ฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้ว่าประโยคล่าสุดนั้นมันชวนขนลุกแปลกๆ แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วก็ยอมยื่นมือไปรับโทรศัพท์จากอีกฝ่ายมากพิมพ์ที่อยู่ตัวเองลงไป นี่ดีนะยังไม่ขอคีย์การ์ดและกุญแจห้องด้วย แล้วนั่นก็ทำให้เจ้าของโทรศัพท์เผยยิ้มออกมา
รออยู่ซักพักพนักงานก็นำเครื่องดื่มที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ สีของมันดูแตกต่างไปเล็กน้อยจากพวกเครื่องดื่มที่เคยเห็น ดูแล้วอาจจะเป็นพวกวิสกี้ผสมน้ำผลไม้
“ลองดูสิ อันนี้เค้าสั่งมาให้เธอ” ไคลี่เลื่อนแก้วหนึ่งมาไว้ตรงหน้า ก่อนจะหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาบ้าง “ชนแก้วกันหน่อยไหมค่ะ”
“มานั่งบ่อยเหรอ” ฉันลองสังเกตท่าทางของเพื่อนสาวอยู่หลายครั้ง เหมือนนางอินกับสถานที่แบบนี้มากเหลือเกิน ตัวนั่งอยู่ติดโต๊ะแต่ตาก็ชำเลืองมองนักดนตรีบนเวที ฉันเห็นนะ
“เค้าก็ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่เที่ยวตอนกลางคืนแทบทุกวันนั่นแหละ” อีกคนตอบ
โห..ต้องเป็นคนเที่ยวเก่งมากแน่เลยสิเนี่ย
“สายเมานี่นา” ฉันพึมพำพร้อมกับยกแก้วไปชนกับอีกฝ่ายก่อนจะนำมันมาจิบเล็กน้อย ก่อนจะพบว่ารสชาติมันค่อนข้างหนักไปทางหวานมากกว่า
ก็อร่อยอยู่นะ...
“เปล่าค่ะ ไม่ได้ดื่มตลอดแต่ไปทำงาน” ไคลี่ส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อได้ยินที่ฉันบอกว่าตัวเองเป็นสายเมา
“ทำงานกลางคืนเหรอ” แบบนั้นก็คล้ายๆ ฉันเลยแฮะ ฉันเองก็ทำงานพาร์ทไทม์ตอนกลางคืน
“ใช่ แต่ไม่ต้องถามต่อนะว่างานอะไรเพราะไม่บอก” นางพูดดักทางฉันเอาไว้เลยแฮะ ราวกับสามารถอ่านใจได้ว่าฉันจะพูดอะไรต่อ
“ไม่บอกก็ไม่บอกสิ” ไม่อยากรู้แล้วก็ได้
“สั่งอะไรเพิ่มไหมคะ กินอย่างนั้นเพียวๆ จะเมาเอาได้นะ” ไคลี่กล่าว
“ก็สั่งมาสิ แกสั่งเลย” ฉันไม่รู้ว่าตัวเองควรจะสั่งอะไรก็เลยโบ้ยให้เป็นหน้าที่ของคนที่พามา ซึ่งนางก็พยักหน้ารับแล้วยกมือเรียกพนักงานอีกครั้ง
Kyle’s Talk
“ว่าแต่ว่า ที่บ้านแกทำงานอะไรเหรอ” ทชาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
พอไม่ให้ถามเรื่องนึงก็ไปถามอีกเรื่องนึงสินะ
“ก็ทำหลายอย่างค่ะ” ผมไม่ได้โกหก แต่ก็ไม่ได้บอกไปจนหมดว่าทำอะไรบ้าง.. ถ้าให้ตอบเรื่องอาชีพของครอบครัวมันก็อธิบายยากนิดหน่อย
“ธุรกิจสินะ”
หึ รู้ดี..
