ตอนที่ 4 : CHODCHOM | 03 : แฟนกันมันไม่แปลก

3
แฟนกันมันไม่แปลก
เช้าวันต่อมา
ด้วยความที่ว่าฉันมีเรียนตอนแปดโมงครึ่งของวัน จึงต้องลุกมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียนตั้งแต่เช้าทั้งที่ความจริงฉันไม่ใช่คนที่ตื่นแต่เช้าอะไรขนาดนี้ ไปเรียนทีไรก็เข้าห้องสายตลอด บางวันก็เข้าไม่ทันฝากเพื่อนเช็คชื่อให้ อะ งงล่ะสิว่าทำไมวันนี้ถึงตื่นเช้าได้
สาเหตุก็เพราะ..
“โฉม ตื่นได้แล้วจะสายแล้วนะ เจ็ดโมงกว่าละเนี่ย” เป็นเสียงของโฉดนั่นเองที่ตื่นก่อนแล้วก็ปลุกฉันตามไปด้วย
นี่มันเพิ่งเจ็ดโมงตรงเอง มากว่าอะไรวะ? นิสัยเหมือนแม่กูเลย
นั่นแหละสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างเสียไม่ได้แม้ว่าจะยังอยากนอนต่อแค่ไหนก็ตาม เขาไล่ให้ฉันไปอาบน้ำแต่งตัวโดยที่เจ้าตัวบอกว่าจะลงไปหาซื้ออะไรมาให้กิน ซึ่งตอนนี้ฉันก็แต่งตัวเสร็จแล้วยังไม่เห็นว่าโฉดจะกลับขึ้นมาเลย
นี่ฉันอาบน้ำเร็วไปหรือว่าอีกคนช้าเองวะ?
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของแฟนหนุ่มที่เพิ่งนึกถึงเมื่อกี๊ โดยที่ในมือของเขาถือถุงอะไรบางอย่างเอาไว้อยู่
“แต่งตัวเสร็จละเหรอ” โฉดมองฉันเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาวางของพวกนั้นไว้บนโต๊ะสำหรับทานข้าว
“ซื้ออะไรมาอะ” ฉันหยิบยางรัดผมขึ้นมารวบผมตัวเองเอาไว้ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะดังกล่าวเพื่อมองว่าของกินนั้นคืออะไร
“ยังไม่มีร้านข้าวเปิดเลยอะ ก็เลยซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้มาให้” โฉดตอบพลางเดินไปหยิบแก้วแล้วก็จานที่อยู่บนชั้นออกมา ก่อนจะนำมันมาวางไว้ที่โต๊ะก่อนจะแกะถุงน้ำเต้าหู้ที่ซื้อมาเทใส่ลงไปในแก้ว “โฉมกินรองท้องไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวหิวอะ”
ฉันยืนมือไปแก้วน้ำเต้าหู้มาไว้ก่อนจะยิ้มๆ ให้อีกคนเล็กน้อย เพราะวันนี้โฉดมีเรียนตอนบ่ายโมงเขาก็เลยยังทำตัวชิลได้อยู่อย่างนี้ไง ฉันจำตารางเรียนของอีกฝ่ายได้แม่นกว่าตารางเรียนตัวเองอีกนะ
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูนั่นดังขึ้นทำให้เราทั้งคู่หันไปมองพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ใครอีกวะ?
“เดี๋ยวเราเปิดเอง” โฉดเสนอตัวโดยไม่รีรอให้ฉันทักท้วงอะไร เขาเดินดุ่มๆ ไปที่หน้าประตูก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดมัน
ฉันถือแก้วใส่น้ำเต้าหู้ค้างไว้เก้อ เพราะมัวแต่มองไปที่หน้าห้องอยากรู้ว่าใคร แล้วจึงพบว่าไอ้เจ้าคนที่อยู่หน้าห้องนั่นมีหน้าตาที่คุ้นเคยยิ่ง
ไอ้ภีม เพื่อนร่วมสาขาของฉันเองและห้องมันก็อยู่ชั้นบนนี่เอง แต่มันมาทำอะไรที่นี่ในเวลานี้?
