ตอนที่ 67 : MY ONLY 1 | 24 : เพียงพบเธอ [2]
บ้านของเจ้าตะวัน
เพราะสาเหตุที่กล่าวไปข้างต้นทำให้เจ้าจันทร์นั่งเศร้าอยู่หน้าบ้าน
...
“เป็นอะไรน่ะ” แฝดผู้พี่ที่เพิ่งกลับบ้านก็สังเกตเห็นท่าทีซึมๆ ของแฝดผู้น้อง เจ้าตะวันแปลกใจเพราะเมื่อเช้ายังเห็นรื่นเริงอยู่เลย
“วันนี้จันทร์พาปัถย์ไปโรงพยาบาลมา”
“อ่า แล้ว?”
“รู้ไหมว่าหมอที่ฉีดวัคซีนให้ปัถย์คือใคร”
“นะเหรอ”
“รู้ได้ไงอะ” เจ้าจันทร์มองไปที่เจ้าตะวันอย่างแปลกใจ เธอว่าเธอยังไม่ได้บอกอะไรสักคำ
“ทำไมจะไม่รู้ ก็เจ้านั่นทำงานอยู่แผนกเด็กที่โรงพยาบาลนั้น” เพราะเขารู้ดี ตั้งแต่ที่ณภัทรเรียนจบ วันนั้นเจ้าตะวันก็ได้ไปงานรับปริญญาของเจ้าตัว และเคยถามเรื่องอนาคตต่อจากเรียนจบด้วย ซึ่งได้รับคำตอบมาว่าณภัทรจะใช้ทุนตามอำเภอในปีแรกแล้วกลับมาทำงานพร้อมกับเรียนเฉพาะทางที่แผนกเด็กไปด้วย เรื่องโรงพยาบาลที่เจ้าตัวอยู่ เขาก็รู้
ซึ่งพอเล่าให้น้องสาวฟัง อีกฝ่ายก็นั่งจ้องตาปริบๆ
“โห แบบนี้ก็แสดงว่าจะเรียนจบเป็นแพทย์เฉพาะทางแล้วดิ”
“อืมใช่”
“นี่ ถ้ารู้เยอะขนาดนั้น ขอถามอีกเรื่องได้ป้ะ” เจ้าจันทร์ทำเสียงเบาลงพลางกวักมือเรียกเจ้าตะวันให้มานั่งที่โต๊ะไม้ด้วยกัน
“ถามอะไร” ชายหนุ่มเดินมานั่งตามที่โดนเรียก
“เขา...แต่งงานแล้วเหรอ” ระดับเสียงของเธอแผ่วลงไปอีกเพราะหวั่นใจในคำตอบที่จะได้ยินต่อจากนี้
“อ๋อเรื่องนั้น” พี่ชายพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ
“ฮะ?! แต่งกับใครอะ”
เพราะหญิงสาวคิดว่าการพยักหน้าของเจ้าตะวันเป็นการตอบรับข้อสันนิษฐานของเธอ ทำให้เจ้าจันทร์เบิกตากว้างอย่างตกใจ เก็บสีหน้าไม่อยู่
อันที่จริงแล้ว เขาก็แค่พยักหน้าเพราะกำลังคิดคำตอบอยู่ ไม่ได้จะพยักหน้าเพื่อตอบว่าใช่เสียหน่อย แต่พอเห็นหน้าที่ซีดเป็นเผือกต้มของน้องสาวแล้วก็นึกสนุกอยากจะกลั่นแกล้งคนปากแข็งเสียหน่อย
“อืมใช่ แต่งแล้ว กับผู้หญิงคนหนึ่ง จันทร์ไม่น่าจะรู้จัก”
“เหรอ”
พอเห็นหญิงสาวไหล่ตกลงด้วยความเศร้า พี่ชายอย่างเจ้าตะวันก็ยิ่งมีแผนร้ายเข้ามาในหัว
“เนี่ย เพิ่งแต่งไปเมื่อสองเดือนที่แล้วนี่เอง เจ้าสาวน่ารักมากเลยนะ แถมนะมันก็มีความสุขดีด้วย”
