ตอนที่ 9 : DIFFAIR | 08 : IF YOU WANT [100%]
8 : IF YOU WANT
“เอ้าทุกคน ชน!”
สิ้นเสียงของผู้ที่อาวุโสสุดในโต๊ะ ทุกคนก็ยกแก้วเครื่องดื่มของตนเองขึ้นมาชนกันจนเสียงดังเกร๊งมีทั้งเหล้า ทั้งน้ำเปล่า น้ำอัดลมแล้วแต่ใครจะเลือกกิน ฉันตัดสินใจที่จะดื่มน้ำเปล่าแทนแอลกอฮอล์เนื่องจากว่าไม่อยากจะเมากลับคอนโดในคืนนี้
“รู้ปะว่าฝ่ายเฮดงานชมเราใหญ่เลย วันนี้ทำดีมากทุกคน”
ช่วงเวลาแห่งการฉลองดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผู้คนบนโต๊ะก็ต่างมีเรื่องให้พูดคุยกันมากมายตามประสาเรื่องเฮฮาในวงเหล้า ส่วนฉันเองที่ไม่ค่อยมีส่วนไปแจมบทสนทนาเหล่านั้นมากนักก็ได้แต่นั่งใช้หลอดคนแก้วตนเองไปมาแล้วตักอาหารบนโต๊ะเข้าปากบ้าง
“อ๊ะ น้องแอร์ กินเยอะๆ สิ” แต่ว่าก็มีคนมายุ่มย่ามกับการกินของฉันซะเหลือเกิน
“ไม่เอา” ฉันมองอาหารในจานซึ่งถูกตักมาให้โดยพี่ดิฟแล้วก็ส่ายหน้าปฏิเสธ ถ้าฉันยอมกินชิ้นนี้เชื่อว่าก็จะมีชิ้นต่อไปอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“โห อุตส่าห์ตักให้” พี่ดิฟว่าแล้วก็ทำหน้าเศร้าเล็กน้อยเป็นผลให้คนที่นั่งร่วมโต๊ะสังเกตเห็นสีหน้าหงอยๆ นั่น
“เอาน่า กินเถอะเขาตักให้ทั้งที เราผอมไปแล้วนะแอร์” พี่พริ้มที่นั่งอยู่ด้านข้างฉันเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ได้เลือกข้างไปแล้วเรียบร้อย
สุดท้ายแล้วฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ ในขณะที่ฉันกำลังแอบไม่พอใจอยู่นั้นคนตรงหน้ากลับยิ้มกว้างอย่างน่าหมั่นไส้
และแล้วหลังจากนั้นพี่มันก็ขยันตักอาหารมาใส่จานฉันอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่ยำรวมมิตร หมูย่าง กุ้งแช่น้ำปลา และจิปาถะที่จะตักได้บนโต๊ะ
“ถามจริง พี่ไม่กินบ้างหรือไง”
“กินสิ” คนตรงหน้าตอบพร้อมกับยกแก้วเหล้าที่วางอยู่ด้านข้างตนเองขึ้นมาจิบ
ฉันถอนหายใจเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับผู้ชายคนนี้ดี และแล้วก็เกิดคิดหาทางหนีทีไล่ขึ้นมาได้นั่นก็คือการลุกหนีออกจากโต๊ะนั่นเอง
แต่ว่าถ้าเดินออกไปดื้อๆ จะเป็นการเสียมารยาทได้
“พี่พริ้มคะ เดี๋ยวแอร์เข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฉันเข้าไปกระซิบกับรุ่นพี่สาวแล้วก็ได้รับการพยักหน้ารับรู้กลับมา จากนั้นฉันจึงลุกจากเก้าอี้พร้อมกระเป๋าเดินออกจากโต๊ะไป
ตอนแรกก็นึกว่าจะหนีพ้นแล้ว
แต่ฉันคิดผิดว่ะ..
“ตามมาทำไม ฉันจะเข้าห้องน้ำ” ฉันหันไปมองพี่ดิฟที่ลุกออกจากโต๊ะมาด้วยติดๆ อย่างไม่เข้าใจ นี่เขาเกาะติดตามฉันจนเจ้ากรรมนายเวรของฉันร้องไห้ไปแล้วมั้ง
หรือว่านี่จะเป็นเจ้ากรรมนายเวรอีกรูปแบบหนึ่ง?
