ตอนที่ 10 : CHODCHOM | 09 : คนดีของโฉมงาม

9
คนดีของโฉมงาม
คำพูดเมื่อกี๊ของคนที่เป็นแฟนเก่ายังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของฉันไม่จางหาย แม้จะพยายามตีความหมายอยู่หลายครั้งแต่ก็คิดไม่ออกว่ามันคือเรื่องอะไร บางทีนี่อาจจะเป็นกลยุทธ์การทำให้คนอื่นแตกหักกันของไอ้แมทนั่นก็ได้ มันเป็นผู้ชายไม่น่าไว้ใจนี่นะ
ฉันสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดที่แสนจะฟุ้งซ่านของตัวเองก่อนจะก้าวเท้าเดินไปตามทางเท้าเรื่อยๆ เพื่อหยุดรอป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลจากนี้เท่าไหร่
โฉดมันจะไปทำอะไรว? ฉันเลิกกับแมทเพราะมันทำตัวเองล้วนๆ อะ เพราะฉันจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี ที่มันหักหลังฉันน่ะ
ร้านเลข 711 แห่งหนึ่งใกล้กับหอ
หลังจากที่ลงจากรถเมล์ตรงป้ายใกล้หอพักแล้วฉันก็แวะมาซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อก่อนจะขึ้นห้อง เพราะเพิ่งนึกได้ว่าในตู้เย็นของกินใกล้จะหมดแล้ว ฉันตั้งใจว่าจะซื้อน้ำ แพ็คนม แล้วก็มาม่า จิปาถะพวกนั้นแหละ ที่มันเก็บไว้ได้นานหน่อยจะได้ไม่ต้องซื้อบ่อยๆ
“โฉมงาม” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นด้วยชื่อของฉันเอง ในขณะที่ตัวเองกำลังมองกล่องนมหลายรสชาติหลายยี่ห้อตรงหน้านี้อยู่
ไม่ต้องมองหน้าก็รู้ว่าเสียงใคร
“โฉด” ฉันยิ้มออกมาเมื่อเห็นร่างของแฟนตัวเองเดินเข้ามาหา ก่อนจะเข้าไปดึงแขนของอีกคนให้มายืนอยู่ด้านข้าง “มาเลือกนมช่วยหน่อย เอารสอะไรดี”
“อ้าว ปกติก็กินแต่นมช็อกโกแล็ตไม่ใช่เหรอไง” โฉดขมวดคิ้วมองหน้าฉันจากนั้นจึงชี้ไปยังแพ็คกล่องนมรสช็อกโกแลต
“รู้ใจฉันที่สุดเลย” ฉันเอื้อมมือไปบีบแก้มเนียนๆ บนหน้าของเขา “แต่ความจริงฉันก็อยากลองกินรสอื่นบ้างอะดูดิ เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเอานมกล้วย นมคาราเมล หรือนมสตอวเบอร์รี่ดี”
“ก็เอาไปทั้งสามรสเลยสิ” โฉดเสนอ
“โห...ถ้าแบบนั้นเห็นทีคนแถวนี้ต้องจ่ายให้แล้วแหละ” ฉันแสร้งถอนหายใจพร้อมกับปรายตามองคนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง ฉันไม่ได้ล้มเลิกปณิธานที่ว่าจะเกาะแฟนกินหรอกนะ ก็แหม..มีแฟนรวยมันก็ต้องใช้ให้ถูกประโยชน์
โฉดมองหน้าฉันแล้วหัวเราะออกมา จากนั้นก็ใช้มือขาวเนียนเกินผู้หญิงของเขามาเขกหัวของฉันทีนึงอย่างกับกำลังหมั่นไส้อยู่
“เรื่องแบบนี้ละชอบนัก งั้นก็หยิบไปสิเดี๋ยวจ่ายให้” แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังยอมซื้อให้อยู่ดี
ฉันยกยิ้มอย่างดีใจเมื่ออีกคนตอบตกลงที่จะจ่ายเงินค่านมพวกนี้แทนฉัน ใจดีจังเลยน้าคุณฉันทพัฒน์ของฉัน
แบบนี้มันต้องเหมาทั้งร้านแล้วป้ะ
“ใครบอกกกก โฉดต้องจ่ายให้เราหมดตะกร้านี่ต่างหาก” ว่าจบฉันก็ยกตะกร้าสีแดงที่เอามาใส่ของซึ่งเลือกหยิบเอาไว้ก่อนหน้านั้น ให้อีกคนดูพร้อมกับยิ้มอย่างสดใสเชิงอ้อนวอน
“คิดจะผลาญเงินเราเหรอไง” โฉดหัวเราะขึ้นหลังจากที่ก้มลงไปมองบรรดาขนมนมเนยที่ฉันหหยิบใส่ตะกร้าไว้รอจ่ายตังค์
“ใช่” ฉันตอบออกไปจากไม่ได้เกรงใจอะไร เพราะในเมื่อฉันกำลังผลาญเงินเขาจริงๆ แหม...ขนมเซเว่นไม่กี่อย่างไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้นสักหน่อย
“เอาเงินไปเที่ยวดื่มหมดก็สารภาพมาเถอะ” อย่ามาโหมดนี้ได้ไหม ฉันใจไม่ดีเลย