จนประโยคล่าสุดที่ได้ยินก็ทำเอาคนปากแข็งเริ่มมีน้ำตา เธอแค่สงสัยเท่านั้นว่าณภัทรอาจจะแต่งงานแล้วจากการที่ได้ยินคนพูดว่าเขามีคนรัก แต่ก็พยายามคิดว่ามันคงเป็นข่าวลือ ไม่ใช่เรื่องจริง พอได้รับการยืนยันจากปากของพี่ชายนั่น ความหวังที่ว่าเขาจะยังโสดก็พังลง
นี่สินะ..สาเหตุที่ณภัทรมีท่าทีเย็นชา หมางเมินต่อเธอ เพราะว่าเขามีครอบครัวไปแล้ว เขาคงได้เจอกับผู้หญิงที่เขารักและคนนั้นก็รักเขาเหมือนกัน
ใครจะไปรอคนใจร้ายอย่างเธอ ถ้ารอก็โง่เต็มที ในเมื่อเป็นหญิงสาวเองที่ตัดเยื่อใยแล้วไม่ให้เขารอ ในวันนี้คิดได้จะกลับมาหามันก็สายเกินไป
“เจ้าจันทร์..เป็นอะไรน่ะ” ปรางลดาคือสมาชิกของบ้านคนสุดท้ายที่เพิ่งกลับมา ทันทีที่ลงจากรถแล้วเห็นเจ้าจันทร์กำลังร้องไห้อยู่ที่โต๊ะกับเจ้าตะวัน ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
“ฮือ ปราง” เจ้าจันทร์ปรี่เข้าโอบกอดร่างของพี่สะใภ้ “นะแต่งงานแล้ว.. ฮึก”
“ใครแต่งงาน? นะ..หมายถึงณภัทรเหรอ?” พอได้รับการพยักหน้าตอบกลับมา ปรางลดาก็เอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังบางเบาๆ “ใครบอกว่าเขาแต่งงาน”
“ก็ตะวันบอก”
ทันใดนั้นเอง ปรางลดารีบหันขวับไปจ้องหน้าผู้เป็นสามีเป็นการคาดโทษเอาไว้
“ไม่จริงนะจันทร์ อย่าไปเชื่อ หมอนะเขายังไม่แต่งงาน” เมื่อบอกความจริงให้แก่หญิงสาวที่กำลังร้องไห้เสร็จ เธอก็ต่อว่าเจ้าตะวันต่อ “อายุเท่าไหร่แล้วฮะ แกล้งโกหกเป็นเด็กเป็นเล็กไปได้”
แต่ในขณะที่คนที่เพิ่งโดนด่ากำลังจะสลด เสียงเล็กของเด็กชายก็ดังขึ้นเสียก่อน
“แม่กลับมาแล้ว” ร่างของปัถย์วิ่งออกมาพร้อมกับเข้ามากอดขาปรางลดา “วันนี้คุณหมอฉีดยาด้วย ผมไม่ร้องเลยนะ”
“เก่งมากครับ หิวรึยัง เข้าไปรอในบ้านก่อนนะ” ปรางลดาพูดกับลูกชายจากนั้นจึงกลับมาจ้องแววตาใสของหญิงสาวอีกคน
“สรุปว่ายังไงอะ” เจ้าจันทร์เช็ดน้ำตาของตัวเองจากนั้นจึงมองหน้าพี่ชายสลับกับพี่สะใภ้ “วันโกหกจันทร์เหรอ”
“ก็มันน่าแกล้งนี่” เจ้าตะวันตอบพลางหัวเราะ แต่ไม่นานเขาก็โดนฝ่ามือของภรรยาฟาดลงที่ต้นแขน ชายหนุ่มครางหงิงทันที “โอ๊ย ปราง”
“ไม่เห็นเหรอไงว่าจันทร์เขาร้องไห้ ยังจะมาหัวเราะ เดี๋ยวเถอะ”
“ข..เขายังไม่แต่งงาน ยังไม่มีแฟนด้วยใช่ไหม” เจ้าจันทร์ยังไม่มีอารมณ์ไปเอาเรื่องเจ้าตะวัน เธอมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น