“พี่ก็จะเข้าห้องน้ำเหมือนกัน” เขาตอบหน้าตาย
“ก็เข้าสิ”
“นี่..”
บอกให้เข้าห้องน้ำโว้ย ไม่ได้ให้มาเข้าหาฉัน
“พี่ทำบ้าอะไร!” ฉันร้องถามอย่างตกใจเมื่อเขาเข้ามาประชิดตัวพร้อมกับดันฉันจนแผ่นหลังไปติดกับผนัง พี่ดิฟเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้จนอยู่ในระดับที่รับรู้ได้ถึงลมหายใจจากอีกฝ่าย มันไม่มีมู้ดโรแมนติกอะไรทั้งนั้นเพราะว่าละแวกนี้อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นบุหรี่ของพวกที่แอบมาสูบหลังร้าน ไหนจะกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งที่ออกมาจากตัวของเขาอีก
“ครั้งที่แล้วน้องเมา ครั้งนี้พี่เมา สลับกันจะได้ยุติธรรม”
“เมาอะไร อย่ามาตอ..” ฉันเว้นคำว่าแหลเอาไว้ ฉันเห็นนะว่าเขากินไปได้แค่แก้วเดียวเอง คนอย่างผู้ชายคนนี้ไม่ได้คออ่อนขนาดนั้นนะ
“อ้าว สรุปว่าพี่แกล้งเมาไม่สำเร็จเหรอเนี่ย”
“เอามือออกไป อย่ามาฉวยโอกาสนะ” ฉันพยายามเบี่ยงไหล่ตนเองออกมาจากแรงกดที่มือของพี่ดิฟ แต่ว่าพออีกข้างหลุด เขาก็ใช้มืออีกข้างเข้าตะปบอีก แล้วเมื่อพยายามอีกครั้งเขาก็ใช้สองมือมากดเอาไว้เลยจนคนที่ต้องยอมแพ้คือฉันเอง
“เขาบอกว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก ในเมื่อมีโอกาสอยู่ตรงหน้าทำไมพี่จะไม่รีบฉวยล่ะ”
“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ ตรงนี้นะ”
“พูดแบบนี้ก็แสดงว่าตรงอื่นทำได้?” พี่ดิฟเลิกคิ้วถาม แล้วไอ้ท่าทีกับคำถามแบบนั้นมันดูกวนประสาทฉันมาก
“ไม่ได้ ตรงไหนก็ทำไม่ได้ ไม่ให้ทำอะไรทั้งนั้น” ฉันยืนกรานอย่างหนักแน่น เมื่อสบสายตาไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าก็พบแต่กับความเรียบนิ่งเย็นชา ซึ่งเขาไม่เคยมีแววตาแบบนั้นมาก่อน เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วพี่ดิฟจะชอบยิ้มมากกว่าตีหน้ายักษ์แบบนี้
“ทำไม พี่ไม่มีอะไรดีตรงไหน เราถึงได้ปฏิเสธพี่นักหนา”
ฉันนิ่งชะงักเพราะนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะถามคำถามนี้ออกมา
“ถ้าเอาเหตุผลหลักๆ แล้วฉันยังไม่อยากเปิดใจมีใครตอนนี้ แต่ถ้าเอาเหตุผลอื่นก็คือผู้ชายอย่างพี่มันเชื่อใจไม่ได้หรอก ถ้าคบกับพี่ฉันคงต้องมีปัญหาเรื่องผู้หญิงคนอื่นมากมาย” เพราะกิตติศัพท์มากมายของพี่ดิฟที่ฉันรับรู้มาบวกกับทั้งตาเห็น เขาคือคนกะล่อนคนหนึ่งที่เที่ยวหว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงเป็นว่าเล่น
เขาไม่เคยจริงใจกับใคร
“ถ้านั่นคือสิ่งที่แอร์ไม่ชอบ พี่ก็จะเลิกทำ..” เขาบอกกับฉัน
“พี่ทำไม่ได้หรอก”
เปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนได้ แต่เปลี่ยนสันดานเจ้าชู้ของผู้ชายน่ะมันทำไม่ได้
“งั้นพี่จะเริ่มให้ดูตอนนี้เลย” อีกคนว่าแล้วก็ผละตัวออกไปปลดปล่อยไหล่ทั้งสองของฉันให้เป็นอิสระ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาออกจากกระเป๋าจากนั้นจึงเปิดแอพแชทสีเขียวขึ้นมาโชว์ให้ฉํนดู
แล้วก็เริ่มบล็อก contact ของผู้หญิงไปเรื่อยๆ ทีละคน
[35%]
ซึ่งทุกการกระทำนั้นตกอยู่ในสายตาของฉัน
“พี่เลิกคุยทั้งอำเภอแล้วเนี่ย” เขาบอกหลังจากที่ลบรายชื่อพวกนั้นออกไปจนหมด
ฉันยอมรับว่าแอบตกใจอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะลงทุนถึงขนาดนี้ กับอีแค่ต้องการชนะใจฉันเนี่ยนะ เขาต้องการอะไรจากฉันขนาดนั้น
“พี่ต้องการอะไรจากฉัน”
“ต้องการหัวใจของแอร์ไง” เขาตอบยิ้มๆ ซึ่งประโยคแรกก็กำลังดีแต่ว่าประโยคต่อมานี่.. “เอาแค่หัวใจ เพราะตัวได้มาแล้ว”
“..นี่!”
