ตอนที่ 18 : | H | 16 : ความบังเอิญที่มีอยู่จริง [100%]
16
ความบังเอิญที่มีอยู่จริง
“พ่อคะ ลีกลับมาแล้วน้า” ฉันพูดขึ้นหลังจากที่ตัวเดินทางกลับมาถึงบ้านในที่สุด ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนที่นี่ก็ยังอบอุ่นสำหรับฉันเสมอ ฉันใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ในการนั่งรถกลับบ้าน เป็นเรื่องตลกร้ายที่ว่าใช้เวลาในการออกจากเมืองมาต่างจังหวัดนี่เร็วกว่านั่งรถออกจากมอในช่วงรถติดซะอีก
“ไง มาแล้วเหรอ” ผู้เป็นพ่อยกยิ้มทันทีเมื่อเปิดประตูออกมาเจอหน้าฉันก่อนจะเข้ามาสวมกอดสักพัก “กินอะไรมายังล่ะ พ่อไม่ได้ทำไว้นะ”
“ไม่เป็นไรน่า ลีกินมาแล้ว”
“งั้นเหรอ ไปๆ เข้าบ้าน” ผู้เป็นพ่อว่าแล้ว
เมื่อเข้ามาข้างในบ้านฉันก็จัดการวางกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดของตนเองไว้ที่ห้องนอนก่อนจะเดินออกมายังห้องโถงใหญ่ของบ้านซึ่งในมุมมีหิ้งวางรูปและอัฐิของผู้เป็นแม่เอาไว้อยู่ ในระหว่างที่ดวงตาทั้งสองทอดมองไปยังภาพถ่ายอยู่ในหัวก็ได้แต่คิดว่าเวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
“ลี” เสียงของพ่อดังขึ้นทำให้ฉันเปลี่ยนความสนใจไปที่เจ้าของเสียงเรียกนั้นแทน
“หืม ว่าไงพ่อ”
“พรุ่งนี้จะมีคนมาขับรถให้นะ พอดีเดี๋ยวไปหาแม่เสร็จจะได้เข้าเมืองต่อ” ท่านบอกพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดอะไรสักอย่างและหันหน้าจอมาให้ฉันดู “คนนี้”
“อ่า..” ฉันมองดูผู้ชายในรูปแล้วก็พยักหน้าเล็กน้อย “นี่มันพี่เมฆหนิ”
“อ้อใช่ พอดีพ่อขับรถเองไม่ค่อยได้แล้ว ตาไม่ดีเลยจะให้เขามาช่วย” ผู้เป็นพ่อว่าพลางหัวเราะเล็กน้อย จะว่าไปพ่อฉันก็มีปัญหาเรื่องสายตามาสักพักแล้วหละ
“งั้นเหรอ โอเคค่ะ”
“แต่เก่งนะ ยังจำพี่เขาได้ด้วย” พ่อชวนฉันคุยต่อ “เนี่ย โตแล้วหล่อดีชอบเปล่า”
แล้วไหนอยู่ๆ ก็พาฉันมาพูดเรื่องนี้ได้ล่ะเนี่ย เอาจริงเป็นสิ่งมหัศจรรย์เลยก็ว่าได้ที่พ่อมาคุยเรื่องผู้ชายกับฉันแบบนี้ ปกติไม่เคยให้ยุ่งกับใครด้วยซ้ำ
“นี่พ่อไม่หวงลีแล้วเหรอ” ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางถามแซวท่านไปด้วย
“เมฆมันก็เป็นคนดีนะ สัปดาห์ก่อนก็มาช่วยพ่อทำสวนอยู่เลย”
อืม...ก็ดีจริงๆ น่ะแหละ พี่เมฆน่ะเป็นลูกชายของคุณลุงที่อยู่ท้ายซอย แต่ก่อนฉันกับเขาชอบมาเล่นด้วยกันเพราะเป็นเด็กไม่กี่คนในหมู่บ้านนี้ เขาเป็นคนใจดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะมั้ง
“ไม่หละพ่อ พี่เขาไม่ชอบลีหรอก” ฉันหัวเราะหลังจากที่ส่ายหน้าไปมา และพอพูดไปแบบนั้นผู้เป็นพ่อก็ตีหน้านิ่งกลับมา
“เขาไม่ชอบหรือลีไม่ชอบเขา?”
