ตอนที่ 10 : DIFFAIR | 09 : THE BEST BROTHER [100%]
9 : The best brother
“ไม่” ฉันตอบแบบไม่ต้องคิดอีกครั้ง จากนั้นจึงพยายามดันตัวเองออกมาจากอ้อมแขนของพี่ดิฟ “ฉันจะกลับไปนอนแล้ว”
เขานี่มันมือเร็วชะมัด ฉันยอมครั้งนึงไม่ใช่ว่าจะต้องยอมทุกครั้งนะ..
“อ้าว จะนอนแล้วเหรอ” พี่ดิฟกลั้วหัวเราะระหว่างมองตามร่างของฉันที่กำลังปีนป่ายกลับขึ้นไปบนเตียงนอน
“ห้ามแอบขึ้นมาล่ะ ไม่งั้นเจอดีแน่” เมื่อมานั่งบนเตียงแล้วฉันก็เอื้อมมือไปคว้าผ้าห่มนวมผืนใช้ขึ้นคลุมร่างตนเองไว้พร้อมทิ้งตัวลงหมอน
“ตัวแค่นั้นจะทำอะไรพี่ได้เถอะ”
“ในลิ้นชักฉันมีมีดนะ ถ้าขึ้นมาแทงจริงด้วย” ฉันโกหก ใครมันจะไปพกมีดไว้ในลิ้นชักกันล่ะ
“อะ กลัวก็ได้ ฝันดีนะครับ”
เกลียดการพูดคำว่าฝันดีด้วยน้ำเสียงทุ้มละมุนนั่นจังเลย เพราะมันทำให้ใจของฉันวูบไหว แต่ไม่ได้สิฉันจะต้องไม่หวั่นไหวง่ายๆ แบบนี้
เช้าวันต่อมา
ออด~~
ออดดด~
สาเหตุที่ทำให้เช้าที่ควรได้นอนมุดอยู่กับผ้าห่มก็แตกสลายไปเมื่อเสียงออดจากหน้าห้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นการปลุกฉันให้ตื่นจากนิทรา จากนั้นจึงลุกออกจากเตียงเพื่อจะออกไปดู ซึ่งก็เกือบเหยียบคนที่นอนอยู่ข้างล่างเหมือนเดิมโชคดีที่นึกขึ้นได้ว่าพี่ดิฟยังอยู่ที่นี่
ฉันส่องผ่านตาแมวตรงประตูเพื่อดูว่าใครมากดออดอะไรหน้าห้องฉันแต่เช้า.. แล้วเมื่อมองเห็นร่างสูงของคนที่ยืนรออยู่ข้างนอกก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะรีบสาวเท้ากลับเข้ามาในห้องนอนที่มีพี่ดิฟอยู่ด้วย
“พี่ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้” ฉันเข้าไปคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมาจนเจ้าของเสื้อทำหน้างง
“อะไรแต่เช้าเนี่ย คนจะนอน”
“ไปนอนต่อในห้องน้ำนู่น พี่ต้องเข้าไปหลบเดี๋ยวนี้เลย” ฉันพยายามฉุดกระชากลากดึงพี่ดิฟให้ลุกขึ้นแล้วเดินมาตามฉัน ซึ่งเจ้าตัวเองก็ยังทำหน้างงแบบเดิมอยู่
“กิ๊กมาหรือไง ทำไมพี่ต้องซ่อน..นี่ไม่ใช่ชู้นะเว้ย”
“พี่ชายฉันมา เข้าใจหรือยัง!”
