ตอนที่ 1 : 100 °C | 00 : PROLOGUE
100 CELSIUS รักทะลุปรอท
PROLOGUE
“ดา เดี๋ยวไปเอาผลการทดลองที่ห้องของคุณมลให้หน่อยนะ” เสียงของอาจารย์ท่านหนึ่งเอ่ยปากบอกกับฉันในขณะที่เขากำลังวุ่นวายกับตารางเอกสารที่อยู่ตรงหน้าอยู่
“ค่ะ แล้วอาจารย์จะเอาอะไรเพิ่มไหมคะ พอดีดาเห็นว่ามันเที่ยงแล้วอาจารย์ยังไม่ได้กินข้าวเลย” ฉันมองไปเห็นนาฬิกาแขวนผนังที่อยู่ด้านบนโต๊ะคอมพิวเตอร์พอดี มันบอกเวลาเที่ยงสิบนาที ฉันเองก็นั่งอ่านบทความอ้างอิงงานวิจัยเหล่านี้มาตั้งแต่เช้าแล้วเลยคิดว่าจะลงไปหาอะไรทานสักหน่อย
“อืม ซื้อขนมปังที่ร้านกับน้ำผลไม้ให้ผมกล่องนึงแล้วกันนะ”
“ได้ค่ะ” ฉันรับคำจากนั้นก็ลุกออกจากเก้าอี้ในรอบหลายชั่วโมง ได้เวลายืดเส้นยืดสายเสียทีหลังจากที่นั่งหลังขดหลังแข็งมานาน
ฉันมีชื่อว่า ‘ดารา’ คนอื่นเรียกกันสั้นๆ ว่า ‘ดา’ อายุตอนนี้ก็เกือบย่างเข้าวัยเบญจเพสแล้วนั่นก็คือ 24 ปี ตั้งแต่ที่เรียนจบรับปริญญาฉันก็มาทำงานเป็นผู้ช่วยงานวิจัยในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตั้งใจว่าจะทำงานนี้ต่ออีกสักปีสองปีแล้วค่อยสอบเรียนต่อต่างประเทศ
หลังจากที่ลิฟต์โดยสารพาฉันลงจากตึกชั้นยี่สิบมาจนถึงชั้นหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาออกจากตึกฉันก็ต้องหยุดชะงักเพราะเมฆครึ้มดำปรากฏขึ้นมาใต้ท้องฟ้าข้างนอก ไม่นานนักห่าฝนก็กระหน่ำลงมาราวกับโดนเทจากก้อนเมฆอย่างแรง
แย่ชะมัด ฉันไม่ได้พกร่มมาด้วยสิ แบบนี้จะออกไปที่แคนทีนได้ยังไง ปกติแล้วฉันมักจะเช็คพยากรณ์อากาศก่อนออกจากห้องตลอด เพียงแค่วันนี้ฉันตื่นสายเลยไม่ได้เช็คก็ดันแจ็คพ็อตแตกซะได้
ฉันหยุดยืนตรงปลายสุดของทางเดินตึกเพราะไม่สามารถก้าวออกไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นจะโดนฝนสาดใส่ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาอยู่ด้านข้างลำตัวก่อนจะค่อยๆ ยื่นมันออกไปด้านหน้า น้ำฝนที่หยดลงมากระทบกับฝ่ามือทำให้ร่างกายฉันรู้สึกหนาวเย็นไปในขณะหนึ่ง ฉันรีบชักมือออกมาพลางถอนหายใจ
เมื่อไหร่จะหยุดตกสักที
“พี่ดาหรือเปล่าครับ”
เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านข้าง เมื่อหันไปมองก็พบกับร่างสูงของชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาในมือของเขามีร่มเล็กคันหนึ่งอยู่ด้วย แต่ว่าใดๆ ก็ไม่น่าสนใจเท่าใบหน้าของเจ้าตัว
เหมือนเด็กหนุ่มคนนี้จะรู้จักฉันนะ แล้วก็ดูเหมือนว่าฉันจะคุ้นหน้าเขาด้วย
“...” ฉันไม่ได้ตอบอะไร แต่ทำเพียงแค่พยักหน้ากลับไปเท่านั้น
“จริงด้วย” อีกฝ่ายยิ้มกว้างออกมาอย่างสดใสเมื่อเห็นฉันตอบรับ ก่อนจะถามต่อ “พี่จำผมได้หรือเปล่า”
“เอ่อ” ฉันอ้ำอึ้งก่อนจะส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด มันเป็นเรื่องแย่เล็กน้อยที่ฉันจำอีกฝ่ายไม่ได้ในขณะที่อีกฝ่ายจำฉันได้
“ผมเซียสไง ตอนเด็กเราเล่นด้วยกันออกจะบ่อยจนกระทั่งพี่ย้ายบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดนั่นแหละ”
ฉันหยุดนิ่งแล้วใช้สมองประมวลผลคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่ ที่บอกว่าชื่อเซียสนั่นก็คุ้นขึ้นมาอีกเยอะเลย เพราะชื่อนั้นคือชื่อของเด็กข้างบ้านคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กฉันโตขึ้นมาที่บ้านหลังหนึ่งในกรุงเทพแล้วก็ตอนที่ฉันอายุประมาณสิบขวบก็ได้มีเพื่อนบ้านที่ย้ายเข้ามาใหม่ เป็นสามีภรรยาคู่หนึ่งพร้อมกับลูกชายวัย 5 ขวบ เพราะในหมู่บ้านไม่ค่อยมีเด็กมากนักฉันกับลูกชายของเพื่อนบ้านจึงไปมาหาสู่และเล่นด้วยกันบ่อย เราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งฉันอายุ 17 ปี พ่อกับแม่บอกว่าจะย้ายที่ทำงานทำให้ต้องย้ายบ้านตามไปด้วย ฉันกับเด็กคนนั้นจึงไม่ได้เจอกันอีก