“เฮ้ย..ทำไมมึงมาเปิดประตูวะโฉด?” ภีมเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าครุ่นคิดคล้ายกำลังสงสัย มันมองหน้าโฉดสลับกับหน้าฉันไปมาอยู่สักพัก “มึงมาหาไอ้โฉมมันแต่เช้าเลย กูว่ากูมาเช้าแล้วนะ”
โอ๊ย...ขอร้องนะว่าโฉดอย่าตอบความจริง อย่าตอบความจริงนะเว้ยยยย
“เปล่าอะ อยู่นี่แต่เมื่อคืนแล้ว” ก็บอกว่าอย่าพูดความจริงไง พ่อคนซื่อตรงเอ๊ย
“ห้ะ!” ภีมเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน คราวนี้มันทำหน้าตาตกใจเหมือนเห็นผีก่อนจะย้ำคำพูดของโฉดอีกครั้ง “ตั้งแต่เมื่อคืนเลยเหรอวะ”
“ก็ใช่ แต่เราว่านายกำลังเข้าใจผิดนะ” โฉดก็เหมือนจะดูออกเหมือนกันว่าไอ้เพื่อนเหี้ยนี่มันคิดอะไรอยู่
“ไม่ผิดร้อกกก แหมๆๆ ไวไฟนะพวกมึงเนี่ย”
ก็แบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากให้โฉดบอกความจริง เพราะนิสัยของไอ้ภีมแม่งชอบคิดเองเออเอง แล้วความคิดมันแต่ละอย่างก็ใช่ว่าจะดี
“มันไม่ได้เป็นแบบที่มึงคิดแน่ๆ หยุดเพ้อเจ้อ” ฉันพยายามเบรกสิ่งที่มันคิดไว้ก่อนเรื่องจะเลยเถิด
“เรื่องนี้เพื่อนทั้งกลุ่มจะต้องรู้! ว่ามึงพาแฟนมานอนด้วยทั้งคืน” ภีมยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าฉันพร้อมยกยิ้มอย่างนึกสนุกโดยไม่สนใจสีหน้าอันแสนท้อใจของฉันตอนนี้เลย
“ไอ้สัส” ขอด่าหน่อยเหอะ
“โห ไม่เอาน่าไอ้โฉม อย่างมึงไม่มีอะไรเสียหายแล้ว” ไอ้ภีมยิ้มแซว ท่าทางของมันทำฉันหมั่นไส้ไม่น้อย
ด่าไอ้สัสเฉยๆ ไม่น่าจะพอแล้วหละ
“กูไม่ได้กลัวตัวเองเสียหาย กูกว่าโฉดจะเสียหายว้อย” ยังไงซะฉันก็ไม่ได้เป็นห่วงตัวเองในเรื่องนี้มากนักหรอก แต่กับโฉดน่ะห้ามแตะต้องเลยนะ
“เราไม่ได้เสียหายอะไร” โฉดที่โดนพาดพิงพูดขึ้นมาทันใด
“แค่ตกเป็นขี้ปากไอ้ภีมก็เสียหายละ” ฉันหันไปบอกกับแฟนหนุ่มจากนั้นก็ชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่อง “แล้วมึงมีอะไรเนี่ย มาหาแต่เช้าเลย”
“อ๋อ คือวันนี้กูจะมาขอเปลี่ยนกะที่ร้านไอเลิฟกับมึงอะ ปกติวันนี้กูทำกะดึกแต่ว่าเกิดติดธุระขึ้นมาเลยจะขอทำกะบ่ายแทนมึง แล้วให้มึงไปทำกะดึกแทนกู”