“ก็คงทั้งสองมั้ง” ฉันเห็นเขามาตั้งแต่เด็กนะ ไม่ได้คิดเรื่องอะไรแบบนั้นด้วยซ้ำ
“มีแฟนแล้วใช่ไหม”
พ่อใครเนี่ย ทำไมจับผิดเก่งจังเลย
“ลีง่วงแล้วอะ เดินทางเหนื่อยขอไปนอนพักก่อนนะ” ฉันหาวเป็นท่าทางประกอบเพื่อเพิ่มความสมจริง ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นห้องไป อยากบอกว่าตอนนี้ตาสว่างมากๆ ไม่ได้รู้สึกง่วงอะไรอย่างที่บอกไปสักนิด
ฉันคิดว่าเอาไว้บอกเรื่องนี้ทีหลังดีกว่า
สักพักเสียงแจ้งเตือนของแอพแชทก็ดังขึ้น แทบไม่ต้องทายเลยว่าเป็นใครที่ส่งมันมาให้ฉัน
HongLHY
ถึงบ้านยัง
ข้อความที่ถูกเปิดอ่านทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ลี Leear
อือ เพิ่งถึงไม่นานนี้เอง
HongLHY
อืม ดูแลตัวเอง
สั้นจังเลยนะ..เป็นคนที่พูดน้อยพิมพ์น้อยไปหมดทุกอย่างเลยจริงๆ ส่วนไอ้เรื่องอื่นนี่ก็เยอะสิ่งมากสิ่งซะเหลือเกิน มันควรจะสลับกันปะบางที
ฉันทิ้งตัวลงบนที่นอนพร้อมกับมองไปรอบๆ ห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่เนื่องจากไม่ได้กลับมานานแล้ว จะว่าไปตั้งแต่เข้ามาในห้องก็จามไปหลายทีอยู่เหมือนกัน เป็นแบบนี้ตอนกลางคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอนแน่ๆ คิดแล้วฉันก็ลุกขึ้นไปหยิบเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดมาจัดการห้องนี้ก่อนดีกว่า
เริ่มแรกจากที่ปัดกวาดหยากไย่ตามเพดานเสร็จ ฉันก็ไปหยิบไม้ขนไก่เพื่อปัดฝุ่นตามโต๊ะและตู้หนังสือต่อ เศษฝุ่นที่ล่องลอยในอากาศก็ทำฉันจามจนน้ำหูน้ำตาไหลไปหลายทีเลย
ปั้ก!
หนังสือเล่มใหญ่หล่นลงจากชั้นของมันหลังที่ฉันรื้อออกมาเพื่อปัดเช็ดโดยไม่ทันระวัง ฉันรีบก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาและเปิดดูเล็กน้อย หนังสือเล่มนี้เป็นสมุดภาพที่รวบรวมภาพตอนเด็กของฉันไว้เป็นอัลบัม นานๆ ทีถึงจะมาเปิดดูครั้งนึง แต่พอได้เปิดดูก็อดยิ้มไม่ได้
ก็ในนั้นมันมีรูปแม่กับฉันอยู่เยอะเลยหละ..
