ตอนที่ 6 : CHODCHOM | 05 : พาคนเมาส่งห้อง

5
พาคนเมาส่งห้อง
‘Chode saying’
TIME | 05:54 PM @โรงอาหารคณะสัตวแพทย์
“เฮ้ย! ไอ้โฉด ทำไมช่วงนี้กูไม่ค่อยเห็นมึงลงเล่นอะ” ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่นั้นผู้เป็นเพื่อนก็เดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงยังที่นั่งตรงข้ามกับผม มือนั่นก็พลางเอื้อมมาหยิบขนมของผมใส่ปากอย่างไม่เกรงใจ
นั่นผมซื้อมาไหมล่ะ
“โฉมไม่อยากให้เล่น” ผมตอบ
เล่นในที่นี้คือเล่นบาสน่ะครับ ถึงผมจะไม่ได้ตัวสูงอะไรมากแต่ว่าผมก็ชอบเล่นบาสมาตั้งแต่เรียนมัธยมจนได้เป็นหนึ่งในทีมของโรงเรียนไปแข่งมาด้วยแล้ว พอได้ขึ้นมหาวิทยาลัยก็ได้สมัครเข้าชมรมบาสเกตบอล รู้จักกับเพื่อนที่เล่นด้วยกันใหม่ๆ มาหลายคน แต่พอคบกับโฉมงามเธอก็ไม่อยากให้ผมลงเล่นเท่าไหร่ ให้เล่นขำๆ น่ะได้ แต่ถ้าไปแข่งโฉมไม่อยากให้ไป ก็นะ...เธอบอกว่าเป็นห่วง
“โห มีแววนะมึงอะ” ไอ้ดีลหัวเราะใส่ผมก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“แววอะไรวะ”
“กลัวเมียไง” แล้วมันก็พ่นเสียงหัวเราะใส่หน้าผมใหญ่เลย ทำเอาผมมองกิริยานั้นอย่างรังเกียจเพราะขนมที่มันคี้ยวอยู่ก็ออกมากับเสียงหัวเราะด้วย
“สกปรกอะมึง มารยาทน่ะรู้จักไหม” ผมด่าดีลไปก่อนจะปิดหนังสือเล่มหนาที่นั่งอ่านอยู่ในตอนแรกลง จากนั้นก็ยัดมันลงในกระเป๋าเป้ของตัวเอง จนผู้เป็นเพื่อนต้องมองอย่างตกใจ
“อะไรของมึงอะ แค่กูขำแค่นี้ต้องหอบกระเป๋าหนีเลยอ่อวะ โฉดกูขอโทษ” ดีลมันว่าพร้อมทำสีหน้ารู้สึกผิดจนคนที่มองอย่างผมถึงกับหัวเราะออกมาแทนมัน
“อะไรเนี่ย มันเย็นแล้วจะกลับหอ” ผมถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะรูดซิปกระเป๋าจากนั้นก็สะพายมันไว้ด้านหลัง ตอนนี้นาฬิกาเรือนสีเงินที่อยู่บนข้อมือข้างซ้ายของผมบอกเวลาหกโมงเย็นได้ นี่ผมมานั่งที่โรงอาหารของคณะอยู่นานมากเลยขนาดเป็นชั่วโมงได้เชียวเหรอ
“ร้อนเหมือนอยู่ห้องซาวน่าขนาดนี้มึงกล้าบอกว่าเย็นได้ไงวะ” มุกแป้กๆ ของมันทำเอาผมขมวดคิ้วกลับไป
“เล่นที่นี่เป็นที่สุดท้ายนะดีล สัญญากับกู” แต่พอผมด่ามันแบบนั้นแทนที่มันจะสำนึกได้ ไอ้ดีลกลับหัวเราะลั่นอย่างมีความสุขมากกว่าเดิมซะอย่างนั้น
“ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ไหมล่ะ เออว่าแต่มึงอะต้องกลับหอเลยเหรอมีธุระอะไรเปล่าวะ” ดีลลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าผม ทำให้สังเกตได้ถึงสีหน้าที่ดูซีเรียสมากขึ้น
“ทำไม มีอะไร”
“พี่ธีมเขาฝากมา บอกว่าอยากให้มึงลงแข่งงานสานสัมพันธ์”
ผมขมวดคิ้วแทบจะทันทีเมื่อได้ยินดีลพูดออกมาอย่างนั้น คำว่าลงแข่งของมันนั้นคงจะเป็นแข่งบาสเกตบอล แล้วชื่อบุคคลที่มันเอ่ยออกมาเมื่อกี๊ยิ่งทำเอาผมรู้สึกหนักที่อกมากขึ้น เพราะพี่ธีมเป็นรุ่นพี่ในชมรมที่ผมเคารพคนหนึ่ง ว่าตามตรงก็ค่อนข้างเกรงใจเขา
“กูไม่รู้ว่ะ” ผมหัวเราะแห้งๆ ให้กับผู้เป็นเพื่อนพลางนึกไปถึงการลงสนามแข่งที่ผมไม่ได้ลงมาเป็นเกือบปีได้แล้ว
“พี่ธีมจะเคลียร์กับไอ้โฉมงามมันให้”
โฉมงามก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งเหมือนกันที่ผมไม่ได้ลงแข่งบาสมาเกือบปี ได้แต่เล่นเอาฮากับแก๊งเพื่อนไปงั้น โฉมไม่อยากให้ผมลงแข่งเพราะครั้งล่าสุดผมได้รับบาดเจ็บจากการเล่นบาสมา แต่เอาจริงๆ เหตุผลแค่แฟนห้ามมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมากหรอก ถ้าผมอยากเล่นโฉมก็ห้ามไม่ได้หรอก
เหตุผลจริงๆ ที่ผมไม่อยากแข่งบาสมันมีอะไรมากกว่านั้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ผมไม่อยากนึกถึงมันเลย...
“มันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้นหรอกดีล” ผมพูดกับมันด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจเล็กน้อย ในหัวก็คิดไปแต่เรื่องนั้นที่ผมไม่อยากนึกถึงแต่ก็ไม่เคยลืมมันเลย
“ไอ้เรื่องนั้นอีกแล้วใช่ไหม” ผู้เป็นเพื่อนเองก็เริ่มจะรู้แล้วว่าผมกำลังจะสื่ออะไร ดีลเองก็รับรู้เรื่องนั้นเหมือนกันเพราะในเหตุการณ์วันนั้นมันก็อยู่ด้วย
“อืม” ผมตอบรับด้วยการพยักหน้าเบาๆ “มึงก็รู้ว่ากูไม่อยากเจอมันอีก”
“ก็แย่อยู่ เพราะมันก็เป็นตัวหลักของทีม พี่ธีมคงไม่เอามันออกอยู่แล้ว เอาเถอะ กูหวังว่ามึงจะทำใจได้สักวัน” ดีลตบไหล่ผมเป็นเชิงให้กำลังใจ จากนั้นเจ้าตัวก็เดินสะพายกระเป๋าออกไปอีกทางของโรงอาหารปล่อยผมยืนจมกับความคิดมากมายของตัวเองต่อไป
Rrrrrrrr
เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความคิดทั้งหมด เป็นเหตุให้ผมสะดุ้งตื่นจากการเหม่อลอยก่อนจะรีบล้วงไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงทันทีเพราะริงโทนเสียงนี้ผมตั้งเอาไว้สำหรับคนคนเดียวเท่านั้น ผมรู้ว่าใครโทรมาโดยไม่ต้องดูชื่อที่หน้าจอ
|| โฉมงาม ||
“ว่าไงโฉม” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ทันทีเมื่อกดปุ่มรับสายแล้ว
[โฉด วันนี้พวกไอ้นิคมันชวนไปเที่ยวอะ] เสียงจากคนปลายสายดูสดใสมากเมื่อพูดถึงเรื่องไปเที่ยว ผมหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะตอบกลับ
“อืม อย่ากลับดึกมากล่ะ”
[ไปด้วยกันป้ะ] โฉมงามชวนผมให้ไปเที่ยวด้วย ซึ่งความจริงแล้วผมไม่ชอบเที่ยวตอนกลางคืนหรอก ถ้าไปส่วนใหญ่ก็จะไปนั่งเฝ้าโฉมซะมากกว่า
“ขอโทษนะโฉม เราไม่ว่างอะ” เพราะผมต้องกลับหอไปเขียนงานต่อให้เสร็จ เนื่องจากว่าต้องส่งมะรืนนี้แล้วถ้าหากยืดยื้อต่อไปก็กลัวว่าจะไม่ทันเอา
[โอเคๆ ก็ถ้าเสร็จงานจากร้านไอเลิฟก็คงไปกับพวกไอ้นิคไอ้พลอยมันเลย]
จริงด้วย...วันนี้เธอเปลี่ยนกะงานกับภีมนี่นา แสดงว่าโฉมต้องทำงานกะดึกกว่าจะเลิกก็ประมาณสี่ทุ่มได้ ถ้างั้นมันก็ดึกแล้วสิ แถมยังจะไปเที่ยวอีก ไม่อันตรายเหรอนั่น
“มันดึกนะโฉม กลับดึกๆ ไม่ดี”
[ไม่เป็นไร กลับเช้าเอาก็ได้พรุ่งนี้เรียนบ่าย]
เอาเข้าไปสิ ผมสามารถห้ามได้ด้วยเหรอ?
“อือ งั้นดูแลตัวเองด้วยละกัน” ผมก็ไม่รู้จะว่าอะไรแล้ว เพราะปกติโฉมก็จะชอบไปเที่ยวกับแก๊งเพื่อนของเธอบ่อยๆ แบบนี้ ห้ามไปก็เท่านั้นไหมล่ะ
2:12 AM @CN CONDO
Rrrrrrrr
ในเวลาตีสองของคืนหนึ่งผมต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาเพราะริงโทนโทรศัพท์นั้นแผดร้องเสียงดังจนทนกลับต่อไปไม่ไหว เสียงเดียวกับที่โทรเข้ามาเมื่อตอนเย็นเลย
|| โฉมงาม ||
โทรมาทำไมตีสองเนี่ย
“ฮัลโหล” ผมพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติจากที่งัวเงียจากการโดนปลุก
[โฉดป้ะวะ]
ไม่ใช่เสียงโฉมอะ แล้วนั่นใคร?
