ตอนที่ 13 : | H | 12 : เก็บค่าเช่า [100%]
12
เก็บค่าเช่า
‘เป็นของฉันซะสิ แล้วฉันจะยอมบอกทุกอย่าง’
ประโยคที่ฮงพูดในตอนก่อนที่เราสองคนจะแยกย้ายกันเข้าบ้านยังติดอยู่ในหัวฉันตลอดเวลา ไม่หายไปไหน ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเก็บเรื่องแบบนี้มาคิดให้รถหัวสมองไปทำไม
ฉันมองผ่านหน้าต่างของห้องเพื่อมองดูบ้านหลังข้างๆ กันที่เปิดไฟเอาไว้อยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมา กับฮง..ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะรู้สึกอะไรกับเขา บางทีฉันอาจจะเป็นโรคจิตอ่อนๆ ก็ได้มั้ง
หลังจากที่มองดูนาฬิกาที่บอกเวลาสองทุ่มแล้วฉันก็ตัดสินใจลุกจากโต๊ะอ่านหนังสือ ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
ซ่า~
เสียงน้ำไหลออกจากฝักบัวกระทบกับพื้นห้องน้ำดังอย่างต่อเนื่องเมื่อฉันเปิดวาล์วน้ำ ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าตนเองออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า
กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำและความเย็นจากสายน้ำที่ไหลกระทบผิวกายทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาในระดับหนึ่งหลังจากที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาแทบทั้งวัน
สวบ
ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าในเวลานี้ไม่ได้มีแค่ตัวเองอยู่ในนี้แค่คนเดียว อ้อมแขนปริศนาที่เข้ามาโอบล้อมรอบเอวของฉันเอาไว้รัดแน่นมากขึ้นเมื่อพยายามจะดิ้นรนขัดขืน
“ไอ้ฮง!” เพราะฉันคิดว่าคงไม่มีใครทำแบบนี้อีกแล้วนอกจากเขา
“เรียกไอ้เลยเหรอ” คนด้านหลังเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดตลกราวกับเรื่องที่ตนเองทำนั้นมันน่าสนุกมาก
“เป็นบ้ารึไง ถึงได้เที่ยวเข้ามาตอนคนอื่นเขาอาบน้ำอยู่” ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะหันหลังให้เขาแต่ว่าร่างกายที่ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นก็ทำให้รู้สึกวาบหวิวอยู่ดี
“อือ เป็นบ้า”
“ปล่อยนะ เราเคยตกลงกันแล้วนี่” ฉันนึกย้อนไปตอนที่เขาเคยเข้ามาแบบนี้และตอนนั้นเราสองคนก็คุยกันไว้ด้วยแล้วว่าจะไม่มีการก้าวล้ำเข้ามาในเขตส่วนตัวอีกถ้าไม่ได้รับอนุญาต
“จำไม่เห็นได้”
หน้ามึนที่สุด
“อ๊ะ..” ร่างของฉันถูกพลิก 180 องศาเพื่อให้หันกลับไปมองหน้าคนที่สวมกอดอยู่ด้านหลัง “ถึงฉันจะชอบนายแค่ไหนแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านายจะมาทำอะไรแบบนี้ได้นะ”
“งั้นก็ยอมรับแล้วสิว่าชอบ” สายตาของเขาจ้องมาเข้ามาด้วยท่าทีจริงจังและนั่นทำให้ฉันนิ่งเงียบไปเพราะเผลอหลุดปากพูดแบบนั้น
“อย่ามองนะ” ฉันขึงตาใส่อีกฝ่ายพร้อมกับกระชับอ้อมแขนที่กอดตัวเองเอาไว้ให้แน่นมากขึ้นเมื่อฮงเลื่อนสายตาลงต่ำเรื่อยๆ
“คนเราเวลาให้ความสนใจกับอะไรไม่ได้แปลว่าเราชอบมันหรอกเหรอ”
“แล้วยังไง” ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร
“ฉัน..สนใจเธอ” อีกฝ่ายเอ่ยพร้อมทั้งเลื่อนมือขึ้นมาจับปลายคางฉันเอาไว้ “ตอนแรกฉันกะว่าจะรอคุยกับเธอวันหลัง แต่ว่าฉันคงใจร้อนไปจนทนไม่ไหว”
นี่คือการบอกชอบรึเปล่านะ? แต่ว่าเป็นการบอกชอบที่ไม่ได้มีความโรแมนติกอะไรเลย มันอาจจะเป็นวิถีของผู้ชายลึกลับก็ได้
“นายมันบ้า” ฉันไม่เคยเข้าใจของเขาเลยจริงๆ
