ตอนที่ 17 : DIFFAIR | 13 : MOVE ON [2]
13 : Move On
จะบ้าตาย
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปถึงตลาดหรอก” ฉันพูดกลั้วหัวเราะให้กับคนหลงตัวเอง “ไปก็ได้นะ พี่จะไปตอนเย็นใช่ไหมล่ะ”
“แอร์จะไปตอนเย็นก็ได้ พี่จะล่วงหน้าไปช่วยเพื่อนที่บูธก่อนหน่อย”
เขานี่มันมีเพื่อนทุกคณะเลยหรือไงกัน เป็นคนกว้างขวางอะไรขนาดนั้น
“อือ แล้วบูธเพื่อนพี่อยู่ตรงไหนล่ะ”
“จะมา? “ เขาถามพลางยิ้มกว้าง
“ถามเฉยๆ ป้ะ” ก็เผื่อจะไปหรือไม่ไปก็ได้ไง
“อยู่ตรงข้ามเต้นท์ประชาสัมพันธ์เลยเป็นร้านขายผลไม้ แล้วเจอกันนะ” นี่พี่ดิฟคิดว่าฉันจะไปที่บูธนั่นจริงๆ หรือไง ไม่เข้าใจคำว่าถามเฉยๆ ไง้?
แต่ก็เท่านั้นแหละ
สุดท้ายแล้วคนที่ย้อนแย้งในตัวเองคือฉันเอง
หลังจากที่กลับคอนโดแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักศึกษาเป็นชุดไปรเวทธรรมดา ก็ออกมาที่มออีกครั้งโดยคราวนี้ตรงไปที่ตลาดเกษตรที่จัดอยู่เกือบท้ายมอนั่นเลยทันที เพราะฉันเคยมาเดินอยู่หลายครั้ง ผังของงานก็ไม่ค่อยเปลี่ยนนักจึงทำให้รู้ได้ทันทีเลยว่าบูธประชาสัมพันธ์ที่ว่านั่นอยู่ตรงไหน
ใช้เวลาแค่ครู่เดียวฉันก็หยุดยืนอยู่บูธหนึ่งด้านตรงข้ามกับประชาสัมพันธ์ พี่ดิฟบอกว่าเป็นบูธขายผลไม้ ก็น่าจะถูกแล้วแหละเพราะร้านนี้ขายผลไม้จริงๆ มีอะไรบ้างก็ไม่แน่ใจ
“สนใจผลไม้อะไรก็ลองชิมได้เลยนะครับ” คนขายที่ยืนอยู่หลังบูธส่งยิ้มมาให้ฉัน
ส่วนฉันที่ยืนเก้ออยู่ก็ทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากจุดประสงค์แรกไม่ได้ตั้งใจมาซื้อผลไม้แต่ว่ามาหา..