ตอนนี้พี่อันยืนอยู่หน้าห้องเนี่ย ขืนเข้ามาเจอว่ามีผู้ชายแปลกหน้ามานอนที่ห้องฉันต้องโดนฆ่าแน่เลย
“อ๋อ งั้นเดี๋ยวออกไปสวัสดี”
“ไม่ได้!” นั่นคือความคิดที่ผิดมาก
“ทำไม? ก็อยากไปทำความรู้จักฝากเนื้อฝากตัวเผื่อได้เป็นน้องเขย” เขายิ้มพร้อมกับใช้มือสางผมหน้าผ้าของตนเองที่ปรกหน้าผากให้ขึ้นไปด้านบน
“ไม่ใช่เวลามาเล่นนะ เข้าไปหลบในห้องน้ำเดี๋ยวนี้” ฉันดันร่างของพี่ดิฟให้เข้าในห้องน้ำจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับปิดประตูให้ด้วย “ห้ามส่งเสียงดังล่ะ”
ให้ตายสิ เหมือนฉันกำลังเล่นชู้อยู่จริงด้วย แต่ว่าคนที่รออยู่ด้านนอกตอนนี้เป็นพี่ชายแท้ๆ ของฉัน แล้วก็พูดตามตรงเขาเป็นพี่ชายที่ค่อนข้างหวงฉันเอามากๆ ชอบไล่ผู้ชายที่เข้าหาฉันอยู่เรื่อย ขนาดตอนที่คบกับไอ้พี่ธีร์ พี่อันก็ยังไม่เห็นด้วยเลย แต่ว่าคราวนี้ฉันเอาผู้ชายที่ไหนไม่รู้ขึ้นคอนโดมาด้วย ถ้าพี่รู้พี่ต้องเอาแส้มาเฆี่ยนแน่
“กว่าจะเปิดได้ นึกว่าต้องแจ้งตำรวจแล้ว” พี่อันพูดขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากที่ฉันเดินมาเปิดประตูให้เขาเข้ามา
“ก็เพิ่งตื่นอะ เมื่อคืนกินเลี้ยงจนเที่ยงคืนเลย”
“ไหนบอกว่าแค่สามสี่ทุ่มไง” พี่เขาหันขวับกลับมามองทันที “แล้วดึกขนาดนั้น ใครมาส่ง?”
“เอ่อ กลับเอง” ฉันจะบอกไม่ได้ว่าใครมาส่ง เลือกให้โดนด่าเรื่องกลับเองดีกว่าโดนด่าเรื่องผู้ชายมาส่ง “เอาน่า นี่น้องก็ปลอดภัยครบสามสิบสองประการ”
“ทีหลังถ้ารู้ว่าจะกลับดึกแล้วไม่มีคนมาส่งก็โทรบอกพี่” เขาถอนหายใจจากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟากลางห้องพร้อมกับวางถุงอะไรสักอย่างลงบนโต๊ะ “พี่ซื้อขนมมาให้ พอดีผ่านร้านที่แกชอบพอดี”
“อ้อ ขอบคุณค่ะ”
“เออ พี่ขอใช้ห้องน้ำหน่อยสิ เหนียวมือฉิบหาย” อยู่ๆ คนเป็นพี่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าเหมือนจะเข้าไปในห้องนอนของฉัน
เดี๋ยว ไม่ได้นะ!
“เอ่อพี่อัน ใช้ซิ้งค์ในครัวเถอะ อ่างในห้องน้ำมันพังอะ” ฉันเข้าขวางหน้าพี่อันเอาไว้
“อ้าว แล้วพังนานยังล่ะ ตามช่างมาซ่อมรึยัง”
“เพิ่งเสียเมื่อคืน กะว่าจะโทรตามช่างวันนี้แหละ” แม้ในหัวจะคิดไม่ค่อยทันแต่ก็ต้องรีบหาเรื่องแถไว้ก่อน
“ปล่อยไว้นานมันจะอันตรายนะเว้ย เดี๋ยวพี่เข้าไปดูให้” สีหน้าเคร่งเครียดนั่นแสดงออกมาพร้อมกับทำทีจะเดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนฉันอีกครั้ง
โอ๊ย ยิ่งไปกันใหญ่เลยทีนี้
“ไม่ๆ ไม่อันตรายมาก มันแค่น้ำไม่ไหลอะ เอาน่าเดี๋ยวฉันโทรตามช่างเอง” ตอนนี้ต้องทำยังไงก็ได้ให้พี่อันไม่เข้าไปในห้องน้ำแล้วเจอกับพี่ดิฟเด็ดขาด
