ตอนที่ 22 : MY ONLY 1 | 09 : สิ่งที่เปลี่ยนแปลง [2]
สุ่มแจกอีบุคจากคอมเม้นท์ค่ะ
09: Dramatic
“ผมรักคุณ”
ร่างเล็กหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคล่าสุดที่ออกมาจากปากของเขา เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจันทร์หวังว่าจะได้ยินจากณภัทร
“ได้ยินไหม ผมรักคุณ รักมาตลอด ทุกอย่างที่คุณเคยเห็นในกล่องจดหมายนั่นผมเขียนถึงคุณมาตลอด”
“ฉันไม่เชื่อนาย”
“วันนี้คุณจะคิดว่าผมโกหกหรือหลอกลวงยังไงก็ตามใจ” เพราะเขาจะทำให้เธอเชื่อในวันข้างหน้าเอง ตั้งแต่นี้ต่อไปเขาจะไม่ยอมอยู่เฉยอีกแล้ว
“ฉันอยากพักผ่อน”
ณภัทรปล่อยมือออกจากเจ้าจันทร์หลังจากที่เธอบอกแบบนั้น ส่วนคนที่ได้รับอิสระแล้วก็เดินผ่านร่างสูงไปยังบันไดบ้าน หญิงสาวพยายามที่จะเลิกสนใจเขาแล้วตรงขึ้นห้องนอนตัวเองไป แต่ไม่ว่าจะสั่งตัวเองให้เลิกคิดมากเท่าไหร่ในหัวกลับยิ่งนึกถึงมากเท่านั้น
โดยเฉพาะประโยคว่า ‘รัก’ นั่นน่ะ ยังคงดังก้องอยู่ในหัวซ้ำๆ
เจ้าจันทร์ทิ้งกายนอนลงบนเตียงแล้วหลับตาลง เธอเอาแต่พูดกับตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ผู้ชายคนนั้นต้องสร้างเรื่องราวมาโกหกเธอแน่นอน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้เกือบชั่วโมงที่เธอใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นอยู่สองถึงสามครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เป็นเพราะตอนนี้คุณป้าภัสสรไม่อยู่ คนที่อยู่หน้าห้องของเธอในเวลานี้คงเป็นคนอื่นไม่ได้เลยนอกเสียจากณภัทร แต่เขามีเรื่องอะไรกับเธอกันนักนะ ยุ่งวุ่นวายตลอดเวลาเสียจริง
“คุณทานข้าวมาหรือยัง ผมทำข้าวต้มไว้ในครัว ถ้าหิวก็ลงไปทานได้นะ”
เสียงของชายหนุ่มดังผ่านประตูไม้ของห้องนอนเข้ามาด้านใน เธอได้ยินเขาพูดทุกถ้อยทุกคำแต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงตอบกลับไป
ไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง
แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นเธอก็ไม่สามารถจะอยู่ในห้องได้ตลอดเวลา ร่างเล็กอาศัยช่วงเวลาที่ค่อนข้างดึกเปิดประตูออกจากห้องแล้วลงไปด้านล่าง เวลาสี่ทุ่มจึงเป็นช่วงที่น่าจะเหมาะมากที่สุด ความเงียบสงัดประกอบกับความมืดของชั้นล่างทำให้เจ้าจันทร์รู้สึกใจสั้นขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอไม่อยากเปิดไฟ
เรียวขาก้าวไปตามพื้นของห้องครัวผ่านความมืดนั้นตรงไปยังชั้นวางจาน ทั้งที่ตั้งใจจะเงียบให้มากที่สุดแต่ความมืดรอบกายก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จานที่หญิงสาวหยิบออกมาดันไปโดนใบอื่นที่อยู่ด้านข้างทำ คนที่ไม่ทันระมัดระวังก็เลยเผลอทำจานตกลงพื้น
เพล้ง!
เสียงจานแก้วแตกดังขึ้นชนิดที่ว่าคนที่อยู่ชั้นสองคงได้ยิน ความซวยมาเยือนอย่างแน่นอน ตอนนี้เจ้าจันทร์ไม่กล้าขยับตัวเพราะไม่แน่ใจว่าเศษจานกระจายไปทิศไหนบ้าง รู้แบบนี้เธอน่าจะเปิดไฟในครัวก็ดี
ทันทีที่คิดเช่นนั้นจบ แสงสว่างก็ส่องไปทั่วบริเวณเมื่อหลอดไฟที่อยู่บนเพดานถูกเปิดขึ้นโดยใครสักคน ก่อนจะปรากฏร่างสูงของชายหนุ่มคนเดียวในบ้าน ณภัทรได้ยินเสียงของเธอตั้งแต่ออกมาจากห้องจนกระทั่งเสียงจานแตกถึงได้วิ่งลงมาดู
“ทำไมคุณไม่เปิดไฟ”
“คือ..”
“อย่าเพิ่งขยับไปไหนนะ” ชายหนุ่มมองไปที่พื้นครัวหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งเต็มไปด้วยเศษแก้วก่อนจะเดินไปหยิบถังกับอุปกรณ์คำสะอาดเข้ามา
“เดี๋ยวฉันเก็บเองก็ได้ ฉันเป็นคนทำแตก” ยังไงตอนนี้สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดขึ้นแล้วนี่นะ
“พูดอย่างกับว่าคุณเคยเก็บเศษแก้วแตกเอง”
ถ้าเขาจำไม่ผิดสมัยที่ยังอยู่บ้านอัศวเมฆาธีร์ คุณหนูคนเล็กของบ้านคงไม่เคยทำอะไรแบบนี้ด้วยตัวเอง และการปล่อยให้คนที่ไม่เคยทำมาทำนั้นเสี่ยงกว่า
เจ้าจันทร์ไม่ได้พูดตอบอะไร เธอเดินเลี่ยงออกไปนั่งที่ที่โต๊ะทานข้าวที่เป็นพื้นที่สำหรับทำขนมของคุณป้า แล้วเฝ้ามองเจ้าของร่างสูงเก็บกวาดทำความสะอาดเศษของมีคมพวกนั้น หญิงสาวทำเพียงนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรจนกระทั่งทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
ชามใส่ข้าวต้มที่เพิ่งอุ่นร้อนเมื่อครู่ถูกนำมาวางไว้บนพื้นโต๊ะตรงหน้าเธอ ก่อนที่ณภัทรจะอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“เรื่องจาน ฉันจะใช้คืนให้” ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เจ้าจันทร์ยังไม่เคยทำข้าวของในบ้านเสียหายแม้แต่ชิ้นเดียว เธอระมัดระวังอยู่ทุกครั้งยกเว้นครั้งล่าสุดนี้
“ไม่เป็นไรหรอก จานแค่ใบเดียว”
และหลังจากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เป็นบรรยากาศที่ช่างน่าประหลาด เจ้าจันทร์มองข้าวต้มตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจหยิบช้อนขึ้นมาตักทาน แต่การที่มีใครมานั่งมองอยู่แบบนี้มันก็ชวนอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย
“นายจะอยู่ทำอะไร ฉันจะกินข้าว”
“ผมก็อยู่เฝ้าคุณไง”
“ไม่ต้อง” เจ้าจันทร์ปฏิเสธทันที “ถ้ามีคนมองหน้านายตอนกินข้าว นายจะรู้สึกดีมากหรือไง”
“ก็ถ้าคนนั้นเป็นคุณล่ะก็ ใช่” คำตอบที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้าทำให้หญิงสาวถอนหายใจกับความหน้ามึนนั้น
“แต่ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”
“งั้นก็ต้องทนหน่อยแล้ว เพราะผมอยากเห็นหน้าคุณ”
เจ้าจันทร์หมดปัญญาที่จะโตเถียง เพราะเธอไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งข้อกับเธอได้มากขึ้นขนาดนี้ มากเกินไปแล้วนะ แค่ยอมนิดหน่อยก็จะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ
ท้ายที่สุดแล้วหญิงสาวก็ต้องนั่งทานข้าวทั้งที่มีณภัทรอยู่ด้วย และเมื่อเธอลุกขึ้นยืนไปเก็บชามไว้ที่ซิ้งค์หลังจากที่กินเสร็จ อีกฝ่ายก็ทักขึ้นมา
“คุณกินน้อยจัง” เขาแทบจะนับคำที่เธอตักเข้าปากได้เลยนะ “ไม่อร่อยเหรอ”
“ฉันไม่กินเยอะ”
“คุณผอมจะแย่อยู่แล้ว เพิ่มน้ำหนักอีกนิดก็ดีนะครับ” ณภัทรมองเจ้าของร่างเล็กซึ่งกำลังมองค้อนเขาอยู่แล้วก็ยิ้มเล็กน้อย “เมื่อคืนที่ผมจับไป ตัวคุณแทบไม่มีเนื้อเลย”
จับไปอย่างนั้นเหรอ
“น..นี่!” เจ้าจันทร์เบิกตากว้างกับคำพูดล่าสุดของเขา
“คุณจะอายทำไม” ณภัทรที่เห็นใบหน้าตื่นตูมของเธอก็อดขำไม่ได้ ไหนจะผิวขาวเนียนบนใบหน้าของเจ้าจันทร์ที่เริ่มขึ้นสีนั้นอีก
เขาไม่แน่ใจว่าเธอกำลังโกรธหรือเขินกันแน่
“นายสิหน้าไม่อาย ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วฉันก็จะสั่งห้ามนายพูดด้วย”
“แล้วถ้าผมไม่ทำตามคุณจะทำยังไงครับ บอกพ่อคุณหรือเปล่า”
“ฉันทำแน่ ฉันจะบอกให้หมดว่านายทำอะไรกับฉันบ้าง” หญิงสาวออกอารมณ์ฉุนเฉียวใส่เขาก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องครัว
แต่ว่าทางออกนั้นต้องเดินผ่านเก้าอี้ที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ ณภัทรจึงได้โอกาสดึงเจ้าจันทร์ที่กำลังจะเดินออกไปให้ล้มลงมานั่งบนหน้าตักของเขาจากนั้นจึงใช้สองแขนโอบกอดรอบเอวของร่างเล็กเอาไว้
“นี่! ปล่อยนะ” หญิงสาวโวยวายทันทีพร้อมกับพยายามจะดิ้นเพื่อออกจากการโอบรัดนี้
“ผมก็รออยู่ว่าคุณจะฟ้องคุณชัชจริงหรือเปล่า เผื่อเขาจะให้ผมรับผิดชอบแล้วยกลูกสาวให้ผม” นอกจากจะไม่ปล่อย เขาจะล็อกร่างของเธอไว้แน่นหนามากกว่าเดิม
“พ่อฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก”
“มั่นใจเหรอครับว่าถ้าเขารู้เรื่องของเราแล้วจะไม่ทำแบบนั้น”
“หยุดนะ ฉันบอกว่าห้ามพูดเรื่องนั้นไง” เจ้าจันทร์จ้องใบหน้าของอีกฝ่ายเขม็งเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวไม่ยอมทำตามที่เธอบอก “นายห้ามพูดถึงเรื่องนั้น แล้วฉันก็จะไม่พูดไม่สนใจแล้วด้วย เพราะมันก็แค่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งเดียว มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“ที่คุณห้ามไม่ให้ผมพูดเรื่องเมื่อคืนผมก็พอทำตามได้” ณภัทรกล่าวและเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้กับคนที่นั่งอยู่บนตัก
“แต่ที่บอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกนี่ ผมไม่รับปากนะ”
Castle-G's Talk
กรี๊ดดดดดดดดด นะพัดแลงมาก!! มากไปแล้ว!
ฟีลของนะตอนนี้ก็คือ ไหนๆ ก็ได้ทำแล้วก็ไปให้สุด
ที่ผ่านมาแค่อ่อนให้เฉยๆ หรอก ต่อไปนี้เอาจริงแล้ว

มาหวีดติดแท็ก #ณเจ้าจันทร์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เอาอีก เอาอีก เอาอีก 55555
ร้ายมากกกกก
...ชอบที่พูดถึงจดหมายมาก แอแงง มันเป็นอบอุ่นน่ารักกกกกกกกกกกก
ฉันขอคอมเมนต์ประโยคเดิมค่ะ! นะ เธอมันร้าย!!! ได้ทีรุกแรงมากค่ะ ฮ่า ๆๆ
นะ นายมันร้ายยยยย ฮ่า ๆๆๆ
เจิมมจ้าาา