“คือ พี่ดิฟอยู่นี่หรือเปล่าคะ” ฉันเอ่ยถามชายคนดังกล่าว
“อ้อ..” พี่ผู้ชายตรงหน้ายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอี้ยวตัวหันหลังไปพร้อมตะโกน “ไอ้ดิฟฟฟ มีสาวมาหามึงเว้ย”
ฉันแอบเลิ่กลั่กเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าพี่เขาจะตะโกนดังขนาดนี้ ฉันหันมองไปรอบกายก็ได้แต่โล่งอกที่ไม่ได้มีคนสนใจอะไร
สักพักใบหน้าที่คุ้นตาของใครบางคนก็โผล่มาให้ฉันเห็น
“แอร์เองเหรอ” พี่ดิฟทำหน้าประหลาดใจอยู่ชั่วครู่
“ใช่สิ พี่นัดสาวไว้เยอะเหรอถึงถามงั้น”
“ฮั่นแน่ แอบหลอกถามป้ะเนี่ย” เขายิ้มให้แล้วก็เดินเข้ามาจูงมือฉันเดินเข้าไปในบูธขายของด้วยกัน “เดี๋ยวมารอข้างในก่อนก็ได้”
“พี่ทำอะไรอะ”
“เรียกลูกค้าไง” เจ้าตัวตอบพร้อมกับหยิบลำโพงขนาดเล็กออกมาตั้งด้านหน้าบูธ จากนั้นพี่ดิฟจึงหันไปพูดคุยกับพวกเพื่อนเขาต่อเหมือนกำลังเตรียมการอะไรกันอย่างขมักเขม่น
ฉันที่ยังงงอยู่ก็ได้แต่ยืนดู ไม่รู้ว่าตัวเองควรไปอยู่ตรงไหนดี ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเองเลย
“เอ้า เร่เข้ามาครับ ผลไม้สดมากมายทั้งสตอเบอร์รี่ มะม่วง สับปะรดก็มีนะครับ ถ้าซื้อไปกินแล้วแถมหัวใจคนขายไปด้วยนะครับ”
ฉันหลุดขำหลังจากที่ได้ยินคนช่วยเพื่อนเรียกลูกค้าเข้าบูธ คนบ้าอะไรหว่านเสน่ห์ไปทั่วแม้กระทั่งในตลาด ความจริงของขายแต่ละร้านก็ใช่จะเป็นผลผลิตจากนักศึกษาอย่างเดียว บางทีก็เปิดให้คนนอกเข้ามาเช่าบูธได้บ้าง หรือรับมาขายบ้าง ตลาดจะได้คึกครื้น
แต่ยังไม่ทันถึงนาทีก็มีสาวใหญ่คนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าบูธ เธอกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับพี่ดิฟที่ยืนถือไมค์ด้านข้างลำโพงอยู่ ฉันไม่ค่อยได้ยินนักแต่ก็ได้รู้เรื่องจนกระทั่งพี่ดิฟพูดออกมา
“อะไรนะครับ? จะให้ร้องพลง” เขาคล้ายกำลังทวนคำขอจากสาวใหญ่ด้านหน้านั่นอยู่ จากนั้นพี่ดิฟก็ถามต่อ “เอาเพลงอะไรดีครับ”
แล้วยื่นไมค์ไปให้เธอ
“ถ้าขอจะร้องให้ใช่ไหมคะ” สาวเจ้าถามกลับยิ้มๆ
แหม นี่ก็ยิ้มหวานใส่เขาพอกันเลย
“ถ้าจะซื้อผลไม้ ผมจะร้องให้ฟังเลยครับ”
งานขายก็มา
“งั้นร้องเลิกคุยทั้งอำเภอให้พี่ฟังหน่อยค่ะ ร้องถูกใจพี่เหมา” ว่าที่ลูกค้าพูดจบก็ได้รับเสียงโห่เชียร์อย่างถูกอกถูกใจจากคนในบูธแล้วก็คนขายอย่างเต็มที่
“ร้องเลยไอ้ดิฟ ช่วยเพื่อนเว้ย” เสียงเชียร์ยังคงดังมาจากด้านหลังอย่างต่อเนื่อง
“อะ โอเค งั้นมิวสิคเลยพี่น้อง”
