ตอนที่ 14 : | H | 13 : น้ำนิ่งไหลลึก [100%]
13
น้ำนิ่งไหลลึก
11:45 AM
“วันนี้หน้าตาดูสดใสดีนะ”
“ทำไม คนเรามันจะดูดีสักวันไม่ได้เหรอ” ฉันหันไปมองค้อนใส่เพื่อนชายของตัวเองแล้วก็หันกลับมานั่งจ้องสไลด์ตรงหน้าต่อ
“ก็แกดูแปลกๆ นี่หว่า” พัธหัวเราะไปด้วย และมันก็ยังไม่วานจะกลับมาซอกแซกถามต่อ “สรุปว่าไง แกกับเพื่อนบ้านคนนั้นมันยังไง”
“ก็ไม่ยังไง” ก็แค่คนที่เกือบจะมีอะไรกันไปแล้วเมื่อคืนเท่านั้น
“ไม่จริง ฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง”
“เก็บความขี้เสือกไปใช้แสวงหาความรู้นู่น อาทิตย์หน้ามีควิซได้ยินอาจารย์พูดปะ” ฉันเอาชีทฟาดหัวมันและทยอยเก็บของลงกระเป๋าหลังจากที่เห็นว่าใกล้จะถึงเวลาเลิกคลาสแล้ว
“แกมันน่าสงสัยว่ะ”
“สงสัยไปก็ไม่ได้อะไรหรอก ไปส่งที่ตึกแปดด้วยอยากกินไอติม”
“ค่าเดินไปส่งห้าสิบบาท” เพื่อนตัวโย่งว่าพร้อมกับแบมือมาไว้ตรงหน้าด้วยท่าทางจริงจัง
“ไปเองก็ได้ไม่เป็นไร ขอโทษที่รบกวน” ฉันเบือนหน้าหนีมันพลางถอนหายใจยาวเหยียด แต่สุดท้ายก็ไม่วายโดนพัธมันว่ากลับอยู่ดี
“จำไว้นะ จำไว้”
คนที่ควรพูดแบบนั้นควรเป็นฉันไม่ใช่หรือไง?
“เอ้อ พัธ เดี๋ยวฝากแกส่งไฟล์งานที่อาจารย์ให้มาทางไลน์ได้ปะ พอดีฉันเข้าเว็บของมหาลัยไม่ได้” หลังจากที่เก็บของเสร็จฉันก็หันไปบอกกับผู้เป็นเพื่อน
“อ้าว โดนบล็อกเหรอวะ”
“เปล่า ลืมรหัส เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อสัปดาห์ก่อนละจำไม่ได้เดี๋ยวว่าจะไปติดต่อฝ่ายไอทีดู” ว่าแล้วก็อยากจะด่าให้กับความโง่เง่าของตัวเอง
“เออๆ ละนี่แกจะไปกินไอติมแล้วกลับเลยใช่ปะ”
“คงงั้น ฉันมีอะไรให้ทำเยอะแยะเลย” หนึ่งในนั้นก็คงเป็นนัดกับฮง
“อือๆ”
ห้อง E5102 คอนโด xx
“มาถึงเร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย” ทันทีที่ประตูถูกเปิด ฉันก็เห็นผู้เป็นเพื่อนบ้านมารอรับด้วยสภาพปกติที่ไม่ใช่แค่ชุดคลุมอาบน้ำแบบคราวที่แล้ว
ที่น่าแปลกใจก็คือตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียว หากแต่มีผู้ชายคนนึงนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาของห้องด้วย ถ้าจำไม่ผิดเขาเป็นผู้ชายที่เป็นคนรับหน้าที่ดูแลเรื่องบ้านหลังนั้นให้ฉันนี่นา...
“สวัสดีครับ คุณวนารีใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวเราเข้าไปดูด้านในกันก่อนดีไหมครับ”
“เคยเห็นแล้วใช่ไหม ไอ้นั่นชื่อณดล เรียกมันว่าดลเฉยๆ ก็ได้” ฮงแนะนำตัวเพื่อนของเขาให้ฉันได้รู้จักอีกครั้ง ซึ่งฉันก็รู้อยู่แล้วเพียงแต่ไม่ได้เจอหน้าผู้ชายคนนี้เลยตั้งแต่วันนั้น
“สวัสดีคุณลี” เขาโบกมือพร้อมกับส่งยิ้มให้ฉัน
“สวัสดีค่ะ”
“ไปนั่งรอก่อน เธอมาเร็วฉันเลยยังทำกับข้าวไม่เสร็จ” ฮงพูดเหมือนมันเป็นความผิดของฉัน มาเร็วกลายเป็นเรื่องที่ผิดแล้วเหรอทุกวันนี้?
