4
“ก็ไม่ได้ทำอะไรนะ” ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าที่ผิวเนียนนี่เป็นเพราะอะไร เพราะไม่เคยใช้ครีมหรือเครื่องสำอางกับแผ่นหลังตัวเองมากนัก ถ้าจะดีก็น่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินมากกว่า
“อ๋อ”
“เดี๋ยวฉันขอเปลี่ยนชุดแป๊บ แกออกไปได้แล้ว” ฉันพูดพลางเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องเพื่อที่จะได้ไล่ไคลี่ออกไปรอด้านนอกก่อน
แต่อีกฝ่ายกลับถามมาว่า
“อ้าว..ให้ช่วยถอดชุดแล้วจะไม่ให้เค้าช่วยใส่ชุดด้วยเหรอคะ”
อันที่จริงฉันใส่เองดีกว่า ยังไงซะใส่ชุดมันก็ไม่ได้ยากเหมือนตอนถอดหรอก
“ไม่เป็นไร” ปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
“ก็ได้ค่ะ” อีกคนพยักหน้าจากนั้นก็เดินออกไปจากห้องเปลี่ยนชุด ฉันจัดการปิดประตูพร้อมดึงตัวล็อกเข้ามาทันที พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย ฉันเกลียดความรู้สึกของตัวเองตอนนี้จังเลย..เหมือนสาวน้อยเวลาโดนรุ่นพี่ที่ชอบยิ้มให้ ประเด็นคือที่นี่ไม่มีสาวน้อยหรือรุ่นพี่สุดเท่อะไรทั้งนั้น มีแค่นังทชากับเพื่อนตุ๊ดหนึ่งคน บ้าจริง!
ชุดว่ายน้ำที่ฉันใส่เป็นชุดแบบแขนยาวขายาวสีดำไม่ได้โชว์อะไรหรอกนะ หลังจากที่เปลี่ยนเป็นเสร็จแล้วออกจากห้องก็เดินตรงไปยังที่นั่งด้านข้างสระก่อนเพื่อฝากกระเป๋าสัมภาระเอาไว้ นั่นจึงทำให้ฉันได้เจอกับเฮียต๊ะประธานชมรม พี่แกน่าจะมาตอนที่ฉันอยู่ในห้องนั่นแหละ
“อ้าวเฮีย สวัสดีค่ะ” ฉันทักทายไป
“วันนี้มาวอร์มเหรอ” เขายิ้มรับคำทักทายและเอ่ยถาม
“นิดหน่อย กลัวฝีมือตก” ก็อย่างที่บอกฉันเป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้วย ต้องหมั่นฝึกซ้อมถึงช่วงหลังจะไม่ค่อยไปลงแข่งอะไรแล้วก็ตาม
ด้านข้างเฮียต๊ะมีร่างของใครสักคนนั่งอยู่ ผู้ที่เป็นเพื่อนร่วมคณะและชมรมอย่างไคลี่นั่นเอง นี่นางออกมาข้างนอกแล้วนั่งรอข้างผู้ชายเนี่ยนะ แหม..ร้ายนะเนี่ย แต่เหมือนนางไม่ได้สนใจประธานชมรมมากนักเพราะมัวแต่นั่งจิ้มโทรศัพท์ตัวเองอยู่
“ไคลี่” ฉันเรียกชื่อเพื่อน
“คะ” คุณเธอเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วมองฉันงงๆ
“ฝากกระเป๋าด้วยนะ ฉันลงไปว่ายน้ำ ของมีค่าอยู่ในนี้” ว่าจบก็ยื่นถุงผ้าในมือให้นาง สารภาพว่ามันก็ไม่ได้มีของมีค่าอะไรมากนักหรอก กระเป๋าตังค์ที่มีเงินสดสองร้อยน่ะ..