“ฉันเป็นหมอดู และฉันรู้ว่าตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรง..” เขาเอ่ยพลางล็อกตัวฉันให้เข้าไปแนบชิดกันมากขึ้นอีก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกสายตาของเขาสามารถอ่านความรู้สึกได้
และที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องโกหก
ใบหน้าเราสองคนเข้าใกล้กันมากเรื่อยๆ มากจนฉันแทบจะหยุดลมหายใจตนเองเอาไว้จนในที่สุดอีกฝ่ายก็ทาบทับริมฝีปากลงมาและไม่เหลือระยะห่างระหว่างเรา ซึ่งพอเป็นเช่นนั้นก็ทำเอาฉันหลับตาลงโดยอัตโนมัติ
ความร้อนเริ่มหลอมละลายทั้งร่างกายและหัวใจของฉันมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งสัมผัสที่รับรู้ได้ตอกย้ำว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้ไม่ใช่ความฝัน ความรู้สึกกลัวที่เคยมีในวันแรกตอนได้เจอเขาเริ่มหายไปทีละนิดละน้อย และถูกแทนที่ด้วยความสนใจ ความอยากเข้าหาแทนจนกลายเป็นความชอบในที่สุด
“อื้อ” ฉันร้องออกมาเมื่อคนตรงหน้าบดขยี้จูบให้หนักกว่าเดิม เรียวขาทั้งสองข้างก้าวถอยไปเรื่อยๆ จนแผ่นหลังไปสัมผัสกับผนังห้องน้ำที่เย็นเฉียบ
ฉันยกมือทั้งสองข้างไปจับไหล่ของฮงเอาไว้พร้อมกับกำเสื้อเขาแน่นตามอาการเกร็งที่เกิดขึ้น ยิ่งอีกฝ่ายระดมจูบแบบไม่ปล่อยให้ฉันได้หายใจก็ทำเอาฉันเริ่มเหนื่อยจนต้องออกแรงผลักตัวเขาออก และเมื่อลืมตามองคนตรงหน้าก็เห็นว่าตอนนี้เสื้อผ้าของฮงเปียกปอนไม่แพ้กันเนื่องมาจากฝักบัวที่ยังไม่ได้ปิดน้ำ
น่าแปลกที่เขาก็ยังดูดี เผลอๆ ดีกว่าตอนตัวแห้งด้วยล่ะมั้ง
“ไม่คิดว่าฉันจะอายบ้างเหรอไง”
“ทำไม” เขายังจะกล้ามาถามแบบนั้นอีกเหรอ
“ฉันไม่ได้มีเสื้อผ้าบนตัวแบบนายนะ” อีกอย่างฉันไม่ได้หน้าหนาแบบเขาด้วย
“ไม่ได้ใส่น่ะดีแล้ว จะได้ไม่เสียเวลา” ในแว้บหนึ่งระหว่างที่อีกคนพูดฉันเห็นมุมปากที่กระตุกยิ้มขึ้นมา ทุกครั้งที่เขายิ้มแบบนี้ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้นสักนิด
“เดี๋ยว..” ฉันถดคอหนีเมื่อฮงมีท่าทีจะจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง
“..”
“แค่นี้ก็พอ ฉันต้องรีบนอนพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า” ฉันบอกพลางใช้จังหวะที่อีกฝ่ายหยุดฟังไปปิดน้ำและคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้ตรงราวออกมาพันรอบกายเอาไว้
“ดี งั้นพรุ่งนี้เรียนเสร็จก็มาที่คอนโดเดิมที่เคยให้ไป”
“ใครว่า ฉันมีเรียนว่ายน้ำกับพี่ต้อมนะ” ฉันหยุดนึกไปสักพักก่อนจะแย้งออกไป
“พรุ่งนี้ไม่ต้องไป มาเรียนกับครูฮงดีกว่า”
“ถ้านายสอนได้ขนาดนั้น จะให้ฉันลงเรียนที่อื่นทำไม” ฉันแค่นหัวเราะเมื่อได้ยินแบบนั้น เอาความจริงฉนก็ยังไม่เคยเห็นเขาว่ายน้ำจริงจังสักที
“ฉันไม่ได้ให้เธอลงสักหน่อย เธอลงเอง” ฮงพูดพร้อมกับไหวไหล่อย่างน่าหมั่นไส้
ก็ถูกของเขา
“แต่ตอนนี้นายต้องออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” เขาคิดว่ามีอภิสิทธิ์ในนี้แล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอไง
“กลับยังไง ฉันเป็นเจ้าของที่นี่นะ...และจะมาเก็บค่าเช่าด้วย” ฮงว่าพร้อมกับส่ายหน้า
ฮะ? คนเราทวงค่าเช่ากันแบบนี้แล้วเหรอ
“ปกติฉันต้องโอนให้รายเดือนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง อีกอย่างคนที่ทำหน้าที่นั้นไม่ใช่นายด้วย” ฉันยังจำบัญชีที่จดไว้ตอนโอนเงินได้ เป็นชื่อของผู้ชายคนนั้นที่นัดมาดูสถานที่ในครั้งแรก
“เปล่า ไม่ต้องจ่ายเป็นเงิน” ฮงสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นจนฉันต้องถอยห่างออกเพื่อความปลอดภัย “ให้ตัวและหัวใจก็พอ”
“...”