“แล้วที่บ้านเธอล่ะ” ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายถามอย่างเดียว ผมถามกลับบ้าง
“พ่อทำงานเกี่ยวกับธุรกิจ ส่วนแม่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยน่ะ แต่ไม่ใช่มอเดียวกับเราหรอกนะ..ไม่งั้นคงระแวงแย่” คำพูดที่ออกมาจากปากเธอนั้นทำให้ผมนึกขำ
“แบบนั้นก็ต้องรวยสิ แต่เธอดูไม่ค่อยใช้เงิน” ผมเกือบจะโป๊ะแตกถามไปว่าทำไมถึงต้องทำงานตอนกลางคืนที่คาสิโนนั่นด้วยแต่ก็ยั้งคิดไว้ได้เพราะพูดตามตรงไคลี่ยังไม่รู้ว่าทชาทำงานอะไร
“ฉันทะเลาะกับที่บ้านนิดหน่อยน่ะ ก็เลยโดนหักเงิน” คนตรงหน้าเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ จะว่าไปเธอก็ดื่มไอ้น้ำในมือนั่นเกือบหมดแก้วแล้วนี่
ถึงมันจะหวานแต่มันค่อนข้างแรงน่ะ คนที่คนอ่อนแบบเธอก็ดูเริ่มมึนขึ้นมาบ้างแล้ว..
“ถ้าถามว่าทะเลาะเรื่องอะไรจะดูก้าวก่ายไหมอะ” ก็แค่อยากจะชวนคุยไปเรื่อยๆ
“ไม่หรอก แต่มันเป็นเรื่องไร้สาระ..พ่อกับแม่ฉันน่ะชอบจับฉันไปดูตัวผู้ชายบ้านนั้นบ้านนี้อยู่เรื่อย ครั้งล่าสุดฉันปฏิเสธไม่ไปก็เลยเป็นเรื่องน่ะ”
“ครั้งล่าสุดเธออาจจะชอบก็ได้นะคะ ดีออกมีพ่อแม่หาผัวให้” ผมหัวเราะหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของหญิงสาวตรงหน้า
“หึ ฉันเกลียดไปแล้วน่ะสิ ก็เพราะไอ้ผู้ชายบ้านนั้นที่ทำฉันทะเลาะกับพ่อแม่ ไม่รู้ว่าดีเลิศอะไรนักหนาพ่อแม่ถึงได้หลงใหลได้ปลื้มจนต้องต่อว่าลูกสาวแท้ๆ” จากใบหน้าเศร้าสร้อยแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่โกรธเคือง
“แล้วไอ้ที่เธอว่านั่นใครล่ะคะ เผื่อเค้าจะรู้จัก” ผมถามต่อพร้อมกับหยิบน้องแอลบนโต๊ะขึ้นมาดื่มบ้าง พูดไปแล้วจะหาว่าโม้ แต่ต่อให้ดื่มสองแก้วผมก็ไม่เมาง่ายเหมือนใครบางคนหรอก
“จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่นามสกุลกิตติปภากร”
“แค่กๆ” ผมเกือบจะพ่นน้ำกลับแก้วออกมาเมื่อได้ยิน
“เฮ้ย! อย่ามาสำลักอะไรแถวนี้ดิ ตกใจนะ” ทชาทำตาโตมองหน้าผม “ทำไมอะ..อย่าบอกนะว่ารู้จักจริงๆ”
นามสกุลตัวเองทำไมจะไม่รู้จักล่ะวะ
“เปล่าค่ะ ก็แค่หายใจผิดจังหวะเลยสำลัก” แต่ก็ปฏิเสธไปดีกว่า ถ้าบอกความจริงมันจะตกใจกันทั้งสองฝ่ายน่ะสิ
“อ๋อ นี่..สั่งแบบนี้ให้อีกแก้วหน่อย” โชคดีที่เธอจับพิรุธไม่ได้แล้วก็เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน
“จะไม่เมาเหรอคะ”
“ไหนบอกจะไปส่งไง”
“อ่าๆ ก็ได้”
หลายชั่วโมงต่อมา
บางทีผมก็เริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองมาเป็นเพื่อนหรือเบ๊ของผู้หญิงคนนี้กันแน่ หลังจากที่ทชาดื่มของพวกนั้นเข้าไปมากๆ เจ้าตัวก็สติหายในที่สุด จนผมต้องพาออกมาจากผับแล้วมาส่งที่หอพักของเจ้าตัว แขนข้างหนึ่งของเธอพาดอยู่คอของผมเพื่อเป็นการประคอง
“งื้อ เดินตรงๆ หน่อยดิ” คนที่เมาพับพูดขึ้น
“คนที่เดินไม่ตรงนั่นมันเธอ” ผมบ่นพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ เพราะถึงบ่นไปก็ไม่รับรู้หรอก จากนั้นจึงเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋าสะพายอีกฝ่ายเพื่อควานหากุญแจห้อง
โชคดีที่มันหาไม่ยาก จึงสามารถไขมันเข้ามาในห้องได้ภายในเวลาแป๊บเดียวก่อนที่เพื่อนร่วมหอจะออกมาด่าข้อหาทำเสียงดัง
ผมเดินตรงมาที่เตียงนอนเลยทันทีและปล่อยร่างของทชาลงไปนอนบนนั้น แต่ว่าไอ้แขนที่พาดคอเอาไว้อยู่ดันล็อกซะแน่นเป็นเหตุให้ตัวผมเองก็หล่นลงไปนอนบนเตียงด้วย
“นี่ใครอะ?” เจ้าของร่างเล็กหรี่ตามองและถามด้วยน้ำเสียงยืดยาน
ก่อนหน้านั้นยังจำกันได้อยู่เลย พอตอนนี้ลืมกันแล้วเหรอ เสียใจนะ
“เค้าเอง”
“เค้าไหนวะ” ยังอีก..
