ตอนที่ 16 : Equinox of K. | 06 : พัฒนาการความสนิท [1]
6
ฉันแทบจะแหกปากร้องลั่นห้องแล้วก็รีบกระโดดออกมาจากเตียงนอน ทั้งที่เตียงก็เตียงฉัน ห้องนี่ก็ห้องของฉันแต่ไอ้คนที่นอนอยู่ด้านข้างนี่มาได้ยังไงกันวะ
“เธอจะเสียงดังอะไรแต่เช้า” บุคคลดังกล่าวค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งบนที่นอนด้วยสภาพงัวเงีย พอได้เห็นใบหน้าชัดๆ นั่นแล้วก็ทำเอาฉันตกใจไปเลยเพราะว่า
“แก..ไคลี่” ฉันเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อรู้ว่าคนที่อยู่บนเตียงเป็นเพื่อนนี่เอง “มาอยู่นี่ได้ยังไงอะ”
“ก็มาส่งเธอไง เมื่อคืนเธอเมาเหมือนหมา” อีกฝ่ายตอบพร้อมกับขยี้ตาไปด้วย
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนค่อยๆ ไหลกลับเข้ามาในหัวจนครบ ฉันดื่มของพวกนั้นไปหลายแก้วจนเมามาก อาการตอนนั้นเป็นเบลอๆ มองเห็นภาพไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก ยิ่งบ่งบอกได้เลยว่าเมามาก โอ๊ยตายแล้ว
“แล้วทำไมแกมานอนนี่ ไม่กลับไปนอนห้องอะ” ฉันไม่ได้หวงที่นอนหรอกนะแต่ว่าคนเราตื่นมาเจอผู้ชายอยู่ด้านข้างมันก็ตกใจป้ะ ดีนะที่เสื้อผ้ายังใส่ครบทั้งคู่
“ไม่รู้สิ อาจจะเผลอหลับไปมั้ง ก็เค้าแบกเธอมาจากผับถึงห้องเลยนะคะ มันต้องเหนื่อยบ้าง” ไคลี่ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะลุกมายืนอยู่ข้างเตียง “งั้นกลับดีกว่า”
ในช่วงจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้องไปนั้นฉันก็ตัดสินใจเรียกเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ”
“มีอะไรคะ” นางหันหน้ามาถาม
“เอ่อ ขอบคุณที่มาส่งนะ..เดี๋ยวฉันทำอะไรให้กินก่อนกลับเป็นการตอบแทนละกัน” ฉันรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำตัวเป็นภาระให้กับไคลี่ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่หน้าที่ของอีกคนเลยด้วยซ้ำ
“อ๋อ..เอาสิ จะทำอะไรให้กินล่ะคะ”
“ข้าวต้มปลาละกัน ในตู้เย็นมีปลาเดี๋ยวทำให้กินนะ รอแป๊บ” ฉันบอกกับผู้เป็นเพื่อนจากนั้นก็รีบเดินหายเข้ามาในห้องครัว
เอาหละ สิ่งที่ควรทำอย่างแรกก็คือเอาปลาออกมาล้างซะก่อน ในตู้เย็นของฉันมีวัตถุดิบมากมายเลยหละเพราะซื้อมาติดห้องเอาไว้ ส่วนใหญ่แล้วฉันมักจะทำกับข้าวกินเองมากกว่าไปซื้อสำเร็จอะนะ เอ่อ..ว่าแต่ข้าวต้มปลานี่ทำยังไงนะ ไม่ค่อยกินเมนูนี้เท่าไหร่เลยลืมไปซะแล้ว ปกติทอดไข่ไม่ก็ผัดหมู
“ให้ช่วยป้ะ” เสียงของไคลี่ดังมาจากด้านหลังซึ่งเป็นที่ตั้งของทางเข้าห้องครัว
“ทำเป็นเหรอ”
“อะ แน่นอน เค้าทำกินอยู่บ่อยครั้ง ทำให้แม่กินบ้างให้พ่อกินบ้างอะไรแบบนั้น อร่อยนะบอกก่อน” นางพูดแล้วก็หยิบกะละมังล้างปลาไปไว้ตรงหน้าตัวเอง
“อร่อยจริงเปล่า”
“จริงน่ะสิ คนอย่างไคลี่นี่แรร์ไอเท็มนะจ๊ะ หน้าตาก็ดี ทำกับข้าวก็อร่อย ลีลาก็เด็ด”
ไอ้ข้อสุดท้ายนี่มันยังไง
“ทะลึ่งชะมัด” ฉันพูดและเบือนหน้าหนีจากเพื่อนตุ๊ดพร้อมกับหยิบผักออกมาหั่น แต่เกือบจะเอามีดมาหั่นมือตัวเองเมื่อคนจ้างกายเข้ามาจับแก้ใของฉันไปดึง “โอ๊ย ไคลี่มันเจ็บเว้ย”
“ก็เธอว่าเค้าทะลึ่งก่อน” นางโบ้ยเป็นความผิดฉันซะอย่างนั้น
“ก็จริงไหมอะ มาลีลงลีลาเด็ดอะไรแถวนี้วะ”