ถึงแม้ฉันจะไม่เหลือความทรงจำอะไรที่เกี่ยวกับท่านเลย แต่ก็มีรูปภาพที่คอยย้ำเตือนและเป็นความทรงจำให้อยู่เสมอว่าครั้งนึงฉันมีแม่ที่ดีมากๆ คนหนึ่ง
และท้ายที่สุดฉันก็หยุดทำความสะอาดไปชั่วครู่เพื่อมานั่งดูอัลบัมรูปในหนังสือเล่มนี้ ถึงแม้จะเป็นรูปที่เคยเห็นมาแล้วทั้งหมดแต่มันก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เห็นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรูปที่แม่อุ้มฉันตอนแบเบาะ รูปที่ถูกส่งเข้าโรงเรียนอนุบาลครั้งแรก รูปที่ไปเที่ยวกับครอบครัว จะว่าไปพ่อกับแม่ก็พาฉันไปเที่ยวบ่อยเหมือนกัน
และรูปสุดท้ายก็มาถึง เป็นรูปสุดท้ายที่มีแม่อยู่...รูปที่เราไปน้ำตกด้วยกัน
ฉันนั่งจ้องภาพนั้นอยู่นานและก็ได้พบกับความผิดปกติบางอย่างที่แต่ก่อนไม่เคยรู้ แม่กับฉันที่นั่งอยู่ด้วยกันตรงหน้านั้นไม่ได้สำคัญเท่ากับการที่มีอีกครอบครัวหนึ่งนั่งอยู่ด้านหลัง ครอบครัวนั้นมาเที่ยวเหมือนกับเราและถูกถ่ายติดมาในเฟรมด้วย ทุกครั้งที่เห็นฉันเองก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้นแต่พอมาในวันนี้ฉันกลับสะดุดตาคนที่ถูกถ่ายติด
คุณไทเกอร์ หลิน
เขาอยู่ในเฟรมรูปนี้ด้วยเหรอ? เพราะแต่ก่อนฉันยังไม่รู้จักเขาเลยไม่ได้สนใจว่าชายคนนี้เป็นใคร และถึงเวลาจะผ่านไปเกือบสิบปีเขากูไม่ได้แก่ขึ้นเลยสักนิด ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็มั่นใจว่าเด็กผู้ชายกับผู้หญิงอีกสองคนในรูปต้องเป็นฮงกับแม่ของเขาแน่
ถ้างั้นบางทีฉันกับฮงอาจจะเคยเจอกันมาก่อนแล้วก็ได้
50%
ก๊อกๆๆ
ฉันวางหนังสือรูปลงก่อนจะเดินไปเปิดประตูหลังจากที่ได้ยินเสียงเคาะ
“มีอะไรคะพ่อ”
“ทำความสะอาดห้องอยู่เหรอ พอดีป้าแกทำขนมมาให้น่ะ” กล่องพลาสติกที่ภายในมีขนมเค้กกล้วยอยู่ด้านในถูกยื่นมาให้ฉัน
“อ้าว แล้วนี่ป้ากลับยังอะ” ฉันถามหาเจ้าของกล่องขนมนี้พลางมองผ่านช่องบันไดลงไปข้างล่าง
“กลับแล้ว เขามีธุระไปทำต่อ” พ่อตอบจากนั้นก็ชะโงกหน้าเข้ามาดูภายในห้องนอน “แล้วนี่จะให้ช่วยไหม ฝุ่นเยอะแยะเลย”
“ไม่เป็นไรอะ เดี๋ยวลีทำแป๊บเดียวก็เสร็จ”
หลังจากที่คุยกับผู้เป็นพ่อเสร็จแล้วฉันก็ตัดสินใจกลัลบมาเก็บกวาดห้องต่อให้เสร็จและลืมเรื่องรูปภาพในหนังสือนั้นไปชั่วขณะ
เช้าของวันต่อมา
“ลี เสร็จรึยังเราต้องไปกันแล้วนะ” พ่อตะโกนเรียกฉันขึ้นมาจากด้านล่างหลังจากที่มองดูเวลาแล้วเริ่มจะเปลี่ยนจากเช้าเป็นสาย
“เสร็จแล้วๆ” ฉันตะโกนกลับไปก่อนจะรีบหยิบกระเป๋าตังค์บนโต๊ะแล้วเดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน
“มาแล้วเหรอ งั้นก็ไปเถอะ” พ่อลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อเห็นฉันก่อนจะหันหน้าไปทางผู้ชายอีกคนที่อยู่ด้วยกันวันนี้ “เออ นี่เมฆนะ”
“สวัสดีค่ะพี่เมฆ” ฉันยกมือไหว้หลังจากที่เห็นหน้าเขา
“ลีใช่ไหม ไม่เจอนานเลย” พี่เมฆพยักหน้ารับ
“ค่ะ งั้นเราไปกันเลยไหม”
“เค ขึ้นรถกันเถอะ”