สุดท้ายแล้วฉันก็ไล่เขาไปใช้อ่างน้ำในครัวสำเร็จ
“ว่าแต่พี่มีธุระอะไรหรือเปล่า มาหาแต่เช้าเชียว”
“ก็ไม่มีอะไร พี่ก็แค่มาหาแกเฉยๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยกลับบ้าน ยุ่งเหรอ”
ความจริงพี่อันเองก็เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับฉัน คณะศิลปกรรมศาสตร์ พี่เรียนสินกำน้องเรียนถาปัดเข้ากันดีจะตาย แต่ถึงจะมอเดียวกันเขาไม่ได้มาเช่าคอนโดอยู่แบบฉันเพราะว่าเจ้าตัวขับรถไปกลับเองได้ระหว่างบ้านและมหาวิทยาลัย ตอนแรกเขาก็จะให้ฉันนั่งรถไปกลับพร้อมกันแต่ว่าตารางเรียนเราไม่ได้ตรงกันทุกวัน ฉันมาอยู่คอนโดดีกว่า
อืม ก็เอาตามที่แต่ละคนสบายใจอะนะ
“นิดหน่อย แต่หลังจากนี้ก็คงไม่มีอะไรมากแล้ว” มันจบงานกีฬาไปแล้วนี่นา ฉันไม่ต้องไปซ้อมเดินแล้วด้วย
“แล้วเรื่องเรียนล่ะ”
“ก็ไม่มีอะไรนะ ทำงานส่งเรื่อยๆ” ฉันว่าแล้วก็มองไปที่เหล่าโมเดลบ้านและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่นั่งทำเอาไว้ซึ่งมันตั้งอยู่ในตู้กระจกขนาดใหญ่ บางอันก็ดีแต่บางอันก็งานเผาไปหน่อย
“เออ ถ้าอย่างนั้นพี่กลับก่อนนะ แค่แวะมาดูแล้วซื้อขนมมาฝาก”
ฮู่วว กลับไปสักที นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันดีใจขนาดนี้ตอนพี่ชายบอกจะกลับ
ฉันเดินไปส่งผู้เป็นพี่ที่หน้าประตูห้อง ในระหว่างที่พี่อันกำลังจะก้าวเท้าออกไปจากห้องก็มีเสียงอะไรบางอย่างคล้ายสิ่งของหล่นลงจากที่สูงดังขึ้นมา
เคร้ง!!
และมันดังมาจากในห้องนอนฉัน
“เสียงอะไรน่ะ” พี่ชายหยุดชะงักแล้วหันไปมองยังประตูห้องนอนฉันทันที
โอ๊ย ทำไมมันต้องมามีของตกอะไรในเวลานี้ด้วยเนี่ย พี่อันเกือบจะออกจากห้องไปได้อยู่แล้วเชียว! นี่เขาอยากมีปัญหาขนาดนั้นเหรอไง
“เอ่อ เสียงโมเดลมันล้มมั้ง ฉันนั่งต่อในห้องอะมันยังไม่แน่น” ขอบคุณฟ้าที่ให้พรสวรรค์ด้านการโกหกหน้าตายแบบนี้มาให้ฉัน หน้านิ่งแต่ใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุหน้าอกออกมา
“งั้นเหรอ อย่าลืมไปเก็บล่ะเผลอเหยียบเข้ามันอันตราย พี่กลับก่อนนะ” พี่อันพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นเข้าก็เดินออกไปจากห้องไป
ฉันรีบปิดประตูอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นแผ่นหลังของผู้เป็นพี่หายเข้าไปในลิฟต์แล้วเรียบร้อย จากนั้นก็รีบกลับเข้าไปในห้องนอนซึ่งปรากฏว่าเจอพี่ดิฟยืนทำอะไรอยู่กับกล่องใส่อุปกรณ์เขียนแบบของฉัน
อ้อ ไอ้นี่สินะที่มันหล่นเมื่อกี๊