ฉันพยักหน้าหงึกๆ ให้กับเรื่องที่ภีมมันพูด กะที่ว่าคือกะทำงานที่ร้านอาหารชื่อว่าไอเลิฟ เป็นร้านที่ฉันกับไอ้ภีมทำงานพาร์ทไทม์อยู่ โดยปกติแล้ววันนี้ฉันจะต้องไปทำงานที่ร้านนั่นช่วงตอนบ่ายแล้วค่อยกลับหอตอนเย็นๆ เชื่อไหมว่านอกจากจะสวยแล้วขยันด้วย ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยช่วยแบ่งเบาภาระพ่อกับแม่
“มึงจะไปไหนวะ”
“จะไปชลว่ะ” ไอ้ภีมตอบ
“แล้วงี้ได้ค่าประกันปะ? ไปชนอะ”
“ชนหน้ามึงอะ กูหมายถึงชลบุรี มุกมึงไม่ได้นะ”
พอโดนมันด่าแบบนั้นฉันก็หัวเราะออกมาอย่างสนุก เพราะการได้เล่นมุกแป้กกับเพื่อนแล้วเพื่อนด่ากลับมาคือเรื่องบันเทิงเรื่องหนึ่งในชีวิตของฉันเลย
“เรื่องแค่นี้ทักแชทมาก็ได้มั้ง” ฉันคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องมาหาถึงห้อง
“ก็กูกลัวมึงไม่เชื่อ เดี๋ยวหาว่ากูโดดงานเลยจะเอาบัตรเชิญไปงานแต่งให้ดูด้วย” มันตอบ
“งานแต่งใครวะ” ฉันเข้าใจแล้วว่าไอ้ไปชลบุรีของมันนั่นก็คือไปงานแต่งนี่เอง
“เรื่องของกูไหม เสือกจั๊ง”
“เอ๊าไอ้เวร รู้ก็ไม่ได้ งั้นมึงไสหัวไปไหนก็ไป” ฉันพยักหน้ารับข้อตกลงของมันก่อนจะโบกมือไล่ผู้เป็นเพื่อนให้ออกไปจากห้อง
“แหม อยากสวีทกับผัวก็บอกดีๆ ไม่ต้องทำท่าไล่” ไอ้ภีมเบ้ปากใส่ฉัน แต่ท่าทางแบบนั้นทำให้ฉันขนลุก คิดดูสิผู้ชายมาเบ้ปากใส่มันน่าขนลุกมากแค่ไหน
ปัง! มันเดินออกจากห้องไปแล้วปิดประตูเสียงดังจนฉันแอบสะดุ้ง
“เดี๋ยวสักพักคงต้องไปเรียนแล้วแหละ” ฉันละสายตาจากบานประตูและหันไปมองโฉดที่ยืนเงียบอยู่นาน เจ้าตัวเองก็กำลังมองมาที่ฉันอยู่เช่นกัน
“ปล่อยเข้าใจผิดแบบนั้นจะดีเหรอ เมื่อคืนเราไม่ได้ทำอะไรกันนะ”
เขินเลยแฮะ พอได้ยินคำว่าทำอะไรกันออกมาจากปากนุ่มนิ่มนั่น
“ช่างมันเถอะน่า นี่ไม่คิดมากหรอก” ฉันพูดจบจึงยกน้ำเต้าหู้ที่กำลังจะเย็นชืดเข้าปาก
“ก็มันไม่ใช่เรื่องจริง”
“เราเป็นแฟนกันเรื่องแบบนี้ไม่ได้แปลกสักหน่อย”
Castle-G's Talk
โอ๊ยยย โฉมงามคือแมนกว่าโฉดไปแล้ว 555555
แท็กสำหรับเรื่องนี้คือนี่เลย #โฉดแฟนโหด
ฝากส่งฟีดแบคกำลังใจเพื่อเป็นแรงผลักดันให้จีเขียนนิยายต่อไป
Facebook : Castle-G | Twiiter : @castleglint
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โฉมอะ555555แหม แก้มยังไม่ให้เค้าแตะเรยน้าตะเอง ยัยขี้เขิน