ตอนที่ 28 : DIFFAIR | 18 : NOT SURPRISE [2]
18 : Not Surprise
เวลาในตอนนี้ผ่านไปได้หลายชั่วโมงแล้ว ซึ่งตอนนี้คือสี่ทุ่มแต่ว่าก็ยังไร้วี่แววของผู้เป็นพี่ชายจะกลับมาบ้าน ถ้าเป็นปกติฉันก็คงไม่ได้ห่วงอะไรมากเพราะพี่อันก็ชอบออกไปเที่ยวดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้อยู่แล้ว แต่ว่าที่มันไม่ปกติก็คือเขาไม่รับโทรศัพท์ของฉัน แถมส่งข้อความไปก็ไม่ยอมตอบอีกต่างหาก จนในใจเริ่มวิตกกังวลแล้วว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นพี่หรือเปล่า
“นี่พี่เกรซ พี่ติดต่อพี่อันได้ไหม” ฉันหันไปมองบุคคลที่มานอนค้างด้วยในคืนนี้ ซึ่งเธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างนิ่งสงบและใจเย็น
“ไม่ได้” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ต้องเกิดอะไรขึ้นกับพี่อันแน่เลย ปกติเขาไม่ใช่คนที่เงียบหายไปแบบนี้นะ” อย่างน้อยก็ควรบอกกันบ้างก็ดีว่าทำอะไรที่ไหน
“มันไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเขาหรอกน่ะ”
“ทำไมพี่ถึงได้สบายใจขนาดนี้กัน” ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ คุณเธอเขาจับยามสามตาได้หรือไงถึงได้กล้าพูดว่าพี่อันจะไม่เป็นอะไรร้ายแรง
ถ้าเกิดตอนนี้กำลังประสบอุบัติเหตุล่ะจะทำยังไง ฉันเริ่มกระวนกระวายและนั่งไม่อยู่กับที่
“หรือเธอจะไปตามเขาก็ได้นะ ที่สนามแข่งน่ะ”
“ฮะ?” ฉันหันกลับไปมองเจ้าของไอเดียนั้น “พี่คิดว่าพี่อันยังอยู่ที่สนามอีกเหรอ”
“ก็อาจจะ”
“งั้นฉันจะออกไปตาม” พอมีคนบอกให้ลองออกไปดู ฉันจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจทำมัน ด้วยการเดินไปคว้าเสื้อคลุมแขนยาวตัวใหญ่ออกมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วจัดการสวมทับชุดนอนตัวบางเอาไว้ เตรียมพร้อมสำหรับเดินทางออกจากบ้าน
“อื้อ ขอให้เจอก็แล้วกันนะ” พี่เกรซยิ้มบางให้ฉันแล้วเธอก็ก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือต่อ
แปลกคนจริง..
ณ สนามแข่งรถ
ฉันเรียกแท็กซี่แล้วเดินทางมาถึงที่นี่ด้วยเวลาไม่ถึงชั่วโมง ด้วยความที่มันไม่ได้อยู่ไกลมากนักอีกทั้งตอนกลางคืน ถนนค่อนข้างโล่งจึงเดินทางได้ไว
เมื่อเข้ามาถึงด้านในสนามก็พบว่ายังคงมีไฟสว่างอยู่ด้านในพร้อมกับผู้คนอีกจำนวนหนึ่งนั่งชมการแข่งอยู่ตรงอัฒจันทร์ นั่นคือสิ่งแรกที่ทำให้ฉันแปลกใจว่าในยามค่ำมืดขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังมีการแข่งขันกันอยู่ หรือว่าจะชอบธีมยามกลางคืนกัน? ส่วนสิ่งที่ทำให้แปลกใจอย่างที่สองนั่นก็คือร่างคุ้นตาที่ยืนพิงรั้วกั้นระหว่างสนามกับฝั่งคนดูอยู่นั้นเอง ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่
และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเห็นฉันเข้าให้แล้ว
“แอร์.. มาทำอะไรที่นี่”
“ฉันมาหาพี่ชาย พี่นั่นแหละมาทำอะไร”
ฉันตั้งใจจะมาหาพี่อัน แต่ดันเจอพี่ดิฟอยู่ที่นี่ ตอนนี้คนตรงหน้าดูประหลาดใจเป็นอย่างมากที่เห็นยืนอยู่ในบริเวณของสนามแข่งรถ
“พี่ก็มาดูการแข่งขันไง” เขาตอบแล้วก็หันหน้ากลับไปดูรถสองคันที่อยู่ในสนาม “ดวลหนึ่งต่อหนึ่งเลยรู้เปล่า มาถูกเวลามากเลย”
ฉันรีบเดินเข้าไปดูตามที่พี่ดิฟบอก ซึ่งมันจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดก็คือตอนนี้บนสนามมีรถอยูสองคันที่กำลังแข่งกันอยู่ท่ามกลางเสียกองเชียร์อีกหลายชีวิต มาถึงเรื่องที่ทำให้ฉันแปลกใจเรื่องที่สามนั่นก็คือรถสีดำมันวาวคันนั้นที่อยู่ในสนามนั่นน่ะ
“รถพี่อันนี่นา” ฉันพึมพำออกมา
“อ้อ นั่นพี่ชายแอร์เหรอ” พี่ดิฟยิ้มปนขำเล็กน้อย “เก่งใช้ได้เลยนะ”
“นี่คือสาเหตุที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ฉันเหรอเนี่ย”
ก็ยังดีที่อย่างน้อยไม่ได้ประสบอุบัติเหตุหรือเป็นอะไรร้ายแรงอย่างที่ฉันกังวลในตอนแรกน่ะ แต่ว่ามาแข่งรถมืดๆ ค่ำๆ แบบนี้มันจะดีจริงหรือไง ต่อให้มีไฟข้างสนามตลอดทางก็เถอะ มันอันตรายอยู่นะกับการที่ขับรถเร็วในยามกลางคืนน่ะ ใครมันเป็นเสนอไอเดียนี้แต่แรกกัน?
