ตอนที่ 12 : SEARCHMEL | 08 : โรคหัวใจกำเริบ [50%]
8
หลายวันต่อมา
วันนี้เป็นวันที่ฉันมีนัดกับครูสอนขับรถที่สถานที่แห่งหนึ่ง ตรงนั้นเป็นลานกว้างที่ไม่ค่อยมีผู้คนผ่านไปมานักเท่าไหร่ น่าจะเหมาะเป็นที่ให้พวกมือใหม่หัดขับรถ
เมื่อรออยู่สักพักคุณครูจำเป็นของฉันก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับรถยนต์คันหนึ่งสีขาว เขาจอดรถใกล้กับบริเวณที่ฉันนั่งรออยู่ก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง วันนี้เซิร์ชก็ยังดูโดดเด่นในผมสีบลอนด์ทองของเขาอยู่ แต่ที่แตกต่างออกไปนั่นก็คือบนใบหน้าของเจ้าตัวไม่ได้ใส่แว่นหนาๆ นั่นเหมือนทุกครั้ง
“วันนี้คุณไม่ได้ใส่แว่นนี่” ฉันพูดออกไปแบบนั้นหลังจากที่เอ่ยทักทายเขาไปแล้ว
“พอดีมีธุระอื่นต่อ มันดูแปลกเหรอ” คนที่โดนทักก็แสดงท่าทางไม่มั่นใจออกมากะทันหัน เขาใช้มือตัวเองลูบผมตัวเองพลางดึงๆ มันมาปกปิดหน้าผากให้มากที่สุด
“เปล่า ก็น่ารักดีไปอีกแบบ”
“...”
“อ้าว ฉันพูดอะไรผิด” ทำไมเซิร์ชถึงชอบเงียบใส่ฉันนักนะ
“ไม่มีอะไร” อีกฝ่ายกระแอมขึ้นมาครั้งนึงพลางยกมือมาเกาคอตัวเองเบาๆ
ใบหน้านั่นขึ้นสีแดงระเรื่อ ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นคนที่ผิวขาวมากอยู่แล้วพอมีสีแดงขึ้นมาบนผิวก็ยิ่งเห็นได้ชัดไปอีกเหมือนเอาบรัชออนมาทา
“คุณเขินเหรอคะ” ปฏิกิริยาแบบนั้นก็มีอยู่อย่างเดียวแหละมั้ง
“อากาศร้อน ฉันเป็นคนขี้ร้อน” เซิร์ชรีบส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะชี้นิ้วไปยังรถของตัวเอง “เราจะใช้รถคันนี้ในการฝึกสอนกัน”
“อ๋า..รถของคุณใช่ไหม”
“อืม แต่มีกฎอยู่ข้อหนึ่ง” เขาพยักหน้าเบาๆ
“อะไรเหรอ”
“ห้ามทำเป็นรอยเด็ดขาด ไม่งั้นเราเห็นดีกันแน่”
น่าแปลกจริงๆ เลย ทั้งที่ท่าทางของเซิร์ชไม่ใช่คนที่น่าเกรงขามอะไรเลยแต่ทำไมทั้งน้ำเสียงและบุคลิกภายในที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านคำพูดถึงได้ดูน่ากลัว
“อ่า ฉันจะไม่ทำให้เป็นรอยนะคะ” ก็แค่หวังว่าน่ะ ฉันเพิ่งเคยหัดขับรถนะเว้ย
“ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวต้องไปเรียนรู้พื้นฐานของการขับก่อน”
พอได้รับอนุญาตให้ขึ้นรถฉันก็เดินเข้าไปนั่งในพาหนะสีขาวตรงหน้าอย่างไม่รีรอ เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ปนกับความตื่นเต้น เพราะนี่เป็นคนแรกที่ฉันจะเดินทางโดยรถยนต์ในฐานะคนขับ
ทำไงดีเนี่ย ฉันจะไม่เอารถไปชนใครใช่ไหม
“เอาหละ เธอสตาร์ทรถเป็นหรือเปล่า” เซิร์ชที่ขึ้นมานั่งด้านข้างเบาะคนขับก็พูดขึ้น
ฉันเอียงตัวไปมองช่องเสียบกุญแจด้านข้างพวงมาลัยรถเล็กน้อยก่อนจะพบว่าตรงนี้มีกุญแจปักเอาไว้แล้วเรียบร้อย จากนั้นจึงเอื้อมมือไปกดและบิดมันขึ้นไป
“ได้สิ เห็นไหม” รถถูกสตาร์ทแล้ว