เราสามคนเริ่มออกเดินออกจากบ้านกัน โดยพี่เมฆเป็นคนขับ ฉันนั่งข้างคนขับ ส่วนผู้เป็นพ่อก็นั่งอย่เบาะหลังดูแลของต่างๆ ที่จะเอาไปทำบุญด้วยและที่สำคัญก็คือเบาะหลังมันเหมาะจะนอนมากกว่า
“เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือไง” ฉันมองพ่อที่นั่งหลับบนรถแล้วก็หัวเราะออกมา
“สงสัยจะตื่นเช้ามั้ง” พี่เมฆพูดตอบ
“พี่น่าจะเช้ากว่านะ อุตส่าห์มารอตั้งแต่ลียังไม่ตื่น” ฉันน่ะ ได้ยินพ่อบอกตั้งแต่ขึ้นมาปลุกแล้วหละว่าพี่เมฆมารอ พอคิดแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นมา
“ฮ่าๆ แล้วนี่อยู่ที่มอเป็นไงบ้างล่ะ” เขาชวนคุยเรื่องใหม่
“ก็เรื่อยๆ ค่ะ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่” ถ้าถามเรื่องการเรียนฉันสิ่งเดียวที่รู้สึกกำลังจะตายก็คือได้รับงานให้ไปสอนเด็กว่ายน้ำเนี่ยแหละ
จะบ้าตาย
“หนุ่มจีบเยอะเปล่า” คนที่กำลังนั่งขับรถอยู่ข้างๆ ก็ถามอีก
“ที่ไหนกันล่ะ” วันๆ ฉันก็ใช้ชีวิตแค่ที่มอแล้ววนกลับที่พักเท่านั้น ไม่ค่อยได้ออกจากวงจรนี้เท่าไหร่ นานๆ ทีก็มีบ้างทีไปเดินห้างเล่นเจอผู้คนบ้างแต่ก็ไม่ได้ผูกมิตรกับใครเพิ่มนอกจากเพื่อนที่มีอยู่
“งั้นก็ยังไม่มีแฟนสิ”
ฉันชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ทำไมคะ” ก็ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดจะจีบฉันหรอกนะ
“เปล่า ไม่มีอะไร เดี๋ยวจะถึงแล้ว ลีปลุกพ่อแกหน่อยนะ” พี่เมฆบอกกับฉันและเลี้ยวรถเข้าไปภายในวัดที่เราจะมาทำบุญกัน
“พ่อ ถึงแล้วนะ หลับเหมือนเด็กเลย” ฉันเอื้อมมือไปสะกิดคนแก่ที่นั่งอยู่ข้างหลังจากนั้นก็เปิดประตูลงไปเพื่อหยิบของที่อยู่ท้ายรถออกมา
เวลาผ่านไปได้เกือบหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่เราทำบุญถวายสังฆทานเสร็จ ฉันกับพ่อก็เดินมายังเจดีย์เก็บอัฐิของแม่ที่อยู่ด้านหลังวัดพร้อมกับดอกไม้
“พ่อ”
“อือ” ท่านขานรับทันทีหลังที่ฉันเอ่ยเรียก
“สิบสองปีแล้วนะ”
“เวลามันผ่านไปเร็ว”
“พ่อจะไม่บอกลีจริงๆ เหรอว่าแม่เสียไปเพราะอะไร” นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองสามปีที่ฉันพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกหลังจากที่พยายามถามอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง
“ก็มันผ่านไปนานแล้ว รู้ไม่รู้จะเกิดประโยชน์อะไร”
ก็คิดไว้อยู่แล้วแหละว่ายังไงพ่อก็คงไม่บอกอยู่ดี
“พ่อกลัวอะไรนัก ทำไมถึงเล่าไม่ได้สักที” ฉันไม่เข้าใจเลยว่ากับเรื่องนี้ทำไมถึงเป็นเรื่องเดียวที่ไม่มีใครยอมบอกหรือเล่าให้ฉันฟังเลย
“นี่ลี ที่พ่อไม่เล่ามันเป็นผลดีกับตัวลีเองนะ” ผู้เป็นพ่อตอบพลางทำหน้าเครียด
“ลีอายุยี่สิบแล้วนะพ่อ แต่ไม่ได้รู้เรื่องที่เกี่ยวกับแม่เลย ทั้งที่เคยอยู่กับท่านแต่ก็ดันไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับแม่เลย แม้แต่สาเหตุการตายที่น่าจะเกี่ยวข้องกับตัวเองก็ไม่มีโอกาสได้รู้” ฉันเอ่ยในขณะที่สายตาจับจ้องไปยังรูปของแม่ที่ติดอยู่หน้าเจดีย์
“พ่อไม่อยากเล่าหรอก”
“..”