“พี่ออกมาทำบ้าอะไร บอกให้อยู่ในห้องน้ำไง” ฉันดุตัวต้นเหตุที่เกือบทำให้ตัวเองเดือดร้อนจากนั้นจึงรีบเข้าไปเก็บของที่หล่นลงพื้น “เดี๋ยวทำเอง”
“ไม่ได้ตั้งใจนะ พอดีเผลอเดินไปชน” เขารีบปฏิเสธทั้งที่ฉันยังไม่ทันจะได้ต่อว่าเรื่องนี้เลย
“ดีนะ ที่พี่ชายฉันเชื่อว่าเสียงโมเดลตก”
“โมเดลเนี่ยนะ” พี่ดิฟที่ได้ยินก็หัวเราะลั่น “ชิ้นส่วนโมอันเล็กๆ ที่ยึดไม่แน่นตอนตกมันไม่ได้เสียงดังขนาดนั้นสักหน่อย อีกอย่าง..ใครเขาต่อโมบนโต๊ะกัน คนเชื่อต้องโง่แค่ไหน”
“อย่ามาว่าพี่ฉันนะ” ฉันเสียบไม้วัดอันสุดท้ายลงในกล่องตามเดิมเสร็จเรียบร้อยก็หันไปมองพี่ดิฟ “แล้วพี่ก็กลับไปได้แล้ว ป่านนี้คงมีคนมาเปิดห้องให้แล้วมั้ง”
“อยู่ต่อไม่ได้เหรอ”
“อยู่ทำอะไรเล่า กลับได้แล้ว”
“โอเค้ กลับก็ได้” เขาพยักหน้าเล็กน้อย
“ดี” ฉันที่เห็นแบบนั้นก็เดินนำพี่ดิฟออกมาจากห้องนอนแล้วมารอส่งที่หน้าประตู วันนี้ฉันต้องไล่ผู้ชายออกจากห้องตัวเองถึงสองคนเชียวเหรอเนี่ย
“อ้อ แอร์” หลังจากที่ประตูถูกเปิดออก เขาก็หยุดเดินแล้วหันหน้ากลับมามองที่ฉันโดยมือข้างหนึ่งก็จับลูกบิดประตูไว้อยู่
“อะไร”
พี่ดิฟไม่ได้ตอบคำถามฉัน เขาทำเพียงแค่โน้มใบหน้าเข้ามาและฝังจมูกลงบนแก้วด้านซ้าย สูดหอมเข้าไปเต็มแรงจนฉันสะดุ้งเฮือกรีบยกมือที่กอดอกอยู่มาจับที่แก้มด้านนั้นทันที
“ขอบคุณสำหรับที่ซุกหัวนอนนะจ๊ะ” พูดจบไอ้คนฉวยโอกาสก็รีบหายผลุบออกจากห้องไปพร้อมปิดประตูเสร็จสรรพไม่รอให้ฉันด่าเลย
“ไอ้คนฉวยโอกาส กะล่อนที่สุด”
ด่าไปก็ไม่ได้ยินเพราะหนีไปแล้ว ฮึ่ย!
Diff’s Talk
เลขสีแดงที่อยู่ด้านบนประตูของลิฟต์บ่งบอกว่าตอนนี้ผมลงมาถึงชั้นล่างสุดแล้วเรียบร้อย ก่อนที่เสียงของประตูลิฟต์จะเปิดดังติ๊ง ผมก้าวขาออกมาจากด้านในพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหาโทรศัพท์มือถือซึ่งตอนนี้เหลือแบตเตอรี่อยู่แค่ 10%
ก็ยังพอใช้ได้
ผมใช้แบตที่เหลือในการกดเบอร์โทรศัพท์หาเพื่อน ซึ่งถือสายไม่นานไอ้โซ่มันก็รับด้วยน้ำเสียงงัวเงียราวกับว่าเพิ่งตื่น
[อะไรมึง..] หาวด้วยนะประเด็น
“มึงอยู่ห้องใช่ป้ะ บ่ายนี้ออกไปกับกูหน่อย”
[ไม่ถามก่อนเหรอว่ากูว่างเปล่า โทรมาปลุกแล้วยังจะมาสั่งตามใจชอบอีกนะ] ถ้าให้เดา ตอนนี้ไอ้โซ่คงกำลังหน้าเหม็นเบื่อใส่โทรศัพท์อยู่แน่เลย
“เออน่า กูแค่อยากออกไปที่สนามแต่ว่าไม่อยากไปคนเดียว”
[มึงเป็นง่อยไง้]
“ใช่กูเป็นง่อย มึงไปกับกูด้วยเคนะ” ไม่รอจะให้ไอ้เพื่อนปฏิเสธผมก็รีบกดตัดสายทันที รู้ว่ามันดูเสียมารยาทและกวนตีนแต่ว่าแบตมันจะหมดแล้วต้องเก็บไว้ทำอย่างอื่นด้วย