และหลังจากนั้นเจ้าของร่างสูงก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นแล้วหายเข้าไปในครัว
“สนิทกับมันแล้วเหรอครับ” ดลเป็นฝ่ายชวนคุยเมื่อฉันทิ้งกายลงมานั่งอีกฝั่งหนึ่งของโซฟา
“..เอ่อ” ฉันชะงักไปเมื่อได้รับคำถามเช่นนั้น อันที่จริงแล้วฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะให้สนิทกับฮงแบบไหนดีเหมือนกัน “งั้นมั้งคะ”
“แปลกดีนะ ปกติฮงมันเข้ากับคนอื่นยาก” ดลพูดต่อโดยที่สายตาเขายังคงจับจ้องไปยังหน้าจอโทรทัศน์อยู่
“เชื่อค่ะ” ฉันพยักหน้าแล้วนึกย้อนไปวันที่ฉันทักทายเข้าที่หน้าบ้าน ไอ้อาการแบบนั้นมันไม่ใช่การเข้ากับยากหรอก มันคืออาการคนไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับใครเลยมากกว่า
“แล้วคุณรู้เรื่องของมันเยอะแค่ไหนแล้ว” คราวนี้อีกฝ่ายละสายตาจากหน้าจอแล้วมามองที่หน้าฉันแทน
“ฉันไม่รู้อะไรเลย”
“อ่า...ยังสินะ” ดลกระตุกยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็เขยิบเข้ามานั่งใกล้ฉันอีกคืบหนึ่ง “งั้นผมบอกให้สักเรื่องสองเรื่องเอาไหม”
“เรื่องอะไร” บอกตามตรงว่าฉันเองก็ไม่ค่อยไว้ใจเขามากสักเท่าไหร่
“ครอบครัวของเขา..”
...
“มีอาชีพที่ต้องฆ่าคน”
50%
เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็รู้สึกตกใจทันที ไม่รู้หรอกว่าที่ดลพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องล้อเล่นแต่ว่าถ้าคิดแบบไม่ลำเอียงเลยก็ใช่ว่าจะไม่มีวิทธิ์เป็นไปได้ จะว่าไปฮงก็ไม่ได้ดูเหมือนคนธรรมดาเลยสักนิด
“นี่” เสียงของบุคคลที่สามพร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารอะไรสักอย่างทำให้ฉันเลิกสนใจเรื่องในหัวแล้วไปมองร่างของฮงที่เดินออกมาพร้อมกับถาดในมือ เขาวางมันลงบนโต๊ะพร้อมกับเอ่ยถาม “กินอะไรมายัง”
“เอ่อ กินไอติมมา” ฉันตอบความจริง
“ไอติมเนี่ยนะ?” ฮงขมวดคิ้วพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย “กินก่อน เดี๋ยวหิว”
“ของกูอะ” ดลพูดขึ้น
“ไปตักเอาเองสิ”
“ใจดีจังวะ” ดลหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินออกไป ตอนนี้ก็กลายเป็นว่าเหลือฉันอยู่กับฮงสองคนแทน
“น่าแปลกใจอยู่นะ” ฉันมองถ้วยข้าวต้มตรงหน้าก่อนจะไปสบตาคนที่ทำมันมาด้วยสีหน้าตามที่พูดไว้ “คนแบบนายก็ทำกับข้าวเป็นด้วย”
“อยู่คนเดียวมันก็ต้องทำได้บ้าง”
“แน่ใจนะว่ามึงอยู่คนเดียว?” ดลที่เดินหายเข้าในครัวชะโงกก็เดินออกมาร่วมวงสนทนาด้วย ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความลับบางอย่าง
“ไอ้ดล..”
