ตอนที่ 1 : Over Limit | 00 : บทนำ
Over Limit
Sphinx’s Talk
คุณมีอาการหงุดหงิดตัวเองบ้างไหม ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลยน่ะ.. ผมกำลังประสบปัญหานั้นอยู่ เมื่อไม่นานมานี้ผมได้รับสายจากทางบ้านว่าตัวเองจะถูกหักเงินรายเดือนออกไป 30% จำกัดค่าใช้จ่ายของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เอาไปเข้าร้านเหล้าแล้วมีเรื่องทะเลาะวิวาท
โถ่ พ่อแม่แก้ปัญหาไม่ถูกจุดว่ะ อีกอย่างคืนนั้นผมแค่ตั้งใจจะไปฉลองให้เพื่อนเอง แต่ที่มีเรื่องเพราะคู่อริแม่งกร่างก่อนเท่านั้น เหอะ!
ลองคุยกับแม่อีกรอบดีกว่า
Sphinx
แม่ครับ
Mom
เออ ไร
Sphinx
นี่ลูกนะ พูดดีๆ หน่อยดิ
Mom
ว่าไงที่รักก พ่อเจ้าประคุณทูนหัวของแม่
มีอะไรถึงทักมาครับ
เนี่ย แม่ผมเอง..หลายคนที่อ่านแค่นี้อาจจะมองว่าทำไมแม่ผมถึงได้น่ารักจังเลย แหม..เดี๋ยวเจอบทสนทนาต่อจากนี้จะกลับคำแทบไม่ทันเลย
Sphinx
ช่วงนี้ลูกไม่ค่อยมีตังค์ใช้เลย
Mom
ก็หาใช้เอาเองสิลูก
คำพูดที่ดูหวานนุ่มนวลแต่โคตรใจร้ายนี่มันคืออะไรกัน..
Sphinx
โธ่แม่ ลูกผิดไปแล้ว
(ส่งสติกเกอร์คุกเข้าอ้อนวอน)
Mom
แม่ซักผ้าทิ้งไว้ ไปก่อนนะลูก
Sphinx
แม่! เดี๋ยว
แม่!!!!!!!!!!
ไม่ทันซะละ นอกจากจะยังไม่ตอบแล้วก็ยังไม่อ่านข้อความอีกซะด้วย ผมวางโทรศัพท์ในมือลงบนหัวเตียงก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอนเล็กๆ ของตัวเองแล้วเดินตรงไปเปิดผ้าม่านที่ปิดกั้นแสงบางส่วนไม่ให้ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างได้
“เชี่ยฟิงซ์ แสบตา” อ้อ ไม่ตกตกใจไม่ใช่เสียงเจ้าที่เจ้าทางหรอก นี่คือเสียงของเจ้า ‘หมิน’ รูมเมทร่วมห้องของผมเอง ทันทีที่ผมเปิดรับแสงมันก็รีบลุกขึ้นมาโวยวายทันที
“เอ้า กูก็นึกว่ามึงตายแล้ว” ผมว่าอย่างไม่ได้สนใจก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบเบียร์กระป๋องที่ซื้อมาแช่ไว้เป็นลังขึ้นมาเปิดดื่ม จากนั้นก็นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์รุ่นเกือบใหม่(?)ที่เพิ่งถอยมาเดือนที่แล้ว หน้าจอคมชัด แสง สี เสียงเหมาะสำหรับการเปิดเกมเด็ดๆ เล่น
โดยส่วนใหญ่แล้วผมจะชอบนั่งเล่นเกมแบบนี้ทุกๆ วัน บางวันก็อาจจะมีการเปิดกล้องแคสเกมที่ตัวเองเล่นบ้างเอาใจคนที่ติดตามช่องแชแนลอยู่ และใช่..วันนี้ผมขี้เกียจขอนั่งเล่นเฉยๆ แบบไม่ต้องแคสห่าอะไรเลยก็แล้วกัน
“แล้วนี่มึงไม่ออกไปเล่นดนตรีเหรอ” ไอ้หมินเอ่ยถาม
“อีกตั้งสามชั่วโมง รีบเพื่อ” ผมว่าแล้วก็เปิดหน้าจอล็อกอินรหัสเข้าสู่ตัวเกมเรียบร้อย ในชีวิตของผมเกมน่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจมากที่สุดแล้วมั้ง