“มาเชียร์พี่ชายถึงขอบสนามแบบนี้ คงได้กำลังใจแย่เลยนะ” คนที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ย
“การแข่งจะจบเมื่อไหร่” ฉันหันไปถามคนที่น่าจะรู้เรื่องนี้มากที่สุด
“ก็..เมื่อคันไหนคันหนึ่งเข้าเส้นชัย”
ฮึ่ย เรื่องนั้นใครก็รู้ไหมเล่า
“แข่งรถตอนกลางคืนเนี่ยนะ ให้ตายสิ...ไม่ห่วงชีวิตกันบ้างเลยรึไง” ถึงเส้นชัยจะยังอีกไม่ไกลมากนักจากจุดที่รถสองคันที่ขับตีเสมออย่างสูสีนั่น แต่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“หึ ห่วงขนาดนั้นเชียวเหรอ..”
“นั่นพี่ชายฉันนะ”
“จะบอกให้ว่าคนที่นั่งในรถสีดำคันนั้นไม่ใช่พี่ชายแอร์หรอก เป็นเพื่อนของเจ้านั่นที่ยืมรถมาลงแข่งน่ะ.. พี่ชายแอร์นั่งอยู่ตรงนั้น” พี่ดิฟหัวเราะก่อนจะยกมือชี้ไปยังเต้นท์ตัวหนึ่งที่ตั้งห่างออกไปจากบริเวณที่เราสองคนยืนอยู่ ตรงนั้นเป็นเหมือนสถานที่สำหรับผู้เข้าแข่งขัน
ใช่ พี่อันยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ไม่ใช่ยังอยู่ในรถ
“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกเล่า” ฉันจะได้รีบเดินเข้าไปหา แล้วก็ต่อว่าสักยกสองยกที่บังอาจไม่รับโทรศัพท์แถมไม่ตอบข้อความฉัน
แต่ว่านะ..มันมีอะไรที่แปลกไป
“เดี๋ยว พี่บอกว่าไม่รู้จักพี่อันไม่ใช่เหรอ” ฉันจำคำพูดของพี่ดิฟได้นะ ไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์
“ตอนนั้นพี่คงสับสนล่ะมั้ง ตอนนี้จำได้แล้วว่าพี่ชายของแอร์เป็นใคร..แล้วทำอะไร” ใบหน้านั้นดูเรียบนิ่งขึ้นมาอย่างผิดปกติตอนที่พูดประโยคหลัง
“โธ่เอ๊ย งั้นฉันไปหาพี่อันก่อนนะ เดี๋ยวไว้คุยกัน” ฉันถอนหายใจให้กับสิ่งที่ได้ฟังเมื่อครู่ ไม่ได้เก็บประโยคไหนมาใส่ใจมากนัก แต่ว่าในจังหวะที่กำลังจะก้าวขาออกไป
มือของเขาก็มาคว้าร่างฉันเอาไว้ก่อน
“อย่าดีกว่า พี่อันของแอร์น่ะ..กำลังเตรียมลงแข่งในรอบต่อไป” พี่ดิฟบอก
“นี่จะแข่งกันไปจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลยหรือไง บ้านช่องไม่มีให้กลับเหรอ” ฉันเริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย ยิ่งมองคนในสนามแต่ละคนแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด
ผู้ชายที่อยู่ตามขอบสนามพวกนั้นมันอะไรกันนะ มาดูแข่งรถเพื่อความบันเทิงจริงเหรอ ทั้งเหล้า บุหรี่ แอลกอฮอล์เต็มไปหมด มันคือแหล่งมั่วสุมชัดๆ พี่อันกับพี่ดิฟชอบอะไรในสถานที่แบบนี้กัน
“รอบสุดท้ายแล้ว หลังจากแข่งเสร็จก็จบ”
“ไม่แข่งไม่ได้หรือไง” ฉันมองไปยังร่างของผู้เป็นพี่ชายแล้วก็อดถอนหายใจอีกรอบไม่ได้ ทั้งน้อยใจทั้งโกรธเลยนะที่เขาไม่สนใจฉันเลย “เห็นเรื่องแข่งรถดีกว่าน้องสาวรึไง”
ไอ้พี่ดิฟนี่ก็เหมือนกัน ทำไมผู้ชายพวกนี้ถึงน่าหงุดหงิด
“ไม่แข่งได้ยังไง ยกเลิกไปก็เหมือนยอมแพ้น่ะสิ...คู่แข่งของพี่ชายแอร์น่ะ ไม่ยอมหรอกนะ”
คู่แข่งพี่อันจะไม่ยอมเหรอ?
“ใคร”
“พี่เอง”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มาแล้ววววววววววว
เจิมมมมม
รอๆๆๆ
เจิมมมมมมมมมมมมมมมมม