“อย่าโกรธน่า” เขายกมือขึ้นมาทั้งสองข้างเป็นการปรามพร้อมกับยิ้มกว้างกว่าเดิม “โจรยังได้รับโอกาสให้ทำความดี แล้วกับพี่น้องจะไม่ให้โอกาสเลยเหรอ”
“จะคิดดูแล้วกัน” สรุปก็คือฉันพ่ายแพ้และคิดไม่ออกว่าจะเอาอะไรไปโต้เถียงกับผู้ชายคนนี้ สิ่งที่พพี่ดิฟทำก่อนหน้านั้นก็ดูจริงใจดี แต่ว่าจะดูคนก็ต้องดูกันไปยาวๆ ฉันไม่อยากจะด่วนสรุปแล้วก็ผิดพลาดอีกครั้ง
“ที่ผ่านมาไม่เคยคิดเลยเหรอเนี่ย”
“ไม่เคยใส่ใจมากกว่า” ฉันพูดจริงนะ ฉันคิดแค่ว่าถ้าตัวเองไม่เล่นด้วยเดี๋ยวอีกฝ่ายก็เบื่อไปเอง
“เจ็บอะ เป็นคนศูนย์บาทในสายตาเธอ” เขาว่าพร้อมกับยกมือขึ้นกุมอกด้านซ้ายของตัวเอง
“อะไรคือคนศูนย์บาท”
“คนไม่มีค่าไง”
งั้นก็ติดลบไปเลยแล้วกัน ถามจริงนะดิฟ มุกแบบนี้ไปเอามาจากไหน
“...”
“ไม่ขำเหรอ”
ไม่สักนิด หน้าฉันเหมือนคนตลกขนาดนั้นรึไง
“พี่บอกจะเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ” ฉันเองก็เกือบลืมแล้วว่าจุดประสงค์ของการเดินออกมาจากโต๊ะคืออะไร
“เปล่า ความจริงพี่แค่อยากตามน้องมา”
ก็ไม่ได้แปลกใจนักหรอก
“งั้นก็กลับไปได้แล้ว”
“ไล่จังนะ” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่พี่ดิฟก็ยอมหมุนตัวแล้วเดินออกไป ซึ่งทางที่เจ้าตัวไปเป็นคนละทางกับโต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่
ฉันไม่รู้ว่าเขาจะเดินไปไหน แต่ก็ไม่อยากถาม..ส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วทำธุระส่วนตัวตามปกติ
และเมื่อกลับมาที่โต๊ะฉันก็เห็นพี่ดิฟมานั่งอยู่ที่เดิมตามปกติ
“นี่ดิฟ เสร็จนี่มึงไปเที่ยวต่อกับกูไหม” พี่ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งถัดออกไปเอ่ยขึ้น เขาเป็นคนที่พาพี่ดิฟมาที่นี่ด้วย
“ไม่หละ” คนที่โดนถามส่ายหน้าปฏิเสธ
“ที่นั่นสาวเด็ดนะเว้ย”
“ไม่หรอก เพราะที่นี่ก็มีเด็ดๆ เหมือนกัน” พี่ดิฟพูดประโยคนั้นจบก็ชำเลืองสายตามามองที่ฉันเล็กน้อยแล้วอมยิ้มไปด้วย
“โอ้โห นี่คือครั้งแรกที่กูชวนไปหลีหญิงแล้วมึงปฏิเสธ หรือว่ามึงมีตัวจริงแล้ววะ”
“..มั้ง”
เพราะเขามองมาที่ฉันเป็นระยะๆ ฉันจึงไม่สามารถมองหน้าเขาได้อีกต่อไป จึงก้มหน้าลงไปมองจานใส่อาหารของตัวเองอย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า ทุกคนเริ่มหมดแรงกันเพราะก็ดึกมากแล้วจึงเช็คบิลจ่ายเงินแล้วแยกย้ายกันกลับ ส่วนใครจะไปต่อก็พากันไป ส่วนฉันก็คงไม่ไปแล้วเพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน อยากจะกลับไปที่ห้องแล้วอาบน้ำพักผ่อนให้สบายตัวสักที