“ครั้งที่แล้วมึงก็พูดงี้ เป็นไงล่ะเกือบขึ้นเวทีไม่ทัน” รูมเมทสุดแสนซกมกแค่นหัวเราะใส่พร้อมกับปาผ้าขนหนูเน่าๆ มาวางแหมะบนหัวของผมอย่างไร้ยางอายในการกระทำครั้งนี้
“ครั้งนี้ทันแน่นอน กูไม่พลาดหรอก โถ่”
เอาความจริง รายได้จากการแคสเกมของผมมันก็ยังไม่มีมากขนาดนั้นอะ..แค่เล่นไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้ถึงขั้นเป็นมืออาชีพขนาดนั้น แต่ที่คนรู้จักเป็นเพราะหน้าตาผมดีส่วนใหญ่คนที่ตามก็จะเป็นผู้หญิงตั้งแต่สาวเล็กยันสาวใหญ่ ผมจึงต้องเพิ่มช่องทางการหาเงินอาศัยความสามารถทางด้านดนตรีที่เคยฝึกเล่นช่วงมัธยมมาใช้ และได้จับตัวรวมกลุ่มของเพื่อนๆ พี่ๆ เป็นวงดนตรีชื่อวงว่า Black Scorpion ผมน่ะเป็นมือกีต้าร์ของวงนะบอกก่อน
ความสามารถเยอะขนาดนี้ใครได้เป็นผัวคงน่าอิจฉา
2 ชั่วโมงผ่านไป
ผมยังคงเพลิดเพลินกับการอยู่ในโลกเกมของตัวเองอยู่และคาดว่าคงยังเล่นต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่ขาดช่วง ถ้ามันไม่มีจอมมารโทรมาเสียก่อน
Rrrrrrrr
::P’แร็ค::
เมื่อเห็นรายชื่อผมจึงรีบไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่ผนังทันที ปรากฏว่าเหลืออีกตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าการแสดงจะเริ่ม แล้วมือคีย์บอร์ดของวงโทรหาผมทำไม?
“ไงพี่” ผมกรอกเสียงลงไปหลังจากกดรับสาย
[มึงจะมาตอนไหนฟิงซ์]
“โห่ นี่เหลืออีกตั้งชั่วโมงนึง” ผมโอดครวญเล็กน้อยแต่ความจริงก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะเจอกับคำถามอะไร
[แล้วมึงจะไม่ซ้อมเหรอไง?]
“ก็ซ้อมกันอยู่ทุกสัปดาห์อะพี่ จะซ้อมอะไรอีก” ส่วนใหญ่เพลงที่เอาไปเล่นก็ไม่ค่อยมีเพลงใหม่นะ นานๆ ทีจะเข้ามาบ้าง แต่ปกติเราก็จะซ้อมการแต่งเพลงเสียมากกว่า
[มึงจะไม่มาลองไมค์ลองเสียงหน่อยรึไง กะว่ามาถึงแบกขึ้นกีต้าร์ขึ้นไปเล่นเลยงี้?] เป็นผู้ชายที่น่ากลัวจังเลยครับ..
“โอเคๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละจ้า” ผมพูดด้วยเสียงที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดพร้อมกับค่อยๆ ออกจากเกมอย่างเงียบเชียบ
[ให้เวลาสิบนาที]
เหยดดด นี่คนไงไม่ใช่เดอะแฟลช ใครมันจะใช้เวลาเดินทางจากหอไปผับได้เร็วขนาดนั้น
10 นาทีต่อมา
ณ ผับ in1004
ผมหอบหายใจไม่หยุดหลังจากที่ใช้ความสามารถขั้นสูงสุดในการเดินทางมาถึงที่ผับแห่งนี้ได้ทันเวลาตามที่พี่แร็คให้เอาไว้ โอ้โห..เพลงเธอมาได้ทันเวลาพอดีต้องมาแล้วหละ
“ช้าไปสิบสองวินาทีนะ” พี่ใหญ่ของวงยกนาฬิกาขึ้นมาให้ผมดู ซึ่งมันขึ้นว่า 10 นาที 12 วินาที คงจะเป็นโปรแกรมที่พี่แกตั้งจับเวลาเอาไว้น่ะ
“โห ฆ่ากูเลยเถอะ”
“ไปเตรียมตัวไป รีบมาซ้อมเถอะ” ว่าแล้วพี่แร็คก็เดินกลับไปที่คีย์บอร์ดของตัวเองเพื่อเช็คเสียงต่างๆ ตามที่เคยทำเป็นปกติ ส่วนผมน่ะก็ต้องไปบ้าง
