ตอนที่ 3 : 01 : ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ [2]
จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงต่อ หญิงสาวก็ขับรถมาถึงหน้าบ้านของเมธานินทร์ซึ่งอยู่แทบจะเกือบท้ายสุดของหมู่บ้าน เพราะเป็นบ้านที่อยู่ลึกจึงทำให้กัญญณัชไม่ได้ขับรถผ่าน บ้านสไตล์โมเดินสองชั้นล้อมรอบด้วยสวนหย่อมกระจัดกระจายสวยงาม แสงไฟสีส้มถูกเปิดออกมาจากด้านในบ้านและตามรั้วบ้าน ทุกอย่างยังคงคล้ายกับวันวานที่เธอมา แต่ก็มีบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากการต่อเติม
“ถึงแล้วลงไปสิ”
“ไปลงไปเจอพ่อแม่ฉันเหรอ” คนที่นั่งมาด้วยกันปลดสายเข็มขัดนิรภัยพลางเอ่ยถาม
“ไม่เอาอะ ฉันจะรีบกลับบ้าน”
“ตามใจ วันนี้พี่หนึ่งก็ขอบคุณน้องกวางที่มาส่งนะจ๊ะ” คนกะล่อนเปิดประตูลงจากรถแล้วก็ไม่วายส่งยิ้มมาให้เธอ “เอาเป็นว่าเดี๋ยวตอบแทนให้อย่างงาม”
“เหอะ ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าดีที่สุด” หญิงสาวตอบเสียงกระด้าง
“เกินความสามารถสักหน่อย พอดีว่าพี่หนึ่งอยากเห็นหน้าน้องกวางทุกวันเลย”
“อี๋ ออกไปเลย” กัญญณัชยืดตัวออกไปที่เบาะข้างคนขับและมือเรียวรีบไปผลักคนตัวสูงออกจากรถเพราะเขามัวแต่ลีลา จากนั้นก็รีบดึงประตูปิดทันที
หญิงสาวขับรถออกจากบริเวณหน้าบ้านของชายหนุ่มทันทีเมื่อไล่เขาออกไปแล้ว เพียงขับรถย้อนกลับมาแค่ไม่กี่เมตร กัญญณัชก็มาถึงบ้านของตนเอง รถคันเล็กถูกขับเข้าไปจอดยังโรงรถข้างบ้าน เจ้าของเสียงเห่าคำรามที่ดังต่อเนื่องตั้งแต่รถเธอขับเข้ามาจนกระทั่งรถจอดวิ่งส่ายหางเข้ามาคลอเคลียพร้อมร้องหงิงๆ
“ไงไอ้ต้าว” เธอก้มลงไปลูบหัวเจ้าตัวที่วิ่งเข้ามาเบาๆ
สุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้อายุ 2 ขวบ ดวงตาสีฟ้า ขนสีขาวผสมดำ หญิงสาวตั้งชื่อว่า‘ต้าว’ เพราะเวลาเรียกจะได้ดูน่ารัก แต่นิสัยไม่น่ารักเอาเสียเลย
ร่างบางเดินเข้าไปด้านในบ้านพร้อมกับต้าวโดยมีผู้เป็นพ่อกำลังนั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่น ในขณะเดียวกันกลิ่นหอมของเจียวหมูที่ออกมาจากครัวก็โชยเข้าจมูก แม่ของเธอคงกำลังทำอาหารอยู่
“แม่เอ็งอยู่ในครัวน่ะ เห็นวันนี้อยากทำสปาซ่าอะไรไม่รู้” พงพัฒน์เอ่ยเมื่อเห็นร่างของลูกสาวคนเดียวย่างกรายเข้ามาในตัวบ้าน
“สปาเก็ตตี้ไหมพ่อ” กัญญณัชหัวเราะกับเมนูอาหารแปลกๆ นั้น
“เออนั่นแหละ”
“กวางขึ้นห้องก่อนนะ เดี๋ยวลงมากินข้าวด้วย”
กัญญณัชเดินผ่านห้องโถงที่อยู่ถัดจากห้องนั่งเล่นซึ่งจะมีบันเดินสำหรับเดินขึ้นชั้นสองของบ้าน เมื่อมาเหยียบขั้นสุดท้ายของบันไดก็เดินไปห้องนอนของตนเองที่อยู่ทางขวา ถัดออกไปก็เป็นห้องนอนของพ่อกับแม่ โดยมุมตรงกลางที่คั่นระหว่างสองห้องคือหิ้งพระที่ตอนนี้ถูกสร้างกระจกมาล้อมเป็นประตูกั้นเอาไว้แล้ว เนื่องจากตั้งแต่เลี้ยงไซบีเรียน หิ้งพระก็ไม่ค่อยปลอดภัย
เตียงนอนตัวยาวที่คลุมด้วยผมปูที่นอนที่ครีมยุบลงเมื่อร่างบางทิ้งตัวนอนเต็มแรง เธอแสนจะปวดหลังเหลือเกิน อย่างที่เขาว่ากัน คนที่ไม่ปวดหลังคือคนที่มีลาภอันประเสริฐ
แต่นอนไปได้สักพักหญิงสาวก็ลุกออกจากเตียงนอนแล้วเดินไปยังตู้กระจกเก็บของที่ตั้งอยู่ปลายเตียง ไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นเหตุถึงทำให้กัญญณัชหยิบกล่องเหล็กขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือประมาณหนึ่ง มันถูกวางเก็บไว้ในตู้มานานหลายปีและเธอก็ไม่ค่อยสนใจใยดี
ฝุ่นเกรอะกังปกคลุมกล่องทำให้หญิงสาวต้องหามาเช็ดมันออก จากนั้นจึงเริ่มเปิดฝากล่อง โชคดีที่ของด้านในไม่โดนฝุ่นไม่โดนน้ำ ทำให้สภาพยังเกือบสมบูรณ์ มือเรียวเข้าไปหยิบกระดาษรูปภาพสี่ห้าใบออกมาดู ภาพที่ถ่ายไว้นานก็ซีดเก่าไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่อยู่ในรูปไม่เปลี่ยนไป มันยังคงเหมือนเดิม
