ตอนที่ 1 : RESTART | 00 : Prologue
INESCAPABLE
Really Really - WINNER
PROLOGUE
“เป็นยังไงบ้างล่ะ ได้ที่ทำงานใหม่หรือยัง”
แม่เอ่ยถามในระหว่างฉันที่ยกจานกับข้าวที่เพิ่งร่วมมือร่วมใจทำกับผู้เป็นแม่มาจัดวางไว้ที่โต๊ะอาหารให้เรียบร้อยเพราะใกล้จะถึงเวลามื้อเย็นแล้ว อีกเดี๋ยวก็ต้องขึ้นไปตามพ่อกับน้องลงมากินข้าวด้วยกัน
“ได้แล้วค่ะ เป็นบริษัทเกมที่อยู่แถวมหาลัยเจ้าพูห์พอดี” ฉันตอบเมื่อวางจานกับข้าวจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปตักข้าวต่อ
“อืม ดีแล้วจะได้ไม่ไกลบ้านนัก”
ฉันมีชื่อว่า ‘วินนี่’ ตอนนี้ก็อายุประมาณ 25 ย่าง 26 ได้แล้ว หลังจากที่เรียนจบคณะคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจากมหาวิทยาลัยฉันก็ได้งานเลยทันที แต่เป็นเพราะว่าทนสภาพแวดล้อมของเพื่อนร่วมงานไม่ได้จึงลาออกแล้วหางานใหม่ทำ โดยฉันไปสมัครเป็นเลขาของรองประธานบริษัท SeG ตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรมากเพราะเป็นงานที่ยาก ตัวเองไม่น่าได้ แต่สุดท้ายดันได้ซะอย่างนั้น
“เดี๋ยวหนูไปตามพ่อกับเจ้าพูห์มากินข้าวก่อนนะ”
ฉันว่าแล้วก็เดินออกจากห้องครัวไปยังสวนหย่อมเล็กที่อยู่หน้าบ้าน แล้วก็คาดเดาไว้ไม่ผิดว่าผู้เป็นพ่อต้องกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนี้
“พ่อ กินข้าว”
“อืมๆ เดี๋ยวไป” ท่านตอบกลับมาแค่นั้นแล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมือต่อไป
“หมดก่อนไม่รู้ด้วยนา”
“เออน่า ก็กินกันไปก่อนเถอะ” พ่อก็งี้ทุกทีนั่นแหละน่า
ฉันละความสนใจจากชายวัยสูงอายุจากนั้นจึงเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเดินขึ้นบันไดไปหยุดอยู่หน้าห้องของน้องชายแท้ๆ ของตนเอง มันชื่อว่าพูห์ที่มาจากเดอะพูห์ พ่อแม่ฉันนี่ก็เข้าใจตั้งชื่อลูกบ้านนี้เหลือเกิน วินนี่เดอะพูห์ไปเลยไหมล่ะ
“พูห์” ฉันเรียกชื่อเจ้าของห้องพร้อมกับเคาะประตูไปด้วยสองครั้ง “กินข้าวเร็ว”
“แป๊บนึง ยังไม่จบเกมเลย”
อ่า ไอ้เด็กติดเกมเอ๊ย ถ้าฉันได้เป็นคนคุมค่าใช้จ่ายในบ้านเมื่อไหร่จะตัดความเร็วเน็ตมันลงเลยคอยดู เล่นอะไรทั้งวันนักหนา
ก็นี่แหละนะ ชีวิตครอบครัวของฉันก็จะประมาณนี้ ไปดูชีวิตการงานของฉันบ้างดีกว่า
วันรุ่งขึ้น
ณ บริษัท SeG
เพราะว่าวันนี้เป็นวันทำงานวันแรกของฉัน จึงต้องรีบทำมาแต่เช้าทำตัวให้ดูเป็นคนขยันเข้าไว้ เนื่องจากว่าฉันทำงานในตำแหน่งเลขาของท่านรองประธานโต๊ะทำงานจึงควรจะอยู่ชั้นบนที่เป็นแผนกบริหาร ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีพี่คอยดูแลพาเดินดูทั่วบริษัทแล้ว
ฉันจึงรู้จักว่าควรจะไปทางไหนโดยเฉพาะชั้นล่างจะมีแคนทีนไว้สำหรับพนักงานด้วย คนที่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาแบบนี้ก็ควรแวะไปสักหน่อยจริงไหม ด้านในแคนทีนนอกจากจะมีร้านขายอาหารสำเร็จแล้วก็ยังมีร้านขายพวกขนมและกาแฟอีกด้วย ฉันไม่ชอบกินข้าวตอนเช้าเท่าไหร่ ถนัดกินกาแฟพร้อมขนมปังมากกว่า
หลังจากที่ซื้อของกินที่ตัวเองต้องการได้แล้วจึงตั้งใจจะขึ้นไปที่โต๊ะทำงาน แต่ทว่าสายตากลับเหลือบไปเห็นใครสักคนที่ยืนอยู่ใกล้กันพอดี
มาวันแรกก็เจอคนรู้จักเลยเหรอเนี่ย โลกเรามันจะกลมเกินไปหรือเปล่า เขาเป็นคนที่ฉันเคยเจอแล้วรู้จักอยู่พักหนึ่งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“เอ่อ สวัสดีค่ะ” ฉันโบกมือทักทายเจ้าของร่างสูงที่กำลังยืนกดมือถืออยู่
“..อะไรนะครับ?” แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันหลายปีและดูโตขึ้นจากสมัยเรียนเยอะแต่เขาก็ยังใส่แว่นตาแล้วทำตัวเป็นมนุษย์งงๆ เหมือนเดิมเลย
““นี่พี่จำฉันไม่ได้เหรอ”
“เธอเป็นใคร” ชายตรงหน้าถามกลับมาด้วยใบหน้างงๆ
“ฉันชื่อวินนี่ไง” บางทีฉันอาจจะคาดหวังมากเกินไปว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะต้องจำฉันได้หมด แต่ว่า..แบบนี้มันจะลืมเร็วเกินไปหรือเปล่านะ
“วินนี่ไหนอะ” อ่า..