“มันเลี้ยงกุมารทองเอาไว้ ระวังมันหน่อยแล้วกัน” เขาพูดกับฉันด้วยเสียงหัวเราะพลางเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าที่พาดบนโซฟามาสะพายหลัง “ไปละ”
แล้วดลก็เดินหายออกไปจากคอนโดในที่สุด
“ไม่ต้องไปฟังมัน” ฮงพูดขึ้นหลังจากที่เพื่อนของเขาออกไปแล้ว
“เรื่องที่เขาพูดก็น่าสนใจอยู่นะ” ฉันว่า
“ฟังแค่ฉันคนเดียวก็พอ”
โอ้โห
“อืม ก็ได้” ฉันไหวไหล่เล็กน้อยจากนั้นก็หยิบช้อนไปตักข้าวในถ้วยเข้ามากิน “ก็อร่อยนี่”
“..อือ”
“ที่ห้องมีหนังเยอะเลยนี่” ทันใดนั้นสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นกองซีดีขนาดใหญ่ที่วางอยู่บนชั้นของโทรทัศน์ “มีเรื่องอะไรบ้างอะ”
“ของดลมัน ถ้าอยากดูก็เอามาเปิดสิ”
เดี๋ยวสิ ไม่ใช่ของเขาแล้วจะให้ฉันเอามาเปิดเนี่ยนะ
“ได้เหรอ?” ฉันเอียงคอเล็กน้อย
“อือ” ฮงตอบในลำคอก่อนจะพูดขึ้นว่า “อ้อ แล้วเวลาจะเปิดดูให้เปิดเครื่องเล่นแผ่นทางด้านซ้ายนะ อย่าใช้อันขวา”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็มองหาเครื่องเล่นซีดีที่วางอยู่ด้านข้างทีวีก่อนจะพบว่ามันมีสองอันซ้ายอันและขวาอันนึงอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ
“ทำไมเปิดอันขวาไม่ได้ล่ะ”
“ก็...” เขาเว้นช่วงไปก่อนจะตอบว่า “มันพัง เลยเปิดไม่ได้ เดี๋ยวเครื่องช็อต”
“โห แบบนี้ต้องเอาไปทิ้งนะ” อันตรายขนาดนี้ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมยังเก็บไว้ในห้องอีก เกิดวันนึงเมาๆ มาอยากดูหนังเปิดผิดทำยังไง
“ถามไอ้ดลมันดูละกัน ฉันตอบไม่ได้” ฮงเบือนหน้าหนีพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“อ้อ แล้วคุณครูฮงจะสอนว่ายน้ำตอนไหนคะ?”
“รีบเหรอ” อีกคนหันหน้ามาถามและหัวเราะเบาๆ
“เปล่า”
“ดูหนังรอไปก่อนก็ได้ แดดขนาดนี้ลงน้ำเป็นไข้พอดี” เจ้าตัวพูดจบก็ลุกออกจากโซฟาแล้วเดินหายไปในห้องๆ หนึ่งที่น่าจะเป็นห้องนอน
ฉันละความสนใจจากฮงแล้วเดินไปเปิดดูแผ่นหนังต่างๆ ที่วางเรียงกันตรงชั้นด้วยความสนใจ ก่อนจะเลือกหยิบออกมาเรื่องนึงเพื่อเปิดดู
...
‘ลี จับมือแม่เอาไว้’ ผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางใจดีเอ่ยพร้อมกับยื่นมือลงมาหาฉัน
‘แม่’ ฉันเอ่ยปากเรียกเธอโดยอัตโนมัติก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือเข้าไปหาทีละนิด
‘ลี’
ไม่นะ ทำไมยิ่งฉันพยายามจะคว้ามือของเธอเท่าไหร่ เราสองคนกลับยิ่งห่างกันออกไปมากเท่านั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ
“ลี..”