“ไคลี่ไงคะ เมาทีลืมเพื่อนลืมฝูงเชียว” ผมตอบกับเจ้าตัวก่อนจะยกเอาตัวเองออกมาจากวงแขนเล็กนั่นแล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างเหนื่อยๆ
“อ๋อ..” ทชาพยักหน้าเหมือนเข้าใจ เธอนิ่งไปสักพักแล้วก็ชูมือขึ้นทั้งสองข้างก่อนจะพูดประโยคหนึ่งออกมา “ร้อนจังอะ พาไปอาบน้ำหน่อย”
“ตื่นมาพรุ่งนี้ก็ไปอาบเองเถอะ”
“ทำไมอ่า ก็จะอาบตอนนี้” พอเมาแล้วก็เอาแต่ใจเป็นเด็กๆ เลย อายุเท่าไหร่กันแล้วถึงได้บอกให้คนอื่นพาไปอาบน้ำให้กันน่ะ
“งั้นก็ไปเอง..” ผมยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคมือของทชาก็เข้ามาคว้าคอเสื้อของผมเอาไว้พร้อมกับออกแรงดึงมันลง ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวก็ทำให้ร่างกายเซล้มไปอยู่บนที่นอนอีกครั้ง
“ดื้อจัง” เธอพึมพำ
“เธอสิดื้อ..เด็กดื้อควรทำยังไงดีนะ”
End Kyle’s Talk
9:00 AM
Ring~~!
อ่า..เสียงบ้านี่น่าโมโหชะมัด มันทำให้ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ฉันหยิบโทรศัพท์เจ้าของเสียงขึ้นมาแล้วจึงปิดเสียงการปลุกไว้ให้เรียบร้อย ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วอย่างนั้นเหรอ... นอกจากความหงุดหงิดแล้วอีกความรู้สึกที่เด่นชัดก็คือ..ปวดหัว ปวดหนักมากเป็นพิเศษจนต้องขอย้อนความทรงจำก่อนหน้าว่าตัวเองทำอะไรมาบ้าง จำได้ว่าไปเที่ยวแล้วก็ดื่มจนเมามา แต่กลับห้องได้ยังไงนี่สิ
โอ๊ย..ทชาเครียดแล้ว
พอนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกฉันจึงคิดว่าจะลุกออกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย แต่ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนที่นอนอยู่บนเตียงข้างกันเสียก่อน
โอเค หายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติ แล้วก็...
“กรี๊ดดดด!”
กรี๊สสสสส ประโยคฮิต เด็กดื้อต้องโดนไรน้าาาาา แกกกกกกกก
ใช่อิเจ๊ป่าว
แล้วที่ปลอมตัวเป็นไคลี่ก็เป็นเหตุผลอีกอย่างที่ไม่เกี่ยวกับนางเอกเราเลยว่างั้น รสนิยมส่วนตัว?? สืบความลับ?? เออออออออออออออ
ด้ามไม้กวาดเลย
คุณพี่ทชาทำงี้ไม่ได้นะคะ
เจิมมมมม