระด้าง สายตาดุดัน กลับเหือดหายไปดั่งเป็นคนละคน เหลือเพียงความรู้สึกอ่อนไหวที่เจ้าตัวก็ยากเกินจะเข้าใจมัน พร้อมกับดวงตาคู่คมที่อ่อนลงอย่างที่ไม่เคยได้ขึ้นฉายบนใบหน้านี้แม้แต่ครั้งเดียว

     

    ใช่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่หัวใจของเขามันมีความรู้สึก

     

    แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามันคืออะไรกัน???

     

    คำถามถามย้ำตัวเองเป็นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขากลับนึกคำตอบของมันไม่ได้เลยสักครั้ง นาฬิกาบอกเวลาเดินมาจวบจนเช้ามืดหากแต่เขาก็ยังไม่อาจข่มตาหลับลงได้สักที ยิ่งพยายามเขากลับยิ่งเห็นภาพของใครอีกคน เห็นคราบน้ำตา เห็นใครคนนั้นกำลังเจ็บปวดเพราะเขา เจ็บปวดในสิ่งเลวๆที่เขากระทำลงไป และเขาก็ไม่สามารถหลีกหนีความรู้สึกผิดบวกกับอาการแปลกๆของหัวใจตัวเองไปได้ เขาพยายามข่มตาลงอีกครั้งอย่างยากเย็น แม้จะใช้เวลาอยู่พักใหญ่แต่ความเหนื่อยอ่อนของร่างกายก็พาเขาเข้าสู่ห้วงนิทราลงได้ในเวลาจวนจะรุ่งสาง

     

     

     

     ……………………………………………………..

     

    ครืดดดด ครืดดดดดดดด

    โทรศัพท์มือถือสีขาวปลอดสั่นขึ้นในช่วงสายๆของวัน  มือเรียวกดรับโทรศัพท์ พลางขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะกรอกเสียงหวานๆออกไป

    “ฮัลโหลครับ”

    “เซน ทำไมนายเพิ่งเปิดเครื่อง ภารกิจที่ฉันสั่งคืบหน้าถึงไหนแล้ว”

    เสียงทุ้มของผู้ว่าจ้างถามด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ที่เพิ่งสามารถติดต่อลูกจ้างตัวเองได้ หลังจากที่ขาดการติดต่อมาราวสามสัปดาห์

    “เอ่อ อ ยังไม่ถึงไหนเลยครับ ผมเพิ่งถูกปล่อยมาได้ แต่อีกไม่นานแล้วหล่ะครับ รออีกนิดเดียว ผมจะจัดการให้แน่นอน คุณโตโน่สบายใจได้”

    ปฏิภาณว่าพลางยกยิ้มน้อยๆ ใช่อิสระเขาได้มาแล้ว เหลือแค่ไปจัดการปัญหาที่ค้างคาแล้วตีสนิทหัวหน้ามาเฟียหนุ่มให้ไว้ใจเขา แค่นั้นเขาก็จะสามารถสะสางทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย

    “เอาเถอะ ทำอะไรระวังตัวด้วยแล้วกัน แล้วฉันจะรอดูผลงาน”

    ติ๊ด

    เสียงทุ้มทรงพลังของภาคิณว่าก่อนจะตัดสายไปในทันที ปฏิภาณมองหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองที่ค่อยๆวูบแสงลง พลางนึกถึงประโยคของตัวเอง

    “จะทำได้ไหมเนี่ยเซน”

    เขาถามตัวเองอย่างนึกไม่แน่ใจ สองมือทึ้งหัวตัวเองอย่างนึกหงุดหงิดน้อยๆ

    ความมั่นใจที่เคยมีเต็มเปี่ยมในตัวเขาบัดนี้กลับหายไปเสียหมด ราวกับว่าเขาไม่ใช่ตัวเองเลยสักนิด เขาถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องของตัวเอง ตรงไปยังห้องทำงานของวาโยเพื่อจะจัดการกับสิ่งที่ยังค้างคาในใจ ถึงสภาพใบหน้าจะยังงัวเงียอยู่เพราะเมื่อคืนเขาเองนอนหลับไม่เต็มตาสักที กว่าจะหลับลงก็ล่วงเลยมาเกือบตีสี่ คำพูดทุกประโยคเมื่อคืนของวาโยมันหลอกหลอนเขามาตลอดทั้งคืน จนมาเช้านี้มันยังคงดังก้องอย่างชัดเจน และยิ่งดังชัดเจนเท่าไหร่ หัวใจเขาก็ยิ่งรู้สึกเบาหวิวอย่างบอกไม่ถูก เบาหวิวจนขนาดเขาเองก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกนี้ได้

     


     ....................................................................................................

    เบาๆก่อนนะ ไรเตอร์เหนื่อย 55555 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×