ตอนที่ 18 : SEARCHMEL | 11 : ไม่ได้มาเล่นๆ [50%]
11
ฉันพาดกระเป๋าสะพายไว้ที่พนักเก้าอี้หลังจากกลับมาจากทำงานพาร์ทไทม์ ก่อนจะทิ้งตัวลงไปในบนเตียงด้วยสภาพที่ยังไม่อาบน้ำพร้อมกับกดโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาใครสักคน
Me : แม่ ทำอะไรอยู่คะ
Mom : ทำงานอยู่จ้ะ
ทำงานอีกแล้ว เป็นคำตอบเดิมๆ ซ้ำๆ ที่ฉันอ่านหรือได้ยินจนเบื่อแต่ก็ยังไม่เลิกถามคำถามนี้เพราะมีความหวังว่าจะได้คำตอบอย่างอื่นบ้าง
Mom : มีอะไรหรือเปล่า
Me : แม่ว่าคนนี้เป็นไง
ทันทีที่พิมพ์ข้อความจบฉันก็เข้าแกลลอรี่ไปเลือกรูปอยู่สักพักจากนั้นก็ส่งรูปผู้ชายผมทองใส่แว่นคนหนึ่งไปให้ ไม่นานรูปนั้นก็ถูกอ่าน
Mom : อะไร จะเอามาแนะนำแม่อีกหรือไง
แหมะ จริงๆ ตอนแรกฉันก็เคยคิดจะทำแบบนั้นนั่นแหละ แต่ว่าพอโดนบ่นโดนดุบ่อยเข้าก็เปลี่ยนความคิดแล้ว ถ้าได้มาเป็นพ่อจริงๆ ความดุต้องคูณล้านเท่าแน่เลย
Me : ก็ถามเฉยๆ ไง
Mom : อืม เที่ยงพรุ่งนี้เมล์ว่างหรือเปล่า แม่ว่าจะนัดทานข้าวด้วยกันสักหน่อย
อ้าวเปลี่ยนเรื่องเฉย แต่ว่าเรื่องที่เปลี่ยนนี่ก็น่าคุยจังเลย นี่แม่จะพาฉันไปกินข้าวจริงๆ เหรอ
Me : ว่างค่ะๆ งั้นพรุ่งนี้เลยนะ ร้านไหนบอกมาเลย
ฉันแทบจะกรี๊ดลั่นห้องถ้าไม่ติดที่ว่ากลัวเจ้าของหอขึ้นมาด่า นี่มันรอบหลายเดือนเชียวนะที่ฉันจะได้มีโอกาสไปนั่งกินข้าวนั่งคุยกับแม่แบบนี้ ที่ไม่ใช่ผ่านข้อความหรือเสียงโทรศัพท์
“หน้าบานเชียว เป็นอะไร” ยัยจับฉ่ายวางหนังสือในมือลงแล้วหันมาพูดกับฉัน
“ก็วันนี้มีแต่เรื่องดีๆ ไม่ให้มีความสุขแล้วจะให้นั่งร้องไห้เหรอไง” บางทีฉันอาจจะใช้แต้มบุญทั้งชีวิตหมดภายในวันนี้วันเดียวแล้วก็ได้
“เฮอะ” มันแค่นหัวเราะใส่เล็กน้อยแล้วหันไปอ่านหนังสือต่อ
วันต่อมา
ฉันลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ช่วงสายก่อนจะที่จะถึงเวลาเที่ยง โดยที่นั่งรถมาถึงหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งที่ฉันกับผู้เป็นแม่นัดกันมาทานข้าวด้วยกัน โดยเมื่อมาถึงก็ไม่รอช้าที่จะเดินขึ้นไปบนชั้นบนสุดของตัวโรงแรมซึ่งเป็นชั้นของภัตตาคารอาหารทะเล
“วันนี้ลูกสาวมาถึงเร็วจังนะ” หญิงวัยสามสิบกว่าเอ่ยทักทายฉันเมื่อเห็นฉันมานั่งยังฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ
“แม่มาเร็วกว่าหนูอีก”