ตอนนี้รถยังจอดนิ่ง ลมแอร์เย็นๆ ที่พัดผ่านใบหน้าของฉันช่วยเพิ่มสมาธิได้ในระดับหนึ่งแต่นั่นก็ยังไม่คลายความกังวลที่ตนเองกำลังมีอยู่ในตอนนี้
“เธอกำลังทำฉันเครียดตามนะ” คนที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดขึ้น
“ฮะ”
“ความเครียดของเธอแผ่กระจายมาถึงนี่เลย”
เอ๊ะ! ได้ยังไงกัน เขารู้ด้วยเหรอว่าฉันกำลังเครียด
“ก็นี่มันครั้งแรกที่จะต้องขับรถเองนี่นา” ถามจริงเป็นใครไม่กังวลบ้างล่ะ ว่าไปแล้วก็นึกถึงตอนเด็กๆ เลยที่ต้องหัดปั่นจักรยานสองล้อครั้งแรก แต่นั่นเป็นความรู้สึกที่สนุกมากกว่าตอนนี้เยอะเพราะรถเล็กเวลาเกิอุบัติเหตุไม่ได้น่ากลัวเท่ารถใหญ่นี่นา
“ไม่เคยลองขับเองมาก่อนเลยใช่ไหม”
“เคยแค่จักรยาน...”
“โอเค งั้นขั้นตอนแรกอย่าวางเท้าไว้ทั้งบนเบรกและคันเร่งแบบนั้น” ทันทีที่เขาพูดจบฉันก็รีบถดขาเข้ามาหาตัวเองอย่างรวดเร็ว “ใช้แค่เท้าข้างขวาก็พอ ถ้าจะเหยียบเบรกหรือคันเร่งก็สลับไปวาง”
“อ่า โอเค” ฉันพยักหน้าแล้วจึงค่อยๆ ทำตามที่เขาพูดโดยพยายามวางเท้าบนคันเร่งให้เบาที่สุด
“ไม่ต้องกลัว อยู่เกียร์ว่างเหยียบอะไรก็ไม่ไปทั้งนั้นแหละ” เซิร์ชหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็ชี้ให้ดูเกียร์รถที่อยู่ช่องตรงกลางระหว่างเบาะสองเบาะ
“แล้วตัว P ตัว D พวกนี้คืออะไรเหรอ” ฉันมองตัวอักษรที่ติดอยู่ด้านข้างอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก รู้สึกพลาดนิดหน่อยที่ไม่ได้ศึกษาอะไรมาล่วงหน้าเลย
อีกคนคงแอบคิดแน่ๆ ว่าฉันไม่คิดจะเรียนรู้มาเองซะเลย
“ฟังนะตัว P บนสุดก็คือเกียร์ว่างเหมือนกับตัว N แต่ว่าตัว P เอาไว้สำหรับจอดรถที่จอดสนิท ล้อจะถูกล็อกทำให้รถขยับไม่ได้ส่วนตัว N รถจะสามารถขยับและไหลได้ ตัวนี้ถือเกียร์เดินหน้า ส่วนอันอันนี้เอาไว้สำหรับถอยหลัง” เซิร์ชก้มหน้าก้มตาแล้วใช้นิ้วชี้อธิบายไปเรื่อยๆ ของแต่ละอันให้ฉันฟัง ฉันเองก็ก้มหน้าเข้าไปดูด้วยอย่างตั้งใจเรียนรู้
ไม่รู้ว่าเซิร์ชจะรู้ตัวหรือเปล่า แต่ว่าตอนที่เขาแนะนำเกียร์ให้ฉันรู้จักเราสองคนอยู่ใกล้กันมากจนฉันได้กลิ่นหอมที่มาจากตัวของเขา มันเลยอดถามไม่ได้
“นี่...คุณใช้น้ำหอมหรือเปล่า” ฉันไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะกลิ่นมันดูละมุนมากกว่าจะเป็นน้ำหอม อาจจะเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มไม่ก็แชมพูมากกว่า
“ถามทำไม” ครูสอนขับรถจำเป็นขมวดคิ้วใส่อย่างไม่เข้าใจ
“ก็เมื่อกี๊ฉันได้กลิ่นหอมจากตัวคุณด้วย”
“เธอแอบดมฉันเหรอเนี่ย”
“เปล่านะ มันได้กลิ่นเองต่างหาก ฉันแค่อยากรู้ว่าใช้อะไรเผื่อจะไปซื้อตามเท่านั้นเอง” ฉันเผลอทำหน้าเหวอไปเล็กน้อยหลังจากที่โดนอีกฝ่ายกล่าวหาแบบนั้น
“แล้วไป” ทำไมต้องทำหน้าโล่งอกขนาดนั้นด้วย?
