ตอนที่ 20 : | H | 17 : ย้อนรอยอดีต [100%]
17
ย้อนรอยอดีต
“เขาก็เป็นแค่พี่ชายที่สนิทกัน” ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมกับอธิบายความเป็นจริงออกไป “นี่นายหึงฉันขนาดนี้เชียวเหรอ”
“มากไป ใครหึง?” คนตรงหน้าพอได้ยินเช่นนั้นเขาก็ใช้มือผลักหน้าผากฉันเบาๆ
“อ้าว อุตส่าห์ตามติดฉันแถมทำท่าฮึดฮัดขนาดนี้จะให้คิดยังไง ขึ้หึงขี้หวงขนาดนี้เลยเหรอ” ฉันยิ้มขำออกมาเมื่อได้แกล้งเขา
“กลับไปโดนแน่”
โธ่ นี่ก็ชอบขู่จัง
“เออนี่ ฉันมีเรื่องอยากพูดด้วยพอดีเลย” ตอนแรกฉันตั้งใจว่ากลับไปที่บ้านเช่าค่อยเล่าให้อีกคนฟัง แต่ไหนๆ วันนี้ฮงก็โผล่หน้ามาให้เจอถึงที่แล้วฉันบอกตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า
“อืม”
“ไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะ”
@StarB Café
“หืม?” ฮงขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ฟังฉันเล่าเรื่องรูปภาพที่ตนเองเจอในหนังสือรูปเมื่อวานนี้ “บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้”
“นายพูดคำว่าบังเอิญหลายครั้งแล้วนะวันนี้”
“แค่สองสามครั้งเอง” ฮงเถียงกลับมา “ทำไม? จะให้ฉันพูดว่าเป็นเรื่องของพรหมของลิขิตเหรอไง”
ทำไมถึงเป็นผู้ชายที่ไร้ความโรแมนติกขนาดนี้วะฮะ
“ก็เปล่า” ฉันไหวไหล่เล็กน้อยพลางทีไม่ได้สนใจอะไรแล้ว “เดี๋ยวขากลับฉันจะแวะไปบ้านป้าด้วย บางทีฉันอาจจะได้รู้สาเหตุการเสียของแม่ก็ได้”
“งั้นก็ไปสิ”
“เอ่อ แล้วนาย” ฉันจ้องหน้าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างสงสัยว่าเขาจะไปไหนต่อ เห็นว่าเจ้าตัวพาเพื่อนมาทำงานนี่นา
“ก็เดี๋ยวไปด้วยไง” ฮงตอบ
“ฮะ?” ยอมรับว่าตกใจเล็กน้อยกับคำพูดนั้น มันเป็นเรื่องที่ไม่ทันตั้งตัวน่ะ
“แล้วจะไปยังไง” ขอบคุณที่ถามคำถาม เพราะฉันเองก็ยังหนักใจอยู่เหมือนกัน
“ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะให้พี่เมฆมารับ” นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดก่อนจะได้มาเจอฮงอย่างเซอร์ไพรส์ที่นี่ “แต่ว่าถ้านายไม่ชอบใจก็นั่งรถแท็กซี่ไปก็ได้”
“ไม่ต้อง ก็ให้เขามารับนั่นแหละ เขาอาสาไม่ใช่เหรอ? ดีจะตาย” ทั้งคำพูดและท่าทางนั่นดูผิดคาดไปจากที่ฉันคิดอย่างมาก ก็ในตอนแรกฮงดูไม่พอใจที่ฉันมากับพี่ชายในหมู่บ้านนี่นา
“เอ่อ จะดีเหรอ”
“อะไรฟรีก็ดีทั้งนั้นแหละ”
ดูตอบเข้าสิ มันน่าไว้ใจหรือเปล่าเนี่ย
เป็นอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าที่เวลาผ่านไป หลังจากฉันซื้อของทำธุระของตัวเองเสร็จโดยมีฮงอยู่ด้วยก็ตั้งใจจะไปบ้านของป้าแท้ๆ เพื่อนั่งคุยเรื่องอุบัติเหตุของแม่เมื่อสิบสองปีที่แล้ว บางทีการได้รู้ความจริงมันอาจจะช่วยแก้ปัญหาความกลัวการว่ายน้ำนี้ลงก็ได้
มันเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว
“พี่มาไวจังเลย” เมื่อสิบนาทีฉันโทรไปบอกพี่เมฆว่าตนทำธุระเสร็จแล้วจึงให้เขามารับเพื่อไปส่งที่อื่นต่อ ตอนแรกคิดว่าอาจจะต้องรอนานสักหน่อยแต่เปล่าเลย เพราะอีกฝ่ายมาเร็วกว่าที่คิด
“พี่อยู่แถวนี้พอดี แล้วนั่นใคร?” พี่เมฆตอบก่อนจะถามต่อเมื่อมองไปเห็นร่างสูงของฮงที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“นี่ฮง เขาเป็น” ฉันกำลังจะแนะนำตัวเขาแต่ว่าอยู่ๆ ก็โดนเจ้าตัวพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“เพื่อนน่ะ”
ฮะ?!