เสียงของใครสักคนกำลังเรียกชื่อฉัน คราวนี้มันไม่ใช่เสียงของผู้หญิงคนนั้น
เฮือก
“ตื่นสักที คนอะไรเปิดหนังทิ้งไว้แล้วหลับกัน” เจ้าของเสียงนั้นถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหลังจากที่ก่อนหน้าเขานั่งอยู่ด้านหน้าฉัน
แสดงว่าเมื่อกี๊คือความฝันสินะ
“ฮง..” ฉันเรียกชื่อเขาพร้อมกับประมวลผลเหตุการณ์ตรงหน้า
“หลับแล้วลืมเหรอไง จะรอที่สระนะ” เขาเอ่ยกับฉันไว้จากนั้นก็เดินออกไปด้านหลังของห้องที่มีสระว่ายน้ำอยู่ตรงนั้น
แม้จะยังติดใจเล็กน้อยเกี่ยวกับความฝันเมื่อครู่แต่ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ที่จะเก็บมาใส่ใจ ฉันสะบัดไล่ความคิดนั้นออกไปก่อนจะเดินคว้ากระเป๋าสะพายของตนเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำที่เตรียมมา หลังจากที่แต่งตัวเสร็จฉันก็เดินออกมายังสระที่อยู่ข้างนอก
เจ้าของร่างสูงที่กำลังว่ายน้ำวอร์มร่างกายอยู่นั้นก็เรียกความสนใจฉันได้เป็นอย่างดี นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาว่ายน้ำอย่างจริงจังขนาดนี้ จะว่าไปฮงก็ดูเหมือนคนที่ทำอะไรได้หลายอย่างเหมือนกัน
เมื่อมองไปสักพักฉันก็ตัดสินใจลงไปนั่งที่ขอบสระโดยเอาขาทั้งสองจุ่มลงไปน้ำพร้อมกับแกว่งมันไปมาเบาๆ ไม่นานฮงก็เข้ามาหาฉันที่นั่งรออยู่ ใบหน้ากับผมที่เปียกโชกนั้นยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก ดูไปแล้วฮอตกว่าตอนตัวแห้งเยอะเลย
“นายว่ายน้ำเก่งดี” ฉันเอ่ยชม
“ฉันโดนฝึกแต่เด็ก พอดีแม่พาไปสระน้ำบ่อยๆ” ฮงตอบพลางใช้มือเสยผมที่เปียกน้ำนั่นออกจากหน้าไปด้วย “แล้วก็แม่ฉันน่ะชอบว่ายน้ำมากเลยนะ”
แต่พอได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแม่เขาฉันก็นึกไปถึงคำพูดของเพื่อนเขาที่บอกกับฉันก่อนหน้านั้นที่ว่าครอบครัวฮงมีอาชีพที่ต้องฆ่าคน.. เรื่องแบบนี้ถ้าจะมาอำกันเล่นก็ดูจะแรงไปหรือเปล่า?
แล้วถ้าเป็นเรื่องจริง..
“ฮง ครอบครัวนายทำอาชีพอะไร” ฉันไม่รู้ว่าถ้าถามไปตรงๆ แบบนี้แล้วเขาจะตอบหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ตอบฉันก็มีวิธีรองรับไว้แล้ว
“ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากรู้” อีกคนขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“เพื่อนนายเขาบอกฉันว่าครอบครัวนายมีอาชีพที่ต้องฆ่าคน...จริงเหรอ”
...
หลังจากที่ถามออกไปแบบนั้นก็เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราสองคน ฮงนิ่งไปอยู่สักพักก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
“ไอ้ดลนี่ไม่เคยเก็บความลับได้สักอย่างเลยนะ” ร่างสูงยิ้มเล็กน้อยและถอนหายใจออกมา “ถ้าฉันตอบว่าฉันเคยเห็นคนโดนฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาตั้งแต่เด็ก จะน่าตกใจกว่าหรือเปล่า?”
100%
ฮง แกเป็นใครกันแน่เนี่ย
ทำไมประวัติแกมันดาร์กได้ขนาดนี้
___________________________________
____________________________________
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์ให้หรือเข้ามาเม้าท์มอยได้ที่ #ฮงลี
____________________________________
เซ็ตรักมันระทึก
เอาหละ เรามาโชว์ปกเต็มของเรื่องนี้ให้ดู อิอิ
ตีพิมพ์กับสนพ.เจเอ็นดีนะคะ เป็นโปรเจคงานหนังสือ
ถ้าโชคดีเราคงได้เจอกันที่นั่น >___<
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เดี๋ยวๆๆ อาชีพอะไรเนี่ย นักฆ่าเหรอ
คิดว่าจริงไว้ก่อนแล้วกัน เราเชื่อคนง่าย ฮ่าๆๆ
มาเจิมรออออ