ใช่ เด็กคนนั้นชื่อเซียส
“เซียสเหรอ” พอได้รู้ความจริงก็ทำให้ตกใจเล็กน้อย “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ครั้งล่าสุดที่เจอคือก่อนย้ายบ้านนั่นเซียสยังตัวสูงเท่าไหล่ฉันอยู่เลย แล้วดูตอนนี้สิ..กลายเป็นว่าคนที่สูงเท่าไหล่คือฉันแทนซะงั้น
“ผมก็ไม่ได้เจอพี่นานเหมือนกัน” เขาก็ยังคงยิ้มแย้มอยู่
ดูดีใจจังเลยนะ
“เรียนมหาลัยนี้เหรอ”
“โห ใส่ชุดนักศึกษาขนาดนี้” เขากลั้วหัวเราะออกมาพร้อมชี้ให้ดูตรามหาวิทยาลัยที่อยู่บนเนคไทด์เครื่องแบบนักศึกษา “แล้วนี่พี่จะไปไหนหรือเปล่า ผมมีร่มนะเดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่เป็นไรอะ เดี๋ยวฝนก็หยุดแล้ว” ฉันปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกฝ่าย ต่อให้เราสองคนจะรู้จักกันแต่ว่ามันก็ไม่ได้สนิทใจกันเหมือนในเมื่อก่อนแล้วนะ
“เฮ้ย ฝนตกขนาดนี้มันไม่หยุดง่ายๆ หรอกพี่ เมื่อวานมันก็ตกทั้งวันอะ ไปเถอะน่าเดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่มีเรียนเหรอ”
“มันช่วงพักเที่ยงไหมเล่า”
“เออ ก็จริงนะ” ฉันยิ้มแห้งออกมาเมื่อจำได้ว่ามันคือช่วงพักอยู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นพี่ยืมร่มผมก็ได้ถ้าไม่อยากไปด้วยกัน ไว้พี่ค่อยเอามาคืน” เซียสพูดจบก็ยัดเยียดร่มของตนเองมาใส่มือของฉันเสร็จสรรพ ทำให้คนที่ยังงงอย่างฉันอยู่ตั้งตัวไม่ทัน
“แต่ว่า..เราไม่ต้องใช้หรือไง”
“เดี๋ยวผมว่าจะขึ้นไปรอเรียนที่ห้องแล้ว ผมเรียนที่ตึกนี้ช่วงบ่ายโมงพอดี” เด็กหนุ่มพูดจบก็เตรียมตัวจะเดินไปเข้าลิฟต์ที่อยู่ด้านใน แต่ว่าเหมือนเขาจะนึกอะไรได้ขึ้นมาจึงหันหน้ากลับมาอีกครั้ง
เซียสหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาจากกระเป๋าเป้ด้านหลังพร้อมกับปากกาแท่งหนึ่ง เขาขีดเขียนอะไรบางลงในสมุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกจากสมุดก่อนจะส่งมันมาให้ฉัน
“อะไรอะ”
“เบอร์ผมไง ก็ไว้ถ้าพี่จะคืนร่มแล้วหาผมไม่เจอก็โทรหานะ”
“อ้อ ขอบใจนะ” ฉันพยักหน้าเล็กน้อยแล้วรับกระดาษแผ่นนั้นมาดูและเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อ
“ผมไปแล้วนะ ไว้เจอกันนะครับ” เซียสยิ้มพร้อมโบกมือไปด้วย จากนั้นร่างของเด็กหนุ่มก็เดินหายเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับนักศึกษาคนอื่นๆ
ฉันมองร่มคันหนึ่งในมือที่เพิ่งได้มาจากอีกคนแล้วก็ได้แต่คิด ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีรอยยิ้มนั่นก็ยังสดใสเหมือนเดิมเลยสินะ
Castle-G's Talk
แบบว่าแป๊บนึงนะ ฉันจะโดนด่ามั้ย เปิดนิยายอะไรหลายเรื่อง
5555555 เอาเป็นว่าจีตื่นเต้นกับเรื่องมาก เพราะว่า
มันคือเรื่องแรกที่จีเขียนพระเอกอายุน้อยกว่า กรี๊ดดดดด
จีไม่เคยเขียนมาก่อน ปกติชอบเขียนให้เป็นพี่ ;-; อะฮือ
เรื่องนี้น้องเซียสของเรามาพร้อมความฮอตและสดใสในเวลาเดียวกัน
#รักทะลุปรอท
ครั้งล่าสุดที่ดาเจอน้องเซียส น้องยังเป็นแบบนี้อยู่เลย
ผ่านไป 7 ปี ปัจจุบันน้องเป็นแบบนี้ค่ะ...
เซียส (องศา ธรรมพุชงค์) 19 ปี
[CAST BY BONA WJSN]
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เด็กมันวร้ายยยยยยยยยยยยยยยย XD
รอน้าา <3