ผมเดินออกมาจนถึงลานจอดรถหน้าคอนโดที่เอารถมาจอดไว้เมื่อคืนนี้ มือข้างที่ถือโทรศัพท์ก็ยัดมันลงกระเป๋าตามเดิมก่อนจะเปลี่ยนเป็นควานหากุญแจรถออกมาแทน ในจังหวะที่กำลังเงยหน้ามองหารถผมก็มองเห็นร่างของใครสักคนยืนประจันหน้าห่างออกไปไม่กี่เมตรพอดี
คนที่ผมนึกว่ากลับไปตั้งนานแล้ว มันมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย
“มึงอยู่คอนโดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ไอ้อันที่ยืนอยู่ด้านข้างรถของมันเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“มันก็เรื่องของกู”
“ก็ถ้ากูรู้ว่ามึงอยู่นี่ กูจะให้น้องกูย้ายออก ไม่อยากให้มาอยู่ใกล้คนแบบมึงหรอก” หลังจากที่มันพูดมาอย่างนั้นผมก็แค่นหัวเราะใส่
“งั้นก็สบายใจได้ เพราะกูไม่ได้อยู่ที่นี่ กูอาจจะมาหาใครสักคน อย่างเช่น...” ผมลากเสียงตัวสุดท้ายไปครู่นึงเหมือนทำท่าคิดคำพูดทั้งที่ในใจรู้อยู่แล้วว่าจะพูดอะไร “น้องสาวมึงไรงี้”
“ไอ้ดิฟ!” เป็นไปอย่างที่คาดไว้ ไอ้อันคนเลือดร้อนที่โดนผมยั่วโมโหสำเร็จก็ปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อของผมเข้าไปเหมือนจะต่อยแต่เป็นเพราะว่าบริเวณนี้ยังมีคนอยู่มันคงไม่กล้าทำอะไรมาก “ปากแบบมึงมันจะไม่แก่ตาย”
“ขอให้ตายทีหลังมึงแล้วกัน” การทำให้คนที่ตัวเองเกลียดโมโหนี่คือสิ่งที่ผมมีความสุขหละ
“มึงจะทำเหี้ยอะไรก็ได้ แต่อย่ายุ่งกับน้องสาวกู หรือคนในครอบครัวกู”
“...”
“เพราะกูจะไม่ปล่อยมึงไว้อีก”
คำว่าอีกของมันคือเครื่องตอกย้ำว่าครั้งนึงทั้งผมและมันเคยทะเลาะบาดหมางกัน เป็นครั้งจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
แล้วนั่นก็เป็นประโยคสุดท้ายที่มันพูดก่อนจะเดินออกไป
...
“ไงมึง มาถึงสนามแข่งทั้งที่ ทำหน้าให้มันดูสนุกสนานหน่อยดิวะ” เจ้าของคำพูดเอ่ยพร้อมกับกับเปิดประป๋องเบียร์ดังแกร๊กแล้วก็ส่งมันมาให้ผม มันมีชื่อว่า ‘แบล็ค’ เป็นเพื่อนที่เจอกันในสนามถึงแม้ตอนแรกเราจะเป็นคู่แข่งกันแต่พอคุยถูกคอก็ดันกลาเป็นเพื่อน ผมกับมันต่างกันอยู่นิดหน่อยตรงที่การแข่งรถคืองานอดิเรก แต่สำหรับมันเป็นงานหลัก
“กูก็สนุกสนานอยู่นะตอนนี้” ผมยกมือด้านหนึ่งที่เกาะราวเหล็กอยู่กระดกกระป๋องเบียร์ที่รับมาจากเพื่อนพลางทอดสายตามองลงไปยังด้านล่างที่มีรถแข่งหลายคันวิ่งอยู่บนสนาม
“ไอ้สัส หน้าอมขี้แบบนี้เก็บไว้ทำตอนไปงานศพญาติมึงเถอะ ไม่มีใครเขาทำหน้าแบบนี้มาดูเรื่องตื่นเต้นหรอก” ไอ้แบล็คด่าผมไปทีนึงจากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่อง “เออ แล้วเมื่อคราวก่อนทำไมมึงไม่มา อุตส่าห์ชวนดู”
“มาดูมึงเสมอกับไอ้เหี้ยอันอะนะ”