ทั้งห้าภาพคือภาพของเด็กหนุ่มกับเด็กสาวสองคนที่อยู่ในอิริยาบถแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพตอนไปทัศนศึกษาของโรงเรียน ภาพตอนวันกีฬาสี ภาพตอนเรียนในชั่วโมงศิลปะ ภาพในวันฉลองปีใหม่ และภาพในชุดนักเรียนวันปัจฉิมนิเทศจบการศึกษา
ในทันใดนั้นเองภาพเหตุการณ์ในวันวานก็ถูกนำกลับมาฉายซ้ำในหัวของเธอ
‘เราก็ขึ้นมอหกแล้วนะ แกตัดสินใจได้หรือยังว่าจะเรียนที่ไหน’ ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดย่างสิบแปดเอ่ยถามกับเด็กสาวที่กำลังเดินกลับบ้านด้วยกัน
‘ไหนบอกว่าจะเรียนหมอด้วยกันไง’
‘ก็ใช่ แล้วเรียนที่ไหน’
‘อ้อ เราไปเรียนแถวสามย่านด้วยกันไหม’
‘เอางั้นเหรอ ก็ได้’ เมธานินทร์พยักหน้าตาม นั่นจึงทำให้กัญญณัชยิ้มออกอย่างดีใจ
ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะไปเรียนด้วยกัน ทั้งที่ตอนไปสอบก็ไปด้วยกัน ตอนเรียนพิเศษก็ไปเรียนด้วยกัน...
‘พ่อ! แม่! กวางสอบติดแล้วนะ’ เสียงร้องดีใจดังขึ้นหลังจากที่ดูผลการยื่นคะแนนสอบด้วยเลขรหัสที่สมัคร ปรากฏว่ากัญญณัชได้เข้าไปเรียนหมอที่สามย่านดั่งใจหวัง
‘จริงเหรอลูก แล้วไม้หนึ่งติดเหมือนกันไหม’ แม่ของเธอก็ดีใจและถามถึงเพื่อนสนิทเธอเช่นกัน
‘จริงด้วย เดี๋ยวกวางเช็ค’
กัญญณัชมีเลขรหัสการสมัครของเมธานินทร์ทำให้สามารถเข้าไปตรวจสอบผลของอีกฝ่ายได้ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นสร้างความตกใจอย่างมาก
หลังจากที่เห็นประกาศผลของผู้เป็นเพื่อน ร่างบางจึงวิ่งออกจากบ้านของตนเองแล้วไปหยุดอยู่หน้าบ้านของเมธานินทร์ทันที เขาเดินออกมาเปิดประตูรั้วให้เธอด้วยสภาพงัวเงียคล้ายเพิ่งตื่น
‘มีอะไร มาหาแต่เช้า’
‘แกไม่ได้ยื่นมอเดียวกับฉันเหรอ ไม่สิ..ฉันจำได้ว่าแกยื่น แต่แกไปเปลี่ยนทีหลังใช่ไหม’
‘อ้อ ผลออกแล้วเหรอ’
‘ไหนแกบอกจะเรียนด้วยกัน แล้วแกเปลี่ยนทำไม’
‘ก็ฉันไม่อยากไปเรียนกับแกแล้ว’
‘อะไรนะ?’ เธอเบิกตากว้างอย่างตกใจที่ได้ยินเหตุผลนั้นจากเพื่อนสนิท
‘ฉันรำคาญแกว่ะ ฉันไม่อยากอยู่กับแกอีกแล้ว โอเคไหม’
‘แกมันงี่เง่า’ เสียงหวานเริ่มสั่นเครือตอนเอ่ยคำนั้น
‘แกสิงี่เง่า’
‘ฉันคิดว่าแกจะเป็นเพื่อนที่เข้าใจฉันมากที่สุดเสียอีก แกมัน...โคตรแย่ แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว ถึงขั้นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ’
‘เออใช่ งั้นก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันแล้ว ฉันก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับคนแบบแกเหมือนกัน’ จบประโยคนั้นร่างสูงก็ปิดประตูรั้วและเดินหนีเข้าบ้าน
“กวาง กินข้าวลูก”
ภาพพวกนั้นค่อยๆ เรือนลางไปหลังจากที่หญิงสาวได้ยินเสียงเรียกลงไปทานข้าวของผู้เป็นแม่ กัญญณัชรีบเก็บภาพลงกล่องแล้วโยนทิ้งไว้ในตู้ตามเดิมจากนั้นก็ออกจากห้องลงไปชั้นล่างของบ้าน
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้เจอหน้าอดีตเพื่อนสนิทอีกเลย เพราะมหาวิทยาลัยที่เขาเปลี่ยนในใบสมัครทำให้เขาต้องไปเรียนไกลถึงศาลายา นครปฐม เขาออกไปจากชีวิตของเธอตั้งแต่นั้น
ไอ้ไม้หนึ่ง ไอ้บ้า ไอ้คนนิสัยแย่ เลือกจะออกไปจากชีวิตเธอแล้วจะกลับเข้ามาอีกทำไม
Castle-G's Talk
น่อววววว ภาพจำในอดีตบางส่วนปรากฏเข้ามานิดนึงแน้ว
ฝากส่งฟีดแบคหน่อยน้า ให้กำลังใจเราเขียนต่อ ;-;
Facebook : Castle-G | Twitter : @castleglint
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หนุ่มแอบรักเหรอออ