ตอนที่ 24 : DIFFAIR | 16 : LOY KRATHONG [3]
16 : Loy Krathong
“พี่นี่มัน..น่าโมโหจริง” ฉันหมดคำจะพูดกับเขาแล้ว
“เอ้า พี่ผิดอะไร”
และเราสองคนก็เดินชมงานกันด้วยสภาพแบบนี้แหละ ทั้งเดินถ่ายรูปให้กันและก็ตีกันไปตลอดทางเลย
จนกระทั่งเวลาเวียนผ่านไปจนหนึ่งทุ่ม ฉันกับพี่ดิฟจึงเดินมาที่สถานที่จัดงานแสดงแสงสีเสียงที่ทางอุทยานจะจัดเฉพาะช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยการเข้าไปชมการแสดงจะต้องซื้อตั๋วเข้าไป แน่นอนว่าพี่ดิฟมีตั๋วนั้นอยู่แล้วแถมยังเป็นที่นั่งแถวหน้าอีกด้วย
เห็นภาพชัดตั้งแต่ต้นยันจบ นักแสดงทุกคนเบื่องหน้าอยู่ในชุดไทยสมัยสุโขทัยเพื่อทำการแสดงเกี่ยวกับความเป็นมาของประเพณีลอยกระทงในสมัยราชอาณาจักสุโขทัย
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าก็จบลง การแสดงดังกล่าวสมกับชื่องานแสงสีเสียงเพราะว่ามันอลังการณ์ไปหมดตั้งแต่การแสดง การจัดแสงจัดสี ฉันเองก็ดุเพลินจนเผลอคิดไปว่าหลุดเข้าไปในยุคสุโขทัยแล้วหรือเปล่า รู้สึกได้ทันทีว่าการมาไกลขนาดนี้ไม่เสียเที่ยวเลย แลกกับการนั่งรถนานแสนนานก็ถือว่าคุ้มแล้ว
“ถ่ายรูปไว้จนเต็มโทรศัพท์หมดแล้วมั้งนั่น”
ฉันที่กำลังก้มๆ เงยๆ กับแกลอรี่รูปถ่ายวันนี้ก็เงยหน้าไปมองเจ้าของคำพูดเมื่อครู่ “นานทีไหมเล่า แต่งานเมื่อกี๊สวยมากเลยนะ”
ฉันกับเขาเดินออกมาจากบริเวณโชว์การแสดงเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็เดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน
“แล้วยังไง ไปไหนต่อครับ”
“นี่งานลอยกระทงนะ มาถึงที่ก็ต้องซื้อกระทงไปลอยกันสิ” ตอนที่พูดประโยคนี้สายตาก็เหลือบไปเห็นร้านขายกระทงใกล้กับบึงน้ำพอดี “นั่นไง ตรงนั้นขายกระทงเทียนด้วย”
กระทงเทียนคือกระทงที่ทำมาจากขี้ผึ้งเทียน เป็นกระทงไซส์มินิที่สามารถจุดไฟบนกระทงได้เลย เวลานำไปลอยในน้ำก็สามารถเก็บขึ้นมาใช้ใหม่ได้ ไม่เป็นขยะให้น้ำเน่าเสีย
“อันละเท่าไหร่คะ” ฉันเดินเข้ามาที่ร้านทันทีโดยไม่ลืมเอ่ยถาม
“ใบเล็กยี่สิบ ใบใหญ่นี้สามสิบจ้ะ” แม่ค้าตอบ
ฉันรีบหยิบธนบัตรขึ้นมาจากกระเป๋าเพื่อจ่ายเงินให้กับแม่ค้าหลังจากหยิบกระทงเทียนขึ้นมาได้อันหนึ่ง เทียนถูกแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ซะด้วย
“พี่ก็เอาด้วยสิ” ฉันหยิบกระทงขึ้นมาใบหนึ่งแล้วยื่นมันไปตรงหน้าเขา ยังไงซะเมื่อกี๊ฉันก็ยื่นแบงก์ร้อยไป ซื้อให้เขาด้วยอีกอันจะเป็นอะไรไป
“นึกว่าจะให้ลอยใบเดียวกันซะอีก” เขาพูดพลางอมยิ้ม
“โวะ ลอยใครลอยมันนั่นแหละ ไม่งั้นฉันจะจับพี่ไปลอยแทนกระทงนะ”
ทั้งที่ฉันพูดอย่างนั้น แต่พี่ดิฟก็ยังไม่วายหัวเราะออกมา
“ซื้อกระทงให้พี่ไปลอยด้วยกัน แถมยังบอกว่าจะเอาพี่ไปลอยอีกเหรอ น่าเอ็นดูจังนะน้องแอร์” เขารับกระทงเทียนมาถือไว้
“ไม่ลอยก็เรื่องของพี่ละ”
หลังจากที่รับเงินทอนมาเสร็จ ฉันก็เดินตรงไปยังบึงน้ำของอุทยานซึ่งมีโซนที่จัดเอาสำหรับให้คนมาลอยกระทงได้ เพราะว่าตอนนี้เป็นยามค่ำคืน ถึงจะไม่สามารถมองเห็นเงาใต้น้ำได้แต่ก็สามารถเห็นแสงไฟที่ตกกระทบกับผิวน้ำ แสงนั้นมาจากเทียนบ้าง ไฟประดับบ้าง พอมารวมกันก็มีหลากหลายสีสันเลยทีเดียว
ไหนจะสายลมที่โชยมาอ่อนๆ นั่นทำให้ฉันได้กลิ่นของดอกไม้ธูปเทียนตามไปด้วย บรรยากาศในตอนนี้ดีเอามากๆ จนอยากจะนั่งตรงนี้ไปสักพัก
“พี่มีไฟแช็คหรือเปล่า” ฉันเองก็ลืมไปเลยว่ายังไม่จุดเทียน