“นี่ของฝากที่เอามาจากญี่ปุ่นค่ะ” ผู้เป็นแม่ว่าพร้อมกับยื่นถุงกระดาษใบใหญ่มาให้ใบถึงสองใบ “พอดีเห็นว่ามันน่ารักดีก็เลยเอามาให้ลูกสาว”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันเปิดดูเล็กน้อยแล้วจึงพบว่าถุงแรกเป็นเสื้อผ้าส่วนถุงที่สองเป็นกระเป๋า ถึงจะสีชมพูไปหน่อยแต่ถ้าแม่ชอบฉันก็ไม่ขัด
“ช่วงนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“หนูสบายดีค่ะ” ฉันยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบคำถามนั้น
“หน้าตาดูไม่ค่อยสดใสเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ” แต่ว่าคนที่เป็นแม่ก็คือแม่อยู่วันยังค่ำ ฉันรู้สึกดีใจที่แม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของฉันแต่อีกมุมหนึ่งก็ไม่ค่อยดีใจนักเพราะถ้าแม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตฉันเมื่อหลายเดือนก่อนคงเป็นเรื่องใหญ่แน่เลย
“อ่า เครียดเรื่องเรียนน่ะค่ะ”
“ไม่ต้องหักโหมก็ได้นะ เอาที่เราไหวก็พอ” มือนั้นเอื้อมมาลูบผมของฉันเบาๆ
ถึงจะเป็นการกระทำที่เล็กน้อยแต่ฉันก็ได้รับกำลังใจและความอุ่นใจกลับมามากมายเหลือเกิน ใช่แล้วแหละ แค่วันนี้ได้มีเวลามาอยู่ด้วยกันแบบนี้มันก็ดีสุดๆ แล้ว
“ค่ะ”
“แล้วคนที่ส่งมาให้ดูเมื่อคืนนี่ใครล่ะ” นึกว่าจะลืมไปแล้วนะเนี่ย
“อ๋อ เขาชื่อเซิร์ชน่ะ” ฉันเอ่ยชื่อของเขาไปก่อนจะนิ่งคิดไปอยู่สักพักว่าควรจะพูดอะไรต่ออีกดี จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยที่แม่ดูสนใจคนอื่นนอกจากตัวฉัน
“ที่ชื่อจริงว่าธายุกรหรือเปล่า”
“ไม่รู้อะว่าเขาชื่อจริงว่าอะไร แต่เขาเป็นโปรแกรมเมอร์นะ ว่าแต่แม่ถามงี้คือรู้จักเหรอ” ฉันส่ายหน้าตอบไปอย่างไม่มั่นใจ fact เกี่ยวกับคุณเขาฉันก็รู้แค่ว่าชื่ออะไร ทำงานอะไร เลี้ยงแมวชื่ออะไรเท่านั้นแหละ
“เปล่า”
อ้าว..
“คืองี้ หนูแค่อยากถามว่าเขาดูเป็นไง รู้สึกชอบไหมหรือเฉยๆ” ฉันทำทีพลิกหนังสือเมนูอาหารไปมาเพื่อกลบเกลื่อนความกล้าๆ กลัวๆ กับคำถามเมื่อครู่ที่พูดออกไป ฉัน
“จริงๆ แม่ก็รู้จักกับพ่อแม่ของเขานะ เคยเจอที่งานเปิดตัวสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นน่ะ พวกเขาดูเป็นคนที่ดีมากเลย”
“สรุปว่าแม่ก็ชอบเขาเหรอคะ” ฉันวางหนังสือเมนูในมือตัวเองลงบนโต๊ะเพื่อถามอีกครั้งให้มั่นใจว่าตีความไม่ผิดใช่หรือเปล่า
“อือ แม่ว่าเซิร์ชก็น่ารักออก” แม่พยักหน้าเล็กน้อย “แต่ว่าเก็บไว้ให้ตัวเองเถอะ ไม่ต้องมาแนะนำให้แม่อีกนะ”
“เปล่า ไม่ได้จะแนะนำให้แม่” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“อ๋อ งั้นก็แสดงว่าจะชอบเองสินะเลยมาถามแม่ก่อน”
“อ่า...”