“กลับกันดีๆ ล่ะ พี่ไปแล้วนะ” พี่พริ้มโบกมือลาทุกคนก่อนที่เธอจะเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงหน้าร้าน ซึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งไปด้วยเนื่องจากกลับทางเดียวกัน
ส่วนฉันก็อาจจะต้องหาแท็กซี่กลับจะได้ถึงคอนโดเร็วๆ
แต่ว่าในระหว่างที่กำจะเดินออกไปยังถนนด้านหน้าร้านเพื่อมองหารถแท็กซี่ก็มีใครสักคนเดินเข้ามาขวางทางเอาไว้เสียก่อน
ไม่ต้องเดาก็รู้ใช่ไหมว่าใคร
“อะไรของพี่ ฉันจะกลับแล้ว” ฉันเงยหน้าไปสบตากับคนที่ตัวสูงกว่าแล้วก็ขมวดคิ้ว
“ก็..กลับด้วยกันไหม พี่เอารถมานะ” พี่ดิฟว่าพร้อมกับชี้ไปยังรถคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ตรงลานจอดรถของร้าน
“เราไม่ได้อยู่ทางเดียวกันนะ” เพราะว่าก่อนหน้าที่ทุกคนจะเดินออกมาจากด้านในร้าน ก็ถามกันหมดแล้วว่าบ้านอยู่ทางไหนกันบ้าง
“ก็เดี๋ยวจะเป็นทางเดียวกันละ”
“หมายความว่า?”
“พอดีเมื่อกี๊พี่หากุญแจเข้าห้องไม่เจอ เลยนึกขึ้นได้ว่าลืมไว้ที่โต๊ะในห้อง จะโทรหาคนมาช่วยเปิดให้ก็ดึกแล้วไม่มีคนรับสายด้วย”
“....”
ขอให้ไม่เป็นแบบที่ฉันคิดทีเถอะ เกริ่นมาซะขนาดนี้ก็เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเขาจะขอไปนอนที่ห้องฉันด้วยนั่นแหละ
“ขอไปนอนด้วยได้หรือเปล่าคืนนี้”
นั่นไงว่าแล้ว ทำไมตอนเดาข้อสอบไม่เคยถูกแบบนี้บ้าง
“ไม่ได้” ฉันตอบไปแบบแทบจะไม่ต้องคิดเลย
“โธ่ ไม่สงสารพี่เหรอ แล้วคืนนี้พี่จะไปนอนไหน” พี่ดิฟพูดไปก็ทำตาละห้อยไปด้วยเหมือนลูกหมาตอนมาขออาหาร
“เพื่อนพี่ไง มาด้วยกันก็กลับไปด้วยกันดิ”
“โห ไอ้นั่นมันไปต่ออะกว่ามันจะกลับ พี่อยากนอนแล้ว” เขาว่า
“เพื่อนคนอื่นๆ ล่ะ” ยังไงซะเขาไปอยู่กับเพื่อนก็น่าจะดีกว่าอยู่กับฉันแน่นอน
“พี่ไม่มีเพื่อนเลยน้อง สักคนก็ไม่มี พี่มันสายสันโดษไร้ญาติขาดมิตรมาก”
สตอที่สุด คนกว้างขวางอย่างพี่ดิฟน่ะเหรอจะไม่มีเพื่อน เพื่อนเขาเยอะพอๆ กับฝูงปลาในบ่อน้ำเขตอภัยทานเลยหละ แล้วอยู่ๆ จะไม่มีเพื่อนขึ้นมา เป็นไปไม่ได้หรอก
“ไม่ต้องโกหก” ฉันไม่ได้โง่นะ
“โธ่ ไอ้พวกนั้นมันมีเมียกันหมดแล้ว มันก็ต้องอยู่กับเมียมันอะ จะให้พี่ไปอาศัยอยู่ด้วยก็กลัวไปเป็นก้างของพวกมัน ขัดคนรักกันเป็นบาปนะเว้ย”
ที่สุดเลยจริงๆ ไอ้พี่คนนี้
“โอ๊ย เออก็ได้”
หลังจากที่ฉันยอมตกลง ก็เห็นประกายจากแววตาของพี่ดิฟได้ชัดเจน เขาดูตื่นเต้นมากกับการที่จะได้ไปอยู่ที่คอนโดของฉันซึ่งก็แค่คืนเดียวเท่านั้นแหละ
...