“อ๋อ เป็นเพื่อนลีเหรอ ขึ้นรถสิจะไปไหนกันล่ะ” พี่คนนี้ก็เชื่อคนง่ายจังเลยวะ
ฉันขมวดคิ้วมองหน้าฮงอย่างไม่เข้าใจ ถึงแม้มีคำถามมากมายก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี สุดท้ายก็ต้องเปิดประตูรถเพื่อจะขึ้นไปนั่งเงียบๆ แต่ทว่า
“ไปนั่งเบาะหลังไป” ฮงยื้อแขนฉันเอาไว้พร้อมออกคำสั่ง จากนั้นเขาก็ขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับแทนฉัน
ถามว่าเลือกอะไรได้ไหมเลือกที่จะไม่นั่งได้หรือเปล่า ก็ไม่อะนะ
“แล้วฮงเป็นเพื่อนที่มหาลัยเหรอ” คนที่นั่งหลังพวงมาลัยเอ่ยถามเมื่อเราทั้งสองขึ้นมาในรถกันแล้วเรียบร้อย
ฉันบอกเลยว่าฉันจะไม่ตอบ เขาเป็นคนบอกแบบนั้นเองก็ตอบเอาเองแล้วกัน
“ก็คงงั้น” ฮงตอบ
เออ สร้างเรื่องเก่งไปอีก
“เอ่อ เดี๋ยวพี่เมฆไปส่งที่บ้านป้าจันทร์ก็ได้ค่ะ” ฉันพูดขึ้นเพื่อตัดบทไปสนทนาเรื่องอื่นแทน ซึ่งเขาก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้
“ไปทำอะไรเหรอ”
“อ๋อ คือจะไปเยี่ยมป้าแกสักหน่อยน่ะค่ะ เมื่อวานเอาขนมมาให้ยังไม่ทันได้คุยกันเลย” ฉันไม่ได้ตอบไปตามตรงเพราะคิดว่าเรื่องจริงถ้าเล่ามันจะยาว ขี้เกียจอธิบาย
“แล้วขากลับให้พี่มารับอีกไหม”
“ก็ดะ..” ฉันกำลังจะตอบ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปส่งลีเอง” คนที่ตอบแทนฉันก็คือฮง ซึ่งฉันไม่ได้ขอเลยสักนิด เขาคิดบ้าอะไรของเขาอยู่กันแน่วะเนี่ย
บ้านป้าจันทร์
ในที่สุดฉันก็ได้ลงจากรถสักที.. บรรยากาศที่อัดอั้นตันใจตลอดการเดินทางมันช่างเหนื่อยอะไรขนาดนี้ เพราะฮงชอบพูดจาแปลกๆ ตลอดเลยนี่สิ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น” คนที่เป็นต้นเหตุยังไม่รู้ตัว
“นายคิดอะไรอยู่ฮะ” เคยมีสักครั้งไหมนะที่ฉันจะเข้าใจความนึกคิดของผู้ชายคนนี้ได้ “แล้วทำไมต้องบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน ตอนแรกเห็นไม่ชอบเขาจะตาย”
“เรื่องของเราน่ะ”
“..?”
“ไม่ต้องให้คนนอกรู้หรอก” เขาบอกแบบนั้น
50%
“ทำไม” ฉันถามกลับอย่างไม่เข้าใจ ตอนแรกฉันคิดว่าเขาทำตัวลึกลับเพราะเป็นบุคลิกของเจ้าตัวตั้งแต่แรก แต่เอาไปเอามาเหมือนฮงจะตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้เองซะมากกว่า
“เข้าไปหาป้าสิ เดี๋ยวเสียเวลานะ”
สุดท้ายฉันก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
ฉันพยายามจะเลิกคิดเรื่องอื่นในตอนนี้เพื่อโฟกัสความตั้งใจแรกเสียก่อน ส่วนไอ้ปัญหาต่างๆ ยังไงซะฉันก็ต้องได้เจอกับฮงไปอีกนานอยู่แล้วค่อยถามก็ได้
“ใครคะ” เสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างในบ้านหลังจากก่อนหน้านั้นฉันกดออดหน้าบ้านไป
“ป้าจันทร์ นี่ลีเองนะ” ฉันส่งเสียง
“อ้าวลี” ผู้เป็นป้าเปิดประตูออกมาคุยด้วยก่อนจะเชื้อเชิญให้เข้าบ้าน “มาไงเนี่ย เข้าบ้านสิลูก..แล้วนั่นแฟนเหรอ”
เหอะ..