“ว่ายังไง”
“ดูท่าว่าคนที่ชอบมากกว่าจะเป็นนายแล้วนะ” ฉันยกแขนมากอดอกพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายยิ้มๆ “บางทีฉันก็คงเป็นโรคจิตจริงๆ”
“ก็คงงั้นมั้ง”
“งั้นก็อย่าเก็บค่าเช่าแพงนักล่ะ”
50%
สิ้นสุดประโยคนั้นฮงก็โน้มใบหน้ามาฉกฉวยจูบจากฉัน ซึ่งคราวนี้มันร้อนและดุกว่าคราวที่แล้ว เขาจู่โจมเข้ามาจนฉันตั้งตัวไม่ทัน แขนแกร่งเข้ามาโอบรอบเอวของฉันเอาไว้พร้อมกระชับเข้าหาตัว เป็นล็อกด้วยท่าให้สบายที่สุด มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมากอบกุมที่กอบกุมที่ข้างแก้มเพื่อบังคับให้ฉันเงยหน้ารับจูบจากอีกฝ่าย
ส่วนมืออีกข้างที่วางไว้บนสะโพกของฉันก็ลูบไล้บีบเฟ้นไปตามสัดส่วนของบริเวณนั้น แรงบดขยี้ที่เพิ่มขึ้นตามระดับอารมณ์ทำให้ฉันนึกคิดอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าเปรียบสถาการณ์ในตอนนี้เป็นนรกฮงก็คงเป็นยมฑูตผู้พรากวิญญาณออกจากร่าง
ฉันหอบหายใจตัวโยนเมื่อเขาผละใบหน้าออกไป ร่างกายที่ร้อนเป็นทุนเดิมพอมาประกอบกับความชื้นในห้องน้ำก็ยิ่งทำให้เหงื่อไหลออกมาเยอะ
“แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วเหรอ” คนที่ยังมีท่าทางปกติทุกอย่างเอ่ยอย่างขำขัน เขาจ้องมองมาที่ฉันพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เป็นนักกีฬาที่เหนื่อยง่ายดีนะ”
ทุกๆ ครั้งที่ฉันเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการเล่นกีฬาฉันจะเหนื่อยหลังจากที่ทำมันไปได้สักครึ่งชั่วโมง แต่นั่นมันไม่เหมือนกับตอนนี้
“นายทำฉันหายใจไม่ทันต่างหาก”
“นี่ก็แค่วอร์มร่างกายเอง” รอยยิ้มที่ชั่วร้ายขึ้นเรื่อยๆ ในทุกคำพูดทำเอาฉันนึกหมั่นไส้ มือข้างที่สัมผัสอยู่ข้างแก้วเลื่อนลงมาตามลำคอไปจนถึงหัวไหล่อย่างเชื่องช้า จนกระทั่งไปหยุดที่ปมผ้าเช็ดตัว “จะไหวเหรอ”
“คงไม่” ฉันตอบโดยไม่ต้องคิด
“เสียใจด้วย เพราะฉันจะไม่หยุด” เขาไม่ได้สนใจคำตอบของฉันแถมยังดึงปมผ้าเช็ดตัวที่อยู่หน้าอกออกไปจนมันร่วงหล่นไปอยู่ที่พื้น
CUT
“ค่าเช่านายแพงไปนะ”
“เปล่า...อันนี้เพิ่งเก็บไปครึ่งราคาเอง” เขาว่าแล้วก็แค่นหัวเราะ
“ถ้าแบบนั้นกว่าจะจ่ายหมดฉันคงหมดตัว”
“เธอจะหมดทั้งตัวและหมดทั้งใจเลย” ฮงก้มลงไปหยิบผ้าที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาห่อหุ้มตัวเอาไว้เช่นเดิมและช้อนร่างฉันขึ้นจากเคาน์เตอร์ห้องน้ำก่อนจะอุ้มพาออกไปข้างนอก
เมื่อมาถึงเตียงในห้องนอนเขาจึงค่อยๆ วางร่างฉันไว้ข้างบนนั้นและเขาจึงทิ้งตัวนอนลงนอนตาม ฉันยันกายขึ้นนั่งแล้วจ้องมองไปยังเจ้าของร่างสูงที่นอนเหยียดกายอยู่ข้างกันจึงเห็นว่าอีกฝ่ายหลับตาลงแล้ว
“เดี๋ยว นายจะมานอนตรงนี้เหรอ”