“ควาย อย่ามาตอกย้ำ” คนด้านข้างดูหัวเสียกับเรื่องนี้ไม่น้อยจนผมอดขำไม่ได้ “แต่ไอ้อันก็เก่งฉิบหาย กูนึกว่าจะเอาชนะมันได้ซะอีก”
“มึงมันกาก” ผมว่าแล้วก็นึกไปถึงเรื่องก่อนหน้านั้นที่เจอมันหน้าคอนโด
“เออพ่อคนเก่ง พ่อคนประเสริฐ พ่อคนไม่เคยแพ้” ประชด ดูออก
จะว่าไปเมื่อปีก่อนผมเองก็เคยลงแข่งรถเหมือนกัน ซึ่งหนึ่งในคู่แข่งก็คือไอ้อัน แน่นอนว่าผมชนะ แต่นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมได้แข่งกับมัน เพราะหลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ไหนจะเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องที่บ้านเยอะแยะ เวลาจะมาดูเฉยๆ ก็ยังแทบไม่มีเลย
“เออ ทำไมมึงไม่ลองแข่งกับมันอีกรอบวะ คราวนี้ก็ลงเดิมพันไปด้วย เอาเป็นรถที่มันรักมากก็น่าสะใจดี” ความคิดของเพื่อนผมนี่มันร้ายจริงๆ
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าผมมีความคิดที่ร้ายยิ่งกว่ามันอีก
“ไม่จำเป็น เพราะตอนนี้กูมีเดิมพันของไอ้อันที่น่าสนใจกว่ารถอีก”
ยกตัวอย่างเช่นน้องสาวของมัน
END Diff’s Talk
ฉันคิดว่าตัวเองกำลังเจอกับปัญหาใหม่..
ทั้งๆ ที่คิดไว้ว่าวันนี้ควรจะเป็นวันที่ฉันจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องอย่างสงบสุข แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าตอนนี้รูปภาพหนึ่งที่อัพขึ้นเพจในอัลบั้มรวมภาพงานกีฬาของมหาวิทยาลัยกำลังถูกจับตามองอย่างมาก มันถูกแชร์และรีโพสต์ไปหลายเพจ ใช่..รูปภาพนั้นคือรูปของฉัน แต่มันจะไม่น่าเครียดเลยถ้าในรูปนั้นมีแค่ฉันคนเดียว
มันคือรูปที่พี่ดิฟกำลังยื่นดอกกุหลาบให้กับฉัน
Boys & Girls A University 1 hr.
โห คิ้วท์บอยกับคทากรไม้หนึ่งเอยูป้ะจ๊า ยื่นดอกไม้จีบกันกลางงานแบบนี้ไม่ได้ คนโสดอิจฉา
5.6k Likes 999 comments 1.5k Shares
All comments
Winnie Wannida โห หนุ่มหล่อกับสาวสวย เห็นแล้วไม่สงสัย แต่สงสารตัวเองที่ไม่มีแบบนี้บ้าง
Castle-G แม่!! พี่ดิฟเขานอกใจหนู!
Fafa away @Castle-G มึงมโนอิจี เขาคบกับมึงตอนไหน
ดรุณีน้อยคอยรัก นั่นพี่ดิฟถาปัตย์นี่ อกหักเลยว่ะ เจ่บนม
อะไรไม่รู้แต่จะเผือก ถึงเธอจะมีเขา แต่ถ้าเหงาโทรหาเราได้นะ
JinJin อุตส่าห์เล็งผู้หญิงไว้ โถ่เอ๊ย //โทรจองร้านเหล้า
Rinrapat @JinJin หัวใจครับไม่ใช่ตับ แดกเหล้าตอนอกหักมันก็ไม่แข็งหรอก
คุณมานพ ผมอิจฉาผู้ชายมากกว่า น้องแอร์สวยมาก
Soh Theera โห นี่เพื่อนกูทำขนาดนี้เลยเหรอ แท็กมันมาดู @Diff Thinnapob
Peemwat Pine เลิ่กลั่กแล้วนะ
Zac Jinnapat คนนี้คนที่เท่าไหร่แล้วนะ กูไม่ได้นับ
Mali STK เอ้า แมสเฉยเลย