“ไงคนสวย วันนี้แต่งตัวน่ารักนะเนี่ย” ผมเดินไปหยิบกีต้าร์ประจำตัวของตัวเองขึ้นมาเพื่อเช็คเสียง โดยไม่ลืมที่จะชมคนที่เป็นนักร้องนำของวงอย่าง ‘ดรีม’ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในวงและอายุเท่ากับผม
“ไม่ขอรับคำชมจากคนมาสาย” ดรีมตอบกลับมาพร้อมทำสีหน้าเบื่อหน่ายใส่ผมแล้วก็หันไปจริงจังกับชีทเพลงตรงหน้าต่อ
หน้าตาสวยแต่ทำไมใจร้ายจังเลย~ ไม่เป็นไรผมชินแล้ว
“ถ้ามาสายอีกเดี๋ยวบอกพี่ที่ร้านให้หักเงินมึง” ส่วนคนนี้ใจร้ายกว่าครับ..ชื่อว่า ‘พี่เฮล’ เจ้าของตำแหน่งมือเบสของวง จริงเขาอายุเท่ากันกับผมนะแต่เรียนไปก่อนหนึ่งปีผมเลยเรียกว่าพี่จะได้สบายใจ ก็ไม่รู้จะรีบไปทำไมดูแก่ไปเลย
“นี่กูเพิ่งโดนพ่อแม่หักมานะพี่มึง จะมาหักอีกก็ไม่ต้องอยู่ต้องกินละ” เนี่ย..พูดเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้วรู้สึกเครียดทันทีเลย -_-
“อย่าเลย สงสารมัน” ‘พี่เมม’ มือกลองของวงพูดขึ้นพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อย เขาเป็นพี่ชายของดรีมนักร้องนำคนสวย และตอนนี้เขาคงจะเหมือนเทพบุตรมาโปรดผมคนนึงเลยถ้าไม่ติดที่ประโยคต่อมา.. “ให้มันไปเป็นเด็กล้างจานหลังร้านดีกว่า”
ไม่มีใครรักสฟิงซ์เลยอะ
“เริ่มซ้อมกันเถอะ อีกไม่ถึงชั่วโมงต้องขึ้นแสดงแล้วนะ” ดรีมเอ่ยขึ้น
หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มเข้าสู่โหมดจริงจังโดยอัตโนมัติ
“ขอเสียงวัยรุ่นหน่อยยย”
เฮฮฮฮฮฮฮ!!
“วันนี้เราจะมาเจอกับวงดนตรีสุดฮอตของเราในช่วงนี้นะครับ ขอเชิญวง Black Scorpion!!” สิ้นเสียงอขงพิธีกรชายประจำผับโชว์ครั้งนี้ก็ได้เริ่มขึ้น
‘เธอยังจำเรื่องราว วันสุดท้ายได้รึเปล่า มันช่างนานเหลือเกิน ที่ห่างกันไป กำลังจะพบเธอจากวันนั้นที่จาก และฉันเองก็หวั่นใจ’
วงดนตรีของเราถึงแม้จะมีการเอาเพลงของศิลปินดังมาร้อง แต่เราก็ได้มีการปรับคีย์ให้เป็นไปในสไตล์ของเราไม่ได้เหมือนต้นฉบับร้อยเฟอร์เซนต์
‘ไม่รู้เธอ เป็นคนเดิมหรือแปรเปลี่ยน ไม่รู้เธอ กลัวใจเธอไม่เหมือนเดิมไม่กล้าคิด เดาถ้าผิดคงเสียใจ ไม่รู้เธอคิดแบบไหน’
เมื่ออยู่บนเวทีทุกคนจะจริงจังการการเล่นดนตรีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นมือกลองที่มีดูอบอุ่นและใจดี
‘นานแล้วที่ไม่ได้เจอเธอคิดถึงกันรึเปล่า นานแล้วที่ไม่ได้เจอเธอคิดถึงกันบ้างไหม’ หรือมือคีย์บอร์ดที่มีเสน่ห์ของความเป็นผู้ใหญ่
‘โวโอ... คิดถึงเธอขนาดไหน จะทำให้เธอได้รู้’ หรือมือเบสที่สุขุมใจเย็น
‘กระโดดกอดหอมแก้มเธอให้รู้ว่าคิดถึงเธอที่สุด จะร้องตะโกนดังๆว่าคิดถึงเธอแค่ไหน’ หรือจะเป็นนักร้องนำที่ดูสวยและร้อนแรงในคราวเดียวกัน