เหมือนแม่จะทายถูก แต่มันก็ไม่ได้ถูกซะทีเดียว.. คือฉันไม่ได้ตั้งใจจะไปจีบเขาแต่ว่าแค่ลั่นวาจาไว้ว่าถ้าแม่ชอบจะไปจีบเท่านั้นเอง
เป็นแบบนี้ก็แย่แล้วสิ
“ทำไมอยู่ๆ ก็ดูเครียดขึ้นมา”
แม่ฉันช่างสังเกตอะไรขนาดนี้ ว่าแต่ฉันเผลอแสดงสีหน้าอะไรไม่เป็นธรรมชาติออกไปอีกแล้วเหรอ
“เปล่าค่ะ ก็แค่คิดอะไรนิดหน่อย เราสั่งข้าวมากินกันเถอะหนูหิวแล้ว” พูดจบก็หยิบเมนูขึ้นมาเปิดอีกครั้ง คราวนี้จิตใจฉันวอกแวกมากกว่าเดิม ถึงตาจะมองรายการอาหารแต่หัวไม่ได้คิดเรื่องอาหารเลยด้วยซ้ำ
ทำไมมีแต่คนชมเซิร์ชว่าน่ารักกันนะ ..? ถึงเขาจะดูเป็นคนแบบนั้นแต่ก็ใช่ว่าตัวตนจริงจะเป็นแบบที่เราเห็นนี่นา ของแบบนี้มันก็ต้องดูไปเรื่อยๆ หรือเปล่า โอเอ็มจี! นี่มันค่อนข้างเกินความคาดหมายไปแล้วนะ หรือฉันควรจะทำเนียนลืมเรื่องที่ตัวเองได้ลั่นปากออกไปดี?
คือฉันไม่เคยจีบผู้ชายมาก่อนนะ
1 ชั่วโมงต่อมา
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้วแยกย้ายจากผู้เป็นแม่กันเรียบร้อย ฉันก็ตรงกลับมาที่ห้องเลยทันทีก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปหาใครคนหนึ่งซึ่งตอนนี้ฉันมีไลน์ส่วนตัวของอีกฝ่ายแล้ว ไม่ใช่ไลน์สำหรับติดต่องานเหมือนเมื่อตอนแรก
Search TYK
พอแม่พูดถึงชื่อจริงธายุกร ฉันก็สังเกตเห็นพยัญชนะสามตัวหลังบนชื่อไลน์เขาทันที มันคือตัวย่อของคำว่าธายุกรชัดๆ เลยนี่นา ถ้างั้นก็แสดงว่าเป็นคนเดียวกับที่แม่พูดถึงจริงด้วย
Me : นี่คุณ ทำอะไรอยู่
เอ๊ะ..ฉันเผลอพิมพ์คำว่าคุณออกไป ทั้งที่บอกไปแล้วว่าจะเปลี่ยนวิธีการเรียกของเขาเป็นคำว่าพี่แทน ช่างมันเถอะครั้งหน้าค่อยเอาใหม่ก็ได้
Search TYK : ให้อาหารแมว
โอ้..ตอบกลับมาด้วยความเร็วแสง
Me : เรื่องที่บอกให้รับผิดชอบ เดี๋ยวรับให้ก็ได้
ตอนนี้ฉันกำลังพูดถึงเรื่องที่เขาบอกเมื่อตอนอยู่หน้าโรงหนังครานั้น ที่ฉันเอาชื่อของเจ้าตัวไปแอบอ้างว่าเป็นแฟนของตัวเอง ฉันตัดสินใจแล้วว่าตัวเองจะลองทำแบบนี้ดู
Me : เรื่องที่บอกให้รับผิดชอบ เดี๋ยวรับให้ก็ได้ //อ่านแล้ว//
อ้าว ทำไมอ่านแล้วเงียบขนาดนี้เนี่ย
50%
ก็คือ...คุณเขาอาจจะกำลังช็อกอยู่
ให้อาหารแมวเสร็จคือยืนอึ้งไปเลย 555555
แต่เอาคลิป OPV ประกอบนิยายมาฝากด้วย
แปะๆๆ >> https://youtu.be/Cs_-iWwHc2Y
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณเขาน่ารักมากๆอ่า อ่านเเล้วหลงเลย