View more comments
ฉันเลื่อนดูคอมเม้นท์มากมายอย่างไม่หวาดไม่ไหว ก็มีทั้งคนหวีด ทั้งคนชง ทั้งคนไม่พอใจ ซึ่งฉันไปห้ามอะไรไม่ได้ ก็ถ้ารู้ว่ามันจะมีคนสนใจเยอะขนาดนี้ฉันไม่ให้ช่างภาพถ่ายรูปไว้ตั้งแต่แรกหรอก
และทันใดนั้นก็มีใครบางคนส่งข้อความมาพอดี
พี่ดิฟ : เป็นไง รูปคู่รูปแรกของเราแหละ >__<
ฉันว่าฉันเกลียดไอ้ข้อความที่ส่งมาแล้วนะ ยังจะต้องมาเกลียดอิโมติค่อนที่พี่มันใช้อีกซ้ำสองด้วย
Me : ปวดหัวน่ะสิ มันจะอะไรล่ะ
พี่ดิฟ : ภาพสวยนะเนี่ย ถ้ารู้ว่าใครถ่ายจะให้ติ๊บสักสองร้อย
Me : คนต้องเข้าใจผิดว่าเราคบกันแน่เลย
พี่ดิฟ : เราก็คบกันจริงๆ เลยสิ คนจะได้ไม่เข้าใจผิดไง
เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีมาก ดีก็บ้าแล้วไหม
ขอบคุณที่พี่อันไม่เล่นเฟซบุค ไม่อย่างนั้นต้องโดนพี่ชายสุดที่รักเล่นงานแน่เลย หวังว่าคงไม่มีผู้หวังดีหน้าไหนคาบเรื่องนี้ไปบอกหรอกนะ
ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีใครอีกคนส่งข้อความมาหาเช่นกัน เป็นใครบางคนที่พอเห็นชื่อแล้วก็อยากจะเบ้ปากใส่เข้าให้
Tr. : หมายความว่าไงวะแอร์ เลิกกับเราแล้วหาใหม่เร็วจริงนะ
เจ้าบ้าธีร์นี่มีสิทธิ์อะไรมาต่อว่าฉันกันล่ะ แต่จะว่าไปทำไมเขาถึงได้ตื๊อฉันไม่เลิกขนาดนี้นะ อุตส่าห์เปิดทางให้ไปคบกับยัยก้อยตั้งนานก็ไม่ยอมสักที
จะว่าไปฉันเองก็ไม่ยังไม่ได้จัดการกับสองคนนี้สักทีเลยนี่ พวกมันทำกับฉันขนาดนี้จะให้ปล่อยไว้เฉยๆ ทำตัวนิ่งเหมือนแม่พระนั่นก็คงจะติดค้างในใจฉันตลอดไปแน่ ทิ้งท้ายก่อนจะเลิกคบทั้งคู่สักหน่อยก็ไม่เลวแฮะ
Me : เขาแค่มาจีบเฉยๆ
Tr. : แล้วแอร์ชอบมันไหม
Me : ฉันไม่ได้ชอบใครง่ายๆ นายก็รู้
ถึงว่าธีร์จะมีอายุมากกว่า เวลาอยู่กับคนอื่นฉันก็จะเรียกเขาว่าพี่ธีร์ปกติ แต่ว่าถ้าคุยด้วยกันเองก็ใช้สรรพนามเหมือนคนอายุเท่ากันเพราะสบายใจที่จะคุยกันแบบนี้
Tr. : แอร์ เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เรากลับมาคบกันไม่ได้เหรอ
ฉันชั่งใจให้กับประโยคล่าสุดเล็กน้อย ถ้าเป็นปกติแล้วฉันก็คงตอบปฏิเสธพร้อมกดบล็อกแล้ว แต่ว่าพอตอนที่นึกแผนอะไรบางอย่างในหัวออกก็คิดว่าน่าจะตอบอย่างอื่นไปดีกว่า ในเมื่อสองคนนั้นแทงข้างหลังฉันจนเจ็บขนาดนี้ฉันก็สามารถทำให้พวกเขาเจ็บได้เหมือนกัน
Me : เอาสิ เรากลับมาคบกันก็ได้
งานนี้ต้องมีคนอกแตกตายแน่
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เเอร์!
พี่ดิฟมั่นมากกกกกกก
ส่วนธีร์นี่ก็ต้องร้องโอโหห!! ช่างกล้า!!!
เอาให้ไย้ก้อยอกแตกตายไปเลย
กวนเข้าปายยยยอิพี่ดิฟ จะหัวแตกสักวัน 55555