“นี่” คนรู้งานหยิบเอาไฟแช็คออกมาจากกระเป๋า ตอนแรกฉันคิดว่าพี่ดิฟจะส่งมันมาให้ฉันแต่ไม่ใช่ “เอามาสิ เดี๋ยวจุดให้”
เขาวางกระทงอันเล็กของตัวเองลงบนพื้นแล้วใช้มือข้างนั้นขึ้นมาป้องกันลมพัดขณะจุดไฟ ส่วนมืออีกข้างก็ถือไฟแช็คไว้ เมื่อจุดให้กระทงฉันเสร็จพี่ดิฟก็หันไปจุดให้ของตัวเองต่อ
“ลอยกระทงนี่เขาอธิษฐานได้ใช่หรือเปล่า” ฉันไม่แน่ใจอะ เพราะไม่ได้มาร่วมประเพณีนี้นานมากแล้ว
“อื้อ ได้สิ” คนด้านข้างพยักหน้าตอบ
“โอเค”
ขอให้ต่อจากนี้ไปฉันกลายเป็นคนที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ให้ครอบครัวของฉันมีความสุขและผ่านพ้นเรื่องราวแย่ๆ ไปได้ด้วยดีด้วยเถอะค่ะ
หลังจากที่อธิษฐานเสร็จ จึงวางกระทงลงบนผิวน้ำอย่างเบามือเพราะกลัวมันจะคว่ำ จากนั้นก็ค่อยๆ วักน้ำใส่กระทงใบเล็กของตนเองเพื่อให้มันลอยออกไป
ฉันนั่งมองกระทงของตัวเองที่เลื่อนลอยไปปะปนกับของคนอื่นๆ ในบึงอยู่สักพักแล้วก็หันกลับไปมองพี่ดิฟซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง แล้วพบว่าเจ้าตัวยังคงถือกระทงเอาไว้อยู่ ใบหน้านั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็นำมันไปลอยบนผิวน้ำ และถึงจะลอยแล้วเรียบร้อยพี่ดิฟก็ยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เหมือนเดิม
“ทำหน้าเครียดเชียว ลอยกระทงต้องเครียดขนาดนั้นเหรอ” ฉันหัวเราะให้กับไอ้ท่าทางแบบนั้นของอีกคน แล้วนั่นทำให้พี่ดิฟหันมาคุยด้วย
“เครียดเพราะกลัวคำอธิษฐานไม่เป็นจริงน่ะสิ”
“จริงจังเบอร์นั้นเลยเหรอพี่ ขออะไรอะ” นี่ฉันคิดว่าเขาจะเป็นคนไม่ได้สนใจเรื่องลอยกระทงมากเท่าไหร่เสียอีก เพราะตอนแรกดูอิดออด
“ถ้าบอกจะเป็นจริงเหรอ”
“งกอะ บอกหน่อยก็ไม่ได้” ฉันมุ่ยหน้าเล็กน้อย
“ขอให้...แอร์ตอบตกลง” พี่ดิฟยอมบอกคำอธิษฐานของตนเองให้ฉันรับรู้ แต่ว่าคำขอนั่นของเขาทำให้ฉันสงสัยมากกว่าเดิม
“ตกลงอะไร”
“เป็นแฟนกับพี่นะ”
“อ..อะไรนะ” ฉันไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นถูกไหม เพราะว่ามีเสียงของดอกไม้ไฟที่จุดอยู่ในงานกลบเสียงคำพูดพี่ดิฟเอาไว้
“คบ-กับ-พี่-นะ”
ฉันนิ่งชะงักไปเพราะคิดไม่ถึงว่าพี่ดิฟจะเอ่ยออกมาแบบนั้น น้ำเสียงที่ฉันมองว่าน่ารำคาญในตอนแรกกลับเป็นเสียงที่น่าฟังขึ้นมาซะงั้น
เพราะเป็นการโดนขอคบแบบไม่ทันตั้งตัว ฉันจึงไม่รู้ว่าควรจะปั้นหน้าออกไปยังไง
“อย่าคิดนานดิ พี่ใจไม่ดี”
ก็ขอเวลาก่อนได้ไหมเล่า
“อืม”
“อืม? อืมนี่คือ..?”
“ตกลงไง ก็คบกัน” ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาเขินให้กับการตกลงคบใครแบบนี้มาก่อนเลย
“งั้นขอมือหน่อย” คนที่เพิ่งได้สถานะแฟนมาหมาดๆ ยื่นมือมาแบตรงหน้า
ถึงจะงงแต่ฉันก็ยอมทำตามที่พี่ดิฟบอก แล้วเมื่อฉันยื่นมือข้างหนึ่งไปให้แล้วเขาก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม มันเป็นสร้อยข้อมือสีเงินพร้อมด้วยจี้รูปตัว D ที่อยู่ตรงกลาง อีกฝ่ายนำมันมาสวมไว้บนข้อมือของฉัน เมื่อใส่เสร็จเขาก็ยังไม่ปล่อยมือจากฉัน
นี่พกไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ที่แน่นอนคือฉันมั่นใจว่าไม่ได้ซื้อวันนี้เพราะฉันอยู่กับเขาทั้งวัน เตรียมมาขนาดนี้ก็แสดงว่าพี่ดิฟคิดไว้อยู่แล้วสินะ
“ตอนนี้แอร์เป็นของพี่แล้วนะ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พร้อมมากกกกแ
เตรียมทุกอย่างไว้พ้อมเลยน่าดิฟฟฟ
วุ้ยยยยยย
รอน้าาา
มีให้สร้อยข้อมือกันด้วยนาจา โรแมนติกจังวะพี่~
รอค่าาาาาาาาา