“เพื่อนค่ะ” ในเมื่อเขาอยากบอกเองว่าให้เป็นเพื่อน ฉันก็จะตามน้ำไปกับเขา ซึ่งความจริงมองในอีกแง่มุมมันก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจะบอกญาติคนไหนว่ามีแฟน ไม่งั้นพ่อฉันจะต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ
“เข้ามาข้างในกันก่อนลูก”
ภายในบ้านหลังขนาดกลางซึ่งมีสมาชิกอยู่ประมาณสองสามคนก็คือป้ากับลุงสามีแกและลูกชายอีกคนนึงเท่านั้น แต่ตอนนี้เหมือนฉันจะเห็นแค่ป้าจันทร์คนเดียว
“ลุงไม่อยู่นะ พาเจ้าปั้นมันไปหาหมอฟันน่ะ” ป้าแกตอบสิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่ในหัวพอดี
“อ๋อ ค่ะ” ฉันพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก ตามมาด้วยฮงท่าหน้าด้านข้างติดๆ
“แล้วอีกคนนี่ชื่ออะไรล่ะ” ท่านหันหน้าไปมองคนข้างกายฉัน “หน้าตาดีนะเนี่ย เรียนที่เดียวกับลีเหรอ”
“ใช่ค่ะป้า นี่ฮงเพื่อนที่มอ” เหมือนคนที่จะโกหกเก่งที่สุดจะเป็นฉันเองแล้วหละ “เค้กกล้วยเมื่อวานอร่อยมากเลย ขอบคุณนะคะที่ทำมาให้”
“ไม่เป็นไรหรอก แต่เมื่อวานเสียดายป้ารีบกลับก่อน” ป้าจันทร์หัวเราะเบาๆ “แล้วนี่มาหาป้ามีอะไรหรือเปล่า”
“ลีแค่อยากมาคุยด้วยเรื่องแม่น่ะ” ฉันเปิดประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม
“แม่เราทำไมเหรอ?”
“ลีอยากรู้สาเหตุที่แม่จากไป” เท่านั้นแหละ พอฉันพูดเรื่องนี้ขึ้นผู้เป็นป้าก็ทำหน้านิ่งพร้อมกับถอนหายใจ ฉันสงสัยมากตลอดเลยว่าทำไมทุกคนต้องไม่อยากเล่าเรื่องแม่ขนาดนี้
“ทำไมถึงอยากรู้เรื่องนี้อีก” ผู้ใหญ่ตรงหน้าแสดงอาการหนักใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ลีคิดว่าเรื่องนี้มันมีผลต่อการใช้ชีวิตลีนะคะ ป้าเองก็รู้ใช่ไหมว่าลีกลัวการว่ายน้ำมาก แถมยังเคยความจำเสื่อมตอนแปดขวบอีก” ฉันนึกถึงเรื่องนี้ทีไรมันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่า.. “ลีมั่นใจว่ามันต้องเกี่ยวกับแม่ อย่างน้อยให้ลีรู้สักนิดมันก็น่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ”
“แล้วถ้ามันตรงข้ามล่ะลูก” ป้าจันทร์พูดต่อหลังจากที่นั่งฟังฉันจนจบ “ถ้ารู้แล้วมันแย่กว่าเดิม จะทำยังไง”
“สุดท้ายแล้วก็ดีกว่าไม่รู้ ไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอคะ”
“ถ้างั้นสัญญากับป้า ว่าถ้ารู้แล้วจะมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแง่บวก” ท่าทีและน้ำเสียงที่จริงจังนั้นทำให้ฉันเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมากะทันหัน แต่ถึงแบบนั้น
“ค่ะ ลีสัญญา”
“แล้วเพื่อนเรา..” ป้าจันทร์มองไปยังฮงอีกรอบ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฮงเขาฟังได้จะได้ช่วยกัน”
“อืม” ท่านพยักหน้าเล็กน้อย
ย้อนกลับไปเมื่อสิบสองปีที่แล้ว ตอนนั้นฉันยังอายุได้เพียงแค่ 8 ขวบเศษๆ ครอบครัวของเรามีกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่และลูก วันนั้นเป็นชั่วฤดูร้อนที่อากาศเหมาะกับการไปเที่ยวที่น้ำตกเป็นอย่างมาก ครอบครัวของฉันเลยขับรถออกจากบ้านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวนั้นที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก
ในขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุขกันอยู่นั้น
ปัง!