โวโอ... คิดถึงเธอแทบขาดใจ ไม่รู้เธอคิดยังไง ฉันโคตรคิดถึงเธอเลย’ และสุดท้ายมือกีต้าร์สุดหล่ออย่างผมเอง
(เพลงกระโดดกอด – Klear)*
ทันทีที่เราแสดงเพลงจบทุกเพลงที่ลิสต์มาก็ได้รับเสียงกรี๊ดและความรักอย่างล้นหลาม ทันทีที่เดินลงจากเวทีผมก็เจอกับหญิงสาวจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ” เธอเป็นผู้หญิงตัวสูงเพรียวหน้าตาสวยและใช่ตอนนี้ในมือมีโทรศัพท์ที่เปิดแอพถ่ายรูปไว้รอแล้ว พอผมพยักหน้ารับอีกฝ่ายก็รีบเอาหน้ามาแนบ ความจริงเธอแนบมาทั้งหน้าทั้งแขนแล้วก็..เอ่อ นมเลยหละ ไม่พอยังรัวชัตเตอร์อีกด้วย
โฮ้ย ฟิงซ์ใจไม่ดีเลย
“พี่ขอหอมแก้มหน่อยได้เปล่า” คราวนี้เป็นผู้หญิงอีกคนที่ดูเป็นคนค่อนข้างมีอายุแล้วคาดว่าคงมาสังสรรค์หลังทำงานเสร็จหละมั้ง
ฟอด
เดี๋ยวนะ.. ยังไม่อนุญาตเลย! แต่ฟินให้อภัย
ก็หลังจากนั้นผมก็ใช้เวลาอยู่กับแฟนคลับของตัวเองไปสักพักหนึ่งให้หนำใจแล้วจึงเดินกลับเข้าไปยังหลังร้านซึ่งเป็นสถานที่ซ้อมของพวกเรา
“นี่ฟิงซ์ เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์มึงดังมาก” พี่เฮลว่าแล้วก็เหลือบไปมองสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งที่วางอยู่บนกองเสื้อแจ็คเก็ตของผม
“โอเคๆ แป๊บ” ผมพยักหน้ารับจากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องนั้นขึ้นมากดดูข้อความที่เป็นต้นตอของเสียงแจ้งเตือนนั้น
และฉิบหาย เมื่อคนที่ส่งมาก็คือ ‘โสนน้อย’ เธอคือผู้หญิงที่ผมกำลังคุยๆ ด้วยอยู่ในตอนนี้ ซึ่ง..จะไม่รู้สึกหวั่นใจอะไรหากข้อความนั้นไม่ใช่...
Snonoi
ภาพนี้คืออะไร?
(ส่งรูปภาพ)
ภาพที่เธอส่งมามีอยู่ประมาณ 2-3 รูป และในนั้นมีผมหมดเลยไม่ว่าจะเป็นอิริยาบถต่างๆ ที่ถ่ายรูปแนบเนื้อกับผู้หญิง หรือจะรูปที่ผมโดยฉวยโอกาสหอมแก้ม หรือไม่ก็รูปที่กำลังยืนคุยกับสาว
ใครถ่ายไว้วะ?
Sphinx
ก็ไม่มีอะไร
Snonoi
ฉันว่าช่วงนี้เราเลิกติดต่อกันสักพักดีมั้ย
ฉิบหายยยย!!
Castle-G's Talk
บทนำค่อนข้างยาวแฮะ นิยายเรื่องนี้จะออกแนวฟีลกู้ด
มาในตีมพ่อบ้านใจกล้าบูชาเมีย 5555555
____________________________________________
สามารถคอมเม้นท์หรือเข้าไปเล่นแท็ก #คุมสฟิงซ์ นะค้า
ติดตามได้ที่ Facebook : Castle-G | Twitter : @castleglint
____________________________________________
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อยากอ่านต่อแร้วค่าาาาาาาาา
แง้งงงงง ชอบบบบ สฟิงซ์แบบน่ารัก ขำ 555
ยอมในความหูตาไวของโสนน้อย หนูลูกกก น่ากลัวจริงๆ
55555555 รอต่อฮร่าาาาา อย่าดองงงง หุหิ
เฟลนลี่แบบนี้ใจบ่ดีเลยฟริงซ์เอ้ยยยยยยยยย โดนโสนน้อยทิ้งแน่ๆ 55555