เอ๊ะ แต่โทรศัพท์ฉันมีค่าอยู่นะ
“ได้สิ” อีกฝ่ายรับกระเป๋าฉันไปถือ
“อ้อ แล้วนี่ไคลี่ไม่ลงไปว่ายน้ำกับเขาหรอก” อันนี้เป็นประโยคคำถามจากเฮียต๊ะ เขาน่าจะนั่งฟังบทสนทนาของเราสองคนมาพักหนึ่งแล้ว
“อ่า..ว่ายไม่ค่อยแข็งน่ะค่ะ” นางหันไปตอบประธานชมรมพร้อมส่งยิ้มหวานให้ “แล้วเฮียจะสอนไคลี่ว่ายน้ำไหมอะค่ะ”
ไหนว่าว่ายเป็นเพราะที่บ้านมีสระไงวะ มันต้องมีการตอแหลเกิดขึ้นไม่ครั้งนั้นก็ครั้งนี้นี่แหละ
“เรียนกับทชาก็ได้นะ เขาว่ายน้ำเก่งกว่าเฮียเยอะ” พี่เขายิ้มแห้งทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนยัยไคลี่โปรยเสน่ห์ให้
“อ้อ ถ้าจะเรียนก็บอกนะ ไว้ฉันจะสอนให้แก” ฉันที่โดนโบ้ยมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวก็แทบจะคิดคำพูดตอบไม่ทัน คือรับปากไปทั้งที่เกิดมายังมาเคยสอนใครว่ายน้ำเลย
“งั้นไว้เรียนส่วนตัวสองคนเนอะ”
คำว่าสองคนนั้นน่ากลัวแปลกๆ นี่ฉันเริ่มคิดมาก คิดไปเองอีกแล้วเหรอ
ฉันสะบัดหัวตัวเองเบาๆ เพื่อให้เลิกคิดเรื่องไร้สาระจากนั้นจึงเดินยังบันไดสำหรับลงสระว่ายน้ำ ซึ่งสระนี้มีความสูงประมาณ 1.5 เมตร ซึ่งก็ยังดีที่ส่วนสูงของฉันมากกว่าสระ พอจะได้มีเวลายืนหายใจก่อนบ้าง ครั้งหนึ่งเคยไปลงสระที่สูง 1.6 เมตรนี่ท่วมหัวฉันเลยอะ จนรู้สึกแย่ที่แม่ให้ความสูงมาน้อย
“นี่ม่อน!” ฉันตะโกนเรียกรุ่นน้องในชมรม
“ไรเจ๊”
“จับเวลาให้หน่อยดิ” ฉันอยากรู้ว่าความเร็วตัวเองจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า
“โอเคได้” ม่อนหยิบโทรศัพท์ออกมากดๆ อยู่สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาคุยด้วย “จะเริ่มละนะนับหนึ่งถึงสาม หนึ่ง..สอง..สาม!”
ทันทีที่ได้ยินการนับเลขสามของไอ้ม่อนฉันก็เริ่มว่ายออกจากขอบสระทันที ในการว่ายน้ำครั้งนี้ลำบากนิดหน่อยตรงที่ไม่ได้เตรียมแว่นตามาจึงต้องกลับตาตลอดทาง จนกระทั่งมือของฉันไปแตะที่ขอบสระอีกฝั่งก็รีบเอามือมาเช็ดหน้าเช็ดตาและหันกลับไปมองรุ่นน้องที่นั่งบนสแตนด์
“โห..สิบห้าวินาที ฝีมือไม่ตกเลยว่ะ” ม่อนตะโกนบอกพลางหันหน้าจอโทรศัพท์ที่หยุดการจับเวลาไว้แล้วมาให้ฉันดู
“แน่นอน” ฉันยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อได้ยินตัวเลขนั้นก่อนจะค่อยๆ ปีนขึ้นจากสระว่ายน้ำ อย่างน้อยก็สบายใจไปเปราะที่ยังทำเวลาได้ดี
“ขนาดไม่ได้ว่ายนานก็ยังเก่งอยู่เลยนะทชา” เฮียต๊ะออกปากชม
“เก่งล่ะซี้” ฉันเป็นมนุษย์ประเภทได้ทีก็เอาใหญ่ บ้ายอมากด้วยขอบอก
“ใช่ ทั้งเก่งทั้งสวยเลย”
“โห ชมขนาดนี้ก็เขินเลยนะเฮีย” ฉันไม่แนะนำให้พี่แกมาชมแบบนี้บ่อยๆ หรอกนะ เกิดฉันตกหลุมรักเข้าเขาจะแย่เอา
“ทำเป็นเขินน่า เฮียรู้ว่าทชามีคนชมเยอะ” ประธานชมรมหัวเราะ
“แล้วแบบนี้ทชามีแฟนรึยัง” ไคลี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างเฮียต๊ะเป็นคนถามประโยคนี้ เจ้าตัวยกมือขึ้นมาท้าวคางโดยวางข้อศอกไว้หน้าขาตนเอง
“โอ๊ยอีเจ๊ทชายังไม่มีหรอก ความจริงคือไม่มีใครเอา” ส่วนคนที่ตอบน่ะคือไอ้ม่อน ที่นั่งห่างออกไปหลายคืบแต่ก็ยังอุตส่าห์เสนอหน้าเข้ามาร่วมวงคุยด้วย พอม่อนพูดอย่างนั้นพวกเพื่อนๆ ของมันก็หัวเราะตบท้าย
“สาระแนนัก” ฉันหันไปด่าพวกมันทุกตัวที่บังอาจมาหัวเราะให้กับความโสดของฉัน ถึงคำว่าไม่มีใครเอาจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ มันเจ็บนะเว้ย
พวกไอ้ม่อนหัวเราะนี่ไม่เท่าไหร่เพราะเริ่มชินไปบ้างแล้ว แต่นังไคลี่หัวเราะใส่ฉันนี่มันยังไงกันวะ
“ขำอะไรเล่า ไม่ใช่ไม่มีใครเอาฉันแค่เลือกมะ” ฉันหันหน้ากลับมาพูดกับเพื่อนสาวคนใหม่บ้าง สุดท้ายไคลี่ก็ยอมหยุดหัวเราะแล้วพูดขึ้น
“ก็ไม่ได้ว่านี่คะ ถ้าเธอไม่มีใครเอาก็มาอยู่กับเราได้นะ”
กกรี้ดดดดดเลยค่ะ
ฮือออออ อีเจ๊
แกหยอดได้ทุกสถานการเรยไคลี่