เชื่อป้ะว่าพี่มันร้องเพลงจริงๆ ตอนแรกก็คาดหวังว่าพี่ดิฟร้องเพลงจะเป็นยังไง ฉันคิดว่าเขาอาจจะร้องเพลงเพราะไม่ก็พอรับได้ แต่ว่าสิ่งที่คิดกับความเป็นจริงนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
“จะเลิกคุยทั้งอำเภออออ เพื่อเธอคนเดียวนะรู้หม้ายย”
โอ้ย ร้องเพี้ยนขนาดนี้
“จะไม่ยอมแหลงกับใคร จะยกให้เธอไปทั้งใจจะมีเพียงเธอเท่านั้นนน”
จะบ้าตาย ฉันไม่อยากยืนอยู่ใกล้พี่มันแล้วหละตอนนี้ แล้วประเด็นก็คือคนที่เดินผ่านบูธนี่เรียกได้ว่าแทบจะหยุดมองกันทุกคน
เขาไม่เขินสายตาคนมองบ้างหรือไงเนี่ย ใครให้ทำอะไรก็ทำรึไง สมกับที่ฉันเคยด่าไว้ว่าหน้าหนาจริงๆ
“จะเอาเธอแค่คนเดียววว~ อย่าทำให้เสียวแล้วเลี้ยวหลบได้หม้ายยยย~~” พี่ดิฟร้องท่อนนี้แล้วหันกลับมามองหน้าฉันเล็กน้อย
นี่ ไม่ต้องมามองเลยนะ ฉันไม่รู้จักเขา เราไม่รู้กันชั่วคราว ฉันอายแทนคนทั้งตลาดแล้ว
จนกระทั่งเวลาผ่านไป เพลงที่ร้องก็จบลง ขอบคุณที่พี่มันไม่ได้มายืนร้องทั้งเพลงเอาแค่ท่อนสำคัญก็พอ ถึงมันจะเพี้ยนไปหน่อยแต่ก็ยอมรับการร้องเพลงของพี่ดิฟทำให้ผลไม้บูธนี้ขายออก ไม่แน่ใจว่าเป็นคนยังไงกันแน่จะขายหน้าตาหรือขายขำ เลือกสักอย่างสิดิฟ
“โห หกโมงเย็นพอดีเลยอะ แอร์กินอะไรมาหรืออย่าง” พี่ดิฟมองนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะหันมาพูดกับฉัน
ตอนนี้ฉันกับเขาเดินออกมาจากบูธนั้นได้สักพักแล้ว และกำลังเดินตามซอยในตลาดกันไปเรื่อยๆ
“ยังเลย หาอะไรกินก็ดี” ฉันตอบอีกคน
“มีร้านอาหารอยู่ตรงหน้านี้ กินอะไรดี?”
“แล้วพี่ชอบกินอะไรล่ะ ระหว่างก๋วยเตี๋ยวกับข้าวตามสั่ง” ฉันน่ะกินอะไรก็ได้ทั้งหมดนั่นแหละ เลือกเมนูอาหารในแต่ละวันนี่มันเป็นเรื่องยากอะไรขนาดนั้นวะ
“ชอบกิน...”
“..?”
“ชอบกินแอร์ ได้ป้ะ”
หึ ถ้าอย่างนั้นก็เอาลำแข้งไปแทะก่อนแล้วกันนะ
“เอาส่วนไหน เท้าก่อนไหมพี่”
“ทั้งตัวเลยไม่ได้เหรอ” คนที่อยู่ด้านข้างพูดพลางเอามือเข้ามาโอบไหล่ฉันไว้ แต่ก่อนที่เขาจะเอนหัวลงมาซบฉันก็เบี่ยงกายหนีเสียก่อน
“รุ่มร่ามจริง นี่มันตลาดนะพี่” ฉันคิดว่าเขาควรมียางอายกว่านี้
“โวะ งั้นบนห้องทำได้?”
“ไม่ได้ ที่ไหนก็ไม่ได้หยุดคิด แล้วจะกินไหมข้าว”
“กินจ้า ดุจังเลยตัวแค่นี้” เขาผละกายออกไปแล้วก็ยิ้มมาให้ตามเดิมอย่างที่พี่มันชอบยิ้มให้ฉัน
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันชอบรอยยิ้มนั่นเข้าให้แล้ว

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ลุ้นๆต่อพระเอกจะรักนางเอกจริงมั๊ย
ดิฟคุณคือนักร้องเสียงเพี้ยน ฮ่าๆๆ
เราก็ไม่รอดดดด
อิพี่หยอดเก่ง 55555555555