“ฉันเป็นแฟนเก่าเพื่อนพี่ไง ใบทองน่ะ” มันเรื่องที่ลำบากใจที่ฉันต้องมาแนะนำตัวอะไรแบบนี้ แต่ว่ามันก็เป็นความจริง ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันชื่อว่า ‘ เซิร์ช’ เป็นรุ่นพี่หนึ่งปีเรียนคนละคณะแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกับอดีตคนที่เคยคบกันอย่างผู้ชายคนนั้นด้วย
“แฟนเก่าไอ้นั่นมันมีเป็นร้อย เอาแฟลชไดร์ 8GB ไปเซฟชื่อผู้หญิงที่มันผ่านมาก็ยังเก็บไม่หมดเลย” เจ้าของกรอบแว่นทรงกลมถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่พูดประโยคก่อน “นี่มันเลิกกับเธอก็มีใครอีกมากมายไม่รู้”
วินนี่รู้สึกช็อกกับสิ่งนี้...!
“งั้นช่างมันเถอะค่ะ ยินดีที่ได้เจอนะคะ” ฉันยิ้มแห้งนิดหน่อยก่อนจะพูดแก้เก้อไปอีกว่า “พี่ทำงานอยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ”
“อืม” เจ้าของร่างสูงตอบพลางพยักหน้าเบาๆ
“ดีนะที่มีแค่พี่ ถ้าเพื่อนพี่อยู่ที่นี่ด้วยคงแย่เลย”
“ใครว่า..” พี่เซิร์ชเอ่ยออกมาเสียงแผ่วก่อนจะเงยหน้าขึ้นเป็นการละสายตาจากฉันแล้วมองผ่านร่างของฉันไปยังด้านหลัง “คนที่เธอว่าอยู่ข้างหลังเธอ”
ล้อกันเล่นเหรอ?
ฉันหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เป็นการควบคุมสติตนเองก่อนจะหันกลับไปมองยังด้านหลังของตนเอง มันเป็นอย่างที่เขาบอก ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ด้านหลังของฉันจริงด้วยอยู่ห่างออกไปประมาณสองสามเมตรนี้เอง เป็นอีกคนที่ฉันรู้สึกเขาดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูโตขึ้นแต่ว่า..
“ฮั่นแน่เซิร์ช! คุยกับสาวไหนเนี่ย ตาวิเศษเห็นนะ”
สันดานก็น่าจะเหมือนเดิม
“จำฉันไม่ได้หรือไง” ฉันหมุนตัวกลับไปประจันหน้ากับเขาตรงๆ ชื่อของผู้ชายคนนี้ก็คือใบทอง ถ้าถามว่าชื่อเขามาจากไหนฉันน่ะจำได้ ชื่อของเขามาจากคำว่าใบเงินใบทองที่พ่อแม่ตั้งให้เพื่อเป็นคนมีทรัพย์มีสินในอนาคต เราสองคนน่ะเคยคบกันอยู่ช่วงหนึ่งแล้วก็จบกันไป
บางทีฉันก็แอบคิดนะว่าไม่ควรชื่อใบทองเลย ควรชื่อว่าดอกทองมากกว่า
เล่าแบบนี้อาจจะงงกันสักหน่อย เอาเป็นว่าฉันท้าวความหลังไปในสมัยที่ยังเรียนอยู่ให้ฟังแล้วกันนะ
เรื่องราวต่อไปจะเป็นการย้อนอดีตเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
“เจ้าวินนี่..” เสียงของเพื่อนสาวฉันเรียกมาแต่ไกลตั้งแต่ยังไม่ทันได้เดินเข้ามาในตึกเรียน มันชื่อว่า ‘ตุ๊กตุ่น’ นางเดินถือดอกไม้ดอกหนึ่งเข้ามาพร้อมกับหมุนกระโปรงนักศึกษาจนพลิ้ว 360 องศา
“เป็นบ้าอะไรแต่เช้า” ฉันหัวเราะให้กับท่าทีนั้นของเพื่อนสาว
“มีคนฝากมาให้เธอจ้า” ตุ๊กตุ่นอมยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะยื่นดอกไม้ในมือนั่นมาให้ฉัน
“ใครอะ ของตาพี่เบสอีกเหรอไง” ฉันรับดอกกุหลาบนั้นมาไว้ในมือแล้วก็มองหาพลิกมองมันไปทุกทิศด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ถ้าอีพี่เบสไม่น่าจะส่งเป็นดอกไม้แบบนี้นี่นา ไอ้พี่นั่นชอบให้ขนมฉันมากกว่า
“หนุ่มวิทคอมจ้า”


นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่เซิ้ดดดดแม่งงงง55555