แต่พอเจ้าตัวขับรถมาถึงแล้วขึ้นมาที่ห้องเขาก็เริ่มสนอกสนใจกับทุกอย่างที่อยู่ในนี้
“โอ้ ห้องเล็กกว่าที่คิดนะเนี่ย นึกว่าลูกสาวของตระกูลฉันทเมธีจะอยู่ที่หรูกว่านี้”
เขารู้จักที่บ้านฉันด้วยหรือไงถึงได้พูดอะไรแบบนั้น
“อยู่แค่นี้แหละ เพราะเสาร์อาทิตย์ฉันก็กลับบ้าน” ฉันวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะตัวหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อค้นหาอะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้า
หลังจากที่ได้ผ้าห่ม หมอนมาอย่างละชุดฉันก็ยื่นมันไปให้แขกผู้มาขออาศัยในคืนนี้
“อะ นอนตรงโซฟาก็ได้นะ”
“เอาจริงดิ” เขารับผ้าห่มกับหมอนจากมือฉันไปแล้วก็มองไปที่โซฟากลางห้องสลับกับหน้าฉัน “ตรงโซฟามันร้อนนะ ไม่มีแอร์อะ”
“เดี๋ยวเปิดให้น่า” ฉันบอกพร้อมกับเดินไปหยิบรีโมตน์เครื่องปรับอากาศออกมาเตรียมกดเปิดให้เขาแต่ว่า..
“ไม่ใช่ หมายถึงไม่มีแอร์” พี่ดิฟพูดอีกครั้งแล้วก็ชี้มาที่ฉัน
ไปตายซะเถอะ
“ฉันไม่ให้พี่นอนในห้องด้วยกันหรอก” ไวกว่าความคิดก็คือคำพูดที่รีบเอ่ยออกไป เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะกำลังคิดอะไรอยู่
“เปลืองค่าไฟนะน้อง นอนด้วยกันก็ประหยัดดีออก”
“ไม่เป็นไร บ้านฉันรวย”
“แต่พี่รู้สึกผิดอะ แบบไม่อยากมาเปลืองไฟ”
แล้วจะขอมาอยู่ด้วยทำไมแต่แรกถ้าจะรู้สึกผิดจริงๆ น่ะ ฉันคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป
“นอนข้างล่างก็ได้นะ พี่ไม่ใช่คนอยู่ยาก”
“พี่นี่มันมากเรื่องจริงๆ เลย” ฉันถอนหายใจให้กับชายตรงหน้าเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ นี่เขาจะมาจีบฉันหรือทำให้ฉันเหนื่อยใจกับเขามากขึ้นกันแน่
“กลัวว่าพี่จะทำอะไรรึไง”
“เปล่า” ฉันจะกลัวไปทำไมอีก ก็ในเมื่อ.. “อยากนอนไหนก็นอน ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว”
แต่เมื่อกำลังเดินเข้าไปในห้องน้ำฉันก็ได้ยินเสียงไล่ตามหลังมาว่า
“ให้อาบช่วยเปล่า”
“ไม่ต้อง!”