หุบยิ้มแทบไม่ทันเลยแม่มึงเอ๊ย
“โฉดจ๋า เราสัญญาว่าคราวหน้าจะคุมลิมิตตัวเอง” ว่าแล้วก็ชูสองนิ้วขึ้นมา “ด้วยเกียรติของลูกเสือกสามัญ ข้าพเจ้านางสาวอลินดา ฉัตรตระกูล จะไม่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อนอีก”
“พอเลยๆ รีบซื้อของแล้วจ่ายเงิน เดี๋ยวครั้งนี้เราจะจ่ายให้”
มีป๋าเลี้ยงค่าหนมแล้วโว้ย น้ำตาจะไหลเป็นทาง ประหยัดงบประมาณเดือนนี้ไปแล้วสัปดาห์นึง คราวนี้จะซื้อไปตุนที่หอเป็นเดือนๆ เลยคอยดูสิ
“พูดแล้วนะ” ฉันยิ้มกว้างมากกว่าเดิมจากนั้นก็เข้าไปจับมือของโฉดไว้เพื่อจะกันไม่ให้มนุษย์แฟนหนีไปไหน ก่อนจะพาเดินรอบๆ เซเว่นเพื่อหาซื้อข้าวของอีก ทั้งของกินแล้วก็ของใช้ด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นของกินมากกว่า
“ขนมหวานเยอะไปนะ กินหมดนั่นไม่อ้วนแย่เหรอ” โฉดพูดขึ้นมาเมื่อเห็นฉันเลือกขนมมากมายใส่ลงตะกร้าที่ตอนนี้มันเต็มจนจะล้นออกมาได้อยู่แล้ว แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่พอใจฉันเลย เพราะยังเหลือพวกน้ำ แล้วก็สาหร่ายที่ยังอยากได้อีก
“อย่าบ่นๆ มีหน้าที่จ่ายก็จ่ายไป” ฉันหันไปตอบกลับคนที่ว่าฉันอ้วนอย่างทันควัน
“ซื้อแต่ของไร้ประโยชน์จังอะ กินอะไรดีๆ บ้างดิ”
“เวอร์อะ ก็ซื้อนมนี่ไงมีประโยชน์” ฉันเบ้ปากใส่คนที่สูงกว่าก่อนจะหันหน้ามาตั้งใจเลือกขนมต่อไป ทำเอาคนช่วยถือตะกร้าที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะออกมา
10 นาทีต่อมา
หอพักสุกานดา
หลังจากที่ได้ขนมของกินต่างๆ นานาตามใจที่ตัวเองต้องการแล้วเราทั้งคู่ก็เดินกลับห้องด้วยกัน บิลค่าของกินของฉันวันนี้ประมาณห้าร้อยกว่าได้แหละ ฉันก็รู้สึกผิดนิดนึงที่ใช้เงินเขาเยอะ แต่โฉดน่ะไม่ได้คิดมากอะไรเพราะเรื่องเงินมันเล็กน้อย
อยากมีโมเม้นท์พูดว่าเรื่องเงินมันเล็กน้อยบ้างจังวะ
“อะ อย่ากินหมดภายในวันสองวันล่ะ” โฉดที่ช่วยถือถุงจากร้านสะดวกซื้อพูดจบเจ้าตัวก็วางถุงเหล่านี่นในมือลงบนโต๊ะตัวหนึ่งในห้อง
“ยังไม่ได้อยากตายสักหน่อย” ฉันย่นจมูกใส่อีกคนก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนนุ่มๆ นี่เพื่อผ่อนคลายความตึงตรงแผ่นหลังตัวเอง พอได้นอนเหยียดตัวแบบนี้แล้วมันก็สบายขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“แล้ววันนี้ไปไหนมาบ้างอะ ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรหาอีกพอดีเล่นบาสเพลิน” โฉดทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงด้วยท่านั่งที่เอียงตัวมาทางฉันเล็กน้อยเพื่อจะได้มองหน้าฉันสะดวกกว่าเดิม ซึ่งฉันเองที่นอนอยู่ก็สามารถมองเห็นหน้าเขาได้ชัดเช่นเดียวกัน
“ก็ไปกินข้าวที่ร้านเจ๊ตังข้างๆ นี่แหละ กลับมานอนเล่นบนห้องสักพักก็ไปกินบิงซูกับพวกไอ้ต๊อก จอห์นแล้วก็เจตต่อ” ฉันตอบคนที่นั่งอยู่ใกล้กันไปตามความจริง แต่พอเล่ามาถึงตรงนี้แล้วในหัวของฉันก็นึกอะไรบางอย่างออกพอดี เรื่องของบุคคลที่ฉันเพิ่งไปเจอมาเมื่อตอนกลางวัน “เออโฉด ตอนไปที่ร้านบิงซูอะ นี่เจอไอ้แมทด้วย”
“แมท?” ชื่อนั้นทำให้โฉดเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “แมทไหนอะ”
“ก็มีอยู่แมทเดียวป้ะวะในชีวิตอีโฉมงามอะ” ฉันไม่อยากจะพูดไปว่าคนที่เป็นแฟนเก่าสักเท่าไหร่ เลยตอบอ้อมๆ ไปอย่างนั้น
“อืม แล้วคุยไรกันป้ะ?”