“ถ้าอยากรู้ก็ไปถามป้าเองก็แล้วกัน”
และนั่นคือคำบอกเล่าสุดท้ายของพ่อที่เกี่ยวกับเรื่องแม่ก่อนที่เราจะออกจากวัดแล้วพากันกลับบ้าน หลังจากที่กลับมาถึงพ่อก็ทำงานของตัวเองคือการตัดกิ่งต้นมะม่วงที่มันล้ำออกไปนอกรั้ว ส่วนฉันตั้งใจจะออกไปซื้อของในเมืองสักหน่อย
“งั้นไปกับพี่ไหม พี่ก็จะไป” พี่เมฆเสนอจะไปส่งหลังจากที่ได้ยินว่าฉันจะเข้าเมือง
“จริงๆ ลีไปเองได้ พี่เองก็อาจจะต้องมีอะไรไปทำเหมือนกัน”
“ไม่หรอก พี่ก็ตั้งใจจะไปอยู่เหมือนกัน งั้นเราไปด้วยกันก็ได้” อีกฝ่ายส่ายหน้าเพื่อบอกว่ามันไม่ใช่การรบกวนอะไร
“อืม..ถ้าแบบนั้นก็ได้ค่ะ”
ความจริงธุระของฉันไม่ใช่การไปซื้อของแค่อย่างเดียว แต่เป็นการไปหาผู้เป็นป้าของตนเองอีกด้วย ก็ก่อนหน้านั้นพ่อฉันบอกให้ฉันไปถามป้านี่นา อีกอย่างเดี๋ยวฉันก็ต้องกลับพรุ่งนี้แล้วถ้าไม่ไปวันนี้จะไปวันไหน
Line~
HongLHY
ทำอะไรอยู่
อยู่ๆ ข้อความจากฮงก็เด้งขึ้นมา
ลี Leear
กำลังจะไปห้าง L น่ะ ไปซื้อของ
HongLHY
งั้นไว้เจอกัน
หมายความว่ายังไงกันนะ? ด้วยความเคลือบแคลงใจจึงส่งข้อความไปถามให้เคลียร์แต่เขาก็ไม่ยอมอ่านจนในที่สุดก็ต้องเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้
30 นาทีต่อมา
เพราะไม่ได้ไกลมากจึงใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงในการขับรถขับตัวเมือง พี่เมฆพาฉันมาส่งที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งก่อนอีกฝ่ายจะไปทำธุระของตัวเองเขาก็ได้บอกกับฉันว่า ‘ถ้าเสร็จแล้วโทรมานะ พี่จะได้มารับ’ เขาดูใส่ใจฉันมากเกินไปนะ ทั้งที่เราเองก็ไม่ได้สนิทกันมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ถ้าคิดในอีกมุมพี่เมฆคงเป็นผู้ชายที่ใจดีมากๆ
หลังจากที่ลงจากรถแล้วจะเดินเข้าไปตากแอร์เย็นๆ ข้างใน สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นตาของใครสักคนที่ยืนพิงรูปปั้นด้านหน้าทางเข้า ด้วยความตกใจและไม่คาดคิดฉันรีบเดินเข้าไปหาบุคคลนั้นเพื่อมองให้แน่ชัดว่าใช่คนเดียวกับที่ตัวเองคิดหรือเปล่า
“ไง บังเอิญจังเลยนะ..บ้านอยู่แถวนี้เหรอ”
“นายมาได้ไง แล้วมาทำอะไร” ฉันมองหน้าของฮงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“มาทำภารกิจ จะว่าไปที่นี่ก็ไม่ได้ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่นั่งรถชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว”
“งั้นเหรอ” ตอนนี้ฉันเกิดคำถามและความสับสนเต็มสมองไปหมด คุณว่าความบังเอิญมันจะเกิดขึ้นได้ขนาดนี้หรือเปล่าคะ?