“อืม แล้ว..” จากที่กำลังง่วงก็แทบตาสว่างโดยทันทีเมื่อคนที่โทรมาไม่ใช่โฉมแต่มันเป็นเบอร์ของโฉม
[นี่ฉันพลอยนะเว้ย โฉดมาที่ X pub หน่อยได้ป้ะ]
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น แล้วนี่โฉมอยู่ไหนอะ” ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ภาวนาอย่าให้เป็นเรื่องที่ตัวเองคิดไว้เลย เพราะเรื่องที่ผมทายน่ะก็คือโฉมคงไปดื่มเยอะจนเมาแล้วก็กลับหอไม่ได้แน่นอน
[โฉมมันเมามากอะ มารับมันไปหน่อยดิ คือฉันต้องไปส่งเพื่อนคนอื่นอะ]
นั่นยังไงล่ะ คิดผิดซะที่ไหน
“อืมๆ แป๊บละกัน”
ผมลุกจากเตียงนอนก่อนจะเดินไปหาเสื้อคลุมกับกางเกงขายาวมาใส่เพราะตอนนี้ทั้งตัวมีแค่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์อย่างละตัว หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยก็หยิบกุญแจรถกับกุญแจห้องใส่กระเป๋าเสื้อเตรียมออกไปยังสถานที่นั้นที่ได้รับแจ้งโลเคชั่นมา
ใช้เวลาเพียงแค่สิบนาทีก็มาถึง X pub สถานที่นัดดังกล่าวที่พลอยบอกให้มาหา มันอยู่ไม่ไกลจากคอนโดผมมากนัก ตอนนี้ก็เหมือนไม่ค่อยมีคนแล้ว จะเห็นก็แค่วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหน้าเท่านั้น แม้จะมองจากระยะไกลแต่ผมก็รู้ดีว่าคนกลุ่มนั้นเป็นใคร
“อ้าวมาแล้วเหรอโฉด” พลอยน่าจะเป็นบุคคลที่มีสติสุดแล้วในนี้
“สภาพเหรอเนี่ย” ผมถอนหายใจเมื่อมองไปยังคนสองสามคนที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กัน
“อืม โฉดพาไอ้โฉมมันกลับหอหน่อย ฉันต้องไปส่งไอ้นิคมันอะ” พลอยพูดในขณะที่เธอกำลังพยุงร่างของนิคที่ไม่ได้สติอะไรเลย “ไอ้นี่มันไม่มีใครไปส่งอะ แต่โฉมพอเรียกแกมาได้”
ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจและมองไปยังร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่นอนพิงไหล่พลอย คาดว่าแค่ทรงตัวนั่งเองคงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ ดื่มยังไงให้เมาขนาดนี้นะ ถ้าตื่นขึ้นมาละก็คงต้องอบรมเรื่องนี้กันอีกยาวเลย
“โฉมลุกขึ้น” ผมเข้าไปจับแขนพยายามประคองเจ้าตัวให้ลุกขึ้นยืน แต่การทิ้งน้ำหนักของอีกคนมันเลยทำให้เป็นเรื่องยากมากขึ้น
“ครายยยยย” โฉมงามเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้ามึนงง ร่างของอีกคนโงนเงนไปมาเมื่อผมพยายามบังคับให้เธอลุกขึ้นยืน มือเล็กเริ่มจับไปทั่วหน้าผมเพื่อสำรวจ
“โฉดไง”
“โฉด?”
งงอีก จำแฟนตัวเองไม่หรือไง
“กลับกันเถอะ” ผมยกแขนข้างนึงของเจ้าตัวมาวางพาดรอบคอของตัวเองไว้เพื่อจะสามารถประคองให้เดินไปถึงที่รถได้
“กลับไปหนายยยย”
“กลับไปนอนหอดิ เธอจะนอนนี่ไม่ได้” ผมตอบและยังพยายามพาโฉมเดินอย่างยากเย็น
“อืมๆ”
บทจะเข้าใจก็เข้าใจง่ายจังวะ
เฮ้อ...เป็นแบบนี้ทีไรต้องคอยลำบากตลอดเลย ก็เคยบอกไปรอบหนึ่งแล้วให้เพลาๆ ลงหน่อยไอ้เรื่องดื่มเรื่องเที่ยวเนี่ย แต่บอกไปก็เท่านั้น บอกอีกเดี๋ยวก็โดนงอนอีก คนลำบากก็เป็นผมทุกที
Castle-G's Talk
เรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่คุณคิดค่ะ 55555
แท็กสำหรับเรื่องนี้คือนี่เลย #โฉดแฟนโหด
ฝากส่งฟีดแบคกำลังใจเพื่อเป็นแรงผลักดันให้จีเขียนนิยายต่อไป
Facebook : Castle-G | Twiiter : @castleglint
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นายโฉดตามใจคุณแฟนมากอะ ฮือ พ่อคนดีของน้องงง