“อือ อย่าเสียงดังสิ”
“ตัวนายเปียก...” ฉันพูดพลางมองไปยังเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เอาไว้ซึ่งเดิมทีมันเปียกโชกจากน้ำแต่ก็เริ่มแห้งบ้างแล้ว
“มาถอดออกให้สิ ถ้างั้น” ฮงลืมตาขึ้นแล้วเหล่มองมาที่ฉัน
“ไม่” ฉันส่ายหน้าและลุกออกจากเตียงเดินตรงไปยังตู้เสื้อเพื่อหยิบเสื้อคลุมนอนออกมาสวมใส่ก่อนจะเดินไปนั่งบริเวณหน้ากระจกเพื่อจัดการหวีผมทาสกินแคร์ให้เรียบร้อย
เอาตอนนี้แค่มองหน้าเขาฉันยังไม่อยากจะทำด้วยซ้ำไป ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้มันก็ยิ่งทำใจได้ยาก นี่ฉันทำเรื่องน่าอายแบบนั้นลงไปงั้นเหรอ แต่พอวางแปรงหวีผมลงแล้วหันไปมองคนที่ทำเสียงก๊อกแก๊กอยู่ด้านหลังก็ต้องแปลกใจ
และนั่นก็ทำให้ฉันอึ้ง
ฮงถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนตัวของเขามีแค่บ็อกเซอร์ตัวเล็กปิดส่วนล่างแค่นั้น
“นายทำอะไร”
“ถอดเสื้อไง มันเปียก” เขาตอบมาด้านตาเฉยจากนั้นฝ่ายก็หยิบเสื้อยืดตัวหนึ่งมาใส่ “ตัวนี้ใส่พอดีเลย”
ซึ่งนั่นเป็นเสื้อคณะของฉันที่กรอกไซส์ผิด จากเดิมควรเป็น M แต่ว่าไปเขียนช่อง XL ทำให้ต้องซื้อมาเก็บไว้เฉยๆ เพราะไม่ได้ใส่ ตัวใหญ่เกินใส่แล้วมันเคลื่อนไหวลำบากไม่เหมาะกับการเล่นกีฬาน่ะ
“เอาหละ มานอนกัน” ฮงว่าจบก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของฉันตามเดิม
“อ๊ะ เตียงมันแคบนิดเดียวเอง” ฉันถอนหายใจเมื่อพอมองดูดีๆ แล้วแค่ฮงคนเดียวก็กินที่ไปครึ่งแล้ว ถ้านอนจริงจะต้องเบียดกันมากแน่นอน
“ก็ลงมา” มือหนาเอื้อมมาฉุดแขนของฉันจนล้มตัวลงไปนอนอยู่บนร่างของเขา ก่อนจะถูกดูดกลืนเข้าไปในอ้อมกอดนั้น “นอนกกๆ กันแบบนี้ก็ได้แล้ว”
“บ้านก็มี...” ฉันพึมพำกับตัวเอง
“อย่าบ่น ฉันยังอารมณ์ค้างอยู่นะ” แต่ด้วยระยะที่แนบชิดกันขนาดนี้ก็ไม่แปลกที่ฮงจะได้ยิน
“...”
“ทำต่อเธอตื่นไปเรียนไม่ทันแน่”
ยังอุตส่าห์เป็นห่วงเรื่องเรียนฉันด้วย ก็ดีเหมือนกัน แต่ทำถึงขนาดนั้นก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะหยุดง่ายๆ
“ค่อยทบต้นทบดอกวันหลัง”
100%
ใครไหวไปก่อนเลย เพราะจีไม่ไหวแล้ว ;-;
หลังจากที่นั่งจ้องเนื้อหาอยู่นาน..ก็คิดว่า..
ไม่น่าจะลงเด็กดีได้ว่ะ 5555555555555555
เลยขอยาดตัดออกนิดหน่อยนะคะ
สามารถตามอ่านได้ที่กลุ่มหน้าเพจของเรา
___________________________________
____________________________________
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์ให้หรือเข้ามาเม้าท์มอยได้ที่ #ฮงลี
____________________________________
เซ็ตรักมันระทึก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ค่าเช่าโคตรแพง ฮ่าๆๆ
เเซ่บมากกก ร้อนเเรงเฟร่อออ
แซ่บพอกันอ่ะ