“ก็ไม่ได้อยากคุยหรอก แต่มันเข้ามาทักก่อนอะแถมก่อนจะกลับยังพูดอะไรแปลกๆ ก็ไม่รู้” ฉันเล่าไปพลางก็นึกถึงคำพูดที่ไอ้พี่แมทมันเอ่ยออกมาไปด้วย
“อะไรแปลกๆ?” โฉดเปลี่ยนมาเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวดแทน เจ้าตัวดูตั้งใจฟังที่ฉันเล่ามาก
“ไม่เข้าใจเหมือนกัน แค่รู้สึกแปลกอะ แต่ฉันไม่ได้ชอบมันแล้วนะ” ต้องรีบปฏิเสธก่อนจะโดนอีกฝ่ายเข้าใจผิด “ตอนนี้ฉันมีแค่โฉดคนเดียว”
“เขาพูดถึงเราเหรอ”
อุต๊ะ ทายถูกด้วยแฮะ รู้ได้ไง แบบนี้ต้องเป็นโฉดญาณทิพย์แล้วรึเปล่า
“อืม มันบอกว่าโฉดไปทำอะไรไว้สักอย่าง” ฉันพยักหน้าเบาๆ
“...” ซึ่งหลังจากพูดจบก็ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายเลย เจ้าตัวเงียบนิ่งไปเหมือนว่ากำลังใช้คิดอะไรบางอย่าง
“เป็นอะไรอะ” ปฏิกิริยาตอบรับแบบนั้นทำเอาฉันแปลกใจไม่น้อย นี่ฉันทำเขาเครียดตามหรือเปล่านะ แต่เรื่องมันไม่ได้มีอะไรให้เครียดเลยนะเว้ย
“เขาพูดอะไรอีกหรือเปล่า”
“ก็ไม่ เราเดินหนีออกมาก่อน ไม่อยากจะเสวนาด้วยเท่าไหร่คนแบบนั้น” ฉันเปลี่ยนจากท่านอนกลายมาเป็นนั่งขัดสมาธิบนเตียงแทน “มันไม่มีอะไรจริงๆ นะ คิดมากเหรอ?”
“ก็..” โฉดดูเหมือนคนที่มีอะไรจะพูดแต่ว่า “เปล่าหรอก ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว”
“แน่ใจนะ” ฉันขมวดคิ้วก็ตอนที่เห็นใบหน้าหวานนั่นเริ่มวิตกอะไรสักอย่าง นี่คือคนที่บอกว่าเปล่าหรือไง?
“โฉมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้วใช่ไหม”
“แน่นอนสิ”
“จะไม่กลับไปหาเขาแล้วใช่ไหม”
“อยู่แล้ว เราไม่จมปลักกับอดีต” ฉันพูดพลางเขยิบกายเข้าไปนั่งใกล้กับโฉดมากกว่าเดิม “กลัวเหรอ”
“อือกลัว..” คำตอบของโฉดทำคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวรับแบบฉันหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ทัน เพราะในตอนแรกคิดว่าจะแสร้งทำหน้านิ่งเพื่อแกล้งแฟนต่อไป
“โอ๋ๆ ไม่กลัวนะ” ฉันเข้าไปกอดร่างของโฉดไว้จากด้านหลังจากนั้นก็โยกตัวไปมาคล้ายกำลังใจปลอบใจเด็กน้อยไม่มีผิด “เราไม่ปันใจให้ใครนอกจากโฉดนะเว้ย ไม่ต้องคิดมากนะคนดีของโฉมงาม”
“บางที..เราอาจจะไม่ใช่คนดีก็ได้”
Castle-G's Talk
เป็นมนุษย์ที่เขียนนิยายฟีลกู้ดตลอดไปไม่ได้
ถ้าไม่ได้ใส่ปม ไม่ได้ใส่ดราม่าจะรู้สึกตายตาไม่หลับ
แท็กสำหรับเรื่องนี้คือนี่เลย #โฉดแฟนโหด
ฝากส่งฟีดแบคกำลังใจเพื่อเป็นแรงผลักดันให้จีเขียนนิยายต่อไป
Facebook : Castle-G | Twiiter : @castleglint
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฮืออออออ อยากรู้ซะแล้ว
ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยย..