ตอนที่ 18 : MY ONLY 1 | 07 : แผนล้มเหลว [3]
สุ่มแจกอีบุคจากคอมเม้นท์นะคะ
07 : Mission failed
หลายชั่วโมงต่อมา หลังจากที่ได้มาเยี่ยมพี่ชายกับพี่สะใภ้พร้อมกับเล่นกับหลานจนพอใจแล้ว เจ้าจันทร์ก็ขอตัวกลับเนื่องจากกลัวว่าหากกลับช้ารถจะติดแล้วถึงบ้านดึก หญิงสาวเดินลงมาจากจนถึงชั้นล่างสุด ก่อนจะออกไปเรียกรถเธอก็ได้กลิ่นกาแฟคั่วหอมกรุ่นโชยเข้าจมูก ชั้นล่างสุดของตึกมีร้านกาแฟร้านหนึ่งเปิดให้บริการพร้อมกับร้านสะดวกซื้อที่อยู่ด้านข้าง
เจ้าจันทร์หยุดมองหน้าร้านจนในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปซื้อกาแฟสักแก้วสองแก้วมาดื่ม มือเล็กเอื้อมไปผลักประตูกระจกก่อนจะเดินเข้าไปหยุดอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์สั่งออเดอร์ ด้านหน้าเธอมีลูกค้าอยู่อีกคนหนึ่งที่รอซื้ออยู่ทำให้เธอต้องยืนรอคิว แต่พอลูกค้าคนดังกล่าวหันหน้ามาเธอก็ประหลาดใจเล็กน้อย
“นิชา”
“อ้าว เจ้าจันทร์” ลูกค้าสาวอีกคนคือเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเจ้าจันทร์ ชื่อของเธอคือนิชา
“พักอยู่แถวนี้เหรอ”
“เปล่าหรอก” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ
เมื่อได้พบกับเพื่อนเธอจึงชวนนิชามานั่งคุยด้วยกันก่อนสักครู่ค่อยกลับ ทั้งคู่ไม่ค่อยได้เจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบเพราะต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันทำงานหรือไม่ก็กลับบ้านเกิด นิชาเป็นหญิงสาวตัวสูงเพรียว เธอมีใบหน้าที่สวยคมและเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆ ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากเจ้าจันทร์มากนักเพราะเธอเองก็เป็นที่นิยมเช่นเดียวกัน ด้วยความที่ทั้งสองคนอยู่กลุ่มเดียวกันจึงมักมีข่าวกระซิบออกมาว่าเกาเหลาและแข่งขันกันเองตลอดเวลา แต่มันหาได้เป็นความจริงไม่
“ไหนบอกว่าจะไปทำงานญี่ปุ่นไง” นิชาเปิดประเด็น
“เดี๋ยวก็ได้ไปแล้วน่า รออีกหน่อย” เพราะหญิงสาวตั้งใจไว้เช่นนั้นก่อนที่จะเรียนจบ
“เออนี่ ก่อนแกจะไปงั้นก็มาส่งท้ายกันหน่อยสิ สัปดาห์หน้าจะมีงานเลี้ยงรวมรุ่นที่ 38 รุ่นของเรา ประธานรุ่นมันเป็นคนเสนอ”
“โห เพิ่งจบไม่กี่ปีต้องจัดงานเลี้ยงรุ่นเร็วขนาดนี้เชียว” ถึงเจ้าจันทร์จะยังไม่ได้ตอบตกลงแต่เธอก็นึกอยู่ว่าสัปดาห์หน้าจะมีวันว่างให้หรือเปล่า
“เถอะน่า ส่งท้ายก่อนไปทำงานญี่ปุ่นไง” นิชาพยายามรบเร้าผู้เป็นเพื่อน
“ถ้าว่างฉันก็จะไปแล้วกันนะ”
“หาให้ได้นะจ๊ะ เพื่อนตกลงมาเยอะเลยแต่ไม่ทุกคน”
“ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าชวนกันตอนไหน”
“ก็แกไม่ค่อยเล่นโซเชียลอะ จะไปรู้ได้ง” ที่นิชาพูดนั่นก็ไม่ผิด เจ้าจันทร์ไม่ค่อยเล่นโซเชียลมากนักแต่ก็โหลดแอพลิเคชั่นเก็บไว้ตามส่องคนอื่นอยู่
“อืม งั้นฝากบอกเพื่อนคนอื่นด้วยว่าฉันก็จะไป”
“เย้!”
มันคงดีไม่น้อยที่ได้กลับไปเจอเพื่อนๆ เพราะทุกวันนี้เธอค่อนข้างเหงาเล็กน้อย เพื่อนที่ทำงานส่วนใหญ่ก็เป็นรุ่นพี่เสียมากกว่าจะทำอะไรก็ต้องเกรงใจตลอดไม่ค่อยสนิทใจมากนัก
18.00 น.
เจ้าจันทร์กลับมาถึงบ้านประมาณหกโมงเย็นและในบ้านก็มีเพียงคุณป้าภัสสรเพียงคนเดียวที่อยู่ไร้วี่แววของลูกชายเจ้าของบ้าน แต่แล้วยังไง ทำไมเธอจะต้องไปให้ความสนใจเจ้านั่นด้วยเล่า
“กลับมาแล้วเหรอหนูจันทร์ กินข้าวกันป้าเตรียมไว้แล้ว”
เสียงของคุณป้าของเธอดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวย่างเท้าเข้ามาด้านในบ้าน กลิ่นของต้มซุปอ่อนๆ โชยเข้าจมูกของเธอนั้นช่างยั่วยวนให้อยู่ทานข้าวเย็นเสียจริง ตั้งแต่มาอยู่คนที่ทำอาหารอร่อยแบบนี้หญิงสาวก็เจริญอาหารขึ้นทุกวันจนชักหวั่นใจกับน้ำหนักตัวที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วไม่รอณภัทรเหรอคะ” เธอกล่าวถึงคนที่ยังไม่กลับบ้าน
“ไม่ต้องหรอก รายนั้นคงกลับดึก”
พอได้ยินเช่นนั้นเจ้าจันทร์จึงพยักหน้าเล็กน้อย ในขณะที่ภายในใจเต็มไปด้วยความอึดอัดเพราะเธออยากจะคุยกับเขาแต่เขากลับไม่อยู่ให้คุย
23.00 น.
เวลาผ่านล่วงเลยไปจนกระทั่งห้าทุ่ม ภายในบ้านอันเงียบสงบยังมีห้องห้องหนึ่งซึ่งยังคงเปิดไฟสว่างจ้า เจ้าจันทร์ยังคงไม่นอนเธอเอาแต่เดินไปเดินมาวนเวียนอยู่ภายในห้อง ส่วนมือก็ถือโทรศัพท์เอาไว้แต่ไม่ได้ใช้ทำอะไร อาการว้าวุ่นใจเช่นนั้นทำให้หญิงสาวนอนไม่ลง
จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีสมาชิกของบ้านกลับมา ร่างเล็กรีบเปิดประตูห้องออกไปก่อนจะวิ่งลงบันไดไปยังชั้นล่างเพื่อดักรอคนที่เพิ่งเข้ามา เธอรออยู่ไม่นานเจ้าของร่างสูงก็เดินเข้ามาด้านในด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า
ณภัทรหยุดมองหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งและเดินผ่านร่างของเธอไปอย่างไม่ได้สนใจ แต่ทว่าเมื่อโดนเรียกเอาไว้ก็จำต้องหันกลับมา
“เดี๋ยวก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ครับ ว่า”
“เรื่องเมื่อตอนกลางวันนั่นที่นายได้ยิน นายคงรู้แล้วว่าฉันแค่แกล้งทำดีกับนาย” เจ้าจันทร์เริ่มพูดในสิ่งที่อยู่ในใจมาทั้งวัน
“ผมก็ไม่ได้คิดว่าคุณจะจริงจังกับเรื่องนั้นอยู่แล้ว” ถึงแม้ว่าเขาจะพอคาดเดาแล้วทำใจประมาณนึงแต่มันก็อดหวังไม่ได้ว่าเธอจะยอมเปิดใจให้ แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม
“ไม่ได้คิดแต่นายโกรธจริง งั้นแสดงว่าฉันปั่นหัวนายสำเร็จน่ะสิ”
“คุณสนุกสินะที่เล่นกับความรู้สึกของคนอื่น” ตั้งแต่บ่ายจนดึกณภัทรต้องอยู่วอร์ดดูผู้ป่วยแทบตลอดนั่นทำให้เขารู้สึกเหนื่อยกายแต่ก็ยังไม่เท่าความเหนื่อยใจในเวลานี้ “ผมไปพักผ่อน ไว้คุณมีเรื่องจริงจังกว่านี้ค่อยคุยนะ”
“นี่กลับมาคุยกันก่อน นายจะเดินหนีฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันหลังพร้อมกับก้าวเท้าจะเดินออกไป เจ้าของร่างเล็กจึงรีบสาวเท้าให้ทันเพื่อไปดักหน้าเขา แต่เพราะณภัทรนั้นขายาวกว่าเธอมากทำให้ลำบากเล็กน้อย
“คุยไปทำไมครับ คุณเกลียดผมขนาดนั้น”
“แล้วยังไง นายไม่มีสิทธิ์เดินหนีฉันน” เจ้าจันทร์ทำหน้าบึ้งตึงใส่ชายตรงหน้า
“ผมเอาใจคุณไม่ได้ตลอดไปหรอก อีกอย่างนี่มันก็ดีแล้ว ถ้าคุณเกลียดผมมากผมก็จะเลิกยุ่งกับคุณ ต่อไปเราจะได้ต่างคนต่างอยู่ ดีไหมครับ”
ในใจของหญิงสาวตอบขึ้นได้ทันทีว่า ‘ไม่’ แต่ว่าเจ้าตัวกลับตอบอย่างอื่นออกไป
“เออดี จะไปไหนก็ไป”
ก็ได้! ในเมื่อเขาไม่สนใจ เธอเองก็ไม่สนใจเหมือนกัน ไม่มีความจำเป็นต้องแคร์คนแบบนั้นสักนิดเดียว
….
เป็นอย่างที่ชายหนุ่มได้พูดเอาไว้ เขาทำตัวไม่สนใจมันพูดคุยกับเธอจริงๆ ยกเว้นแต่จะเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าที่นั่งทานข้าวด้วยกันณภัทรก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับเธอมากนักทั้งที่เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายชวนคุยมาตลอด กินเสร็จเขาก็ลุกขึ้นเก็บจานและออกจากบ้านไป
หรือจะเป็นเวลาตอนเย็นที่เขาเข้าครัวไปช่วยผู้เป็นแม่ทำขนมแล้วมีเจ้าจันทร์นั่งอยู่ด้วย ณภัทรก็พูดคุยแต่กับแม่ของเขาเท่านั้นไม่ได้สนใจเธอเช่นเคย แม้กระทั่งเวลาว่างที่เจ้าตัวไม่ต้องออกจากบ้านไปไหน ต่อให้เดินผ่านกันกี่รอบในบ้านณภัทรก็ไม่ให้ความสนใจเจ้าจันทร์สักนิด
อันที่จริงสำหรับหญิงสาวแล้วมันควรจะเป็นเรื่องดีที่คนที่ตนเองเกลียดเลิกมายุ่งด้วยเสียที แต่ทำไมเธอถึงกลับรู้สึกหงุดหงิดใจเพิ่มมากขึ้นทุกวันก็ไม่รู้ มันควรจะเป็นสถานการณ์ที่ดีขึ้นแต่เธอดันรู้สึกว่ามันแย่ลง
มันเป็นแบบนั้นจนกระทั่งครบหนึ่งสัปดาห์
…
“นะ ดูแลบ้านดีๆ นะลูก แม่น่าจะกลับในอีกสามสี่วันข้างหน้า”
คุณป้าภัสสรบอกว่ามีงานของลูกค้าที่กำลังจะมีพิธีมงคลสมรสที่ต่างจังหวัด ป้าเธอต้องไปช่วยทำขนมในงานแล้วด้วยความที่จังหวัดอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ ในระยะหนึ่งซึ่งไม่สามารถนั่งรถไปกลับได้ จะต้องค้างคืนอยู่ที่นั่นจนกว่างานจะเสร็จไปได้ด้วยดี
“ครับ แล้วรถจะมารับตอนไหนเหรอ” ผู้เป็นลูกชายเอ่ยถามในขณะที่สองมือยังคงวุ่นวายกับการช่วยยกกระเป๋าสัมภาระอยู่
“อีกสักพัก เขาบอกว่าจะมารับตอนสิบโมงน่ะ”
“คุณป้าไปแบบนี้ จันทร์คงไม่ได้กินข้าวฝีมือคุณป้าหลายวันแน่เลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มบางๆ ในขณะที่เธอเองก็มายืนรอส่งเจ้าของบ้านขึ้นรถเช่นกัน
“เดี๋ยวให้นะทำให้หนูก็ได้ เจ้านะทำกับข้าวอร่อยนะแต่ไม่ค่อยทำ” คุณป้าภัสสรหันพูดกับเธอพลางมองไปที่ลูกชายเป็นระยะ
ป้าเธอคงยังไม่รู้ว่าเธอกับเขาไม่สนใจกันอีกแล้ว เป็นเพียงคนแปลกหน้าใต้ชายคาเดียวกัน
“ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ” เจ้าจันทร์กล่าวเมื่อเห็นว่ามีรถตู้คันหนึ่งมาจอดเทียบกับประตูรั้วหน้าบ้าน
“จ้ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มรับ ซึ่งก่อนที่จะเดินขึ้นรถไปก็ไม่วายหันมาสั่งณภัทร “นะ อย่าลืมที่แม่บอกไว้ล่ะ”
“ครับ ไปถึงแล้วโทรบอกผมด้วยนะ”
Castle-G's Talk
ถึงวันนี้แดดจะจ้า แต่บรรยากาศในเรื่องอึมครึมนะคะ
มาหวีดติดแท็ก #ณเจ้าจันทร์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จงหงุดหงิดเข้าปายยยยย ^^ 55555