“เรื่องแต่งงานน่ะยังไม่ใช่แน่ๆ ส่วนเรื่องมีแฟน ปรางก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“จันทร์ได้ยินคนพูดว่าเขามีคนรักอยู่แล้วอะ” ต่อให้ยังไม่แต่งงานแต่ถ้ามีแฟนแล้วมันก็มีค่าไม่ต่างกันไม่ใช่เหรอไง
“อันนี้พูดจริง ไม่โกหกแล้ว คือเรื่องนี้ก็ตอบไม่ได้นะ เพราะเจ้านะก็หน้าตาดี หน้าที่การงานดี ผู้หญิงก็คงเข้าหาเยอะ ถ้านะมันจะเลือกไว้สักคนก็ไม่แปลก”
ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นสักนิด ยิ่งฟังยิ่งท้อใจกว่าเดิม เมื่อสี่ปีที่แล้วเจ้าจันทร์ตัดสินใจไปทำงานที่ญี่ปุ่นเพราะนั่นคือความฝันของเธอ และหญิงสาวก็ได้ทำมันอยู่มาหลายปีสมดั่งใจ จนเดือนก่อนเธอได้อ่านจดหมายที่ณภัทรมอบมันไว้ให้ จดหมายที่เธอพยายามเก็บซ่อนมันไว้ ไม่ใส่ใจ พยายามลืม แต่ไม่สำเร็จ
ความรู้สึกเหงาใจประเดประดังเข้ามาจนหญิงสาวตัดสินใจลาออกจากงานแล้วกลับมา...ตลอดเวลาที่อยู่ญี่ปุ่นเจ้าจันทร์ไม่เคยเปิดใจให้ผู้ชายคนไหนเข้ามา ต่อให้พยายามรักคนอื่นมากแค่ไหนเธอก็ทำไม่ได้ หญิงสาวพร่ำหาเหตุผลของมันอยู่นานแล้วก็หลอกตัวเองว่าเป็นเพราะตนใส่ใจเรื่องงานมากกว่า
ทั้งที่ความจริงเธอมีคนในใจอยู่แล้วต่างหาก หัวใจที่มีเจ้าของจะยกให้ใครได้
“ไม่ลองไปถามตรงๆ ดูล่ะจันทร์” ปรางลดาเสนอความเห็น
“ถ้าเขาตอบว่ามีแล้วล่ะ...”
“ถ้ามีก็คือมี มันเป็นความจริง ถ้านะมีคนรักแล้วก็แค่ต้องยอมรับ”
แล้วเธอจะยอมรับได้ยังไง หากคนในใจของณภัทรไม่ใช่เจ้าจันทร์อีกต่อไปแล้ว.. เธอจะยอมรับมันได้จริงเหรอ
“ยังรัก ยังคิดถึงเขาขนาดนี้ มันก็ต้องลองดูสักตั้งแล้วป้ะ ถ้าเขามีแฟนแล้วก็สู้สิ แย่งมาเล้ย” เจ้าตะวันพูดจบก็โดนปรางลดาฟาดที่จุดเดิมอีกที
“แนะนำอะไรแบบนั้น!”
มันก็จริงอย่างที่เจ้าตะวันพูด...ขนาดนี้แล้วเธอก็ต้องลองดูสักตั้งสิ
โถ...ยัยของแม่ ร้องไห้เลย แค่รู้ว่าเขาแต่งงาน
______________________________________
ฝากนิยายเรื่องแยกของคุณไม้หนึ่งด้วยค่า "เพราะ (หยุด) รักคุณไม่ได้"
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=2082605
เปิดพรีออเดอร์หนังสือแล้ววันนี้ - 30 มิถุนายน
http://castlegfiction.lnwshop.com/
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล่อยให้นะเค้าเจ็บมาตั้งหลายปี