“โอ๊ย หมายถึงลีลาการทำอาหารอะค่ะแบบมาสเตอร์เซฟไทยแลนด์ไรงี้ เธอคิดไปไกลเอง ใครกันแน่ที่ทะลึ่งอะ” เกลียดการย้อนกลับมาหน้าตายของมันมากเลย
“เออ ฉันผิดเองก็ได้..ล้างปลาเสร็จแล้วเอาไปต้มด้วยล่ะ”
“ได้ทีก็ใช้ใหญ่นะคะ”
“อ้าว ก็เสนอตัวมาช่วยเอง”
พูดจบประโยคเราสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของเราทั้งคู่จะเพิ่มระดับความสนิทขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งแล้วสินะ
ประมาณเกือบชั่วโมงได้ข้าวต้มปลาถึงพร้อมรับประทาน กลิ่นที่หอมฉุยฟุ้งไปทั่วห้องครัวทำเอาท้องของฉันร้องโครก พยาธิในตัวเริ่มประท้วงอยู่หน่อยๆ
“ครั้งนี้ทำเสร็จเร็วเพราะมีลูกมือดีเลยนะเนี่ย” ฉันมองถ้วยกับข้าวที่วางบนโต๊ะด้วยแววตาชื่นชม
“ใครกันแน่ที่เป็นลูกมือ เค้าเห็นเธอทำแค่ใช้ทัพพีคนๆ ข้าวต้ม”
“ฉันหั่นผักกับเลาะเนื้อปลาอยู่มะ” จะมาบอกว่าทำแค่คนๆ หม้อได้ยังไง นี่ห้องของฉัน ฉันควรมีบทบาทมากกว่านั้นสิ
“อะจ้า ยอมก็ได้จ้าคุณแม่ครัว”
“ดี ถ้าอย่างนั้นเรามากินกันเถอะ” ฉันพูดแล้วก็หยิบช้อนขึ้นมาเพื่อจะตักน้ำซดเป็นอย่างแรก แต่..
“บ้าน่า เราจะมากินกันเองได้ยังไง ผิดผี” ไคลี่ยกแขนยกมือมาปิดหน้าอกตัวเองเอาไว้เหมือนสาวน้อยแรกแย้ม เป็นภาพที่เห็นแล้วชวนปวดหัวที่สุด
“ให้กินข้าวไหม เนี่ยมีปลาด้วย กินเข้าไปเยอะๆ ปลาน่ะ” ไม่ได้จะหลอกด่านะแค่แนะนำให้กินปลา
“จ้ะ”
หลังจากที่เลิกคุยกันฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาโซ้ยข้าวต้มจนข้าวในถ้วยหมดลงภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที เป็นการกินที่เหมือนคนอดอยากมาทั้งชีวิตเลยฉันเนี่ย ดีนะที่กินกับเพื่อนไม่ต้องคีพลุคมาก นึกสภาพกินแบบนี้ต่อหน้าผู้ชายเขาคงหวาดกลัวฉันไปแล้ว
“เธอหิวมากเลยเหรอ” ไคลี่พูดขึ้นในขณะที่ถ้วยข้าวของตัวเองเพิ่งพร่องไปแค่ครึ่งเดียวเอง
“ไม่หรอก ปกติฉันเป็นคนกินเร็วงี้อยู่แล้ว” แค่วันที่กินข้าวด้วยกันวันนั้นฉันคีพลุคเฉยๆ เนื่องจากอยู่ในร้านที่เต็มไปด้วยสายตาประชาชน
“อ๋อ โอเค..”
“เดี๋ยวถ้าแกกินเสร็จก็กลับได้เลยนะ ส่วนถ้วยข้าวทิ้งไว้ตรงนี้แหละฉันจะล้างเอง ฉันจะไปอาบน้ำก่อนรู้สึกเหม็นตัวเองมากตอนนี้” ไม่รู้ว่าไคลี่มันทนยืนทำกับข้าวอยู่ข้างฉันได้ยังไงตั้งเกือบชั่วโมง
“ดีแล้วหละ เมื่อคืนเธอบ่นว่าอยากอาบน้ำใหญ่เลย” คนที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเอ่ย
“ฉันบอกกับแกเหรอ” นี่ฉันไปทำอะไรน่าอายหรือเปล่าเนี่ย เริ่มเลิ่กลั่กแล้ว
“เธอบอกให้เค้าช่วยถูหลังให้ด้วยแหละ แต่ก็คอพับหลับไปก่อน” ไคลี่หัวเราะ นอกจากคำพูดน่าอายนั่นก็คงไม่มีอะไรแปลกกว่านี้แล้วใช่ไหมอะ
“เอ่อ ขอโทษนะที่ทำให้ลำบาก” อยากจะทึ้งหัวตัวเองจัง
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ว่าตอนนี้ยังอยากให้เค้าช่วยถูหลังอยู่อีกป้ะ? จะได้เข้าไปช่วย”
ที่บอกว่าพระเอกไม่มีเจตนาร้ายอะไรนี่ก็คือไม่มีจริงๆ นะ
ตอนนี้ยังไม่มีใครชอบใครทั้งนั้น ทั้งคู่ยังมีสถานะเป็นเพื่อนทั้งกายและใจ
ในอนาคตพวกนางจะค่อยๆ เริ่มชอบกันไปเอง


นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อิเจ๊แกก็เนีนไป๊
หยอดได้หยอดดีมากอีเจ๊
เจิมค่าาา