เสียงปืนหนึ่งนัดที่ดังขึ้นก็สามารถทำลายความสุข ความสงบ และเสียงหัวเราะได้เพียงชั่วพริบตา ทุกคนต่างวิ่งหนีกันไปคนละทิศเพื่อเอาชีวิตรอด
แต่โชคร้าย.. เมื่อเสียงปืนครั้งที่สองดังขึ้น กระสุนลูกหนึ่งพุ่งเข้ามาโดนเด็กหญิงวัยแปดขวบจนเสียหลักพลัดตกลงไปในน้ำตกเป็นจุดอันตรายและลึกมากกว่าสองเมตร เด็กคนนั้นก็คือฉันเองเหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้ฉันที่ว่ายน้ำไม่เป็นไม่สามารถเอาตัวรอดขึ้นมาได้ทำให้ร่างจมลงไปบวกกับตอนที่กำลังตกศีรษะก็ไปกระแทกกับโขดหินจนหมดสติ
‘ลี’
‘ลีเป็นอะไรไหมลูก’
‘ใครก็ได้ช่วยเธอสิ! ลูกฉันจมน้ำนะ ฮึก’
‘ลีได้ยินแม่ไหม’
เสียงที่ฉันเคยได้ยินในความฝันนั้นอาจจะเกิดขึ้นจากส่วนที่ลึกสุดของความทรงจำก็ได้ ตอนนั้นแม่พยายามร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีใครกล้าออกมาเพราะต่างก็รักตัวกลัวตายจากเสียงปืน แถมช่วงเวลาที่เกิดเหตุพ่อของฉันก็ได้ออกไปซื้ออาหารจึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น สุดท้ายแล้วเมื่อไม่มีใครช่วยแม่ก็ตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยฉันถึงแม้ว่าท่านจะว่ายน้ำไม่เป็นเลยก็ตาม
ในวันนั้นฉันสามารถรอดกลับมาได้ แต่คนที่ต้องเสียชีวิตไปก็คือแม่ นี่สินะสาเหตุที่ไม่มีใครอยากเล่าเรื่องนี้ให้ฉันได้รับรู้
แม่ตายเพราะจะช่วยฉัน.. แม่ต้องจมน้ำตายเพราะอยากพาฉันขึ้นมา
“ลี โอเคหรือเปล่า”
หลังจากกลับจากบ้านของป้าจันทร์ ฉันก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร มีก็แต่ฮงที่คอยถามอยู่แบบเมื่อกี๊
“โอเคอะไรล่ะ ฉันทำให้แม่ตายนะ” เรื่องแบบนี้จะทำใจให้โอเคมันก็ยาดนิดหน่อย
“เธอไม่ได้ทำ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะพวกเลวๆ นั่นไม่ได้เป็นเพราะเธอเลย” ถึงแม้สิ่งที่ฮงพูดจะเป็นเรื่องจริงส่วนหนึ่ง แต่ว่าอีกส่วนนั่นก็ยังเป็นเพราะฉันอยู่ดี
“ไม่เอาน่า ไหนสัญญากับป้าไว้แล้วไงว่าจะมองโลกในแง่ดี”
ฉันก้มหน้ามองปลายเท้าของตนเองในขณะที่มันกำลังก้าวเดินไปตามฟุตบาทข้างถนน ตอนนี้เท้าแต่ละข้างของฉันมันช่างหนักและยากลำบากในเดินต่อไปจังเลย
อดีตบางเรื่องก็ส่งผลต่อปัจจุบันจริงๆ
“ฉันควรทำยังไงดี”
“ทำให้ดีที่สุดก็พอ อดีตมันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่แล้ว.. เริ่มต้นใหม่แล้วคิดซะว่าทำเพื่อแม่ของเธอสิ” เขาบอกกับฉัน
“ก็คงเป็นงั้นหละมั้ง”
“ฉันอาจจะทำอะไรได้ไม่มาก” คนข้างกายเอ่ย
“..”
“แต่ฉันจะอยู่ข้างเธอนะ”
พูดดีจริงๆ
100%
มีใครซื้อหนังสือแล้วอ่านจบละมั่ง
5555555555555 ก็คืออันนี้มาอัพเฉยๆ นะ
ไม่สัญญาว่าจะจบหรือไม่จบ แค่อยู่ๆ ก็อยากลงค่ะ
ป.ล.หนังสือหาซื้อได้ตามร้านนายอินทร์แล้วนะคะ >__<
___________________________________
____________________________________
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์ให้หรือเข้ามาเม้าท์มอยได้ที่ #ฮงลี
____________________________________
เซ็ตรักมันระทึก




นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คริๆ ช้ะมะ555+