“แล้ว..อันนี้คือกลับบ้านมาหาพ่อหรือจะมาเที่ยวกับผู้ชาย”
“ฮะ?” ฉันขมวดคิ้วงงเมื่ออยู่ๆ ก็โดนใส่ความแบบนั้น “เที่ยวกับผู้ชายอะไรของนาย”
“เห็นตั้งแต่เดินลงมาส่งจนกระทั่งขับรถออกไป” อีกฝ่ายขยายความในคำพูดตนเอง
ถ้าแบบนั้นก็คงหมายถึงพี่เมฆสินะ..
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“อืม ช่างเถอะ” ทำไมสีหน้าของเขาดูไม่ได้ไปทางเดียวกับคำพูดเลยนะ “ฉันไปละ เชิญเธอไปทำธุระของตัวเองเถอะ แล้วเราค่อยกลับไปเจอกันที่บ้าน”
ว่าจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไปในจังหวะที่ฉันกำลังยืนงงอยู่ แต่เมื่อตั้งสติได้ฉันก็รีบก้าวเท้าเดินตามอีกฝ่ายไปติดๆ พร้อมกับรีบคว้าแขนของฮงเอาไว้
“เดี๋ยวสิ นี่นายมาทำอะไรที่นี่” ถ้าสันนิษฐานแบบเข้าข้างตัวเองหน่อยก็คงจะหนีพ้นเรื่อง.. “หรือตั้งใจตามฉันมา?”
จะว่าไปข้อความที่ฮงส่งมาบอกฉันก่อนหน้านั้นก็เป็นหลักฐานชั้นดีเลยหละ
“ก็เป็นเด็กฉลาดอยู่นะเนี่ย”
เหมือนเขาจะยอมรับแล้ว
“แต่ก็ยังเข้าข้างตัวเองไปนิดหน่อย” ฮงพูดต่อจากเมื่อกี๊เขามองหน้าฉันนิ่งๆ สักพักก่อนจะเล่าว่า “พอดีฉันพาไอ้ดลมาทำงาน แล้วว่างๆ ก็เลยทักไปถาม พอรู้ว่าจะมาที่นี่เลยมาดักรอ”
“นายนี่มันมีเรื่องให้แปลกใจตลอดเลยจริงๆ”
“เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ แค่วันเดียวหาผู้ชายใหม่ได้แล้วเหรอ”
ฉันเจอคนหัวร้อนเข้าแล้วสิ
“นี่อย่ามาหาเรื่องฉันนะฮง” ฉันย้อนกลับด้วยความไม่พอใจที่เขามากล่าวหาแบบนี้
“ก็อธิบายมาสิ” ฮงว่าด้วยท่าทางที่เย็นชาแล้วยังทำท่าไม่พอใจกลับมาอีกด้วย
100%
เธออออ เราอยากสปอยว่า บทต่อไปเฉลยปมของลีนะ
ซึ่ง...เราคงไม่ได้อัพต่อละ งื้มมมม แล้วยังไง?
ผายมือไปที่หนังสือ //วาร์ปไปงานได้เลย ส่วนลดเยอะของแถมแยะ
(ใช่ค่ะ มาขายของ เดี๋ยวไปอาบน้ำนอนละ 5555)
___________________________________
____________________________________
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์ให้หรือเข้ามาเม้าท์มอยได้ที่ #ฮงลี
____________________________________
เซ็ตรักมันระทึก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อยากอ่านนนน งือออ 😭😭😭
รอค้าบบบบบบบบ