“ก็ถ้าตั้งใจดมจริง มันต้องแบบนี้ต่างหาก” ฉันยกยิ้มก่อนจะเขยิบออกจากเบาะของตัวเองเพื่อน้มกายเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่เบาะด้านข้างอย่างจงใจและยื่นใบหน้าเข้าไปจนปลายจมูกอยู่ห่างจากไหล่ของเซิร์ชไม่กี่เซนต์
....
และหลังจากนั้นคุณโปรแกรมเมอร์เขาก็
“อ้าวเฮ้ย! คุณจะลงไปไหน กลับมาก่อนสิ” ฉันร้องเรียกเจ้าของร่างสูงด้วยความตกใจหลังจากที่เห็นเขาเปิดประตูฝั่งตัวเองแล้วลงจากรถไป
เดี๋ยว จะมาทิ้งฉันไว้บนรถแบบนี้ไม่ได้นะ!!
2 นาทีต่อมา
“คุณไปไหนมาเนี่ย” ฉันพูดขึ้นเมื่อเห็นเซิร์ชกลับเข้ามานั่งตามเคยแล้ว ซึ่งพอเป็นแบบนั้นฉันก็สตาร์ทรถใหม่หลังจากที่ดับไปเพราะเจ้าของรถหนีหาย
“ไปตั้งสติ”
“ฮะ?”
“ไม่ต้องมาฮะ แล้วตั้งใจเรียนขับรถต่อได้แล้ว สงสัยเราต้องเพิ่มกฎขึ้นมาอีกแล้วหละ” ชายด้านข้างพูดพร้อมสีหน้าเครียด
“กฎอะไรอะ”
“ห้ามยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันเหมือนเมื่อกี๊อีกนะ ไม่งั้นก็เตรียมหาครูสอนขับรถคนใหม่ได้เลย” เซิร์ชไม่ได้เครียดแค่หน้า แต่ตอนนี้น้ำเสียงของเจ้าตัวยังจริงจังมากด้วย
“ทำไมดุจังเลย” ฉันนี่แทบจะหยิบเสื้อตัวเองมาซับเหงื่อบนหน้า เห็นเขาหน้าตาดูอ่อนโยนแบบนี้แต่นิสัยก็โหดไม่เบาแฮะ
“ใครดุ? ที่พูดเมื่อกี๊คือบอกดีๆ”
“ดุชัดๆ” ฉันพึมพำเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ถ้าจะคิดแบบนั้นก็เชื่อฟังด้วย เพราะความจริงฉันดุได้มากกว่าที่เธอคิดอีก”
50%
อยากเห็นโหมดพี่เขาดุมากกว่านี้จังเลยค่ะ คิกค้าก
แต่ยังเขินน้องขนาดนี้ จะทำได้เร้ออออ
CAST BY JAE DAY6
CAST BY MIMI JUNG
แต่เอาคลิป OPV ประกอบนิยายมาฝากด้วย
แปะๆๆ >> https://youtu.be/Cs_-iWwHc2Y
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แงงงงงคิดดีไม่ได้เลยยยย
คิดถึงพี่ search แล้วจ้า^^