กลางดึกของช่วงค่ำคืน
ฉันไม่แน่ใจนักว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้วแต่ไม่ว่าจะทำยังไงตาก็ที่พยายามข่มให้กลับมาหลายนาทีก็ไม่ประสบความสำเร็จสักที ใช่..ฉันนอนไม่หลับ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเหนื่อยมากแท้ๆ คิดว่าอาบน้ำเสร็จหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายเลยเสียอีก แต่เปล่าเลย สาเหตุหนึ่งก็อาจจะมาจากคนที่นอนอยู่ด้วยกันในห้อง
ฉันลุกขึ้นมานั่งบนที่นอนแล้วชะเง้อคอไปมองคนที่นอนอยู่ด้านล่างติดกับเตียงนอน เห็นร่างของพี่ดิฟที่นอนตะแคงหันหลังให้โดยไม่ได้ขยับตัวไปมาก็เป็นไปได้ว่าเขาจะหลับไปแล้ว เหลือเพียงแค่ฉันที่ยังคงตาตื่นภายในห้องที่ถูกดับไฟจนมืดมิดเช่นนี้
เหอะ..หลับสบายเชียวนะ
พอได้มองร่างที่นอนอยู่ตรงนั้นก็นึกอยากจะลองเอานิ้วไปแตะไปจิ้มดูว่าหลับสนิทหรือยัง ซึ่งพอได้ทำแบบนั้นฉันก็ต้องตกใจทันทีเมื่อมือของพี่ดิฟขึ้นมาคว้ามือของฉันเอาไว้ก่อนจะถูกดึงลงไปอยู่ด้านล่างด้วยกัน โชคดีที่เตียงนอนไม่ได้สูงมากแถมฉันยังหล่นลงบนตัวเขาพอดี ไม่อย่างนั้นคงเจ็บแย่
“คิดจะลักหลับพี่มันไม่ง่ายหรอกนะ” พี่ดิฟใช้แขนทั้งสองข้างรวบร่างฉันไปกอดพร้อมกับค่อยๆ พลิกตัวให้เราทั้งคู่อยู่ในท่านอนตะแคงเข้าหากัน
“ใครจะลักหลับพี่กัน แค่จะเช็คว่าพี่หลับจริงหรือเปล่าเถอะ” และแน่นอนว่าได้คำตอบแล้ว เขาไม่ได้หลับแถมยังมีแรงมาแกล้งฉันอีกต่างหาก
“ทีแอร์ยังไม่นอนเลย”
“ก็ฉันนอนไม่หลับ”
“น้องนอนไม่หลับ หัวใจมันกระสับกระส่ายงี้ป้ะ” พี่ดิฟเอ่ยเนื้อเพลงท่อนหนึ่งออกมาพร้อมกับใส่ทำนองลงไปด้วย จนฉันทำหน้าหยีไปทีหนึ่งเพราะไม่คิดว่าเขาจะร้องเพลงในตอนแบบนี้
“ไม่ใช่แล้ว ปล่อยก่อน”
“ไม่ปล่อย” ว่าแล้วก็กอดแน่นมากขึ้นไปอีก “ตัวน้องนุ่มนิ่มดี ต้องกอดนานๆ”
“พูดอย่างกับไม่เคยทำไปได้” ฉันไม่เข้าใจว่าเขาจะมาตื่นเต้นอะไรกับร่างกายฉันนัก ทั้งที่คืนนั้นคนที่น่าจะเป็นฝ่ายสัมผัสมากที่สุดก็คือเขา ส่วนฉันที่เมาไร้สติก็จำอะไรได้เลือนราง
“ไม่รู้สิพี่จำไม่ได้” เขาว่าแล้วก็ขยับใบหน้าเข้ามาหาก่อนจะใช้ปลายจมูกเข้ามาแตะๆ บริเวณข้างแก้มจนทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย “แล้วแอร์จำได้หรือเปล่า”
“ไม่”
“ถ้าจำไม่ได้ก็ลองอีกทีไหม หืม”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ร้ายจริงๆๆๆ
เนียนลวนลามเค้า
ชอบๆ ฝูงปลาในเขตอภัยทาน 55555เหมาะกับพี่ดิฟมากกก
ดูก็รู้ใครจะเป็นคนแก่ 5555